Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1738 การตายของหลี่ชิเย่
ตอนที่ 1738 การตายของหลี่ชิเย่
ขณะที่หลี่ชิเย่ อาศัยเรือแห่งชีวิต เรือสร้างภพ และเรือชีวิตนิรันดร์ต้านรับกับประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยอยู่นั้น ได้ยินเสียง “แว้งค์” เห็นกลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยภายในคันฉ่องโบราณทั้งหมดพลันกลายเป็นวังวน
เหมือนว่านาทีนี้ กลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยทั้งหมดภายในคันฉ่องโบราณหลังจากที่กลับกลายเป็นวังวนแล้ว ได้ถูกบีบอัดให้เข้าไปอยู่ภายในประกายที่มีขนาดเล็กนั่น และพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ลองนึกภาพดู กลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยดั่งน้ำในทะเลพลันถูกอัดและพุ่งเข้าไปภายในประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อย ทำให้อานุภาพของประกายดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นกี่เท่าตัวในทันที!
แม้จะกล่าวว่าประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยมีขนาดเล็กดั่งใยไหม แต่ว่า เมื่อกลิ่นอายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยทั้งหมดถูกบีบอัดและพุ่งเข้าไปยังท่ามกลางประกาย ทำให้ประกายที่เล็กดั่งใยไหมกลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าขนาดเล็กสายหนึ่ง ซึ่งสัญญาณไฟฟ้านี้มีพลังพุ่งชนที่ทรงพลังยิ่งนัก
ถ้าหากสัญญาณไฟฟ้าลักษณะเช่นนี้ถูกยิงไปยังเก้าแดนล่ะก็ พลังพุ่งชนของมันสามารถพุ่งโจมตีเก้าแดนจนทะลุ ลองนึกภาพดูว่า ประกายแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าในลักษณะเช่นนี้มันน่ากลัวเพียงใด
ในขณะที่ประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยไม่สามารถฆ่าหลี่ชิเย่ให้ตายได้ จังหวะนั้น จอมราชันทั้งสิบสองก็ถึงขั้นเรียกได้ว่าจะต้องเสียค่าตอบแทนสูงเท่าไรก็ยอม ทำการขับเคลื่อนพลังของชะตาฟ้าจนถึงขีดสูงสุด สำแดงสัจธรรมจนถึงระดับสูงสุด ทุ่มเทพลังที่มีอยู่ทั้งหมดบีบอัดเข้าไปยังประกายนั่น กลายเป็นประกายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าที่น่ากลัวขึ้นมา
เมื่อประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนถูกยิงเข้าไปบนร่างกายของหลี่ชิเย่ บาดแผลบนตัวของหลี่ชิเย่พลันเปล่งเป็นประกายออกมา ทำให้ร่างกายของหลี่ชิเย่มีการขยายพื้นที่ที่เปล่งประกายแวววับเพิ่มคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น
แต่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องดี ก่อนหน้านั้นประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยสร้างความเสียหายด้วยจุดเล็กๆ จุดหนึ่ง เวลานี้ประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าเป็นการสร้างความเสียหายเป็นพื้นที่ ซึ่งเท่ากับเพิ่มพลังการทำลายขึ้นไปหลายสิบเท่า
ดังนั้น จึงได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” ในพริบตา ต่อให้หลี่ชิเย่ได้รับการสนับสนุนด้วยเรือสามลำ ต่อให้หลี่ชิเย่มีพลังลมปราณที่ไม่มีสิ้นสุดคอยสนับสนุน ต่อให้หลี่ชิเย่ มีพลังสัจธรรมที่ไม่ขาดสายคอยให้การสนับสนุน แต่ ในพริบตาเดียวนี้ ร่างกายของหลี่ชิเย่พลันแห้งตายในทันที เวลานี้เห็นเพียงเศษเนื้อที่แห้งและหลุดลอกปลิวลงบนพื้นจำนวนนับไม่ถ้วน
การแห้งตายในลักษณะเช่นนี้น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย เป็นที่ทราบว่า เมื่อก้าวถึงระดับราชันเซียนแล้ว ต่อให้ต้องตายศพของพวกเขายังคงหลงเหลือจิตวิญญาณหรือมีการสั่งสมกลิ่นอายศพขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณหรือกลิ่นอายศพล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีพลัง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สัญญาณไฟฟ้าที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยพุ่งชนเข้าไป ลักษณะการแห้งตายคือจะไม่เหลือไว้ซึ่งจิตวิญญาณ หรือพลังทั้งหมดแม้แต่น้อย ถูกทำให้พลังทั้งหมดแห้งและเน่าเปื่อยจนสิ้น แม้แต่พลังสัจธรรมกระทั่งพลังจากโลกยุคดึกดำบรรพ์ขณะที่ฟ้าดินยังไม่แยกออกเป็นสองส่วนก็ไม่เว้น
