บทที่ 277 – การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(5)
* * *
พวกเราส่งจดหมายเจรจาไปหาในทันที
「เป้าหมายของพวกเราคือ การจัดการกับจอมมารอกาเรสที่ตั้งฐานทัพอยู่ทางตะวันตกของฟรานเคีย」
「พวกเราหาได้ตั้งใจรุกรานฟรานเคียไม่, ดังนั้นแล้วพวกเราจึงขอให้เปิดทางผ่านให้กับพวกเราด้วย
……ผู้สำเร็จราชการแห่งดินแดนฮับบวร์ก, บาร์บาทอส」
เหตุการณ์นี้ก็คล้ายกับสมัย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ขอให้เกาหลีนั้นเปิดทางให้เพื่อที่เขาจะได้รุกโจมตีราชวงศ์หมิงได้โดยสะดวก
การที่ขอให้อีกฝ่ายเปิดทางให้นั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่ในยุคสมัยแบบนี้ พื้นที่ที่กองกำลังอีกฝ่ายเข้ามาได้ก็มีแต่จะกลืนกินด้วยการปล้นฆ่าเท่านั้นแหละ
ไม่มีผู้ปกครองคนใดนั่งเฉยๆแล้วปล่อยให้คนพวกนั้นเข้ามาเหยียบย่ำหรอก
ลอร่าส่ายหน้าขณะที่ผมพูดแบบนั้น
“แต่ นายท่าน คงไม่ใช่กับผู้ปกครองแบบจักรพรรดิเฮนรี่แห่งฟรานเคียหรอก?”
“เอ่อ อืมมม……. ไอ้หมอนั่นมันบ้าเสียจนเที่ยวไปขอความช่วยเหลือจากต่างชาติเพื่อมาโค่นล้มอำนาจแม่ตัวเอง คนบ้าๆบอๆแบบนั้นเป็นข้อยกเว้นก็แล้วกัน”
บางทีในบางเรื่องก็มีข้อยกเว้นเหมือนกัน บางทีน่ะนะ
ผมกับลอร่าเราต่างนั่งจิบชาอยู่ในเต๊นท์
กองทัพจอมมารกำลังเตรียมการรบในสงครามหลังจากยอมรับแผนของผม
การสร้างเครื่องแบบสีขาวสะอาดทำให้ทั้งทหารปีศาจที่เข้าร่วมกับกองกำลังทหารฝ่ายมนุษย์นั้นดูน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น
ผมบอกทุกคนไปแล้วว่า ตัวเองจะมุ่งเป้าที่ไปการเจรจาทางการทูตเพื่อเป็นข้ออ้างนอนอู้สบายๆ
ผมกับลอร่างผ่อนคลายไปกับน้ำชา ในขณะที่ทุกคนวิ่งวุ่นกันอยู่
“ขณะเดียวก็นี่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายในการขอประนีประนอมกัน
จริงๆเฮนริเอตต้าสมควรเปิดทางให้กับพวกเรา
ซึ่งการทำแบบนั้นมันก็ดีกว่าที่จะมาปกป้องอกาเรส”
การเลือกวิธีแบบนั้น ดินแดนของเธอก็โดนทำลายไปเล็กๆน้อยๆ แต่จะไม่ถูกยกระดับกลายเป็นสงครามได้
เฮนริเอตต้าอาจเป็นนักปกครองหัวรุนแรงไปสักหน่อย แต่ก็ไม่มีทางที่นางจะไม่ตระหนักถึงเรื่องนั้น
“แต่ถึงอย่างไรก็ดี ทางเลือกนั้นก็ทำให้ต้องรับภาระหนักทางการเมืองแทน”
“ภาระทางการเมืองหรือคะ?”
