บทที่ 339 – สู่โลกใบใหม่(2)
* * *
จอมมารหลายต่อหลายตนแสดงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“อย่ามาล้อเล่นกันนะโว้ย !
ก็แกเองไม่ใช่เรอะไงวะ ที่เอาระบบลำดับชั้นนั้นออกไปแต่แรกน่ะ !?”
หนึ่งในเหล่าจอมมารตะโกนขึ้นมาและชี้นิ้วไปด้วย ทำเอาทั้งฮอลประชุมตกอยู่ในความวุ่นวาย แต่ถึงอย่างไรก็ดี บุคคลนั้นก็ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ทำเสียงดัง
“…….”
เวสซาโก้ ผู้หลักแหลม ที่ชอบบ่นนั่นบ่นนี่อยู่ไม่ขาดปาก กลับปิดปากเงียบสนิทอย่างน่าประหลาดใจ
แต่เขาเองก็เป็นคนแรกที่ยิงคำถาม
ผมได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความสนุก อย่างที่คิดไว้จริงๆเลย เจ้าหมอนี่มันหัวไว
พระราชวังแห่งนี้เต็มไปด้วยเสาหินอ่อนที่แสนจะหรูหรางดงาม หากแต่ไม่ได้เกิดเสียงกระหึ่มวุ่นวายอย่างที่คาดไว้
ไม่เลย จอมมารส่วนมากกลับนิ่งเงียบ
จะมีก็เพียงแต่ จอมมารไม่สังกัดฝ่ายใดหกหรือเจ็ดตนเท่านั้นที่ส่งเสียงดัง พลางก่นด่า ในขณะที่จอมมารสังกัดฝ่ายกลับปิดปากเงียบ
ผมสังเกตเห็นท่าทางของเวสซาโก้ที่มองไปรอบๆด้วยความตื่นตะลึง ขณะที่ผมประกาศเรื่องลำดับชั้นออกไป
ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นแล้วว่า ทั้งบาร์บาทอส,ไพมอนและมาร์บาสนั้น ต่างสงบนิ่ง และมีสีหน้าไร้อารมณ์
เวสซาโก้รู้ทันทีเลยว่า ทั้งหมดมีการตระเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
การที่เที่ยวชี้นิ้วมั่วซั่วใส่ผม นั้นหมายถึงการทำให้กองกำลังจอมมารเป็นศัตรูกับตัวเอง …….
เวสซาโก้ถอยหลังไปทันที
ทักษะความสามารถในการซัดหน้าแล้วชิ่งหนี(hit and away)นี่นับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งจริงๆ
ึฉลาดหลักแหลมอย่างกับแมลงสาบ
“ดันทาเลี่ยน, ก่อนหน้านี้เจ้าก็ประกาศเองมิใช่รึ ว่าในกองทัพจอมมารนี้จะไม่มีลำดับชั้น ลำดับขั้นอีกต่อไป
มาตอนนี้ เจ้ากลับประกาศว่า จะรื้อฟื้นมันกลับมาใหม่
นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ?”
ไม่ใช่จอมมารทุกตนที่จะหลักแหลมเหมือนอย่างเวสซาโก้
อดีตจอมมารลำดับ 6 อย่างวาเลฟอร์แก้มกระตุกขณะกล่าวถึง
เหล่าจอมมาร, ตัวตนผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุมเหล่าปีศาจทั้งหลาย ยากนักที่จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ในเมื่อปีศาจตกอยู่ใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ จอมมารจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องเล่นการเมือง
จอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจึงดูหมิ่นการเล่นการเมืองและเลือกที่จะแยกตัวอยู่เดี่ยวๆ หากเทียบกับฝ่ายที่ราบและฝ่ายภูเขาที่ประกาศตัวเป็นศัตรูต่อกันและกันมานับพันปี มุมมองของพวกนั้นก็มองว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ต่างจากเด็กตีกัน
นี่แหละนะ ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงไร้ประโยชน์ในสายตาผม เจ้าพวกนี้มันยังไม่เข้าใจจุดยืนตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ข้ายังสติดีอยู่
จอมมารทุกตนต่างเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพจอมมารอย่างเท่าเทียมกัน ”
“นี่เจ้าเข้าใจจริงๆใช่ไหมว่า กำลังพูดอะไรออกมา ?”
