Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1757 หอราชัน
ตอนที่ 1757 หอราชัน
แต่ทว่า ท่าทีของพ่อค้าที่แสดงออกมาในเวลานี้ชัดเจนยิ่งกว่า เรียกว่าต้องการปิดบังซ่อนเร้นแต่กลับกลายเป็นเปิดเผยให้คนอื่นได้รู้
แต่ว่า เมื่อพ่อค้ามองดูหลี่ชิเย่แล้วพบว่า แทบไม่ได้มีทักษะอะไรบนตัวเลย เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น พลันใจกล้ามากขึ้นทันที หัวเราะอย่างมีเลศนัย พูดน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “แหะ เจ้ามนุษย์ปุถุชนโง่เขลา ถึงกับกล้าพูดจากโอหังไม่รู้จักละอาย ทำลายชื่อเสียงสามหมื่นปีของข้า วันนี้หากไม่มีคำอธิบายล่ะก็ อย่าหวังจะได้ไปจากที่นี่”
สีหน้าของสือโส่วพลันเปลี่ยนไปกับท่าทีของพ่อค้าที่ต้องการหาเรื่องอย่างไร้เหตุผล เขาไม่ต้องการให้มีเรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือเมืองฉีหลิน อยู่ใกล้ตระกูลราชันฉีหลินแค่เอื้อม หากก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอาจนำมาซึ่งภัยสำนักต้นไม้เหล็กพวกเขาถูกทำลายล้างสำนักได้
สือโส่วก้าวเดินออกมากำลังจะกล่าวคำขอโทษ แต่ถูกหลี่ชิเย่กางแขนขวางเอาไว้ หลี่ชิเย่กระทั่งไม่ได้เลิกหนังตาเสียด้วยซ้ำ กล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “เจ้าลองลงมือสิ หากเจ้าขยับแม้แต่ปลายนิ้วก้อย วันนี้ข้าจะเด็ดหัวเจ้าออกมาเตะบอลเล่น!”
คำพูดที่เรียบเฉยของหลี่ชิเย่พลันทำให้พ่อค่าผู้นี้ต้องตะลึงตัวแข็งอยู่กับที่ แม้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะแลดูธรรมดาไม่มีอะไรเป็นที่สะดุดตา เป็นผู้ที่แทบไม่มีทักษะอยู่บนตัว แต่ว่า เมื่อเขาพูดเช่นนี้ออกมา เขารู้สึกว่าตัวเองเย็นยะเยือกไปทั่วตัว ไม่หลงเหลือความกล้าแม้แต่จะขยับตัวสักนิด ยืนทื่ออยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจ
หลี่ชิเย่ไม่มองหน้าเขามากไปกว่านี้ หันหลังเดินจากไปทันที เสิ่นเสี่ยวซันรีบเดินตามไปให้ทัน และเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่ข้างกายหลี่ชิเย่ว่า “ขอบคุณ” น้ำเสียงนั้นเปี่ยมด้วยความนุ่มนวลอย่างหาที่สุดไม่ได้
“แค่ลูกไม้ตื้นๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์นิดหนึ่ง แล้วก้าวเดินต่อไป
เฮ่อเฉินถึงกับจ้องมองพ่อค้าที่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับตัวด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพ่อค้าที่ก่อนหน้านั้นยังมีท่าทีดุดัน เวลานี้กลับยืนทื่ออยู่ตรงนั้น
สือโส่วไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ มองดูพ่อค้าคนนั้นเฉยๆ แล้วมองดูหลี่ชิเย่เงียบๆ เขาถึงกับเอียงศีรษะทำท่าครุ่นคิดขึ้นมา
หลี่ชิเย่พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันเดินเรื่อยไป สุดท้ายพวกเขาได้มาถึงถนนสายยาวที่ไม่สะดุดตาสายหนึ่ง และไปหยุดอยู่ตรงหน้าร้านๆ หนึ่ง
