Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล - ตอนที่ 82 งานเลี้ยงฉลองชัยชนะ (2)
บทที่ 82 งานเลี้ยงฉลองชัยชนะ (2)
หลังจากแบ่งปันช่วงเวลาที่ดีและฉลองกันเสร็จแล้ว ลุคก็ได้ทําการมอบรางวัลให้ภัยผู้ที่มีบทบาทสําคัญในการรบครั้งนี้
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นได้มอบให้กัน แม่ทัพอัศวินโรเจอร์ส
เขานั้นมีความขยันขันแข็งอย่างมากในการเตรียมการรบตามคําสั่งของลุค แถมเขายังคงสู้รบอยู่ในแนวหน้า และเขาก็ยังมีบทบาทสําคัญในการเสนอความคิดที่จะไปบุก เมืองลาเมอร์
“อัศวินโรเจอร์ ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าได้เป็นบารอน ณ ดินแดนที่ได้มาใหม่ในทางตะวันออกของรากันต์ จงทําให้ดีที่สุดในอนาคต”
“รับทราบ ข้าจะทํางานอย่างภักดี!”
นอกเหนือจากโรเจอร์ส อัศวินซึ่งมีบทบาทอย่างแข็งขันในการบริหารและในการรบก็ยังได้รับความดีความชอบที่เหมือนๆกัน
ลุคยังมอบรางวัลให้กับขุนนางและอัศวินแห่งเคานต์อีกด้วย
พวกเขานั้นเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับเคานต์โมนาร์ชและด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงจับไปขังคุก โดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะยื่นร้องเรียนด้วยซ้ํา
อย่างไรก็ตามรางวัลดังกล่าวก็ได้ส่งมอบให้เพื่อเป็นการระลึกถึงความร่วมมืออย่าง แข็งขันในความพยายามในการทําสงคราม
รางวัลนี้เพียงพอที่จะเขย่าหัวใจของขุนนางที่สนับสนุนเคานต์โมนาร์ช
“ข้าต้องยอมรับเลยจริงๆว่าลอร์ดหนุ่มแห่งรากันต์นั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”
“บางทีเราก็อาจจะมีโอกาสในการกู้คืนดินแดนก็ได้”
หากข่าวลือเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ขุนนางที่เป็นกลางและขุนนางที่ยังไม่ได้ตัด สินใจเลือกข้างก็จะต้องเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
ลคนั้นคํานึงถึงเรื่องนี้ดี เขาจึงเลือกที่จะมอบรางวัลให้กับพวกเขา
ถ้าเขาไม่ต้องการที่จะขับไล่ขุนนางของเคานต์โมนาร์ช เขาก็จ่าเป็นที่จะต้องโอบก อดพวกเขาอละรักษาพวกเขาเอาไว้ให้ดีๆ
แน่นอนว่าการมอบรางวัลนั้นจะไม่เข้าข้างใคร
เขาหวังว่าการกระทําผิดในอดีตเหล่านี้นั้น อาจจะกลายเป็นจุดแข็งได้ในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามผู้ภักดีในวันนี้ก็อาจเป็นศัตรูในวันพรุ่งนี้ได้เช่นกัน
จากที่ได้เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีตของเขา ลุคจึงตัดสินใจที่จะไม่ทําผิดพลาดอีกเหมือนเดิม
“เอาล่ะ ไหนๆเราก็เสรจสิ้นพิธีการทั้งหมดแล้ว งั้นเรามาสนุกกับงานเลี้ยงกันให้เต็มที่ไปเลย”
ลุคยกแก้วขึ้นและวงดนตรีก็เริ่มเล่น
ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมในงานเลี้ยงได้เข้าไปที่ตรงกลางห้องโถงและเต้นรําอย่างมีความสุข
“ข้าขอเต้นรํากับท่านสักเพลงได้ไหม”
“แน่นอน”
ลุคจับมือเรย์น่าและพาเธอไปที่กลางห้องโถง
เจ้าหญิงเรย์น่านั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับการเต้นรําทางสังคมเนื่องจากเป็นวัฒนธรรม ของเธอที่เกิดในราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม ลุคไม่เคยเรียนเต้นมาก่อนและลอร์ดหนุ่มตัวจริงก็เต้นเงอะงะเกินไป เขาจึงทุ่มเทให้กับการเรียนและฟันดาบซะมากกว่า
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทําให้เขาเผลอไปเหยียบเท้าเจ้าหญิงเรย์น่าหรือชุดของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่บ่อยครั้ง
“อ๊ะ! ข้าขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไร ไม่นานเดี๋ยวมันกจะกลายเป็นอะไรง่ายๆสําหรับท่าน”
เรย์น่าใช้เวลาของเธอและสอนให้เขาทีละขั้นตอน
เมื่อเห็นสองคนนั้นเข้ากันได้ดี คนรับใช้ของรากันต์และของเจ้าหญิงต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“พวกเขาเป็นคู่ที่ดูเข้าขากันมาก
“ถูกต้องอย่างถึงที่สุด ท่านอยากจะจัดงานแต่งงานในตอนนี้เลยหรือไม่”
“อย่าพึ่งรีบร้อนเลย ฮ่าฮ่า”
ลุคกับเรย์น่านั้นเข้ากันได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งทําให้การ อพยพของผู้ลี้ภัยแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
และยิ่งไปกว่านั้น ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ด้วยการลักพาตัวเมื่อไม่นานมานี้ที่เกิดขึ้น
เมื่อเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่ถูกขอร้องจากสาธารณรัฐโวลก้าให้ลักพาตัวเจ้าหญิงเรย์น่านั้นถูกลคติดตามไปและช่วยเธอกลับมาได้สําเร็จ
นั่นทําให้เรย์น่ารู้สึกขอบคุณลุคมากยิ่งขึ้น และทําให้เธอโอบกอดเขาความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
ลคเองก็รู้สึกผูกพันกับเรย์น่ามากเช่นกัน เมื่อเขาเห็นเธอยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซย์ม่อนในอดีต
ตอนนี้เขาถือว่าเธอนั้นเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ตัวแทนของคาธาริน่า
“ตอนนี้เซบาสเตียนกําลังทําอะไรอยู่หรอ?”