เรียกได้ว่า ภายใต้ประกายทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนเข้าไปได้ทำให้ร่างกายของหลี่ชิเย่กลายเป็นเศษจริงๆ การตายชนิดถึงแก่นโดยสิ้นเชิงน่ากลัวยิ่งกว่าความหมาของคำว่าตายที้สืบทอดกันมาร้อยเท่าพันเท่า
“หนึ่งจิตเป็นนิรันดร์ สัจธรรมข้ายาวนาน!”จังหวะที่ร่างกายกำลังจะถึงแก่ความตายโดยสิ้นเชิงนั้น หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาวออกมา สัจธรรมถูกปูลาดออกไป พริบตาเดียวกันนั้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวข้ามไป ทะลุผ่านอนาคต คงอยู่เป็นนิรันดร์ในปัจจุบัน
ชั่วพริบตาเดียวกันนี้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ไม่ว่ากาลเวลาจะเคลื่อนผ่านไปเช่นใด เขาก็จะคงอยู่บนโลกตลอดกาล เขาทอดข้ามทุกอย่างอยู่ตรงนั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนเขาได้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเขา
ทันใดนั้นเอง หลี่ชิเย่ได้สำแดงสัจธรรมชิเย่ขึ้นมา ซึ่งเป็นสุดยอดสัจธรรมที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง เขาสามารถวิวัฒนาการหมื่นยุค วิวัฒนาการตรีสหัสโลกธาตุ วิวัฒนาการเซียนแท้จริง วิวัฒนาการสวรรค์…เมื่อถึงท้ายที่สุด ทุกอย่างก็จะสูญสลาย มีเพียงตัวเขาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ดังนั้น พริบตาเดียวกันนี้ ร่างกายของหลี่ชิเย่ได้เข้าสู่ลักษณะของการไม่ตายไม่สลาย เข้าสู่สภาพที่ไม่แปรเปลี่ยนเป็นนิรันดร์ แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกายจะแห้งตาย แต่เมื่อเขาสามารถรักษาให้คงความเป็นสภาพเช่นนี้ ก็จะทำให้สภาพของการแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนไม่สามารถขยายพื้นที่ต่อไปได้อัก ทำให้หลี่ชิเย่กลายเป็นนิรันดร์!
ภายใต้สภาพของสัจธรรมชิเย่ ซึ่งมีสามชีพจรหลักให้การสนับสนุน แล้วยังได้รับการรองรับจากข้านี่แหละคือสวรรค์ทึ่แท้จริง ทำให้หลี่ชิเย่กลับกลายเป็นนิรันดร์ ขณะที่ลักษณะของแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าพุ่งชนไม่สามารถพุ่งชนเช่นนี้ได้เป็นนิรันดร์ ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไปท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ต้องพ่ายแพ้ยังคงเป็นจอมราชันทั้งสิบสองนั่น
ถ้าหากโลกนี้มีใครได้เห็นภาพเช่นนี้ต้องถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวอย่างแน่นอน ภายใต้พลังของสิบสองจอมราชัน ชะตาฟ้าสี่สิบสาย ยังจะมีใครในโลกสามารถต่อกรได้ ด้วยพลังลักษณะเช่นนี้สามารถสังหารทุกสิ่งในโลกได้อยู่แล้ว
แต่ว่า ภายใต้พลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ หลี่ชิเย่กลับสามารถยืนหยัดต้านเอาไว้ได้ เป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้โดยแท้จริง
เก้าแดนที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งเดียว เมื่อขึ้นสู่แดนที่สิบ พลังของชะตาฟ้าสายนี้สามารถเทียบได้กับพลังชะตาฟ้าของแดนที่สิบราวสองถึงหกสาย
แน่นอน ราชันเซียนที่สามารถเทียบเคียงพลังได้ถึงหกสายมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ต่อให้แค่สามารถเทียบเคียงชะตาฟ้าได้ราวสี่ถึงห้าสายก็มีอยู่น้อยมาก ราชันเซียนที่เพิ่งจะขึ้นสู่แดนที่สิบใหม่ๆ มักจะมีพลังชะตาฟ้าเทียบเคียงชะตาฟ้าของแดนสิบได้เพียงสองถึงสามสายเท่านั้นเอง
สิ่งนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ที่หลี่ชิเย่เผชิญอยู่คือสภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นใด เกรงว่าคงเป็นประวัตินับตั้งแต่ราชันเซียนของเก้าแดนขึ้นสู่แดนที่สิบแล้วพบกับขบวนลอบสังหารครั้งใหญ่ที่สุด!