ร้านนี้ไม่ได้สะดุดตาสักนิด เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง บนนั้นมีป้ายไม้แขวนอยู่ เป็นป้ายไม้ที่เก่าแก่โบราณมากแล้ว อีกทั้งกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน ป้ายไม้ที่ติดไว้เริ่มคลายตัว ลักษณะของป้ายไม้ในเวลานี้จึงเอียงไปด้านหนึ่ง
ด้วยร้านค้าลักษณะเช่นนี้แหละ กลับมีชื่อร้านที่อหังการมาก บนแผ่นป้ายไม้สลักอักษรไว้ว่า “หอราชัน” อีกทั้งตัวอักษรมีความพลิ้วไหวสวยงามสง่าผ่าเผยน่าเกรงขาม พลันที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยอดมาก
บนมุมขวาด้านบนที่ไม่เป็นที่สะดุดตาได้ประทับตราขนาดเล็กเอาไว้ เป็นตรารูปอีกาตัวหนึ่ง หากไม่สงเกตุก็จะมองไม่เห็นตราประทับตรานี้
หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น มองดูป้ายไม้ที่แขวนอยู่ในลักษณะเอียงไปข้างหนึ่ง จากนั้นพาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันเดินเข้าไปภายในร้าน
พวกของเสิ่นเสี่ยวซันเดินตามหลี่ชิเย่เข้าไปภายในร้าน พบว่าร้านแห่งนี้ความจริงก็มีขนาดที่ไม่เล็ก ราวๆ ขนาดห้องโถงเห็นจะได้ เพียงแต่ประตูเล็กเกินไปเท่านั้น ทำให้ไม่เป็นที่สังเกต
ร้านแห่งนี้แม้จะตั้งชื่อร้านได้อหังการว่า “หอราชัน” แต่ว่าภายในร้านกลับไม่สมกับชื่อร้านแม้แต่น้อย
เห็นเพียงสิ่งของต่างๆ ที่วางกันอย่างระเกะระกะ ตรงนี้เป็นหินกองหนึ่ง ตรงนั้นเป็นเศษไม้แห้งกองหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นเครื่องเรือนเก่าๆ กองหนึ่งเป็นต้น…
สรุปคือดูยังไงก็ไม่เหมือนเป็นร้านค้า เหมือนสถานที่เก็บขยะมากกว่า ของทุกอย่างถูกโยนเอาไว้กับพื้นอย่างตามใจ จัดวางกันตามอำเภอใจ ไม่มีใครคอยดูแลจัดการเลย
ภายในร้านมีเถ้าแก่ร้านเฒ่าอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเถ้าแก่ร้านเฒ่าคนดังกล่าวมีสายตาที่พร่ามัว เวลานี้กำลังสนเข็มอยู่ เข้าต้องการสนด้ายยาวเข้าไปในรูเข็ม เพื่อเย็บปลอกสำลีเก่าๆ
เถ้าแก่ร้านเฒ่าทุ่มเทสมาธิอยู่กับการสนเข็ม โดยที่หลี่ชิเย่ก็มารบกวนเขา เพียงยืนสองมือไพล่หลัง มองดูเขาที่กำลังสนเข็ม เหมือนกำลังชื่นชมศิลปะอย่างหนึ่ง
เฮ่อเฉินเป็นคนหนุ่ม เขาอยู่เฉยไม่เป็น เที่ยวมองซ้ายแลขวาไปทั่ว ทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมด มองดูสิ่งนี้ เคาะสิ่งนั้น
ขณะเมื่อหลี่ชิเย่มองดูเถ้าแก่ร้านเฒ่าสนเข็มอย่างเงียบๆ อยู่นั้น เสิ่นเสี่ยวซันอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่โดยตลอด นางรู้สึกแปลกใจยิ่งที่หลี่ชิเย่เลือกมาที่ร้านนี้ มันมีสิ่งใดกันรึที่สามารถดึงดูดเขาเอาไว้
แม้ว่าทักษะของหลี่ชิเย่เกือบจะเป็นศูนย์ หรือก็คือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ว่า ภายในใจของเสิ่นเสี่ยวซัน ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่รู้ ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่แจ้ง ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ชำนาญ ทำให้นางบังเกิดความเคารพรักขึ้นในใจ…