“ในตอนนี้ ฟรานเคียนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ของราชินีเฮนริเอตต้า
เหตุผลที่ชนชั้นสูงของฟรานเคียยังคงอดทนต่อการกดขี่นี้ก็เพราะความเข้มแข็งของกองกำลังราชินี”
การปฏิวัติใหญ่น้อยนั้นเกิดขึ้นอยู่ทุกๆปีในฟรานเคีย
บางครั้งก็เกิดขึ้นจากพวกชนชั้นสูง บางครั้งก็เกิดขึ้นจากสามัญชนที่ได้รับอิทธพลจากแนวคิดสาธารณรัฐ
ทุกครั้งที่เกิดการปฏิวัติขึ้น เฮนริเอตต้าก็ฆ่าล้างพวกทหารก่อกบฏทิ้ง
“หากเฮนริเอตต้าตอบรับคำขอของพวกเรา ชาวเมืองฟรานเคียย่อมต้องโมโหโกรธแค้นกันอย่างไม่ต้องสงสัย.
ทำไมไอ้คนที่มันฆ่ามนุษย์ด้วยกันโดยไม่กะพริบตา อยู่ๆกลับมาเชื่องเป็นลูกแกะตอนที่พวกปีศาจมันบุก?
นี่แกมันคนประเภทไหนกัน……?”
ผมจิบน้ำชาเบาๆ ของเหลวอันอบอุ่นไหลลื่นผ่านคอลงสู่ท้อง
จริงๆผมไม่รู้หรอกว่า ทำไมผู้คนถึงคิดว่าชามันรสชาติดีกัน แต่สำหรับผมที่ผมดื่มก็เพราะมันทำให้ผมรู้สึกอุ่นอยู่ข้างใน
ถึงผมจะเป็นชาวเมืองสุดจะคูล แต่ผมก็รู้ความอุ่นไอของชาร้อนดี
(TTL : ผู้อ่านทุกท่าน กลั้นไว้ครับ! แม้ไอ้พรี่ดันมันจะน่าหมั่นไส้แค่ไหน อย่าเพิ่งอ้วกออกมา! เสียดายอาหารที่กินเข้าไป! )
“มีโอกาสสูงมากที่จะนำไปสู่การปฏิวัติครั้งใหญ่
ซึ่งเรื่องนั้นน่าจะสร้างความรำคาญใจให้กับเฮนริเอตต้าเป็นอย่างมากเลยล่ะ”
“นายท่านช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ”
ลอร่าบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงทึ่ง
“ถึงเรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม ถึงอย่างไรนายท่านก็จะยื่นมือเข้าไป ปลุกปั่นให้เกิดการปฏิวัติขึ้นเองอยู่แล้ว การกระทำแบบนั้นช่างเหมาะสมกับนิสัยของนายท่านเสียจริงๆ”
“โอ้ นี่ข้าโดนจับได้ซะแล้วรึนี่?”
ผมหัวเราะคิกคัก
“เจ้าพูดถูกแล้ว อัะนที่จริงข้าไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่า เฮนริเอตต้าจะเลือกอะไร
การตัดสินใจขอนางน่ะก็แค่ยืดระยะเวลาออกไปก็เท่านั้น”
ผมอยากจะใช้โอกาสนี้บดขยี้เฮนริเอตต้า หากเราปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปมีหวัง เฮนริเอตต้าได้ครอบครองฟรานเคียโดนสมบูรณ์เป็นแน่
ราชอาณาจักรบริททานี่และจักรวรรดิฟรานเคียกลายเป็นประเทศหนึ่งเดียวภายใต้ผู้ปกครองที่ทรงอำนาจ
การปล่อยให้เกิดชาติที่ใหญ่และทรงพลังเช่นนั้น มันไม่มีผลดีอะไรเลย
ลอร่าเดาะลิ้น
“นิสัยเสียสุดๆ
นายท่านจะมีเสน่ห์มากกว่านี้หากรู้จักมียางอายเสียบ้าง”
“เฮนริเอตต้าจะเลือกเข้าร่วมสงคราม”
ผมเมินสิ่งที่ลอร่าพูด
กฏเหล็กของผมคือ คำพูดอะไรที่ระคายหู ผมจะปล่อยผ่าน
“เธอน่ะเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น ในขณะเดียวกันนั่นก็เป็นโอกาสทองด้วย
หากเฮนริเอตต้าสามารถเอาชนะกองทัพจอมมารได้ จุดยืนทางการเมืองของเธอก็จะสูงขึ้นอย่างมาก”
เธอจะกลายเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องฟรานเคียในขณะเดียวกันก็สามารถกลืนกินภัยคุกคามจากต่างชาติได้
ไม่มีทางที่เฮนริเอตต้าจะยอมถอยทั้งที่อาหารเรียกน้ำย่อยมาวางไว้ตรงหน้าเธออยู่แล้ว
ยังไงเสีย ก็ต้องเกิดสงครามขึ้นแน่นอน
“แต่นั่นก็เป็นกับดักเหมือนกัน”
“อื๋ม?”
