บทที่ 318 – ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (6)
* * *
15 วันหลังจากเริ่มสงครามการทูต
อลิซาเบธก็ยอมเดินเกมเสียที
“เหล่านักบุญหญิงทั้งหลายต่างรุมประณามพวกเราอย่างนั้นรึ?”
“ค่ะ, ฝ่าบาท พวกนางได้ประกาศเมื่อวานนี้”
อิวาร์ตอบอย่างสุภาพ
“เหล่านักบุญจากวิหารไพไซดอน และอาเรส ได้ทำการประณามจักรวรรดิฮับบวร์กอย่างเป็นทางการ
พวกนางประณามว่า จักรวรรดินั้นเป็นดั่งอีตัวที่หลงลืมหน้าที่ตัวเองในฐานะมนุษย์แล้วขายเรือนร่างให้แก่พวกปีศาจ”
“อ้อ เข้าใจแล้ว พวกนั้นใช้ศาสนาสินะ”
ผมถึงกับอึ้ง
นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมทูตที่อลิซาเบธส่งมาถึงได้กระจอกงอกง่อยขนาดนั้น
อลิซาเบธไม่คิดจะตั้งใจเอาชนะในศึกการทูตอยู่แล้ว
เธอหงายไพ่ใบใหม่ อย่างการใช้ศาสนาขึ้นมาเล่นในสนาม
“…….”
พอผมคืนสติมา ก็เห็นอิวาร์ทำหน้าแปลกๆ
“อื้ม?ใช่ ทำได้ดีมาก เจ้าได้ข้อมูลสำคัญนี้มาได้ภายในวันเดียวเอง ทำได้ดีจริงๆ อิวาร์”
“ไม่ใช่แบบนั้น…… อ่าา อาจจะใช่ก็ส่วนหนึ่ง แต่”
ผมลูบหัวอิวาร์เบาๆ อิวาร์ทำหน้าเขินอายขณะที่ตัวก็บิดไปบิดมาขณะที่โดนผมลูบ น่ารักซะจริง
ผมแสดงรอยยิ้มเหมือนดั่งเป็นพ่อ แล้วดึงเอวอิวาร์เข้ามาใกล้
‘อ้ะ’ อิวาร์ร้องออกมาเบาๆก่อนที่โน้มหาผม
ผมประคองอิวาร์ไว้ในอ้อมแขน แล้วใช้นิ้วมือลูบไล้ตามเรือนผมสีทอง
“ฝะ-ฝ่าบาท, นี่ยังกลางวันแสกๆอยู่เลย…….”
“จะไม่ว่าเวลาไหน ก็พักผ่อนเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ มีอะไรที่เจ้าอยากขอร้องข้าหรือ?”
ใบหน้าของอิวาร์กลับแดงก่ำขึ้นมายามที่ผมกระซิบข้างหูเธอ
อ๊าาาา ลอร่าเคยใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้เหมือนกัน
สักวันอิวาร์จะกลายเป็นคนเฉยชาเหมือนลอร่าไหมนะ?
“อ่าา……นี่ก็เพราะฝ่าบาทมิได้โมโหเหมือนที่ผู้น้อยคิดไว้
……. แถมยัง น่าแปลกใจด้วยที่ดูเหมือนท่านจะมีความสุขเพราะเรื่องนี้”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เธอพูดถูก ผมรู้สึกสบายใจตอนที่เธอรายงานข่าวนี้ให้ฟัง
มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่นั่งดูคู่ต่อสู้ขยับหมากบนกระดานโกะ
“เพราะข้ารู้ดีน่ะ ว่าคอนซูลอลิซาเบธจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป”
“……ดูเหมือนฝ่าบาทจะประเมินคอนซูลแห่งสาธารณรัฐไว้สูง”
“แม่นั่นน่ะเป็นอัจฉริยะ”
หากประวัติศาสตร์ไหลไปตามกระแสที่ควรเป็น ไม่ว่าอย่างไรเสีย นางก็จะกลายเป็นจักรพรรดินีองค์ต่อไปของฮับบวร์กอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้น จักรวรรดิกลับล่มสลายลง อลิซาเบธจึงต้องอยู่ในฐานะคอลซูลของประเทศที่เป็นสาธารณรัฐแทน
สิ่งที่เรียกว่าชีวิตช่างลี้ลับเหลือเกิน
“…….”
อิวาร์มองผมด้วยสายตาแปลกๆอีกครั้ง คราวนี้ในดวงตาสีม่วงของเธอเจือด้วยอารมณ์บางอย่าง……ไม่สบายใจอย่างนั้นรึ?
