Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2644 น้ำหลากสายฟ้า
ตอนที่ 2644 น้ำหลากสายฟ้า
สิ่งนี้พลันทำให้คนอื่นๆ ตกใจจนใบหน้าขาวซีด เมื่อมองเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยถูกสายฟ้าชั่วร้ายพุ่งทะลุอกออกมา ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดผวากับสิ่งนี้
“มันคือหินสีดำผีดิบ พวกเขาล้วนแล้วแต่เคยรับประทานหินสีดำผีดิบมาก่อน!” มียอดฝีมือที่มองออกถึงความนัยอะไรบางอย่าง ถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา
“แย่แล้ว หินสีดำผีดิบแค่เป็นเหยื่อล่อเท่านั้นเอง” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณที่ได้สติกลับมาและกล่าวว่า “เป็นปลาหมึกสายชั่วร้ายที่วางแผนอยู่เบื้องหลัง เป็นมันที่จงใจปล่อยผีดิบออกมา เพื่อให้คนรับประทานหินสีดำผีดิบเข้าไป” กล่าวพลาง ล้วงหยิบเอาหินสีดำผีดิบบนตัวโยนทิ้งออกไป
“หินสีดำผีดิบเป็นเหยื่อล่อ” ภายในระยะเวลาอันสั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่ได้สติกลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ยังมีหินสีดำผีดิบเหลืออยู่ ยิ่งตกใจจนใบหน้าขาวซีด จึงรีบเร่งล้วงหยิบเอาหินสีดำผีดิบทั้งหมดที่ตนมีอยู่ออกมา และทยอยกันโยนมันทิ้งไป
ก่อนหน้านี้ หินสีดำผีดิบแต่ละก้อนล้วนแล้วแต่สามารถขายได้ในราคาสูงลิบลิ่ว เวลานี้ทุกคนไหนเลยจะไปสนใจว่าหินสีดำผีดิบมีค่าเท่าไรอีกต่อไป ต่างทยอยกันควักเอาหินสีดำผีดิบของตนออกมาและโยนมันทิ้งไปทั้งหมด
ในเวลานี้ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นแผนการของปลาหมึกสายชั่วร้าย มันหลอกให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนรับประทานหินสีดำผีดิบเข้าไป อาศัยร่างกายของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนมาบ่มฟักหินสีดำผีดิบเหล่านี้
สิ่งนี้ก็คล้ายดั่งเป็นการตกปลาอย่างนั้น หากต้องการตกได้ปลาตัวใหญ่ แน่นอนที่สุดจำเป็นต้องอาศัยเหยื่อล่อ และหินสีดำผีดิบก็คือเหยื่อล่อ เพื่อเพิ่มพูนพลังวัตร เพื่อยืดอายุขัยให้ยืนยาวออกไป ได้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ได้รับประทานเอาหินสีดำผีดิบเข้าไป
ดังนั้น ในเวลานี้ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ได้รับประทานหินสีดำผีดิบเข้าไปนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกสายฟ้าชั่วร้ายที่อยู่ภายในร่างกายทะลุอกออกมา ถูกคร่าชีวิตไปโดยพลัน
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง หลังจากที่วังวนหินสีดำได้ดูดเอาสายฟ้าชั่วร้ายจากร่างกายของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนมาทั้งหมดมาได้แล้ว ถึงกับสว่างไสวขึ้นมาในทันที หินสีดำทั้งก้อนเหมือนถูกจุดติดให้สว่างไสวอย่างนั้น
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง บนท้องฟ้าเหมือนมีอะไรบางสิ่งเกิดระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น เหมือนโลกทั้งโลกถูกระเบิดออกมาอย่างนั้น ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวนี้ โลกทั้งโลกเกิดสั่นไหวโคลงแคลงไปมาทีหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น พลันมองเห็นหินสีดำปรากฎเป็นสายฟ้าชั่วร้ายที่ทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย สายฟ้าชั่วร้ายที่ไม่มีสิ้นสุดพลันพุ่งเข้าโจมตีต่อหลี่ชิเย่ในทันที
ขณะที่สายฟ้าชั่วร้ายที่ไม่มีสิ้นสุดพุ่งเข้าโจมตีนั้น เหมือนดั่งเป็นน้ำหลากที่พลุ่งพล่านจากสันเขื่อนที่แตกออกเป็นช่อง พุ่งสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรงไม่ขาด เปรียบประดุจดั่งกองทัพที่ยิ่งใหญ่บุกโจมตีเข้ามา ด้วยท่าทีที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรไม่มีสิ้นสุด ขณะที่สายฟ้าชั่วร้ายพุ่งโจมตีเข้ามาไม่ขาดสายนั้น เสมือนดั่งน้ำหลากที่โหมสาดซัดทำลายโลกจนพินาศย่อยยับ