“ดูนี่สิ”
ผมวางเอกสารไว้บนโต๊ะ มันเป็นร่างจดหมายเจรจาที่ผมเพิ่งส่งไปขอให้อีกฝ่ายเปิดทางให้พวกเรา
ลอร่ากวาดตาอ่านเอกสารนั้น
“นี่คือ กับดักหรือคะ? ก็ไม่เห็นต่างจากจดหมายขอทางทั่วไปที่พูดปลุกเร้าให้ลุกขึ้นสู้อย่างชอบธรรมเลย”
ผมหัวเราะเอิ้ก
“ตั้งใจอ่านให้ดีๆสิ”
“…….”
ลอร่าอ่านจดหมายนั้นอีกครั้งและขมวดคิ้วมุ่ย
“……ฉันไม่เข้าใจค่ะ ขอยอมแพ้
นายท่านน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ฉันไม่ถนัดเรื่องแผนการพวกนี้”
“อ่านชื่อผู้ส่งตรงท้ายจดหมายสิ
‘ผู้สำเร็จราชการบาร์บาทอส’ เขียนอยู่ตรงนั้นเห็นไหม”
จดหมายทุกฉบับลงชื่อของบาร์บาทอส
บาร์บาทอสเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่มนุษย์ว่าเป็นจอมมารที่แข็งแกร่งที่สุด
เธอเป็นตัวตนที่เพียบพร้อมเลยล่ะในการนำเสนอเจตจำนาของกองทัพจอมมาร
“เฮนริเอตต้า อาจคิดว่าเธอกำลังปฏิเสธกองทัพจอมมารอยู่ แต่เธอเข้าใจผิดแล้ว
เธอกำลังปฏิเสธคำขอจากผู้สำเร็จราชแทนของจักรวรรดิฮับบวร์ก”
“……! ซึ่งนั่นจะทำให้เรามีข้ออ้างในการเคลื่อนไหวหมากอย่างมกุฏราชกุมาร!”
ผมพยักหน้า
หากจะเรียกก็คงเรียกได้ว่าเป็น อคติบังตา นั่นเอง
ไม่มีใครนึกได้หรอกว่า กองทัพจอมมารจะแต่งตั้งมนุษย์ขึ้นเป็นผู้บัญชาการสูงสุด
เฮนริเอตต้าก็จะปฏิเสธคำขอของบาร์บาทอสด้วยคิดว่าการกระทำนั้นเป็นการปฏิเสธจอมมาร
“แล้วพวกเราก็จะทำให้ รูดอล์ฟประกาศออกไปว่า เฮนริเอตต้าเป็นฝ่ายปฏิเสธข้อเสนอที่พวกเรายื่นไปให้
ฟรานเคียปฏิเสธคำขอของฝ่ายมนุษย์ที่เรียกร้องให้กำจัดจอมมาร
ทำไมมนุษย์ด้วยกันถึงต้องพยายามปกป้องจอมมารด้วยล่ะ……?”
มาถึงจุดนี้ นี่คือ ยกที่ 1
พวกเราจะลอบหวดอีกฝ่ายด้วยการใช้ประโยชน์จากการหลอกลวงครั้งนี้
“แม้พวกเราจะผิดหวังในจุดยืนของฟรานเคีย
แต่พวกเราก็ยังคงต้องกำจัดจอมมารตนนั้นอยู่ดีดังนั้นแล้วไม่ว่า อีกฝ่ายจะอนุญาตหรือไม่
ตัวข้า,รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก จะเข้าสู่สมรภูมิดังกล่าวในนามแห่งมนุษยชาติ
ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง ลอร่า?”