ความวิตกกังวลและลังเลใจ ปนเปกันไป
พอผมเอียงคอสงสัย อิวาร์ก็พึมพัมเสียงเล็ก
“……สำ-สำหรับฉันแล้ว, ฝ่าบาทช่างน่าประทับใจเหลือเกิน”
อิวาร์หันหน้าไปทางอื่น ราวกับอยากที่จะวิ่งหนีไปเพราะอายกับคำพูดที่ตัวเองพูดออกมา
ตุบ ตุบ, เสียงหัวใจผมเต้นเป็นจังหวะระรัว
น่าเอ็นดูเหลือเกิน!
เจ้าสิ่งมีชีวิตสุดน่ารักน่าเอ็นดูนี่มันอะไรกันน่ะ?
หรือเธอจะเป็นอุปกรณ์ลอบสังหารที่อลิซาเบธส่งมาเป็นการลับเพื่อฆ่าจอมมาร?
ผมตะลึงกับพลังทำลายล้างที่แท้จริงของนางเอกเกม
ความน่ารักระดับนี้นี่มันถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงต่อหน้าผมเลย
‘อึก’
ผมอยากสวมกอดอย่างรักใคร่ ณ บัดนี้เลย แต่ ผมต้องยั้งตัวเองไว้ก่อน
หากผมหลับนอนกับเธอมากเกินไป สุดท้ายเธอจะกลายเป็นเหมือนลอร่า หากเป็นเช่นนั้นแล้วผมต้องสิ้นหวังในชีวิตแน่ๆ
ผมควรทำอะไรให้ต่างไปจากที่ไปเที่ยวกับลอร่า ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่า ความฝันของเด็กสาวคืออะไร
ผมควรที่จะเข้าหาเธออย่างอ่อนโยน นุ่มฟู แบบคู่รัก
แต่ทั้งหมดที่เราทำก็มีแต่เซ็กส์
เซ็กส์ในตอนเช้า,เซ็นหลังมื้อเที่ยง,เซ็กส์ก่อนนอน เพราะเหตุนั้นแหละลอร่าก็เลยด่าผมว่า
‘ผู้ชายนี่มันไม่ต่างจากสัตว์ และฝ่าบาทก็เป็นสัตว์ร้ายขี้เงี่ยนที่สุดในบรรดาพวกนั้น’
หมดสิ้นแล้วซึ่งความหวัง แลความฝัน
เช่นนั้นแล้วผมถึงได้ตัดสินใจบรรจงจูบเบาๆที่หน้าผากอิวาร์
“สำหรับข้าแล้ว เจ้านั้นงดงามเป็นที่สุด”
“……!”
อิวาร์หน้าแดงอย่างกับกาต้มน้ำ
น่ารักเหลือเกิน ผมอยากกลืนกินเธอเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ผมทำไม่ได้
ควรจะเหลือเนื้อไว้กินท้ายสุดของชามแกงกะหรี่ ผมจึงปล่อยอิวาร์ให้อยู่คนเดียวในวันนี้เช่นกัน
“แล้วประเทศต่างๆตอบรับอย่างไร?”
“พวกนั้นดูเหมือนจะตกใจกับคำประกาศที่กะทันหันแบบนั้น
พวกตัวแทนแต่ละชาติวางแผนจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะมีคำสั่งมาจากประเทศ
แต่ตัวแทนส่วนมากก็ไม่ใส่ใจเรื่องนั้นเหมือนกัน”
“เราควรไปชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
หากให้พวกนั้นมีข้อมูลมากกว่านี้อาจยิ่งก่อให้เกิดความไม่เชื่อใจในตัวพวกเรามากขึ้นไปเรื่อยๆ
“แต่ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพวกเรา จะไม่ดีกว่าหรือคะถ้าจะบอกให้พวกเขารู้ทีหลัง?”