วาเลฟอร์ยิ้มเยาะขณะที่มองไปยังจอมมารตนอื่น
ในขณะที่มีจอมมารบางคนต่างยิ้มชั่วร้ายออกมาด้วยเช่นกัน
“นี่เจ้าพยายามจะรื้อฟื้นระบบที่เจ้าประกาศจะล้มล้างไปด้วยตัวเอง
แล้วเจ้าอธิบายต่อความ ‘ย้อนแย้ง’ ที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้ว่าอย่างไร ?”
“ไม่มีสิ่งใดย้อนแย้งทั้งนั้น”
ผมยิ้มรับ
“ข้านั้นเป็นทั้งจอมมาร และเค้าท์พาลาทีนแห่งจักรวรรดิ
หากให้ข้ายกตัวอย่างแล้ว ในฐานะจอมมารข้าเสมอภาคเท่าเทียมกับบาร์บาทอส ;
แต่ถึงอย่างไรเสีย ในฐานะสมาชิกของจักรวรรดิ ข้าอยู่ใต้บาร์บาทอสเนื่องจากนางเป็นดยุคและเป็นรักษาการณ์แทนองค์จักรพรรดิ
มันไม่ยากที่จะทำความเข้าใจเลย”
สีหน้าของวาเลฟอร์กลับบูดบึ้ง เห็นได้ชัดเลยว่า หมอนี่ไม่เข้าใจ
ช่วยไม่ได้น้า ผมเนี่ย เป็นผู้ที่มีคำว่า ใจดี อยู่เต็มอกเต็มใจ ผมจึงเพลิดเพลินเสมอต่อการสอนผู้คน
เห็นไหมว่า ผมน่ะเป็นคนใจดีใจกว้างขนาดไหน
“ข้ากำลังจะบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกปีศาจกับบนทวีปนี้นั้นต้องแยกจากกัน ”
“นี่แกกล้า …….”
“ดังนั้นแล้ว ไม่อนุญาตให้วางโตทำตัวเขื่องบนทวีปนี้
จอมมารทุกตนรวมศูนย์อยู่ในจักรวรรดิฮับบวร์ก ส่วนกิจการใดๆในทวีปแห่งนี้ต้องทำผ่านสภาจักรวรรดิเท่านั้น ”
สีหน้าของวาเลฟอร์แสดงออกถึงความเหยียดหยามและไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“สภาจักรวรดิ……? จอมมารรวมศูนย์ ……? ดันทาเลี่ยน, นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึ ?”
“นี่เจ้าตั้งใจให้พวกเราขายศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจในฐานะจอมมารให้กับจักรวรรดิที่สร้างขึ้นมาจากพวกมนุษย์โง่นี่น่ะรึ!?”
วาเลฟอร์ตะโกนออกมาพร้อมกับจอมมารหลายตน
การหักหลังกัน,การก่อกบฏ,การทรยศ …… พวกเขานั้นพ่นคำที่ไม่น่าฟังออกมา
พายุคำก่นด่าหลั่งไหลออกมา
ไม่นานเท่าใดนัก พายุนั้นก็สงบลง
สักพักก่อนที่จอมมารพวกนั้นที่หน้าแดงก่ำขณะตะโกน จะสังเกตเห็นว่า ตัวเองเป็นคนกลุ่มน้อยที่โมโหเรื่องนี้
วาเลฟอร์หันไปดูรอบๆด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่มีใครเห็นด้วยกับเขาเลย …….
ทั้งห้องต่างตกอยู่ในความเงียบงันอันน่าอึดอัด
ผมยังคงยิ้มสดใสให้กับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ข้าให้ความสำคัญน้อยมากกัความภาคภูมิใจของจอมมาร
หากท่านถามข้าว่า ข้าได้ขายไอ้สิ่งที่ว่านั่นให้กับจักรวรรดิไปแล้วหรือ
เป็นคำถามที่ดี
เกียรติยศศักดิ์ศรีที่ว่า มันไร้ค่า ไร้ราคานัก
หากเป็นไปได้ ข้าก็อยากขายไอ้สิ่งนั้นเพื่อเอาสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่ามาด้วยซ้ำไป ”
“เจ้าพูดอะไรบ้าๆแบบนั้นออกมาได้อย่างไร ! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ !?”
วาเลฟอร์ตะโกนขึ้นมา แต่ตอนนั้นเองที่ปรากฏความไม่สบายใจนักบนใบหน้าของเขา
หรือตอนนี้เขาเข้าใจบรรยากาศในห้องนี้เสียทีสินะ ? โทษทีว่ะ, มันสายไปแล้ว.
กงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลงและยุคสมัยใหม่ได้หมุนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมได้แต่หวังว่า นายจะฉลาดพอจะรู้ว่า ตำแหน่งจอมมารลำดับ 6 ก่อนหน้ามันไร้ค่าแค่ไหนเสียที
“บาอัล พล่ามถึงแต่เรื่อง ความภาคภูมิใจของจอมมาร อกาเรสเองก็ร่ำร้องแต่เรื่องนั้น
แล้วเช่นนั้น ข้าขอถาม เจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไรกัน ?
ใช่สิ่งที่ผลักหลังให้การระดมกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราให้ตกอยู่ในความวิบัติหายนะ และความแตกแยกภายในอันไม่อาจประสานคืนได้น่ะหรือ คือสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจที่ว่า ?”
ผมหัวเราะเยาะ ใบหน้าของวาเลฟอร์แดงก่ำราวกับผลแอปเปิ้ล
“ท่านน่ะพูดถึง ความภาคภูมิใจนั่นอย่างไม่อายที่ได้เข่นฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตัวเองไปแล้ว
โอ้ นี่ช่างเป็นศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจที่เยี่ยมยอดเสียจริง
ขอประทานอภัยด้วยนะ
แต่ข้าขอปฏิเสธที่จะได้รับไอ้ความภาคภูมิใจพรรค์นั้น ต่อให้ได้มาฟรีๆก็ตามที”
“เจ้า…….”
“อย่าเข้าใจข้าผิดไป หากจะมีความภาคภูมิใจใดที่เป็นอย่างเดียวที่จอมมารนั้นพึงจะมีได้ ย่อมต้องเป็นความภาคภูมิใจที่จะรังสรรค์สรวงสวรรค์ของเผ่าปีศาจทั้งผองขึ้นมาบนโลกใบนี้ ”
ผมจ้องเข้าไปตรงๆยังดวงตาสีฟ้าคู่นั้นของวาเลฟอร์
“ยุคสมัยที่ผู้กล้าผู้แกร่งฉกาจอย่างเฮอร์คิวลีสเป็นผู้ปกครองโลกนั้นจบสิ้นไปนานแล้ว
ยุคสมัยที่เที่ยวอาละวาดมั่วซั่วโดยไม่สนใจเผ่าพงศ์วงศ์ตระกูลหรือพวกพ้อง แล้วเรียกไอ้สิ่งนั้นว่าเป็นความภาคภูมิใจ ก็จบลงแล้วเช่นกัน
สิ่งที่พวกเราต้องการในตอนนี้คือ ความสามารถในการตัดสินใจที่ฉลาดหลักแหลมเฉียบคม และความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเหนียวแน่น ”
ผมก้าวลงมาจากขั้นบันไดทีละก้าว
“ในช่วงการระดมกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่สอง พวกเราได้พื้นที่ทวีปไปถึง หนึ่งในสาม แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ประสบกับความล้มเหลว
ทำไมพวกเราถึงล้มเหลวกันล่ะ ? เพราะพวกเรานั้นอ่อนแออย่างนั้นหรือ
เป็นเพราะปีศาจอย่างพวกเรานั้นด้อยความสามารถกว่าพวกมนุษย์อย่างนั้นหรือ ?”
ผมเร่งเสียงดังขึ้นทุกย่างก้าวที่เชื่องช้า จนไปยืนอยู่ตรงกลาง
วาเลฟอร์ไม่โต้แย้งโต้เถียงอะไรอีกต่อไปแล้ว
นี่ต่างหากเป็นบทพูดที่จะโน้มน้าวในทุกคน
“เรื่องนั้นไม่มีทางใช่อย่างแน่นอน มีบุคคลภายในกองทัพพวกเรากันเองนี่แหละ ที่ขัดขา
แต่ถึงอย่างนั้น ท่านก็ยังดึงดันจะเรียก การทรยศเช่นนั้นว่าเป็นความภาคภูมิใจของจอมมารอย่างนั้นรึ ……. เป็นโจ๊กที่ไม่ขำเอาเสียเลย ”
“เหอะ ,แล้วไอ้การที่ไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดินั้นมันเกี่ยวกับความภาคภูมิใจของจอมมารเรอะ !?”