ขณะที่สายฟ้าเสมือนดั่งน้ำหลากที่พุ่งโจมตีเข้ามานั้น มันสามารถพุ่งเข้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นมิติกาลเวลา สัจธรรม สรรพวิชาล้วนแล้วแต่ถูกมันทะลุทะลวง และถูกทำลายจนพังพินาศย่อยยับในพริบตาเดียว
การที่น้ำหลากสายฟ้าชั่วร้ายที่น่าสยองขวัญและรวดเร็วเช่นนี้พุ่งโจมตีเข้ามา ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหลบเลี่ยงมันไปได้
เสียงตูม…ดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง สายฟ้าที่น่าสยองขวัญปราศจากผู้เทียบเทียมพลันโจมตีถูกร่างของหลี่ชิเย่ พริบตาเดียวนั้นเองเสมือนดั่งได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไป
ตูม…ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวเสียงนี้ มองเห็นสายฟ้าชั่วร้ายที่ดั่งน้ำหลากขณะปะทะเข้ากับร่างกายของหลี่ชิเย่นั้น เหมือนก่อเกิดเป็นคลื่นนับพันลูกอย่างนั้น ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นนี้ มองเห็นแสงที่อยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ถูกสายฟ้าชั่วร้ายซัดจนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
นาทีนี้ สายฟ้าชั่วร้ายต้องการโจมตีให้แสงสว่างบนตัวของหลี่ชิเย่ออกไปจากตัวของหลี่ชิเย่ ต้องการทำลายร่างกายของหลี่ชิเย่ให้พินาศย่อยยับในชั่วพริบตาเดียวนั้น
เสียงตูม ตูม ตูมดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย ในเวลานี้เอง มองเห็นหลี่ชิเย่มีประกายที่ดั่งคลื่นยักษ์วูบวาบทั่วทั้งตัว พลันที่ประกายดั่งคลื่นยักษ์นี้ปรากฏขึ้นมา ได้กลับกลายเป็นเปลวแสงที่ไม่มีสิ้นสุดต้านรับกับสายฟ้าชั่วร้ายที่พุ่งโจมตีเข้ามา
ตูม…ตูม…ตูม…เสียงที่พุ่ง่เขาโจมตีฟ้าดินดังขึ้นเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จังหวะที่เปลวเพลิงร้อนแรงซึ่งพวยพุ่งออกมาจากตัวของหลี่ชิเย่ต้านรับกับแสงแห่งความชั่วร้ายนั้น แสงแห่งความชั่วร้ายไม่ยอมเลิกราเพียงเท่านี้ น้ำหลากสายฟ้าที่น่ากลัวได้เข้าปะทะกับเปลวเพลิงร้อนแรงที่อยู่ด้านหน้าหลี่ชิเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตาม ขณะที่น้ำหลากสายฟ้าชั่วร้ายทำการพุ่งโจมตีนั้น ยังได้ปรากฏเสียงเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะดังขึ้น ในเวลานี้เอง ปะจุไฟฟ้าขนาดเล็กจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนเหมือนเต็มไปด้วยพลังแม่เหล็กอย่างนั้น พลันเกาะติดอยู่กับเปลวเพลิงร้อนแรงที่พวยพุ่งออกมาจากตัวของหลี่ชิเย่ ประจุไฟฟ้าเหล่านี้ได้มุดเข้าไปภายในเปลวเพลิงร้อนแรงของหลี่ชิเย่นั่น โดยบรรดาประจุไฟฟ้าเหล่านี้ที่มุดเข้าไปภายในเปลวเพลิงร้อนแรงเพื่อทำลายแนวป้องกันของหลี่ชิเย่
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังไม่ขาดสาย น้ำหลากสายฟ้าชั่วร้ายได้โจมตีปะทะกับเปลวเพลิงร้อนแรงของหลี่ชิเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลานี้ น้ำหลากสายฟ้าชั่วร้ายเหมือนยันอยู่กับเปลวเพลิงร้อนแรงของหลี่ชิเย่ ขณะที่สายฟ้าชั่วร้ายเหมือนหนึ่งเป็นน้ำหลากที่ไม่มีสิ้นสุดไหลพลุ่งพล่านเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่เปลวเพลิงร้อนแรงของหลี่ชิเย่ก็ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตจำกัด ภายใต้การพุ่งเข้าโจมตีของน้ำหลากสายฟ้าชั่วร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ยังคงไม่พังทลายลงมา ยังคงต้านรับกับการพุ่งเข้าโจมตีของสายฟ้าชั่วร้ายรอบแล้วรอบเล่า
ย่อมไม่ต้องสงสัย ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ สายฟ้าชั่วร้ายจะไม่สามารถทำลายเปลวเพลิงร้อนแรงของหลี่ชิเย่ไปได้ ทั้งสองฝ่ายได้แต่ยันกันอยู่ตรงนั้น