“เพราะมันเป็นข่าวไม่ดีเกี่ยวกับตัวเรานี่แหละ เราถึงควรบอกพวกเขาก่อน
หากเราซื่อสัตย์จริงใจที่จะบอกข่าวนั้นแม้มันส่งผลลบต่อเรา ความเชื่อมั่นในตัวพวกเขาที่มีต่อเราก็จะมากขึ้น”
ถึงอย่างไรเสียพรุ่งนี้ทุกคนก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี
ดังนั้นแล้วสู้บอกให้ทุกคนรู้เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจไปก่อนดีกว่า
จุดนี้เป็นมุมมองที่ต่างกันระหว่าง อิวาร์,ที่เป็นพ่อค้า และ ผม,ที่เป็นนักการเมือง
“ดังนั้นตอนนี้แล้วข้าควรที่จะไปพบตัวแทนทูตของแต่ละชาติ
พวกเขาคงคิดไม่ถึงกันหรอกว่า จะมีเหล่านักบุญหญิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย พวกเขาคงกระวนกระวายใจอยากคุยกับพวกเราแล้ว”
“…….”
เอ๋ อยู่ๆอิวาร์ก็ทำสีหน้าแปลกๆขึ้นมาอีก แต่คราวนี้ผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเธอทำหน้าทำตาแบบนั้น
ผมสามารถดูความคิดในหัวของเธอได้ผ่านหน้าต่าง แต่ช่วงนี้ผมพยายามที่จะใช้หน้าต่างพวกนั้นให้น้อยที่สุด
หน้าต่างสเตตัสน่ะมันสะดวกจนเกินไป
และยังเกิดความเสี่ยงด้วย หากผมขี้เกียจจนเกินกว่าจะรู้จักสังเกตสังกาคนรอบข้างด้วยตัวเอง
ผมอยากที่จะล่วงรู้ความคิดนึกของผู้คนได้ผ่านดวงตาและสัญชาตญาณของตัวเองให้มากที่สุด ยิ่งถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญ
ไม่อย่างนั้นแล้วความสามารถในทางการเมืองของผมจะโดนสนิมจับเอาเปล่าๆ
อิวาร์ถอนใจออกมา
“อย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ,แม่นั่นโกหก”
“แม่นั่น?”
คำพูดต่อไปเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ฉันพูดถึง หัวหน้าเมด เดซี่อยู่ค่ะ
จริงๆมันไม่ก็สมควรนักที่จะพูดไม่ดีกับหัวหน้า แต่ขออนุญาตพูดออกมาด้วยความไม่เคารพด้วยค่ะ
นางพูดออกมาได้อย่างไม่อายเลยว่าฝ่าบาทเอาสไลม์ใส่เข้าไปไว้ในตัวนาง!”
“…….”
นังชั่วเดซี่
“แถมเธอยังแต่งเรื่องด้วยว่า สไลม์ตัวนั้นเป็นอุปกรณ์ช่วยตัวเองที่เชื่อมต่อกับพี่ชายของเธอ
ก็คือ นางให้ร้ายฝ่าบาทว่าบังคับให้ร่วมประเวณีกับพี่น้องตัวเองโดยใช้สไลม์เป็นตัวกลาง”
“……ช่างเป็นการให้ร้ายที่ไม่มีมูลความจริงเอาเสียเลย”
“จริงค่ะ เป้าหมายของการพูดอะไรโรคจิตๆแบบนี้เป็นไปเพื่ออะไรกันคะ?
ฉันแน่ใจเลยว่า ทั้งหมดเป็นเพียงความละเมอเพ้อพกไปเองของหัวหน้าเมด”
อิวาร์พ่นลมออกจมูกด้วยความหยามเหยียด
“ฝ่าบาทคะ, ฉันมีคำถามค่ะ, เหตุใดท่านถึงเอาเด็กมนุษย์มารับเป็นลูกบุญธรรมกันคะ?
นางเป็นเด็กที่ชั่วร้ายและหื่นกามแต่กำเนิด”
“……ข้าสงสารเดซี่เพราะหมู่บ้านของนางโดนลูกหลงจากสงครามน่ะ”
แต่ถ้าว่ากันตามตรง ผมนี่แหละที่เผาหมู่บ้านแห่งนั้นเอง
“ฝ่าบาทน่ะ มีแนวโน้มที่จะใจอ่อนกับนาง
จนมองข้ามพฤติกรรมแย่ๆทั้งหมดไปเพียงเพราะนางเป็นลูกบุญธรรม
ฉันขอแนะนำนะคะ ถึงเธอจะยังเด็กอยู่ แต่เธอก็สมควรได้เรียนรู้แนวคิดเรื่องเพศ ที่ถูกต้องเหมาะสม”
“ใช่ เจ้าพูดถึง การศึกษาเรื่องเซ็กส์เป็นสิ่งสำคัญจริงๆ”
ผมนี่แหละที่มอบการศึกษาให้นาง
เรื่องนั้นมันช่างทิ่มแทงผมเสียจริงๆ…….