เรย์น่าถามขณะที่เธออยู่ในอ้อมแขนของลุค
ในการลักพาตัวที่เกิดขึ้น เธอก็ได้รู้ว่าลุคสามารถเรียกปีศาจได้
และด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในที่สุดเธอก็ไดเข้าใจว่าปีศาจนั้นไม่ได้น่ากลัวแต่ อย่างใด พวกมันทั้งซื่อสัตย์และน่ารัก
“เขากําลังทําตัวเหมือนกับแมวที่เชื่อง”
เรย์น่าหันไปทางที่ลุคมองอยู่
เธอเห็นแมวเด็กน่ารักๆก่าลังนอนอยู่
ผู้หญิงที่อยู่ที่นั่นต่างก็เพลิดเพลินไปกับแมวที่น่ารักตัวนี้ แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่า ข้าวของของพวกเขานั้นกําลังจะหายไปในไม่ช้า
มันไม่มีใครคาดหวังว่าจะมีปีศาจแมวอยู่ที่นี่ พวกเขาจึงไม่ทันระวังตัว
เซบาสเตียนนั้นเป็นปีศาจระดับต่า แต่เขาก็สามารถซ่อนพลังเวทของเขาได้เป็นอย่างดี
“ข้าเคยคิดว่าปีศาจทุกตัวนั้นน่ากลัว แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าไม่แล้ว”
“นั่นก็ใช่ เขามอบวิญญาณของเขาให้กับขา แต่เขาก็ยังเป็ปีศาจที่อันตรายอยู่ดี”
ในความเป็นจริง เซบาสเตียนนั้นเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสําคัญที่สุดในการต่อสู้
เขาไม่เพียงแต่จะวางยาพิษกองทัพของโมนาร์ช ซึ่งทําให้พวกเขานั้นต่อสู้ไม่ได้ แต่เขายังเอากระดูกสันหลัง (แกนกลาง) ของกิกันท์ของพวกเขาออกไปอีกด้วย สิ่งนี้นี่เองที่ทําให้รากันต์นั้นสามารถชนะได้อย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ถูกกีดกันจากพิธีมอบรางวัลเนื่องจากลุคไม่สามารถประกาศถึงการปรากฏตัวของมันต่อหน้าผู้คนได้
และเซบาสเตียนก็ไม่ได้มีข้อร้องเรียนใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่สิ มันเป็นเพราะเขาทนไม่ได้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมันต่างหาก
เพราะลุคนั้นได้รั้งเขาไว้จนถึงวันที่เขาตาย
“ในขณะที่ข้าควบคุมจิตวิญญาณของเขา เขาก็จะไม่มีทางทําอะไรที่ไม่ดีกับข้า และคนรอบข้าง ดังนั้นเราจึงไม่จําเป็นต้องกังวล”
จากนั้นลุคก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาของพวกเขา
“ท่านได้เตรียมตัวสําหรับเมืองลาเมอร์รี่ยัง
“อ่า ตามที่คุณได้ระบุไว้ เราได้ขยายธุรกิจและเริ่มมีอิทธิพลในลาเมอร์ขึ้นมาบ้างแล้ว”
ลุคนั้นวางแผนที่จะแยกส่วนเมืองลาเมอร์ให้กับพวกพ่อค้าตามปกติ
เป็นเพราะกองกําลังบริหารของรากันต์นั้นมีไม่เพียงพอที่จะเข้าควบคุมเมืองที่มี ประชากร 200,000 คนได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เมืองตกไปอยู่ในมือของคนผิด
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างสหภาพพ่อค้าโดยพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าสองสามแห่งรอบๆคิลิวลอฟ
การปกครองของสหภาพพ่อค้านั้นจะไม่ได้แตกต่างจากการบริหารปกติมากนัก
มันเป็นการปกครองทางอ้อมไม่ใช่การกํากับดูแลโดยตรง
แน่นอนสหภาพพ่อค้าก็ไม่ได้ทําธุรกิจในเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เมืองนี้ต้องได้รับการพัฒนาด้วยเงินลงทุนจํานวนมากในทุกเดือน และควรจ่ายค่าเช่าที่ดินให้กับไวเคานต์รากันต์
และในฐานะพ่อค้า พวกเขาสามารถพัฒนาฐานที่ต้องการดําเนินการได้และรากันต์ก็สามารถมั่นใจว่าจะได้รับผลกําไรที่ดีจากมัน
ความมั่งคั่งที่ได้รับจากสิ่งเหล่านี้นั้นจะนําไปสู่การพัฒนาที่ดินของเมืองและเมืองอื่นๆอีกมากมาย
เพื่อให้หอการค้าคิลิวลอฟได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและได้เป็นผู้นําสหภาพพ่อค้าที่มีอานาจ เงินทุนของพวกเขาจึงจะต้องแข็งแกร่งตามไปด้วย
