บทที่ 361 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (1)
* * *
ปฏิทินทวีป วันที่ 15 เดือน 5 ปี 1512
กองทัพจักรวรรดิเริ่มเดินทางข้ามภูเขาที่คดเคี้ยวและยาวที่สุดในโลก
ทหารกว่าสามหมื่นนายเคลื่อนกำลังไปพร้อมกัน
หัวหน้าทหารรับจ้าง แนะนำว่า ควรเดินทัพหลังจากรอมาเดือนกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นลอร่าที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกลับส่ายหน้า
“เจ้าเกิดที่ไหน? ”
“แน่นอนว่าต้องเป็นที่เฮลเวติก้า,ท่านนายพล ”
“ถูกต้องและตอนนี้พวกเรากำลังเดินทางไปยังเฮลเวติก้ากัน เจ้าไม่คิดจะเป็นผู้นำทางไปยังถิ่นฐานบ้านเกิดหน่อยหรือ ?”
ลอร่าหยิบหมวกขึ้นมาสวม
เธออยู่ในชุดเกราะเก่าๆไม่ต่างจากทหารธรรมดา การลงโทษให้ต้องไปทำงานในสนามรบไม่ต่างจากสามัญชนจากกรณีของเดซี่ยังคงมีผลอยู่
“ไปบอกพวกทหารให้รวมตัว! เราจะไปเจอกันที่ลูกาโน่”
เมืองลูกาโน่นั้นตั้งอยู่ที่ปลายสุดของแนวเขาแอลป์ และนั่นก็เป็นเส้นทางจากเฮลเวติก้าไปซาร์ดิเนีย
ลอร่ายิ้มกรุ้มกริ่มขณะมองหัวหน้าทหารรับจ้างที่ดูกระวนกระวายและพูดไม่ออก
“ฉันน่ะมาจากราชอาณาจักรซาร์ดิเนียนะ และเป็นพวกที่พวกเจ้าชอบล้อว่าเป็นพวกอ่อนแอ
มันคงน่าอายไม่น้อยหากการที่เจ้าอ้างว่า ตัวเองเป็นชาวเฮลเวติก้าแต่กลับเดินทางในหุบเขาช้ากว่าฉันน่ะ ”
พอสิ้นคำพูด ลอร่าก็ออกจากเต๊นท์ไป
จนดูเหมือนเธอตั้งใจที่จะกระตุ้นพวกเขาอยู่กลายๆ
พวกหัวหน้าทหารรับจ้างต่างนิ่งทื่อเป็นไอ้งั่งแล้วหันหน้ามองกันและกัน
ทั้งคนแคระและเอลฟ์เองที่ปรกติแทบจะวิวาทกันตลอด ตอนนี้กลับแสดงสีหน้าขุ่นข้องใจ
“พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกันถูกไหม ?”
“ข้าไม่คิดว่า เราควรจะเดินทัพทหารแบบนี้กันต่อไป …….”
เหล่าหัวหน้าแอบเหลือบมองที่ผม
อันที่จริงแล้ว ผมนี่แหละที่มีอำนาจอยู่เต็มมือในการเดินทัพของจักรวรรดิครั้งนี้
ลอร่าเป็นผู้นำทัพไปแล้วกำจัดศัตรู ส่วนผมเองก็คอยตามหลังสนับสนุน พวกเราแบ่งบทบาทกันเช่นนั้น
และก็แน่นอนว่า ตำแหน่งในวังของลอร่าสูงกว่าผม แต่เนื่องจากหัวหน้าทหารรับจ้างนั้นประกอบด้วยคนแคระและเอลฟ์ ดังนั้นจึงต้องอ่อนน้อมต่อผมอย่างไร้ข้อกังขา ในฐานะจอมมาร
ขณะที่ลอร่าเป็นมนุษย์
ลอร่านั้นเป็นผู้บัญชาการสั่งการจากเบื้องหน้า ส่วนผมก็ปกครองจากเบื้องหลัง
เหล่าหัวหน้าอ้อนวอนด้วยสายตาขอให้ผมหยุดลอร่าที
“แบบนี้จะดีหรือครับ ฝ่าบาท ?”
“ดยุคลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ เป็นผู้บัญชกสูงสุดของกองทัพ
ส่วนข้าก็เป็นแค่เค้าท์พาลาทีนที่ออกเดินทัพมาในนามจักรวรรดิ
ข้านั้นเป็นเพียงคนนอก ได้รับคำสั่งอย่างไรก็ทำตามนั้น”
ผมหัวเราะคิก ผมเองไม่ลืมที่จะย้ำตอนท้าย
“หรือพวกเจ้าน่ะกลัวว่า จะไปถึงช้ากว่าท่านดยุครึ?