ผมน่ะยังคงรู้สึกดีกับด้านที่เป็นหญิงสาวผู้ใสซื่อของอิวาร์ แต่ขณะเดียวกันผมเองก็ทนดูเธอต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น อิวาร์ ไปเรียกเดซี่มาที่นี่ ข้าจะเริ่มทำการสอนนาง ณ บัดนี้”
“ตามบัญชาค่ะ”
“อ้อ แล้วเจ้าจะไปพบกับพวกทูตนานาชาติด้วยใช่ไหม จงไปในฐานะตัวแทนของข้า
พวกนั้นคงรู้อยู่แล้วว่า เจ้าเป็นเมดของข้า ดังนั้่นเจ้าก็ควรจะมีบทบาทอื่นนอกจากคนส่งข่าวของข้าด้วย ”
อิวาร์ตอบรับว่า ไว้เป็นหน้าที่ของเธอเองก่อนจะออกจากห้องไป
ในวันนั้น เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของเดซี่ดังในห้องของผมไม่หยุดไม่พัก
(TTL : พรี่ดันที่รู้สึกอายตัวเอง
นำไปสู่หนทางการแก้ไข? (ไม่)
ทรมานเดซี่ต่อไป (ใช่) )
* * *
สถานการณ์เลวร้ายลง
วันต่อมาหลังจากนั้น นักบุญหญิงวิหารเฮสเทีย ประณามอย่างเดียวกันกับนักบุญหญิงก่อนหน้า
ทางนั้นประกาศว่า จักรวรรดิฮับบวร์กให้การร่วมมือกับกองทัพจอมมาร และยังบอกด้วยว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นดั่งการมอบทวีปทั้งทวีปให้ตกอยู่ในเงื้อมือของปีศาจ
หากนับรวมแล้วเหล่านักบุญหญิงทั้งสามที่สนับสนุนก็มี นักบุญหญิงจากวิหารโพไซดอน,เอเรสและเฮสเทีย
โพไซดอนเป็นศาสนาหลักของซาร์ดิเนีย
เอเรสเป็นของเครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์เนีย
และเฮสเทียเป็นของราชอาณาจักรมอสโคว
ราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย และเครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์เนียนั้นให้การสนับสนุนอลิซาเบธมาตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้นแล้ว หากนับรวม ศาสนาเฮสเทียของมอสโควไปด้วย อลิซาเบธเองก็มีพรรคพวกเพิ่ม
ดังนั้นคะแนนตอนนี้จึงเป็น 4:3
ผมยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้ากำลังทำสงครามการทูตในขณะที่อลิซาเบธทำสงครามศาสนา”
แม้จะไม่มีของมีคม หากแต่เป็นการสู้รบที่ดุเดือด
จริงอยู่ที่โบสถ์และรัฐต่างแยกขาดจากกันกระจายตัวไปทั่วทั้งผืนทวีป หากแต่นักบุญหญิงนั้นเป็นดั่งที่เคารพบูชาของผู้คน
หากนักบุญหญิงประณามหยามหมิ่นสิ่งใด ประชาชนก็ย่อมทำตามด้วย
พวกข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่อุทิศตัวเองให้กับองค์กรก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน
อิทธิพลของพวกนั้น ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและแพร่ไปได้อย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ที่ผมเผชิญหน้าอยู่ ขณะนี้ผิดคาดไปเล้กน้อย
“ท่านปรารถนาที่จะพบนักบุญหญิงของชาติเราหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว”
ตัวแทนจากราชอาณาจักรบริททานี่นั่นเอง
ท่านทูตคนดีคนเดิมที่เพลิดเพลินไปกับสงครามทางการทูตก่อนหน้านี้
จริงอยู่ที่ราชินีเฮนริเอตต้าสามารถเลือกอยู่ฝ่ายสาธารณรัฐได้ แต่การทำแบบนั้นจะทำให้ชาติของเธอตกอยู่ในอันตราย
ผมจึงแน่ใจเลยว่า เธอคงดีใจแน่ๆที่เหล่านักบุญหญิงทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้าน
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
ผมต้องขอกลับไปถามองค์ราชินีก่อน”
“นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ขอให้เจ้าไปถามโดยเร็ว”
ถึงจะลังเลสงสัยอยู่บ้างแต่สุดท้ายเขาก็ติดต่อราชินีให้ผม
ผมเข้าห้องส่วนตัวและใช้ลูกแก้วของบริททานี่
ม่านหมอกเต็มลูกแก้วก่อนจะปรากฏรูปร่างของเฮนริเอตต้า
เธอน่าจะอยู่ระหว่างทำงานเอกสารหรืออะไรสักอย่าง เพราะมีกองเอกสารกองแฟ้มพะเนินเทินทึกอยู่ที่โต๊ะ
ผมยิ้มออกมา
“เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ,ฝ่าบาท?”