ราชันซื่อตี้ที่ยืนดูอยู่บนท้องฟ้าตลอดพลันมีแววตาที่เจิดจรัสขึ้น ทันใดนั้น ราชันซื่อตี้ได้ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของคันฉ่องโบราณทันที
พริบตาเดียวนี่เอง ราชันซื่อตี้ได้ลงมือแล้ว มือข้างหนึ่งของเขาได้สัมผัสกดลงบนคันฉ่องโบราณ ทันใดนั้น ตัวของราชันซื่อตี้กลับกลายเป็นเจิดจรัสยิ่งนัก เหมือนว่าเขาได้ควบคุมพลังของแดนสิบทั้งหมดเอาไว้ในทันใด ด้านหลังของราชันซื่อตี้พลันปรากฎดเป็นร่างเงาของจอมราชันและเซียนหวางต่างๆ จอมราชันและเซียนหวางแต่ละองค์ต่างทำการปลุกเสกให้กับราชันซื่อตี้ และเทศนาธรรมให้กับราชันซื่อตี้
เหมือนว่าในเสี้ยววินาทีนี้ ผู้ที่ลงมือไม่ได้มีเพียงราชันซื่อตี้คนเดียวเท่านั้น นาทีนี้ผู้ที่ลงมือคือบรรดารจอมราชันทั้งหมดของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ เหมือนว่าพวกเขาได้ทำการปลุกเสกให้กับราชันซื่อตี้โดยไม่จำกัด พวกเขาได้มอบพลังที่ไม่มีขีดจำกัดให้กับราชันซื่อตี้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้มายังสมรภูมิรบด้วยตนเอง แต่ปณิธานการต่อสู้พวกเขาได้ส่งมาถึงแล้ว
“ตูม” เสียงดังสนั่น เมื่อราชันซื่อตี้ลงมือ ประกายแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าไม่เป็นประกายที่มีขนาดเล็กเท่าใยไหมอีกต่อไป แต่เป็นประกายที่ทำให้แห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าขนาดดั่งเสาต้นหนึ่ง
ลำพังแค่ประกายแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าขนาดเล็กเท่าใยไหมก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว เมื่อประกายแห้งและเน่าเปื่อยที่มีสัญญาณไฟฟ้าขนาดดั่งเสาต้นหนึ่งพุ่งเข้ามามันจะน่ากลัวเพียงใด ภายใต้การพุ่งโจมตีในลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกคงไม่เหลืออีกต่อไป
“จี๊ด…” ภายใต้การพุ่งชนนี้ทำให้สัจธรรมชิเย่ของหลี่ชิเย่ เรือทั้งสามลำ และร่างกายของหลี่ชิเย่พลันกลายเป็นเถ้าธุลีไป ร่างของหลี่ชิเย่ถูกทำให้แห้งและเน่าเปื่อยไปโดยพลัน เป็นการตายโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือสิ่งใดๆ อีกเลย พลังของเขา สัจธรรมของเขา ปณิธานของเขา…ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมลายจางหายไปดั่งหมอกควัน!
หลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไป ที่ตรงนั้นมีเพียงเถ้าธุลีที่ปลิวกระจัดกระจาย ร่างกายของหลี่ชิเย่ สัจธรรมต่างๆ เป็นต้น ในขณะนี้ทั้งหมดได้กลายเป็นเถ้า ไม่เหลือซึ่งจิตวิญญาณ ไม่มีพลังแม้แต่น้อยนิด
มาคราวนี้ หลี่ชิเย่ได้ตายไปแล้วโดยสิ้นเชิง ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือไว้ซึ่งสิ่งใดๆ อีกเลย
ความตายในลักษณะนี้น่ากลัวกว่าทุกกรณี การตายแบบอื่นๆ บางทียังมีโอกาสได้วัฏสงสาร แต่การตายในลักษณะนี้ไม่มีโอกาสแม้จะวัฏสงสาร
ราชันซื่อตี้ย่อมเป็นราชันซื่อตี้ ไม่เสียทีที่เป็นจอมราชันยืนอยู่จุดสูงสุดของแดนที่สิบ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร เผ่าเทพก็ตาม เขาเป็นผู้ที่ทำอะไรดูมีน้ำหนักมากที่สุด และไม่เสียทีที่เป็นจอมราชันที่ฉลาดมองกาลไกลมากที่สุดของแดนที่สิบ
พลันที่ราชันซื่อตี้ลงมือ หนึ่งการโจมตีจบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง หนึ่งการโจมตีตัดสินแพ้ชนะ หนึ่งการโจมตีชี้ขาดสถานการณ์ทั้งหมด
ดังนั้น ตั้งแต่แรกราชันซื่อตี้ไม่เคยลงมือเลย ระดับเช่นเขาอย่าให้ต้องลงมือ ลงมือเมือไรก็จะเป็นการตัดสินแพ้ชนะเลย นับว่าเขาเป็นผู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ครั้นเห็นว่าหลี่ชิเย่ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว คันฉ่องโบราณหายไป สิบสองจอมราชันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเขามองดูเถ้าธุลีที่ปลิวกระจายอยู่ ถึงกับโล่งอกขึ้นมา
บรรดาจอมราชันทั้งสิบสององค์ที่อยู่ในเหตุการณ์ ใครบ้างที่ไม่เคยผ่านเหตุการณ์มามากมาย? นับแต่เกิด บำเพ็ญเพียร ออกศึกไปทั่วหล้า ได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพ เป็นราชัน ใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านการสู้รบมาอย่างดุเดือดครั้งแล้วครั้งเล่ามาก่อน
แต่การศึกในครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบได้สร้างความกดดันให้กับพวกเขาเป็นอันมาก เนื่องจากพวกเขาใช่จะเผชิญกับราชันเซียนเท่านั้น ที่พวกเขาเผชิญคือตำนานที่ก้าวข้ามยุคแล้วยุคเล่า คือมือมืดที่อยู่เบื้องหลังที่บงการเก้าแดน ทั้งเป็นมือมืดที่เคยขับเคลื่อนร้อยเผ่ามาสั่นคลอนต่อเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ของพวกเขา!
แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในสถานะอย่างราชันซื่อตี้ ยัเคยเป็นศัตรูกับเขามายุคแล้วยุคเล่า และแต่ละยุคที่ผ่านไป ราชันซื่อตี้ก็ไม่สามารถสังหารเขาได้
ในที้สุด มาวันนี้ ภายใต้การร่วมมือระหว่างราชันซื่อตี้และสิบสองจอมราชัน ได้ทำให้ตำนานนี้ปิดฉากลง ในที่สุดพวกเขาก็สังหารผู้มีชื่อว่าอีกาทมิฬได้สำเร็จ พวกเขาสามารถกำจัดหนามยอกอกของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์พวกเขาได้ในที่สุด!
มองดูเถ้าธุลีที่ปลิวกระจัดกระจาย ทั้งสิบสองจอมราชันรู้สึกโล่งอกเหมือนยกสิ่งของลงจากบ่า ศึกครั้งนี้สามารถกำจัดเขาได้ถือว่าไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง!
เรียกได้ว่า นาทีนี้พวกเขารู้สึกได้ว่าไม่เคยผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ผ่อนคลายดูจะมีความสุขมากกว่าครั้งแรกที่ได้กลายเป็นจอมราชัน ครั้งแรกที่ได้สืบทอดชะตาฟ้าเสียอีก เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยตัวอักษร
ในขณะที่สิบสองจอมราชันต่างหายใจด้วยความโล่งอกอยู่นั้น ราชันซื่อตี้ยังคงมีท่าทีเย็นชายังคงอาศัยสายตาที่สำรวจเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ทำการตรวจตราไปทั่วฟ้าดิน และไม่ยอมปล่อยผ่านข้อปลีกย่อยใดๆ
ราชันซื่อตี้แตกต่างจากจอมราชันคนอื่นๆ ราชันซื่อตี้เป็นศัตรูกับอีกาทมิฬมาชาติแล้วชาติเล่า คนอื่นอาจยังไม่เข้าใจอีกาทมิฬ แต่เขาเข้าใจ! ในสายตาของราชันซื่อตี้มองว่า อีกาทมิฬเปรียบประดุจแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย จากการโจมตีด้วยวิธีที่เหลือเชื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกๆ ครั้งหลังจากนั้นเขาจะกลับกลายเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ก่อนที่ราชันซื่อตี้จะถือกำเนิดเกิดมา อีกาทมิฬก็มาที่แดนสิบแล้ว ในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มากเขาเคยล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งเคยถูกจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่าไล่ฆ่าจนหนีหัวซุกหัวซุน กระทั่งเคยถูกทั้งสามเผ่าไล่ฆ่าจนต้องหนีกลับไปยังเก้าแดนมาแล้ว!
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ทุกครั้งหลังจากประสบความล้มเหลวแล้ว อีกาทมิฬก็จะหวนกลับมาอีกครั้ง และทุกครั้งที่เขากลับมาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ที่เป็นเช่นนี้ไม่เพียงเพราะเขาสามารถบ่มฟักราชันเซียนและเซียนหวางเพิ่มมากขึ้นๆ ยุทธวิธีการรบของตัวเขาเองก็สูงส่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดศึกล่าสังหารราชันขึ้น เรียกได้ว่าศึกในครั้งนั้นสั่นคลอนต่อฐานะที่สูงส่งของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ในแดนที่สิบ