บทที่ 367 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (8)
* * *
“ทำไมท่านถึงไม่ให้ทหารของเราเคลื่อนทัพกันเล่า , ท่านดยุค !?”
ชายหนุ่มตะคอกเสียงขณะทุบโต๊ะ
“พวกมันทำการปล้นพาเวียเกือบครึ่งเดือนไม่หยุดเลยสักวัน !
เจ้าพวกนั้นทำเหมือนกับว่า ดินแดนของพวกเราเป็นสวนหลังบ้าน การทำแบบนั้นมันยั่วโมโหกันชัดๆ
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ……!”
ชายหนุ่มผู้มีผมหยิกสีดำยุ่งเล็กน้อย ทั้งยังมีหน้าผากสีขาวประกายสวย
แต่อย่างไรก็ดี ความงามของชายหนุ่มมิได้มาจากหน้าผากกว้าง
หน้าผากก็ดี หว่างคิ้วก็ดี หรือแม้แต่ขนตาต่างเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา หากแต่ในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความขึ้งโกรธที่กดข่มไว้
นั่นต่างหากที่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้งดงาม ความโกรธที่พร้อมจะปะทุและไหลท่วมทะลลักออกมา จนไม่น่าเชื่อว่า เขาจะสามารถคุมตัวเองไว้อยู่
ชายหนุ่มนั้นเป็นราวกับนักขี่ม้าหนุ่มที่พยายามควบคุมม้าพยศไว้
นักขี่ม้าคนนั้นน่าประทับใจเพียงไร ชายหนุ่มก็น่าประทับใจเพียงนั้นเช่นกันที่สามารถกดข่มอารมณ์ไว้ได้
“อย่าห่วงไปเลย ท่านแกรนดยุค ทหารของพวกจักรวรรดิกำลังขาดเสบียง ”
“แต่ผู้คนกำลังจะล้มตาย ! เจ้าสมควรปฏิบัติหน้าที่ให้คู่ควรกับชนชั้นสูง !”
ชายหนุ่มคนนั้นกำลังจะอายุ 26 ปีในไม่ช้า
ชื่อของเขาคือ คอสสิโม เดอ เมเดชี(Cosimo de Medici)
เขาเป็นผู้นำตระกูล เมดิชี มีอำนาจเป็นรองแค่ราชาแห่งซาร์ดิเนีย และตอนนี้เขาเองก็เป็นแกรนดยุคผู้ปกครองเมืองใหญ่อย่างฟลอเร้นซ์
“ทหารจักรวรรดินั้นเข้มแข็ง ส่วนทหารที่คอยป้องกันเมืองฝ่ายเราก็อ่อนแอ แล้วจะให้ชายแก่ผู้นำทำอะไรได้ ?”
“การค้นหาสิ่งที่ทำได้คือ ภารกิจที่องค์ราชาได้มอบให้แก่ท่าน !”
“ฝ่าบาทสั่งการให้ข้าป้องกันมิลาโน่ ”
ดยุคมิลาโน่ส่ายหัว
ภาพของเขาภายอยู่ในลูกแก้วเวทย์
ดยุคมิลาโน่นั้นอายุราวหกสิบกว่า และแกรนดยุคฟลอเร้นซ์อายุ 26 ปี ณ ตอนนี้พวกเขาอยู่ระหว่างประชุมแผน
“โศกนาฏกรรมที่พาเวียนั้นถือเป็นคราวเคราะห์ แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงหายนะได้โดยยอมสละส่วนน้อย ”
“หายนะใหญ่ ? ท่านเพิ่งพูดว่า หายนะใหญ่ใช่ไหม ?”
ปากของแกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์นั้นบิดเบี้ยว
“ข้าจะบอกให้ท่านทราบเองว่า อะไรคือหายนะใหญ่ ”
“ชายแก่ผู้นี้จะฟัง”
“นั่นคือ ความจริงที่ว่า ท่านไม่ส่งกำลังไปในขณะที่เมืองรอบข้าง นั้นกำลังโดนทำลาย ”
ดวงตาของแกรนดยุคนั้นเต็มไปด้วยเพลิงโกรธ
“ความจริงเรื่องที่ท่านไม่ยอมปลดปล่อยชาวเมือง เพียงเพราะความขี้เหนียว ทั้งที่เป็นสิ่งที่ควรจะทำ
และเรื่องที่ท่านเสียไปแม้กระทั่งฐานทัพของพวกทหาร โดยไม่ทำอะไรสักอย่างเลยเพียงเพราะกลัวว่ามันจะกระทบแผนการเดิมของท่าน
นั่นต่างหาก คือ หายนะและความสูญเสียครั้งใหญ่ !”