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เช่นนี้ ลคได้ระดมทุนบางส่วนที่ยึดมาจากเคานต์โมนาร์ช ในขณะที่มอบความไว้วางใจให้เธอทําธุรกิจหลายอย่างรวมถึงสนามประลองกิกันท์ก็เช่นกัน
นี่คือสิ่งที่บารอยโกทได้จัดการในนามของเคานต์
โกทได้แอบขโมยเงินจากพวกเขาและสะสมเงินไว้เป็นจํานวนมากสําหรับตัวเอง
พวกเขาได้ข้อมูลทั้งหมดนี้ หลังจากที่วิคเตอร์ทรมานเขาในห้อง…แห่งหนึ่ง
ลคได้ทิ้งเงินทั้งหมดไว้กับเรย์น่า และดิกสันเจ้าหน้าที่การเงินก็ไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้
อย่างไรก็ตามเรย์น่านั้นแตกต่างออกไป เพราะด้วยผู้อาวุโสที่ติดตามเธอ
เนื่องจากพวกเขาเป็นคนที่เคยจัดการเรื่องในครัวเรือนในอดีตมันจึงดูเหมือนว่า พวกเขาจะไม่มีปัญหากับการขยายตัวของธุรกิจ
พวกเขาได้ใช้เงินที่ได้มาจากลุคอย่างคุ้มค่า พวกเขาได้จ้างพนักงานและบุคลากรที่มีคุณภาพมาเป็นจํานวนมาก และทําการเป็นร้านสาขาใหม่ๆในเมืองต่างๆ
ดวยเหตุนี้เองหอการค้าคิลิวลอฟจึงเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ในเวลาอันสั้น
“ชาวโวลก้าที่เร่ร่อนไปทั่วดินแดนเองก็เริ่มกลับมาหลังจากได้ยินข่าวลือที่ดี บางทีเราอาจมีคนเข้ามามากขึ้นในอนาคต”
“ไม่ต้องกังวลไป เราก็แค่รับพวกเขาเข้ามา”
“จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในอดีต ท่านคิดว่ามันอาจจะมีการจลาจลเกิดขึ้นอีกขั้น หรือ? เราไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าหรือผู้ที่ อาศัยอยู่ในลาเมอร์ ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในที่ดินของรากันต์
หุหุ เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริงๆ
ตอนแรกเขาคิดว่าเธอเป็นแค่เด็กสาวไร้เดียงสาหน้าตาดีเหมือนคาธาริน่าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรย์น่านั้นสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์และมีความรู้มากมายเกี่ยวกับการปกครองและความรู้ทางการเมือง
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีอานาจและเงินที่มากพอจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง
พรสวรรค์ของเธอนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก และลุคก็เชื่อว่าเธอจะสามารถสร้างความไว้วางใจระหว่างพวกเขาและช่วยในการโค่นล้มราชวงศ์บาล็อคและกวาดล้างหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสได้
ลุคไม่ได้ชอบเรย์น่าเพียงเพราะเธอนั้นสามารถปรึกษาไดทุกเรื่อง แต่เป็นเพราะเธอนั้นยังสามารถช่วยแบ่งเบางานของเขาไปได้เยอะ
“ข้าโชคดีมากที่ได้เจอคนแบบท่าน”
“หหห ข้าต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดแบบนั้น”
ในขณะที่พวกเขากําลังมีช่วงเวลาที่ดีกับการสนทนาที่มีชีวิตชีวา เพลงของพวกเขาก็จบลง
ฮานส์เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางจริงจัง
“มีอะไรเกิดขึ้น?”
“ทูตจากขุนนางชั้นสูงมาแล้ว ข้าได้บอกพวกเขาว่าต้องรายงานท่านก่อน”
“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือเปล่า?”
“ดูเหมือนว่าจะใช่”
ลุคเรียบเรียงความคิดของเขาเป็นเวลาสั้นๆ แล้วตัดสินใจไปพบกับพวกเขา
“ทูตอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขากําลังรออยู่ในห้องล็อบบี้”
ลุคตัดสินใจถอยห่างจากเรย์น่าและมุ่งหน้าไปที่ล็อบบี้
ในขณะที่เขาออกจากห้องโถงอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด มันไม่มีใครในห้องจัดเลี้ยงรู้ด้วยซ้ําว่าตัวเอกได้หายไป