ข้าไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่า ชาวเฮลเวติก้านั้นจะไม่มั่นใจเรื่องการเดินทางบนเขาของตัวเองขนาดนี้ ”
เหล่าหัวหน้าถึงกับทำหน้าไม่พอใจ
การเหยียดล้อ ชนชาติภูมิภาคเป็นการกระทำอันไร้วุฒิภาวะ แต่ทว่ามันมักได้ผลเสมอ
อันที่จริง ประสิทธิภาพมันก็ระดับเดียวกับความหยาบคายนั้นนั่นแหละ
หัวหน้าทหารรับจ้างดูไม่พอใจนัก ก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมๆกัน
“ผู้บัญชาการสูงสุดจะไปถึงช้ากว่าพวกเราหนึ่งสัปดาห์ !”
เนื้อหาการประชุมครั้งนั้นได้ยินไปถึงทหารรับจ้างกลุ่มอื่น
เหล่าหัวหน้าต่างร้อนใจเพราะการยั่วยุดังกล่าว
กลุ่มทหารทั้งหลายต่างเร่งจังหวะการเดินทัพ เนื่องจากไม่ต้องการที่จะตามหลังทัพผู้บัญชาการ
เนื่องจากทหารรับจ้างเฮลเวติก้านั้นมักโอ้อวดเสมอว่า ทรงพลังท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภูเขา แล้วการที่พวกเขาจะช้ากว่า ‘พวกบ้านนอกจากซาร์ดิเนีย’ ขึ้นมานั้นเป็นการดูหมิ่นพวกเขาอย่างหนักหนาสาหัส
วันที่ 30 เดือน 5
ทหารจำนวน 26,910 ของจำนวนทั้งหมด 27,542 ที่เป็นทหารรับจ้างของเฮลเวติก้านั้นไปรวมกลุ่มกันที่ลูกาโน่
ครึ่งเดือนเป๊ะๆหลังจากที่ลอร่าเดินเท้าเข้าไปยังเทือกเขาแอลป์
แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ทหารเฮลเวติก้านั้นก็ไปรวมตัวกันได้สำเร็จตรงเขาทุรกันดารได้สำเร็จ
มันเร็วอย่างที่ไม่เคยเร็วมาก่อน
ทหารรับจ้างทุกหน่วยต่างมารวมกลุ่มพร้อมกันที่นี่ จากสาธารณรัฐบัทตาเวีย
พวกเขาต่างใช้คัมภีร์เทเลพอร์ทเพื่อเคลื่อนย้ายอุปกรณ์มาก่อน ด้วยการขอยืมลาทั้งหลายจากหมู่บ้านแล้วรีบเร่งมาที่นี่
เป็นไปได้ว่าจะต้องจ่ายเงินหลายพันโกลด์เพื่อซื้อทั้งคัมภีร์เวทย์และลา แต่เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขามีความตั้งใจ
ลอร่าจึงกล่าวชมเชยทหารรับจ้าง
“สมแล้วที่เป็นทหารรับจ้างชาวเฮลเวทิก้า คนละระดับกับทหารรับจ้างพวกอื่นจริงๆ เอ้า หัวหน้าฝ่ายพลาธิการ รับนี่ไป ”
ลอร่ายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับหัวหน้าฝ่ายพลาธิการที่คอยดูแลกองเสบียง
เขารับกระดาษแผ่นนั้นที่เขียนด้วยภาษาจักรวรรดิ พลางเอียงคอด้วยความสงสัย
“นี่คือ อะไรหรือครับ ท่านผู้บัญชาการ ?”
“มันคือ ใบอนุญาตให้กองทัพเราใช้เสบียงได้ตามที่ต้องการ
หัวหน้ากองพลาธิการ จงนำทหารในหน่วยของเจ้าไปทั่วทั้งลูกาโน่แล้วจัดซื้อเบียร์และไวน์คุณภาพดีที่สุดเท่าที่หาได้ ”
ลอร่ายิ้มกว้าง รอยยิ้มนั้นทำให้ทุกคนหลงไหล
“บอกทหารทุกนายไปว่า ตัวข้า ผู้บัญชาการของพวกเจ้านั้นพ่ายแพ้ต่อความกล้าหาญของชาวเฮลเวทิก้า
นี่เป็นของขวัญจากใจข้า ข้ายินดีใจพวกเจ้าทุกคนดื่มเมากันได้อย่างเต็มที่ ”
“รับบัญชาครับ !”