สำหรับสือโส่วนั้น เขายิ่งเป็นผู้ที่พูดน้อยอยู่แล้ว แต่ว่า เขาคอยสังเกตทุกความเคลื่อนไหวของหลี่ชิเย่ กล่าวสำหรับเขาแล้ว หลี่ชิเย่ทิ้งปริศนาให้กับเขามากมาย หลังจากได้สัมผัสบ้างแล้ว ทำให้เขาค่อยๆ เข้าใจว่าเพราะเหตุใดศิษย์พี่ถึงได้ให้ความเคารพต่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเช่นนี้ ลำพังแค่ความสงบนิ่งของเขาก็ยากจะมีผู้สามารถทัดเทียมได้
หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ในที่สุดเถ้าแก่ร้านเฒ่าก็สนเข็มได้เป็นสำเร็จ ในเวลานี้เองตัวเขาเหมือนยกภูเขาออกจากอก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เวลานี้เขาได้สติกลับมาแล้วจึงพบว่ามีแขกรอเขาอยู่
“ต้องขออภัยจริงๆ ทำให้ทุกท่านต้องรอนานแล้ว” เถ้าแก่ร้านเฒ่าเผยรอยยิ้มที่มีอัธยาศัยไมตรี หัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “คนเราแก่แล้ว สายตาก็ฝ้าฟาง ทำงานได้ไม่คล่องแคล่ว ไม่ทราบว่าท่านทั้งสี่ต้องการอะไรรึ? จำนำของล้ำค่าหรือซื้อหาของล้ำค่าหายากหละ?”
“ที่ตรงนี้ของเจ้าสามารถจำนำของล้ำค่าและซื้อหาของล้ำค่าได้ด้วยรึ?” เสิ่นเสี่ยวซันถึงกับมองดูสถานที่แห่งนี้ เห็นเพียงสิ่งของต่างๆ ที่จัดวางกันแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เหมือนเป็นขยะอย่างนั้น ไหนเลยจะมีของล้ำค่าหายากอะไร
“ถูกต้อง ซื้อขายราคายุติธรรม รับประกันเรื่องชื่อเสียง ไม่มีการหลอกลวง” เถ้าแก่ร้านเฒ่ายิ้มกล่าวด้วยอัธยาศัยไมตรี
“ขวดใบนี้ราคาเท่าไร?” เวลานี้ เฮ่อเฉินที่มองซ้ายแลขวา ในที่สุดก็ได้พบเจอขวดหยกที่ตั้งวางอยู่ใต้โต๊ะใบหนึ่ง ขวดหยกใบนี้มีฝุ่นจับเต็มไปหมด เมื่อเขาเป่าเอาฝุ่นออกไปแล้วพบว่า ขวดหยกใบนี้ดูละมุนละไมน่ารักมาก ยิ่งดูยิ่งรู้สึกชอบ ถึงกับเกิดความคิดอยากจะซื้อเอาไว้ ดังนั้นจึงได้เอ่ยถามเรื่องราคา
ในความคิดของเฮ่อเฉิน ร้านค้าที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่มีสิ่งใดที่มีค่า มันไม่ได้แตกต่างจากการซื้อขยะสักเท่าไร ดังนั้น ขวดหยกที่อยู่ในมือของเขาใบนี้เขามีปัญญาซื้อมาได้อย่างแน่นอน
“เหอะ เหอะ เหอะ คุณชายตาถึงจริงๆ ขวดหยกใบนี้มาจากจินโจว (ทวีปทอง) มันวางอยู่ที่ตรงนี้มาได้หลายปีแล้ว ถ้าหากคุณชายชื่นชอบ คิดแค่ศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรมห้าสิบล้านเม็ดก็แล้วกัน” เถ้าแก่ร้านเฒ่าหัวเราะและกล่าว
“ห้า ห้า ห้าสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรม” เมื่อเฮ่อเฉินได้ยินราคาเสนอแล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้ม มือที่จับขวดหยกถึงกับปล่อยให้มันร่วงลงสู่พื้นดิน ทำเอาเขาตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ยังดีที่ปฏิภาณไหวพริบยังดีอยู่ สามารถรับขวดหยกที่ตกได้ทัน