ในเวลานี้เอง ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ลู่เคอะเวิง สี่พุทธา ผู้เฝ้าดูต้นไม้พวกเขาทั้งสี่คนได้จ้องมองตากันและกันทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นเปลวเพลิงร้อนแรงของหลี่ชิเย่ยันอยู่กับน้ำหลากสายฟ้าชั่วร้าย
ย่อมไม่ต้องสงสัย นาทีนี้พวกเขาได้หวั่นไหวขึ้นมาแล้ว เนื่องจากกล่าวสำหรับพวกเขาแล้วนี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง นาทีนี้หลี่ชิเย่กับสายฟ้าชั่วร้ายต่างยันกันอยู่ตรงนั้น ไม่มีเวลาที่จะคำนึงถึงอย่างอื่น
ถ้าหากลงมือในเวลานี้จะเป็นช่วงที่ไม่เป็นผลดีต่อหลี่ชิเย่มากที่สุด กระทั่งกล่าวได้ว่านาทีนี้คือช่วงที่หลี่ชิเย่อ่อนแอมากที่สุด ถ้าหากมีบุคคลที่สามลงมือ หลี่ชิเย่ต้องเสียเปรียบอย่างมาก เบาคือบาดเจ็บสาหัส หนักคือถึงแก่ชีวิต
ดังนั้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนทั้งสี่คนมองตาซี่งกันและกันทีหนึ่ง พวกเขาจะพลาดโอกาสอันดีที่หาได้ยากยิ่งนี้ไปไม่ได้ เมื่อไหร่ที่พลาดโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ไป เกรงว่าสถานการณ์จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา
หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว ทำให้ภายในใจของพวกเขาบังเกิดความหวั่นเกรงลึกๆ ขึ้นในเวลานี้ กล่าวสำหรับพวกเขาในขณะนี้ อย่าว่าแต่การต่อสู้แบบตัวต่อตัวเลย ต่อให้พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจที่เด็ดขาดว่าจะสามารถเอาชนะหลี่ชิเย่ได้
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่ราชันในมือของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนส่งเสียงคำรามเสียงยาวเสียงหนึ่ง ประกายกระบี่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง พลังกระบี่ยิ่งใหญ่ไพศาล
พลันที่กระบี่ราชันของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนส่งเสียงคำรามเสียงยาวขึ้นมา ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที ทุกคนต่างจ้องมองไปที่พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน
“แย่แล้ว…” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างใจหายใจคว่ำขึ้นมา เมื่อมองเห็นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่สองมือกำกระบี่ราชันเอาไว้ ขณะที่กระบี่ราชันปรากฏประกายกระบี่ที่สูงสิบล้านจ้าง อานุภาพราชันที่ไล่หลังตามกันมา บดขยี้เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
ทุกคนต่างเข้าใจได้ทันทีว่าพวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนต้องการจะทำอะไรแล้ว ในขณะนี้ต่อให้เป็นผู้ที่โง่มากกว่านี้ก็ดูออกว่า พวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนต้องการลงมือต่อคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างจ้องมองตากันและกันเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ทุกคนก็เข้าใจได้ว่า ถ้าหากพวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลาดโอกาสนี้ไปก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย
“สหาย ล่วงเกินแล้ว” เวลานี้ ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา กระบี่ราชันในมือยกขึ้น
ตึง…เสียงกระบี่คำรามเก้าชั้นฟ้า ในพริบตาเดียวนั่นเอง จากการที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนถือกระบี่ราชันตั้งขึ้น บนท้องฟ้าพลันปรากฏกระบี่ราชันลอยมาเป็นล้านล้านเล่ม ท่ามกลางเสียงกระบี่คำรามดังตึง ตึง ตึงไม่มีสิ้นสุด กระบี่ราชันที่ลอยอยู่เป็นล้านล้านเล่มพลันหมุนขึ้นและกลับกลายเป็นโลกแห่งกระบี่ราชันสูงสุดขึ้นมา ขณะที่กระบี่ราชันที่ไม่มีสิ้นสุดหมุนวนไปนั้น มันสามารถบิดรัดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้
“อาณาจักรกระบี่…” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว การปรากฎของป่ากระบี่ที่กระจัดกระจายด้วยการสังหารมากมายลักษณะเช่นนี้ สังหารเหล่าเทพ เข่นฆ่าผู้คน ภายใต้ค่ายกลกระบี่เช่นนี้สามารถสังหารสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้