วาเลฟอร์ตะโกนขึ้นมา เขาดุดันเหมือนกระทิงโกรธ
“ถ้าเช่นนั้น ก็เอาเลย ท่านก็จงปลดธงของจักรวรรดิฮับบวร์ลงจากยอดเสาได้เลย ”
ผมมองวาเลฟอร์อย่างเย็นชา
“ประกาศตัวต่อโลกใบนี้ไปเลยว่า ท่านจะตั้งใจจะเป็นศัตรูกับมนุษยชาต
พวกมนุษย์จะได้ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วบุกสถานที่แห่งนี้ในทันที
หรือท่านคงจะเชื่อจริงๆสินะ ว่าสามารถเอาชนะพวกมนุษย์ทั้งหลายได้ ทั้งที่กองทัพจอมมารของพวกเรายังวุ่นวายกับความแตกแยกภายในกันอยู่ไม่หยุดหย่อน ?”
“การพูดถึงความพ่ายแพ้ก่อนการสงครามนั้นเป็นพฤติการณ์ของไอ้คนขี้ขลาด !
กองทัพจอมมารย่อมต้องชนะเสมออยู่แล้ว ”
ผมส่ายหัวแล้วขำ
“นี่ท่านยังไม่เข้าใจอีกรึ ว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบใดกันอยู่ตอนนี้ ?
หากพวกเราประกาศออกไปอย่างเป็นทางการเลยว่า
พวกเรานี่แหละเป็นศัตรูของมนุษยชาติ แล้วไประดมกำลังกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราเหมือนตามขนบที่ทำๆกันมา
มันจะไม่มีคำว่า ได้รับชัยชนะ หรือการพ่ายแพ้อีกต่อไป
ทั้งฝ่ายปีศาจและฝ่ายมนุษย์จะเผชิญหน้าเข่นฆ่าล้างกันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสูญพันธุ์สูญสิ้นไป ”
เหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์ถึงยอมรับกองทัพจอมมารให้มีตัวตนอยู่บนผืนทวีปนี้ก็เพราะ พวกเราสวมหน้ากากว่าเป็น จักรวรรดิฮับบวร์ก
แต่ดูเหมือนยังมีคนที่ไม่ตระหนักถึงความจริงเรื่องนี้อยู่อีก
“ยืนยันหนักแน่นว่าจะได้ชัยชนะแน่นอน ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์อันตราย แล้วเรียกคนที่เห็นโอกาสที่จะพ่ายแพ้ว่า คนขี้ขลาด…….”
ผมยิ้มเยาะ
“ก็เข้าใจได้ ว่าทำไมที่ผ่านมา กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราถึงได้ประสบแต่ความล้มเหลวจวบจนถึงบัดนี้
ข้าชักไม่แปลกใจแล้วว่า ศึกที่ควรชนะได้ ทำไมถึงกลับแพ้”
“จะ-เจ้าพูดอะไรของเจ้า……?”
“ข้ากำลังพูดถึง เจ้าพวกโง่ที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงว่าเป็นส่วนเกินของกองทัพจอมมารใหม่ ”
วาเลฟอร์ถึงกับพูดไม่ออกเพราะผมยั่วโมโหอย่างรุนแรง
ผมไม่สนใจเขาอีกต่อไป แล้วหันไปพูดกับฝูงชนแทน
“อะไรคือ สรวงสวรรค์บนดินแด่เผ่าปีศาจกัน ?
ต่างคนต่างมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน จะฝ่ายที่ราบที่เชื่อว่า ประเทศชาติสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นคำตอบ ”
ผมหันหน้าไปทางฝ่ายที่ราบก่อนจะหันกลับมาอย่างช้าๆ
“มีบางกลุ่มเหมือนกันที่เชื่อว่า การกำจัดกวาดล้างมนุษย์ให้หมดสิ้นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นแล้วจึงเชื่อว่า การประนีประนอมร่วมมือกันกับพวกมนุษย์แล้วยึดที่ดินให้เป็นของปีศาจนั้นเป็นคำตอบที่เป็นไปได้จริงมากกว่า”
“…….”