แกรนดยุคแห่งฟลอเรนซ์ทุบโต๊ะอีกครั้ง
“รู้ไหมว่า อะไรคือ สิ่งที่น่าอับอายกันล่ะ ท่านดยุค !
คิดบ้างไหมว่า ในเมืองหลวงเขาพูดลับหลังท่านว่าอย่างไร ?
เขาพูดกันว่า ดยุคมิลาโน่น่ะยังหลวมกว่านังกะหรี่ฟาร์นาเซ่นั่นอีก !”
“…….”
ดยุคมิลาโน่ถอนใจออกมา
“ฟังคำคนแก่คนนี้ให้ดีๆ
กองทหารจักรวรรดิกำลังประสบปัญหาเสบียง
สถานการณ์เช่นนี้น่ะ เจ้าพวกนั้นมีเงินไม่พอจะจ้างทหารรับจ้างต่อด้วยซ้ำ ”
“……ว่าต่อไป ”
ชายหนุ่มกดข่มความโกรธตัวเองไว้แล้วตั้งใจฟังต่อ
แม้ฐานะเขาจะสูงกว่าชายแก่ตรงหน้า แต่ในเรื่องฐานอำนาจถือว่า เท่าเทียมกัน
เขานั้นมีฐานะสูงกว่าแค่ในนาม ในเมื่อมีอำนาจเท่ากันเช่นนั้น เขาก็ไม่โง่พอที่จะแสดงความดื้อรั้นต่อหน้าอีกฝ่าย
ราชอาณาจักรซาร์ดิเนียนั้นผ่านสงครามกลางเมืองมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ดังนั้นจึงสูญเสียชนชั้นสูงไปกว่าครึ่ง ที่รอดมาได้ก็ถือว่า เป็นผู้มีความสามารถกันทุกคน
มันมีช่วงห่างขนาดใหญ่ระหว่างวัยของดยุคแห่งมิลาโน่และแกรนดยุคหนุ่มแห่งฟลอเร้นซ์ แต่ทั้งคู่ต่างได้เสียสละมากมายในสงครามกลางเมืองเพื่อทำลายตระกูลฟาร์นาเซ
ดังนั้นแล้วทั้งคู่จึงเป็นผู้มีความสามารถ
— ด้วยเหตุนี้แหละต่างฝ่ายจึงต่างระวังกันและกัน
“
หากพวกเรายังคงป้องกันแนวรั้วแนวกำแพงต่อไป พวกทหารจักรวรรดิจะเหนื่อยอ่อนไปเอง
ไม่มีอะไรจะรับมือง่ายไปกว่ากองทัพที่ไม่มีปัญญาจ่ายเงินให้กับทหารรับจ้างอีกแล้ว ”
“…….”
“เจ้าพวกนั้นจะเลือกลุกฮือขึ้นต่อต้านก็ไม่ก็หนีทัพ
เฉกเช่นเดียวกับการใส่ของสกปรกลงในดินเพื่อให้ข้าวงอกงาม การที่ถูกตำหนิประณามย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เกียรติภูมิเติบใหญ่เช่นกัน เวลานี้พวกเราต้องอดทน !”
แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ใช้นิ้วเคาะโต๊ะ
“อะไรทำให้ท่านแน่ใจได้ว่า ศัตรูกำลังมีปัญหาเรื่องเสบียง ?”
“การที่พวกนั้นเร่งร้อนเข้ามาเจรจา ”
ดยุคมิลาโน่ตอบด้วยความมั่นใจ
“พวกนั้นพยายามขายชาวเมืองพาเวียด้วยราคาที่ถูกจนน่าเศร้า
นั่นหมายความว่า พวกนั้นต้องการเงินสำรองฉุกเฉิน ”
“……แค่นั้นมันยังเป็นข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดไม่ได้ ท่านดยุค ”
แกรนดยุคขมวดคิ้ว
“พวกนั้นอาจส่งนักโทษคืนให้เราเพราะไม่อยากจะเลี้ยงดูพวกนั้นก็ได้
มิลาโน่เองก็เคยมีประสบการณ์เรื่องการขาดแคลนอาหารเพราะท่านก็เคยเอานักโทษมาอยู่ด้วยถึง 20,000 คน ”
“เมืองของข้ามีเสบียงอาหารเพียงพอไปอีกสามปี ”
“……แล้วศัตรูจะรู้เรื่องนั้นได้ยังไง ? พวกเราไม่ควรด่วนตัดสินจากสมมุติฐานเช่นนั้น ”
แกรนดยุคตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่เขาแอบเย้ยหยันอยู่ในใจ
เขามีเสบียงอาหารเพียงพอจะเลี้ยงผู้คนไปได้ถึงสามปีอย่างนั้นหรือ ?
การพูดแบบนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ดยุคมิลาโน่ตั้งใจทำสงครามยืนระยะ
แนวกำแพงของพวกเขาจึงมีการรักษาอย่างดี
His ramparts were probably being maintained regularly.
‘ชิ มิน่าเล่าทำไมเขาถึงวางเฉยขนาดนี้ได้ ?’
ไม่สำคัญว่าศัตรูจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถึงอย่างไรเขาก็เชื่อมั่นในความสามารถในการคุ้มครองเมืองของตัวเอง
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาไม่มั่นใจการสู้ในสนามเปิด
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรในขณะที่เมืองข้างเคียงนั้นโดนฆ่าล้างทำลาย…….
‘น่ารังเกียจชะมัด’
หัวใจของแกรนดยุคหนุ่มถูกสาดย้อมไปด้วยความโกรธ
‘คนที่ไม่คิดแม้แต่จะปกป้องผู้คนของตัวจะนับว่าเป็นชนชั้นสูงได้อย่างไรกัน ?
ผู้ชั่วช้าที่มีความสามารถย่อมน่ารังเกียจยิ่งกว่าผู้ชั่วร้ายที่ไร้ความสามารถ
ในเมื่อแกมีความทะเยอยานขนาดนั้น ก็ทำให้มันสำเร็จด้วยการปกป้องผู้คนบ้างสิวะ !
นั่นเป็นสิ่งชนชั้นสูงสมควรเป็นมิใช่หรือไงกัน !?’
แกรนดยุคค่อยๆสงบสติอารมณ์ของตนลง
เขาเข้าใจดีถึงแผนการของดยุค แต่หลักฐานการพิสูจน์ยังเบาบางเกินไป
คุณไม่สามารถปฏิบัติการทางทหารโดยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่หละหลวมได้
ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องขับไล่การรุกรานของกองทัพนังกะหรี่นั่นออกไปจากซาร์ดิเนียให้เร็วที่สุด
แกรนดยุคพูดเน้นหนัก
“ข้าไม่เห็นด้วยกับแผนการของท่าน ท่านดยุค ”
“แกรนดยุค เดอ เมเดชี !”
“ที่นี่ คือ ซาร์ดิเนีย พวกเราคือผู้คนแห่งซาร์ดิเนีย และเจ้าพวกนั้นคือ ผู้รุกราน
การนั่งอยู่เฉยๆขณะที่เฝ้าดูคนของเราสูญเสียทรัพย์สินไปมันไม่ใช่สิ่งที่สมควรกระทำ
ดยุค ท่านจงมาร่วมกับข้าในการสกัดทัพศัตรู ”
รอยย่นบนใบหน้าของดยุคแห่งมิลาโน่ชัดเจนขึ้น
“การเผชิญหน้ากับกองทัพจักรวรรดิในสมรภูมิเปิดโล่งไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย !
ท่านลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับภาคีอัศวินแห่งบริททานี่ ?”
“นั่นมันกองทัพจอมมารต่างหากที่เอาชนะภาคีอัศวินได้ ไม่ใช่นังกะหรี่นั่น ”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ท่านต้องคิดให้ดี พวกนั้นพยายามทำให้เราประมาท แล้วล่อให้เราไปสู้รบในที่เปิดกับพวกมัน !”
แกรนดยุคมองดวงตาของดยุคผู้ชรา
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ดีไหม ?
ถ้ากองทัพศัตรูน่ะปิดล้อมมิลาโน่ไว้เฉยๆ คนของข้าก็จะไม่ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย และปล่อยให้ท่านจัดการกับพวกทหารจักรวรรดิเอง! ”
“นี่มัน…….”
ใบหน้าของชนชั้นสูงผู้ชรากลายเป็นสีแดงก่ำ
พอได้ฟังแกรนดยุคฟลอเร้นซ์พูดอย่างนั้นเขาก็ยิ่งโกรธ
“มันกลายเป็นความอยุติธรรมยามที่มันเกิดกับท่าน แต่หากกับเกิดขึ้นกับคนอื่นก็ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ ? เรื่องแบบนั้นมันใช่ที่ไหนกัน !?”