หัวหน้าทหารรับจ้างต่างตอบรับอย่างแข็งขัน
ทั้งเหล้าและอาหารต่างขนส่งมาด้วยเกวียนมากมาย ส่งมาเลี้ยงดูทหารทั้งหลายที่มาถึงหลังต้องเหนื่อยล้าจากการเดินทัพฃ
ทีแรก ทหารก็ยังงงๆกันอยู่ แต่พอได้ฟังเรื่องราวแล้ว ทุกคนก็โห่ร้องตะโกนดีใจออกมา
“ฉลองแด่ท่านดยุคฟาร์นาเซ่ !” เสียงนั้นดังไปทั่วที่ราบ
ถึงทหารรับจ้างจะได้ค่าจ้างราคาแพง แต่เกินกว่าครึ่งก็ต้องหมดไปกับค่าอาหาร
แถมพวกเขายังต้องซื้อ หาอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วยเงินตัวเองอีก ดังนั้นเอาเข้าจริงแล้ว ผลตอบแทนที่พวกเขาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก
เหล้าที่ดื่มกันตามปรกติก็เป็นระดับเดียวกับไวน์ที่จางจนเหมือนน้ำผสมน้ำส้มสายชู รสก็เหมือนกับเยี่ยวม้า
และการที่จะได้กินเหล้าดีๆแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ชนะศึกแล้ว จากนั้นผู้จ้างวานก็จะตอบแทนพวกเขาในวันต่อมา
แต่ตอนนี้แกลลอนเหล้าเบียร์ก็ส่งต่อกันไปให้ทุกคนทั้งที่การต่อสู้ยังไม่ได้เริ่มขึ้นด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาโห่ร้องดีใจกันใหญ่
และบทสนทนาส่วนมากของทหารหาญก็ไม่พ้นเรื่องความงดงามของผู้บัญชาการนั่นเอง
ลอร่าข้ามเขาแอลป์พร้อมกับนำทหารนับพันนาย
ขณะที่เธอนำทัพ เธอก็สวมชุดแบบเดียวกับเหล่าทหาร กินอาหารแบบเดียวกันกับพวกเขา หลับนอนที่เดียวกันกับพวกเขา
ทหารที่ได้เดินทางไปพร้อมกับลอร่าหลายสัปดาห์ต่างตื่นเต้นที่ได้เล่าเรื่องราวการเดินทางของพวกเขา
ทหารนับพันก็ปากต่อปากบอกเล่าการเดินทางเช่นเดียวกัน
การกระทำของลอร่าเผยแพร่ไปทั่วกองทัพในชั่วพริบตา
เหล่าทหารรับจ้างต่างขอบคุณลอร่าจากหัวใจสำหรับเหล้าอาหาร และพอพวกเขาได้ยินความสำเร็จที่ผ่านมาของลอร่า พวกเขาก็ยิ่งสรรเสริญอย่างไม่ลังเล
แค่เพียงราตรีเดียว ลอร่าก็สามารถเอาชนะใจพวกทหารรับจ้างหัวกบฏและแสนรั้นพวกนั้นได้แล้ว
นี่มันผลงานชั้นเยี่ยมแท้ๆ แต่อย่างไรก็ดี วันต่อมาก็มีทหารฑ์ราว 500 นายที่มาไม่ทันตามที่คุยกันไว้ตามที่นัดหมายกัน พวกเขามาถึงลูกาโน่ในที่สุด
ทหารรับจ้างหน่วยอื่นต่างล้อเลียน พวกเขา
หากพวกเราเน้นกฏระเบียบที่เคร่งครัด เราก็คงตัดสินโทษตายให้กับพวกเขาที่มาไม่ทันเวลาแล้วล่ะ
ขณะที่ทหารเกือบ สามหมื่นนายกำลังเฝ้าดูอยู่
ลอร่าก็เรียกตัวพวกนั้นมา หัวหน้าคนแคระที่เป็นผู้นำกอง มีผ้าคาดตาข้างหนึ่งปิดตาขวาไว้ก้าวออกมาข้างหน้า
“วินัยทหารนั้นเข้มงวด เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่า ได้ทำอะไรผิดไป ?”