“หรืออีกพวก ที่เชื่อว่า การถนอมรักษาดินแดนที่ยึดมาได้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำได้ ”
อุดมการณ์พวกนั้นผมหมายถึง ของฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง ตามลำดับ
“ข้าไม่เชื่อเลยว่า แนวคิดความเชื่อใดถูกต้องเหมาะสมกว่าความเชื่อใด
มีแต่ผู้มีสติปัญญาหลักแหลมกว่าข้าเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามนี้ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าพวกท่านจะสนับสนุนฟากไหนฝ่ายไหน ก็เห็นกันอยู่ชัดเจนแล้วว่า หน้ากากที่ชื่อว่า ราชอาณาจักรฮับบวร์กเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ”
ถูกต้องแล้ว
ทุกฝ่ายเองก็อยากใช้ชื่อ จักรวรรดิ
“ฝ่ายที่ราบที่ต้องการความชอบธรรมในการพิชิตและปกครองพวกมนุษย์
หากพวกนั้นกระทำในนามของกองทัพจอมมาร ย่อมต้องถูกพวกมนุษย์ร่วมมือกันอย่างแข็งขัน
แต่หากเอาชื่อ จักรวรรดิบังหน้าแล้ว ย่อมต้องเกิดความแตกแยกภายในฝักฝ่ายของพวกมนุษย์ จากมุมมองของยุทธศาสตร์แล้ว
การใช้ชื่อ สวมหน้ากากจักรวรรดิ์ฮับบวร์เป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง ”
จอมมารฝ่ายที่ราบจึงเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้
“ฝ่ายภูเขาเองก็ปรารรถนาที่จะประนีประนอมกับพวกมนุษย์
การที่จะเจรจาต่อรองกับพวกมนุษย์เองก็จะง่ายขึ้นมาหากทำผ่านจักรวรรดิ ไม่ใช่ในนามแห่งกองทัพจอมมาร
ชื่อของจักรวรรดิฮับบวร์กจึงเป็นสิ่งจำเป็นในจุดยืนทางการเมือง ”
จอมมารฝ่ายภูเขาจึงเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้
“และ การที่ทั้งสองฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเดียวกัน ไม่เพียงแต่ไม่ต้องเผชิญหน้าทะเลาะกันแล้ว หากแต่ยังสามารถสมานฉันท์สร้างความสัมพันธ์อันดี ร่วมมือกันกับทั้งสองฟากฝ่ายด้วยในบางครั้งบางคราว
ดัวยเหตุนั้นเอง จักรวรรดิฮับบวร์กจึงเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมสำหรับฝ่ายเป็นกลาง ”
จอมมารฝ่ายเป็นกลางจึงเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้
ผมได้โน้มน้าวทั้งสามกลุ่มก่อนจะมาอยู่ ณ จุดนี้ไว้ก่อนแล้ว
“ต่อให้ความปรารถนาในหัวใจของเราจะต่างกันออกไป แต่พวกเราร่วมมือกันได้
ไม่มีที่ว่างให้กับ ความภาคภูมิใจของจอมมารที่ว่า
จะมีก็แต่ การรู้จักคิด และไมด์เซ็ทที่แจ่มชัดเช่นนี้เท่านั้น
ท่านเข้าใจไหม,วาเลฟอร์ ?”
ผมหันกลับไปมองวาเลฟอร์
“พวกเราจะร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมใหม่ให้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ
นี่คือ ศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจในฐานะผู้ปกครอง
นี่คือ พันธกิจ หน้าที่ในฐานะผู้ปกครอง
ไอ้เรื่องเฟื่องฟันเพ้อเจ้อนั่นโยนไปให้หมาแดกเถอะ ”
“…….”
มีเพียงกลุ่มเดียวที่ต่อต้านความฝันและอุดมการณ์เรื่อง สังคมของเผ่าปีศาจนั่นคือ กลุ่มจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ผมยิ้มอย่างเย็นชา
“แต่ถึงกระนั้น หากพวกท่านทั้งหลายยังคงปรารถนาที่จะไล่ตามความภาคภูมิใจแบบนั้นต่อไป เอาเลย ทำได้ดั่งใจท่านปรารถนาเลย
แต่ขอให้รู้ไว้ว่า ยามเมื่อท่านทำเช่นนั้น ท่านกำลังเปลี่ยนทุกฝ่ายให้เป็นศัตรูของพวกท่าน
กองทัพจอมมารเราไม่มีพื้นที่ให้กับเหล่านักฝันเฟื่องสวยหรูอีกต่อไป”
วาเลฟอร์กัดกรามแน่น แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก นายก็คงเห็นจุดจบของบาอัลและอกาเรสแล้ว
ผมพยักหน้าแล้วหันกลับไปหาจักรพรรดิรูดอล์ฟ
“ได้โปรดประกาศ ลำดับชั้นด้วยขอรับ ฝ่าบาท ”
MANGA DISCUSSION