“…….”
“เอิร์ลพาเวียยอมเสียสละตนเองให้
แล้วใครกันที่พูดออกมาว่า เราต้องจัดการฟาร์นาเซ่ให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง แล้วก็ตัดสินใจที่จะเอาลูกสาวคนที่สองไปขายเป็นทาสกัน?
ก็พวกเรานี่ไง
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราเห็นชอบกันทั้งนั้น เอิร์ลพาเวียกลับกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนั้นไปแทน !”
แกรนดยุคปัดแก้วน้ำบนโต๊ะด้วยหลังมือ เสียงของแก้วที่ตกพื้นแตกกระจายดังลั่น
“ท่านตอบแทนความหวังดีของเอิร์ลด้วยการบีบบังคับให้เขาถึงแก่ความตาย !
ท่านเอาแต่นอนเอกเขนกไม่ต่างจากไอ้ขี้ขลาดในขณะที่ผู้คนกำลังเข่นฆ่าอย่างป่าเถื่อน !”
“ท่านพูดแรงเกินไปแล้ว ท่านแกรนดยุค !”
“มีเกียรติเสียบ้าง !”
ชนชั้นสูงทั้งสองต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
“ในฐานะรักษาการณ์แทนองค์ราชา ข้าขอสั่งการให้ท่านออกเดินทัพภายใต้การบัญชาของข้า ”
“ท่านไม่มีอำนาจในการสั่งการทหารอาสาของข้า ตามใจชอบ ท่านแกรนดยุค !
ผู้บัญชาการสูงสุดภาคเหนือของทหารซาร์ดิเนีย คือข้า! ,ลูโดวิโก้ เดอ สฟอร์ซ่า ผู้นี้ (Ludovico de Sforza)!”
แววตาเขม็งตึงของทั้งสองสบกัน
“ต่อให้พระราชาอยู่ที่นี่เอง เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนคนของข้าไปไหนได้ !”
“ตาแก่ หัวดื้อเอ๊ย ! ขอให้พาเวียสาปส่งท่านไปชั่วนิจนิรันดร์ !”
ตอนนั้นเองที่ แกรนดยุคคว้าลูกแก้วเวทย์ปาใส่พื้น
ลูกแก้วนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
มันเป็นอาติแฟ่คราคาแพงมหาศาล แต่แกรนดยุคอยากทำลายมันทิ้งเพราะไม่อยากเห็นสีหน้าไร้ยางอายของดยุคแก่ผู้นั้น
เขาไม่รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด
แกรนดยุคเหยียบเศษเล็กเศษน้อยนพวกนั้นด้วยรองเท้าบู้ท
“ถึงศัตรูที่เราสู้ด้วยจะเป็นนังกะหรี่นั่นก็เถอะ แต่เราก็ควรจะรู้จักละอายบ้างไม่ใช่หรือไรกัน !?”
ปกป้องผู้คนของตน
ช่วยเหอลืพี่น้อง
ปราบปรามผู้รุกราน
ก็เห็นกันอยู่แล้วมิใช่หรือว่า สิ่งใดเป็นภารกิจที่พึงกระทำ แต่ปัญหาคือ ภาระมันมากเกินไปสำหรับปุถุชนคนธรรมดาที่ต้องไปใช้แรงงานหนักในทุกวันทุกวัน
ชนชั้นสูงจึงต้องแบกรับภาระน้ำหนักพวกนั้นแทนพวกเขา
ชนชั้นสูงเป็นบุคคลที่ย่อมต้องแบกรับพวกนั้นไว้แทนผู้อื่น
ไม่มีมากไปกว่าน ไม่น้อยไปกว่านั้น หากพวกเราไม่เป็นผู้แบกรับภาระหน้าที่ดังกล่าว แล้วเจ้าพวกนั้นจะรับภาษีส่วยอากรไปเพื่ออะไรกัน ?
แล้วคนพรรค์นั้นจะกลายเป็นชนชั้นสูงแบบไหนกัน !?
เจ้าพวกนั้นมันเป็นอะไรไม่ได้เลยทั้งนั้น !
ชนชั้นสูงอย่างเจ้าพวกนั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตัวเองนั่นไร้ค่า …….