“ทราบครับ ท่าน”
คนแคระผู้นั้นโค้งให้ด้วยความเคารพ ราวกับว่าเขาน้อมรับความผิด
“ข้ายินดีรับทุกการลงโทษ ”
“ฉันจะให้โอกาส เจ้าแก้ต่างให้กับตัวเองและกองกำลัง ทำไมพวกเจ้าถึงมาสายกัน? ”
“พวกเรามาช้าก็เพราะพวกเรามีคนบาดเจ็บและต้องการการดูแลครับ ”
ลอร่าพยักหน้า
“ถอดรองเท้าของเจ้าออก ”
มันเป็นคำสั่งปัจจุบันทันด่วน แต่คนแคระผู้นั้นก็ไม่ได้ตั้งคำถามใด
เขาถอดรองเท้าหนัง เผยให้เห็นเท้าคนแคระที่ไม่น่าดู
แผลพุพองบนเท้าของเขานั้นน่าสยอง
แต่พอเหล่าทหารรับจ้างเห็นสิ่งที่ลอร่าทำลงไปก็ถึงกับแตกตื่นกัน
“ไม่!”
“ท่านครับ !”
ลอร่าคุกเข่าลงแล้วจุมพิตเท้าของคนแคระอย่างไม่ลังเล
นั่นคือ ลอร่าที่ใครๆต่างก็กล่าวขานกันว่า เป็นผู้งดงามที่สุดในทวีป
เธอได้ประทับริมฝีปากลงไปที่อวัยวะที่ต่ำที่สุดของร่างกายของคนแคระ
ทั้งหัวหน้าและเหล่าทหารที่เฝ้าดูอยู่ถึงกับตกใจ แต่ก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกของผู้ที่ได้รับการจูบที่เท้าของตน
เขาตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง แต่ก็ไม่อาจห้ามเธอได้
ลอร่าลุกขึ้นมาแล้วหันไปดูทหารรอบข้าง
“ถึงแม้เขาจะมาไม่ทันวันนัดหมายรวมพล แต่ชายผู้นี้แทนที่จะละทิ้งทหาร
เขากลับแสดงความจงรักภักดีออกมาแม้จะรู้ดีว่า อาจต้องโดนลงโทษจากการฝืนวินัยทหาร
ทหารที่คาดหวังแต่รางวัลไม่ต่างจากฝูงชนไร้สติ ในขณะที่ทหารผู้ยอมรับแม้แต่บทลงโทษเป็นพวกแนวหน้า”
ลอร่าชี้ไปที่หัวหน้าหน่วยคนแคระและตะโกน
“ชายผู้นี้สามารถหลีกเลี่ยงบทลงโทษได้ โดยการทอดทิ้งทหารที่บาดเจ็บแล้วเร่งมาโดยไม่มีพวกนั้นได้
แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ทอดทิ้งลูกน้องและสหายทั้งหลายของเขา และไม่หนีกฏทหารด้วยซ้ำ
เหล่าทหารหาญแห่งเฮลเวติก้า!
ข้าไม่เคยเห็นนักรบคนใดที่มีความซื่อสัตย์และอุทิศตนให้กับมิตรสหายและกฏวินัยทหารเท่าเจ้ามาก่อน !”
ผู้คนต่างร้องโห่ฮา เสียงเชียร์กระจายทั่วราวกับเป็นโรคระบาดจนกระทั่งคนทั้งสามหมื่นคนร่ำร้องเป็นเสียงเดียว
คนแคระผู้นำกองนำตื้นตันใจจนคุกเข่าลงและคำนับลอร่า
ชั่วขณะนั้นเองที่ลอร่า กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเหล่าทหารหาญโดยแท้จริง
ตามปรกติ ข้อเสียหลักของทหารรับจ้างคือ แต่ละกองแต่ละหน่วยต่างมีวิถีที่แตกต่างกัน
ถึงจะเป็นทหารเดินเท้าเหมือนกันก็จริงแต่กลุ่มหนึ่งก็ชอบใช้หอกส่วนอีกกลุ่มก็ชอบใช้ดาบกับโล่ ทำให้ยากที่จะทำให้ทุกคนต่างกลมกลืนกันเพราะวิธีการใช้อาวุธส่วนตัว
ลอร่าแก้ปัญหานั้นด้วยความเชื่อใจ เธอสามารถได้ใจทั้งหัวหน้าและเหล่าทหารทั้งหลาย
จากความต้องการพื้นๆแค่อยากดวดเหล้านำไปสู่เข้าใจและตระหนักรู้ซึ้งถึงความภาคภูมิใจในตนเอง ลอร่าใช้วิธีการแบบนั้นเพื่อซื้อใจพวกเขา
มาถึงตอนนี้พวกเขาพร้อมจะยอมพุ่งร่างเข้าสู่สนามรบที่ไม่คุ้นเคยขอแค่ลอร่าสั่งการมา
พวกเขาจะภักดีต่อหัวหน้าผู้เข้าที่สนิทสนมกันและมีศักดิ์ศรีในฐานะทหารรับจ้างเหมือนๆกัน ตราบที่ลอร่าไม่ทรยศหักหลังพวกเขานั่นแหละ
สองวันต่อมา ลอร่าถ่ายทอดคำสั่งไปหลังจากให้ทุกคนพักผ่อนกันมาสองวันจนพอแล้ว
“แสดงความสามารถของพวกเราชาวภูเขาให้เจ้าพวกที่ราบมันดู !”
