Earth’s Best Gamer - ตอนที่ 26
ผู้อยู่อาศัยในที่พักของมังกรคู่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกับอดีตผู้นำของพวกเขาก่อนที่จะปล่อยเขาให้อยู่คนเดียว นี่เป็นช่วงเวลาที่ในที่สุดฮูเฟิงก็มีโอกาสได้แนะนำตัวจีเย่
“ผู้นำ นี่คือ—”
หลู่จือเซินขัดจังหวะชายชราด้วยการยกมือขนาดใหญ่ก่อนที่จะก้มหัวให้กับจีเย่
“ไม่จำเป็น หลู่ต๋ายินดีรับใช้ หัวหน้า”
จีเย่ยิ้มตอบกลับ “ฉันดีใจมาก ในที่สุดฉันก็ได้พบกับนาย ผู้นำหลู่”
จีเย่กำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรักษาสีหน้าของเขาให้สงบนิ่ง แม้ว่าจะมีความตื่นเต้นอยู่ภายใน ในฐานะผู้ถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านและ ‘ผู้ถูกเลือก’ ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทไม่ได้เลยต่อหน้าทุกคน
ฮูเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากเห็นหลู่จือเซินยอมรับผลลัพธ์
“หัวหน้าและผู้นำ ฉันจะบอกคนของเราให้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับ”
ชายชราพาคนอื่นๆ ออกไปเพื่อให้จีเย่กับหลู่จือเซินได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
หลู่จือเซินมองดูคนของเขาจากไปด้วยสายตาโหยหา
“ฟังฉัน ท่านหัวหน้า ฉันไม่เคนคิดเลยว่าจะได้กลับมาที่นี่และกลับมารวมตัวกับพี่น้องอีกครั้ง”
เขาถอนหายใจและอธิบายด้วยทำนองขอโทษราวกับว่าเขาได้ทำอะไรผิดพลาด “ฉัน… จะพูดตามตรงเลย ฉันมาที่หมู่บ้านในภูเขาแห่งนี้และกลายเป็นผู้นำของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ฉันรู้มากกว่านั้น ฉันได้เห็นอนาคตของฉัน ในระหว่างที่ฉันจะเข้าร่วมบึงเหลียงซานเพื่อโจมตีเมืองเจิ้งโจวกับพี่น้องใหม่ของฉัน ยอมจำนวนต่อราชสำนักและต่อสู้กับนายพลคนอื่นในสงคราม ประเด็นก็คือพี่น้องส่วนใหญ่ที่ติดตามฉันจากที่พักผ่อนของมังกรคู่ไปยังสนามรบจะต้องตายอย่างขมขื่น นั่น… จะเป็นบาปอันใหญ่หลวง ฉันไม่ควรพาพวกเขาไปที่บึงเหลียงซาน”
เดี๋ยวก่อน อะไรนะ? จีเย่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หลู่จือเซินมองเห็นอนาคตของเขา?