“เถ้าแก่ เจ้า เจ้า เจ้าคงไม่ใช่เลอะเลือนแล้วกระมัง ขวดหยกใบนี้ นี้ นี้มีค่าห้าสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรม?” เวลานี้การพูดการจาของเฮ่อเฉินถึงกับติดอ่าง
ราคาห้าสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรมเป็นจำนวนที่เขาไม่กล้าแม้แต้จะคิด ศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรมอย่าว่าแต่ตัวเขาเลย แม้แต่สำนักต้นไม้เหล็กของเขาก็ยากจะมีสักเม็ด ส่วนห้าสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรมนั้น ต่อให้ขายสำนักต้นไม้เหล็กทั้งสำนักไปก็ไม่ได้ราคาเช่นนี้!
ราคาที่สูงลิบลิ่วเช่นนี้จะไม่ทำให้เฮ่อเฉินต้องตกใจจนตัวสั่นเทา กอดขวดหยกใบนั้นแน่น เกรงว่าเกิดไม่ทันระวังทำให้แตกล่ะก็แย่แน่ๆ เลย
“นี่ นี่มันเกินไปแล้วกระมัง” แม้แต่เสิ่นเสี่ยวซันก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ ขวดหยกลักษณะเช่นนี้จะมีค่าใบละถึงห้าสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรม มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ร้านข้ามีชื่อเสียงเป็นที่รับรอง ไม่หลอกหลวงไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงอายุ”
“นำหยกตระกูลเฉี่ยนที่หาได้ยากที่สุดในจินโจวมาแกะสลัก โดยเป็นก้อนหยกที่สมบูรณ์มาแกะสลักจนสำเร็จเป็นฝีมือขั้นสุดยอด ด้วยฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติของเผ่าสวรรค์ บ่มฟักด้วยพลังลมปราณมาอย่างน้อยสามหมื่นปี อีกทั้งผู้ที่ทำการบ่มฟักขวดใบนี้คือหนึ่งในสามสายเลือดบรรพบุรุษของเผ่าสวรรค์ ดังนั้น จึงทำให้ขวดใบนี้มีสรรพคุณสามารถสยบเทพเป็นที่หวาดกลัวของมาร…” ระหว่างที่เสิ่นเสี่ยวซันกับเฮ่อเฉินกำลังตกตะลึงกับราคาของขวดหยกใบนี้อยู่นั้น หลี่ชิเย่เพียงมองดูทีหนึ่ง แล้วกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“…ขวดหยกใบนี้มีอายุนานแล้ว หากจะนับอายุน่าจะต้องสร้างขึ้นมาช่วงก่อนหลังศึกล่าสังหารราชัน ดังนั้น การที่ขวดใบนี้ขายในราคาห้าสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรมนับว่าราคายุติธรรมโดยแท้ ขวดหยกลักษณะเช่นนี้หากนำไปขายในตลาดซื้อขายขนาดใหญ่ หรือนำไปขายประมูล ควรจะขายได้ในราคาเจ็ดสิบล้านเม็ดศิลาขมุกขมัวระดับปราชญาสัจธรรม”
พวกเสิ่นเสี่ยวซันต่างตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่ เมื่อฟังหลี่ชิเย่พูดเจื้อยแจ้วออกมา พวกเขาต่างไม่รู้ว่าที่หลี่ชิเย่พูดมานั้นเป็นความจริงหรือไม่ ดังนั้น หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดจบแล้ว พวกเขาต่างจ้องมองไปที่เถ้าแก่ร้านเฒ่า พวกเขาต้องการรู้ว่าที่หลี่ชิเย่พูดมานั้นถูกต้องหรือไม่ หรือบางทีอาจเป็นการพูดส่งเดชของหลี่ชิเย่เท่านั้น