ถึงลอร่าเป็นหนึ่งในคนที่ราบเหล่านั้น แต่ไม่มีหัวหน้าคนใดสนใจเรื่องนั้น การเดินทัพเป็นไปโดยราบรื่น
พอพวกเรามาถึงแม่น้ำ เราก็เห็นทหารม้าจากซาร์ดิเนียตั้งค่ายอยู่อีกฝั่งราวกับพวกนั้นคาดการณ์การมาถึงของพวกเราไว้แล้ว
“ท่านครับ พวกนั้นมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ พวกนั้นเป็นทหารสอดแนม ”
“จู่โจมพวกนั้นทันที ”
“อะไรนะครับ ?”
พวกหัวหน้าต่างประหลาดใจที่อยู่ๆลอร่าสั่งให้โจมตีทันที
สีหน้าของลอร่ายังคงสงบนิ่ง
“หากพวกนั้นรู้จริงๆว่า พวกเราจะเดินทัพมาที่นี่ ก็คงจะตั้งค่ายฝั่งตรงข้ามแม่น้ำแล้ว คงไม่มีแค่ทหารสอดแนม
ดังนั้นเรื่องที่ค่ายหลักของอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งอยู่ที่นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อีกฝ่ายแค่คาดเดาคร่าวๆว่า เราอาจจะมาทางนี้ !”
ลอร่าชักดาบโค้งออกจากฝักขณะที่อธิบายให้ทหารรับจ้างเข้าใจ
“ศัตรูยังไม่รู้ว่า พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว
ดังนั้นพวกจะกวาดล้างพวกทหารสอดแนมแล้วรุกเข้าดินแดนศัตรู! บุกเข้าไป! ”
ลอค่าควบทะยานเข้าไปพร้อมม้าแซงหัวหน้าคนอื่นที่กำลังมอบคำสั่งให้ลูกน้อง ทำให้พวกเขาที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ต้องรีบตามเธอในทันที
“ระ-รีบเป่าแตรสัญญา ! บุกเข้าไป !”
“ตามท่านดยุคไป! ให้ตายเถอะ อย่าปล่อยให้ท่านบุกเข้าไปคนเดียว !”
“บุกเข้าไป ! ทหารทุกนายตามเข้าไป !”
พลเป่าแตรเป่าแตรเขาอย่างเร่งร้อน
“โอ้ ! ท่านบุกเข้าไปก่อนแล้ว !”
“เดี๋ยวโดนทิ้งหรอก ไอ้ห่า !”
ทหารทั้งหลายตะโกนเฮขณะข้ามแม่น้ำฃ
แม่น้ำสายนี้นั้นตื้น สูงแค่เพียงเอวของคนแคระ
ทหารทัพหน้า 2,000 นายจึงพุ่งทะยานข้ามแม่น้ำไปทั้งหมด
พวกเขาบุกไปอย่างไม่มีรูปขบวน ทั้งลอร่าและหัวหน้าทหารรับจ้างเอง ต่างก็นำกองทหารพุ่งเข้าไปเป็นทรงสามเหลี่ยมกลับหัว การพุ่งเข้าไปแบบนั้นออกจะเสี่ยงมากๆ
และนี่เป็นหน้าแรกบันทึกประวัติศาสตร์ของสงครามดอกเบญจมาศครั้งที่สอง
บันทึกจากผู้เขียน
และสงครามดอกเบญมาศครั้งที่สองก็กลายเป็นตำนาน
MANGA DISCUSSION