เขาแค่วางแผนที่จะรอโอกาสอ่านซ้องกั๋งให้จบ แล้วจากนั้นเขาก็จะสามารถแสดง ‘สติปัญญาอันกว้างไกล’ ของเขาโดยการทำนายเหตุการณ์ที่เข้ามาทุกประเภทต่อหน้าวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ขอบคุณพระเจ้าที่เขายังไม่ได้ทำเร็วเกินไปและทำให้ตัวเองตเองลำบาก
นอกจากนี้ยังอธิบายได้ว่าเหตุใดหลู่จือเซินจึงแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งแตกต่างจากหลวงจีนไร้มารยาทซึ่งถูกบรรยายโดยละครในโทรทัศน์ว่าไม่ชอบอะไรนอกจากเนื้อ ไวน์ และแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ชายคนนี้รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว เขากำลังจะกลายเป็นเครื่องมือของราชสำนักและส่งสหายรักของเขาหลายคนไปตาย ไม่มีทางที่เขาจะรักษาภาพลักษณ์ตัวละครที่ไร้ซึ่งความกังวลไว้ได้เมื่อรู้ถึงงจุดจบอันน่าเศร้าของเหล่าสหายของเขา
จีเย่คิดแผนอย่างรวดเร็วและมองไปที่ชายร่างท้วมคนนั้นด้วยหางตา “ผู้นำหลู่ เราไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองที่เสียหายของราชสำนักซ่งอีกต่อไป มั่นใจได้เลยว่าที่พักของมังกรคู่จะไม่กลายเป็นเครื่องมือของใคร”
หลู่จือเซินจ้องกลับไปที่จีเย่ด้วยดวงตากลมโตคู่หนึ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้ที่กล้าหาญ
“… ฉันเชื่อท่านหัวหน้า คำพูดเหล่านั้นทำให้ฉันสบายใจ ที่พักของมังกรคู่จะเป็นบ้านของฉันและฉันจะเป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับคนที่กล้ามาท้าทายเรา!”
“ฉันจะช่วยนาย นายรู้จักใครหรือสัตว์ร้ายตัวไหนที่มองเราเป็นศัตรูในตอนนี้มั้ย ผู้นำหลู่?”
จีเย่เริ่มขอข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดกจากหลู่จือเซินด้วยความยินดี
การสนทนาค่อนข้างประสบความสำเร็จเพราะวีรบุรุษคนนี้รู้ดีเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาก เมื่อเทียบกับผู้เล่นที่ถูกอัญเชิญมา
ตัวอย่างเช่น หลู่จือเซินทรายว่ามีเพียง ‘ผู้ถูกเลือก’ เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ทำพิธีกรรมบูชายัญและสื่อสารกับ ‘เทพเจ้า’ นี่คือเหตุผลที่ชาวพื้นเมืองถึงขอให้ผู้เล่นกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีถิ่นฐานอื่นกระจายรอบภูเขามังกรคู่ พวกเขาทั้งหมดต่างก็ไม่เป็นมิตร
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลู่จือเซินจึงไม่ได้ตั้งคำถามถึงที่มาของจีเย่ หรือเขารู้และยอมรับมันอยู่แล้ว ดังนั้นจีเย่จึงไม่ต้องเสียเวลาอธิบายว่าเขาเป็น ‘มนุษย์ต่างดาว’ ในดินแดนแห่งนี้
สำหรับความโปรดปราน จีเย่ตัดสินใจขอให้หลู่จือเซินสอนสกิลระดับเหนือชั้นที่เขาสามารถใช้ได้
หลู่จือเซินขอให้จีเย่ถอดเสื้อผ้าส่วนบนของเขาออก จากนั้นก็ยืนมือไปลูบไล้ไปตามร่างกายของจีเย่ ก่อนที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “ร่างกายของท่าน… แข็งแกร่งและปรับตัวได้ดี เลือดของท่านไหลได้สะดวกและมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ฉันขอถามหน่อยได้มั้ยว่าท่านเคยเรียนศิลปะการเสริมสร้างร่างกายมาแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าท่านกินยาอายุวัฒนะจากเทพเจ้าที่มีทำให้มีผลลัพธ์แบบนี้?”