แกรนดยุคจึงหาทางทำทุกทางที่ทำได้
เขาไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับมาจากดยุคแห่งมิลาโน่
หากสมมุติฐานของดยุคมิลาโน่ถูกต้อง เช่นนั้นแล้ว การที่อีกฝ่ายจะโกรธและเลือกที่จะป้องกันเมืองต่อไปคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนั้นแกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์จึงร่างแผนการขึ้นมาแผนหนึ่ง
แกรนดยุคส่งทูตไปหากองทัพจักรวรรดิ
เขาเป็นฝ่ายเสนอราคานักโทษแห่งพาเวียแทนดยุค
‘หากกองทัพจักรวรรดิต้องการเงินจริงๆ พวกนั้นย่อมต้องตอบรับดีลของข้า ’
แกรนดยุคสรุปเช่นนั้น
‘หากมันเป็นแผนที่เป็นไปเพื่อบั่นทอนเสบียงของพวกมิลาโน่ พวกเขาย่อมต้องปฏิเสธ ’
กองทัพจักรวรรดิย่อมต้องปฏิเสธคำขอดังกล่าวของแกรนดยุค
พวกทูตกลับมาพร้อมกับดีลที่ล้มเหลว แต่แกรนดยุคมิได้ตำหนิทูตที่ส่งไป
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว เขากลับตกรางวัลให้ทูตเพราะช่วยยืนยันความเชื่อของเขาได้แล้ว
‘กองทัพจักรวรรดิไม่ได้มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนเสบียงแต่อย่างใด !’
พวกเขาต้องการทำศึกยื้อระยะ ไมใช่การศึกที่รวบรัด ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงกำลังจะทำการนปิดล้อมมิลาโน่
“ไปเรียกนายพลคนอื่นๆเข้ามา !”
แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์เรียกตัว นายพลทั้งหลายที่อยู่ใต้การบังคับบัญชามารวมกัน
เหล่านายพลผู้รักในเสน่ห์ของแกรนดยุคผู้งดงามและอ่อนเยาว์
หัวหน้าทหารรับจ้างของพวกเขาประกอบด้วยผู้มีเชื้อสายต่างๆมากมาย อาทิ ฟรานเคีย,ฮับบวร์ก,ซาร์ดิเนีย,โพลิช-ลิทัวร์เนีย และอื่นๆ
แกรนดยุคสามารถได้ใจพวกเขาทั้งหมดก็เพราะสามารถพูดได้ถึง 7 ภาษาอย่างแคล่วคล่อง
“เป่าแตรเขาซะ พวกเราจะลงโทษเจ้าทหารจักรวรรดินั่น !”
ทหารองค์รักษ์ของซารดิเนีย 35,000 ภายใต้การบัญชาของ คอสซิโม เดอ เมดิชี แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์
กำลังเคลื่อนพลมุ่งหน้าไปทางเหนือ
* * *
“พวกนั้นกินเบ็ดแล้ว ”
ผมยิ้มหลังจากส่งตัวทูตกลับไป
ลอร่าเองก็ตอบรับคำนั้นด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ไม่มีเหตุผลให้แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์จะต้องมาซื้อตัวนักโทษแทน ดยุคมิลาโน่ด้วยซ้ำ
ดยุคคนนั้นต่างหากที่ปล่อยให้พาเวียล่มสลายไป ไม่ใช่แกรนดยุค แต่ถึงกระนั้น แกรนดยุคกลับส่งทูตมา นั่นก็แปลว่า …….”
“เขาพยายามดูเจตนาพวกเราว่า ทำไมถึงตั้งใจจะส่งตัวนักโทษให้ในราคาถูกขนาดนั้น ”
ผมหัวเราะเบาๆ
“ดูเหมือนว่า ผู้บัญชาการที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะมีใจสู้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ,นายท่าน ใครที่พลาดโอกาสงามๆอย่างนี้ก็ถือว่าโง่เต็มที ”
“จริงเลยล่ะ เรามาจัดแสดงงานระดับแกรนโอเพนนิ่งกันดีกว่า …….”
ผู้บัญชาการของศัตรูมิใช่กองทัพพันธมิตรที่ไร้น้ำยา พวกเขาต่างเก่งกาจในแบบของตน
ผมเรียนรู้เรื่องนั้นจากราชินีเฮนริเอตต้า
แล้วเราจะสอนบทเรียนนี้ให้กับพวกนั้นอย่างเมตตาได้ยังไงบ้างนะ ?
MANGA DISCUSSION