“ข้าสาปแช่งเจ้าอยู่ทุกวี่ทุกวัน”
มุมปากเฮนริเอตต้ากระตุก
แถมยังมีถุงใต้ตาอีกด้วย
“อ้อ เหรอ? ดูเหมือนเธอจะเหนื่อยมากเลยสินะ”
“นี่ก็เพราะมีจอมมารตนไหนสักตนหนึ่งมาก่อเหตุสร้างความแตกแยกในแดนดินของข้า
ชนชั้นสูงฝ่ายเราก็ยิ่งก่อปัญหาขึ้นมากันใหญ่
ขอบใจเจ้ามากเลยจริงๆที่ทำให้ข้ามีช่วงเวลาที่แสนดีขนาดนี้”
“ช่างเป็นสหายที่น่ากลัวเสียจริง”
ผมหัวเราะออกมา
ราชินีเฮนริเอตต้าหันตัวมาหาผมแล้วไขว้ขา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเฮนริเอตต้าในชุดธรรมดาๆที่ไม่ใช่เครื่องแบบทหาร
ชุดสีม่วงที่ดูเรียบง่าย สวมใส่สบายตัว ทั้งยังดูสดชื่น ช่างเหมาะกับเฮนริเอตต้าจริงๆ
“ข้าได้ยินว่า ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเค้าท์พาลาทีน ขอแสดงความยินดีด้วย
เอาล่ะ ข้าคิดว่า สิ่งนั้นมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรสำหรับท่านนักหรอก”
“ขอบคุณมากครับ ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณฝ่าบาทเลยจริงๆ”
“……พอรู้ว่า นั่นเป็นเรื่องจริงก็ยิ่งทำให้ข้าโมโหนัก
ข้าล่ะหวังจริงๆให้เจ้าน่ะตกนรกหมกไหม้ไปเลย”
ผมได้รับการแต่งตั้งก็เพราะเอาชนะเฮนริเอตต้าได้ เฮนริเอตต้าเองก็เลยพูดแบบนั้นเพราะเข้าใจความหมายแฝงของผม
ผมหัวเราะอีกครั้ง
เธอเป็นราชินีที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยนี่นา?
“แล้วมีธุระอะไรกับข้า?
อย่าพูดแล้วกันว่า ที่มาคุกคามตัวแทนประเทศของข้าเพียงเพราะอยากหยอกข้าเล่นน่ะ”
“คอนซูลของสาธารณรัฐฮับบวร์กใช้เหล่านักบุญออกหน้าแทน”
ผมเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะได้สู้กันด้วยแผนทางการเมือง แต่ข้าทำอะไรไม่ได้มากนักหากดึงศาสนามาเกี่ยวข้องด้วย
เนื่องจากโชคไม่ดีนัก ที่ข้ามีเส้นสายกับศาสนานิกายต่างๆในโลกนี้น้อยเหลือเกิน”
“ช่างเป้นคำพูดชวนให้ประหลาดใจมากยามที่มันออกมาจากท่านนักบวช จอน โบล”
เฮนริเอตต้าเย้ยหยัน
“แล้ว?”
“ข้าจึงอยากพูดคุยกับนักบุญหญิงแห่งประเทศของท่าน นักบุญหญิงลองวี่”
นักบุญหญิง แจ็คเกอลีน ลองวี่
เธอเป็นนักบวชแห่งองค์เทพีเอเธน่า และเป็นผู้พิทักษ์แห่งราชอาณาจักรบริททานี่
ในสงครามก่อนหน้า เธอโดนทหารของพวกเราจับกุมตัวตอนที่พยายามป้องกันเมืองปารีส และสุดท้ายก็ส่งตัวเธอคืนกลับไปภายใต้สนธิสัญญาสงบศึก
เฮนริเอตต้าขมวดคิ้วมุ่ย
“……นายวางแผนอะไรอยู่, ดันทาเลี่ยน?”
“อย่าห่วงกังวลไปเลย ข้าน่ะเปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นอยู่แล้ว”
ผมฉีกยิ้มกว้าง
MANGA DISCUSSION