“ใช่แล้ว” จีเย่พยักหน้า
เข็มฉีดยา ‘พละกำลังของวัว’ ดูเหมือนว่าจะเป็นผลงานทางวิทยาศาสตร์ แม้ว่ามันจะถือว่าเป็นยาประเภทหนึ่งก็ไม่ผิดนัก แต่ก็มีปัญหา เขาได้ปเพิ่มระดับสกิลพละกำลังของวัวของเขาให้อยู่ในระดับ ‘ไร้ที่ติ’ ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปเพียยงเล็กน้อย นั่นยังคงห่างไกลจากสิ่งที่เขาคาดหวังจากวัวทองแดงที่เขาสังหารไปซึ่งสามารถพุ่งทะลุก้อนหินแข็งได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากหลู่จือเซินเป็นนักรบที่เชี่ยวชาญในเรื่องความแข็งแกร่งทางกายภาพ จีเย่จึงคิดที่จะขอคำแนะนำจากเขา ในซ้องกั๋ง หลู่จือเซินสามารถถอนต้นหลิวที่โตเต็มที่ด้วยมือเปล่าของเขา มันฟังดูไม่ต่างจากพลังของวัวสักเท่าไหร่
“นั่นเป็นเพราะท่านยังไม่ได้เรียนรู้การปลดปล่อยพลังภายในของท่านอย่างถูกต้อง ตามที่ท่านพูด วัวตัวนั้นต้องเกิดมาพร้อมกับความสามารถดังกล่าวจึงสามารถใช้ศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่” หลู่จือเซินกล่าวหลังจากฟังคำถามของจีเย่ “ฉันรู้ศิลปะการต่อสู้ที่เหมาะสมกับท่าน มันถูกเรียกว่าศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิม ฉันเรียนรู้ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเป็นหลวงจีนที่อุทิศตนอยู่ที่ภูเขาหวู่ไถ ด้วยศิลปะการต่อสู้นี้ ท่านจะสามารถรวมพลังภายในของท่านและเชื่อมต่อกับมันให้อยู่ที่จุดเดียวเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม”
ในขณะที่หลู่จือเซินพูด จีเย่ก็ได้รับการแจ้งเตือนในใจของเขา
[ตอนนี้หลู่จือเซินกำลังถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ให้คุณ คุณต้องการใช้แต้มเกียรติยศและเปลี่ยนเป็นสกิลใช้งานหรือไม่?]
“เปลี่ยน” จีเย่ยอมรับโดยไม่คิดแม้แต่วินาทีเดียว
ในดินแดนแห่งมรดก สกิลนั้นไม่จำเป็นต้องปรากฏใน ‘แถบสกิล’ ตัวอย่างเช่น ทักษะการใช้หน้าไม้ของเขาก็ไม่ปรากฏออกมา
อย่างไรก็ตามการแปลงทักษะเป็น ‘สกิล’ เท่านั้นที่จะสามารถนำแต้มประสบการณ์ไปใช้เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญได้
นอกจากนี้ยังเป็นเพราะ ‘ศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิม’ เป็นเทคนิคศิลปะกาต่อสู้ที่มุ่งเน้นไปที่พลังภายในซึ่งเกี่ยวข้องกับจุดฝังเข็มเส้นปราณและเงื่อนไขทางวิชาชีพอื่นๆ แม้ว่าจีเย่จะเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ค่อนข้างยากต่อการเข้าใจและจดจำให้ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ จีเย่อยากขอบคุณดินแดนแห่งมรดกมาก แม้ว่ามนุษย์ในดินแดนแห่งมรดกจะมีการใช้คำพูดโบราณ แต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจและใช้คำศัพท์สมัยใหม่ในการพูดได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ ‘ผู้ถูกเลือก’ และ ‘คนพื้นเมือง’ ที่จะเข้าใจคำพูดของกันและกัน
[คุณเสียแต้มเกียรติยศ…]
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก่อตั้งถิ่นฐาน จีเย่ก็ได้รับแต้มเกียรติยศ 150 แต้ม ซึ่ง 10 แต้มถูกหักเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ใหม่
[ศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิม]
[ระดับ : วิสามัญ]
[ความหายาก : เหนือชั้น]
[คุณได้เรียนรู้วิธีควบคุมพลังภายในของคุณเรียบร้อยแล้วซึ่งจะช่วยเสริมการกระทำต่างๆ ของคุณ]
สิ่งที่สำคัฐที่สุด มันเป็นสกิลพลังภายในที่เขาเฝ้ารอมานาน!