“ฆ่า…” ขณะที่อาณาจักรกระบี่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมาถึง ที่ลงมือก่อนเพื่อนกลับไม่ใช่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่เป็นสี่พุทธา
ตึง ตึง ตึง…จากการที่กระทำการขึ้นมาอย่างกะทันหันของสี่พุทธา มือทั้งสองของเขาได้ลั่นไปที่กลองล่าวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงตึง ตึง ตึงนั้น คลื่นเสียงทั้งหมดได้ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก อาศัยท่าทีที่ทำลายล้างรุนแรงพุ่งเข้าโจมตีต่อหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ เสียงกลองล่าวิญญาณของสี่พุทธาดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เหมือนดั่งเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัด คลื่นเสียงโหมสาดซัดเป็นเสียงคลื่นที่สูงหนึ่งล้านล้านล้านจ้าง ซัดเขาหาหลี่ชิเย่อย่างรุนแรง
เสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น ขณะที่คลื่นเสียงพุ่งเข้าปะทะนั้น ดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าพลันถูกพุ่งชนกระแทกจนแหลกละเอียด ลองนึกภาพดำ ด้วยเสียงคลื่นที่สยองขวัญเช่นนี้พุ่งโจมตีเข้ามา มันช่างมีอานุภาพที่น่ากลัวเพียงใด
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่คลื่นเสียงยังไม่ทันปะทะถึงตัวของหลี่ชิเย่ มิติที่หลี่ชิเย่อยู่นั้นพลันถูกคลื่นเสียงพุ่งเข้าปะทะจนแหลกละเอียด และมิติดังกล่าวได้กลายเป็นเศษชิ้นส่วนปลิวกระจาย
ตึง…ขณะที่คลื่นเสียงกำลังจะพุ่งเข้าปะทะร่างของหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั้น อาณาจักรกระบี่ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลันมาถึงเหนือศีรษะของหลี่ชิเย่แล้ว
จากเสียงตึงที่ดังคำรามเก้าชั้นฟ้า พริบตาเดียวนั้นเอง กระบี่ราชันจำนวนล้านล้านเล่มที่กลายเป็นทะเลกระบี่ของอาณาจักรกระบี่พลันปกคลุมหลี่ชิเย่เอาไว้ กระบี่ราชันนับล้านล้านเล่มอาศัยท่วงท่าของการเข่นฆ่าสรรพชีวิตและบีบรัดทำลายล้างหมื่นชาติตรงเข้าสังหารหลี่ชิเย่
“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง ผู้เฝ้าดูต้นไม้และลู่เคอะเวิงร่วมมือกัน พลังที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุดของผู้เฝ้าดูต้นไม้พลันถูกถ่ายทอดเข้าไปในตัวของลู่เคอะเวิง ขณะที่เขากวางของลู่เคอะเวิงได้แทงทะลุผ่านทะเลกระบี่ในเสี้ยววินาทีนี้ แซงล้ำหน้าคลื่นเสียง พลันแทงใส่กลางหลังของหลี่ชิเย่ในทันที
“หน้าไม่อาย…” สีหน้าของราชันแท้จริงต้วนยวี่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อมองเห็นพวกของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนลงมือลอบโจมตีหลี่ชิเย่พร้อมกัน จึงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
แต่ทว่า พลันที่ราชันแท้จริงต้วนยวี่ก้าวเท้าไปก้าวเดียวในฉับพลัน ด้านหลังปรากฏมือที่ไร้เงากดหัวไหล่ของนางเอาไว้
ในเวลานี้เอง ด้านหลังของราชันแท้จริงต้วนยวี่ปรากฏเสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ใจเย็นๆ อย่าหุนหันพลันแล่น ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่เหนือจินตนาการของเจ้าไปมากทีเดียว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าลงมือเข้าช่วย ตัวเขาเองก็สามารถต้านรับเอาไว้ได้ เจ้ายืนดูละครก็พอ”
เสียงที่แก่หง่อมเสียงนี้แม้จะดังขึ้นมาจากด้านหลังของราชันแท้จริงต้วนยวี่ แต่ว่า คนที่พูดกลับไม่ได้ปรากฏตัว เหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างนั้น
เมื่อราชันแท้จริงต้วนยวี่ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับลังเลนิดหนึ่ง สุดท้าย นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งแล้วหยุดโดยไม่ได้กระทำการใดๆ
………………………………………………