เถ้าแก่ร้านเฒ่าถึงกับตกใจเมื่อได้ฟังหลี่ชิเย่พูดเจื้อยแจ้วออกมา ทำหน้าเคร่งขรึม จัดเสื้อผ่าให้เรียบร้อย เดินไปอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ และก้มศีรษะให้กับหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้ามีตาหามีแววไม่ ท่านมีความรู้ที่กว้างขวางยอดเยี่ยมมาก แค่มองแวบเดียวก็รู้หมดสิ้น เปี่ยมด้วยข้อมูล นับว่าหาได้ยากยิ่ง”
เฮ่อเฉินถึงกับงงงันเมื่อมองเห็นท่าทีของเถ้าแก่ร้านเฒ่า ที่หลี่ชิเย่ พูดเจื้อยแจ้วออกมา พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ แต่ เขากลับพูดได้ถูกต้องทั้งหมด แค่มองแวบเดียวก็สามารถมองรู้ทุกอย่างของขวดหยก ช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าตกใจเพียงใด
สือโส่วเองก็รู้สึกหวั่นไหว เขาเป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง แม้จะอยู่ในสำนักขนาดเล็กแต่ก็นับเป็นบุคคลไม่ธรรมดา ประสบการณ์ก็มีไม่น้อย แต่เขามองไม่ออกถึงความล้ำลึกมหัศจรรย์และความล้ำค่าของขวดหยกใบนี้ แต่แล้วหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งกลับพูดได้ถูกต้องเหมือนเป็นสมบัติของเขาเองอย่างนั้น สายตาเช่นนี้ ประสบการณ์เช่นนี้ เกรงว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต้องละอาย
เสิ่นเสี่ยวซันเองก็ตกใจ แต่ก็อยู่ในความคาดคิดอยู่บ้าง ในความคิดของนาง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามีความรู้ประสบการณ์ที่กว้างขวาง ยากหาผู้เทียบเทียบในหล้า การที่เขาสามารถพูดประวัติความเป็นมาออกมาได้ทันทีก็ไม่แปลก นางถึงกับรู้สึกภูมิใจในตัวเขาโดยไม่รู้ตัว ต่อให้เขาเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ทักษะต่ำมาก แต่เวลานี้ในทัศนะของนางก็เป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนคนอื่น เป็นผู้ชายยิ่งใหญ่ที่ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ไม่รู้
“แค่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยอมรับการแสดงความเคารพสำหรับเถ้าแก่ร้านเฒ่าอย่างสงบ และกล่าวเรียบเฉยออกมา
“ท่านคือผู้ที่ยากจะหาใครเทียม ของในร้านของข้ามีอยู่ไม่มาก ขอเชิญท่านได้ชมและวิจารณ์บ้าง” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบเชื้อเชิญให้หลี่ชิเย่ได้ชมร้าน
ไม่ง่ายนักกว่าเฮ่อเฉินจะได้สติกลับมาจากความสะเทือนหวั่นไหว เวลานี้เขาได้จัดการวางขวดหยกใบนั้นกลับไปยังที่เดิมอย่างระมัดระวัง เรียกได้ว่าระวังอย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเกรงว่าหากทำให้ขวดหยกใบนี้ต้องแตกล่ะก็แย่แน่เลย
ก่อนหน้านั้น เฮ่อเฉินยังดูโน่นจับนี่ เวลานี้เมื่อเฮ่อเฉินนึกขึ้นมายังตระหนกจนเหงื่อไหลท่วมตัว เกิดทำของล้ำค่าแตกเสียหายสักชิ้นหนึ่ง เอาตัวของเขาไปขาย ไม่สิ ต่อให้ขายทั้งสำนักต้นไม้เหล็กก็ไม่พอที่จะชดใช้ให้เขา