“ไม่เลยค่ะ”
ลอร่าส่ายหัว
ผมออกใจออกมาครั้งหนึ่ง ทำไมกันนะทั้งที่ลอร่าออกจะฉลาดแท้ๆ แต่พอมาเป็นเรื่อง แผนการแบบนี้เข้ากลับกลายเป็นเด็กอมมือไปเสียได้?
ผู้คนช่างประหลาดเสียจริง
“นั่นก็หมายความว่า เราจะไม่เปิดช่องให้กับการเจรจา
พวกลูกน้องฝ่ายเฮนริเอตต้าต้องแตกตื่น และต่างส่งทูตมาบอกกับพวกเราว่า พวกเขาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นคำขอร้องมาจาก มกุฏราชกุมารแห่งฮับบวร์ก
และเมื่อเป็นกองทัพฝ่ายมนุษย์ พวกเขาก็จะอนุญาตให้พวกเราผ่านไปได้
……. พวกนั้นก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะซื้อเวลาออกไป”
แต่ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องเล่นไปตามเกมนั้น
เฮนริเอตต้าอาจจะเกิดกลัดกลุ้มขึ้นมาและนั่นเป็นความผิดพลาดของนางล่ะ
พวกเราจะไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง พวกเราจะเร่งรุกต่อไป
ไม่ว่าทูตทั้งหลายจะพูดอะไรกับเรา เราจะตะโกนถามกลับไปอย่างเดียวว่า
‘สรุปแล้วพวกท่านจะเข้าร่วมกับพวกเรา เพื่อปราบอกาเรสหรือไม่!?’.
ผมยิ้ม
“ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นสงครามปลุกปั่นยุยงแล้ว
หากเรายังรั้นที่จะบุกต่อ เฮนริเอตต้าก็ต้องยอมให้”
เริ่มต้นยกที่ 2
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เธอมันก็ไม่ต่างจากลูกน้องของกองทัพจอมมาร
ความชอบธรรมที่เคยกล่าวอ้างนั้นก็เป็นคำโกหกทั้งหมด
ไม่ว่าเธอจะตอบสนองต่อเรื่องนี้ยังไง สุดท้ายก็กลายเป็นการถูกสาดโคลนใส่”
ผู้ที่เสียงดังที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
แถมเป็นเรื่องจริงแม้จะบางส่วนก็เถอะ ที่ว่า เฮนริเอตต้านั้นแกล้งทำเป็นเมินเฉยแล้วให้ที่หลบภัยกับอกาเรส แถมรูดอล์ฟเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าลูกน้องของกองทัพจอมมาร
คราวนี้ฝ่ายไหนกันดูที่ สกปรก ชั่วร้ายกว่ากันล่ะ?
ฝ่ายที่มีเหตุผลหนักแน่น และสามารถพูดได้มากกว่าผู้นั้นย่อมชนะ
หากทั้งสองฝ่ายมีทั้งความชอบธรรมและการกระทำความผิด ตอนนั้นไม่สำคัญแล้วว่าความจริงเป็นเช่นไร
สิ่งที่สำคัญคือ ฝ่ายไหน ปลุกปั่นผู้คนได้มากกว่ากัน
และแน่นอน ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญ ‘เรื่องพรรค์’ นี้ซะด้วย
ผมยังคงจิบชาในถ้วยตัวเองต่อไป
“ในตอนที่เฮนริเอตต้าประกาศว่าจะต่อต้าน พวกเราจะให้สาธารณรัฐบัทตาเวียประกาศร่วมมือกับพวกเรา”
“…….”
“ว่าเรื่องการปราบจอมมารน่ะจริงๆก็เป็นข้ออ้างของพวกนั้น”
บริททานี่ให้การสนับสนุนอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมแห่งองค์ราชา
ในขณะที่บัทตาเวียนั้นเป็นผู้นำของฝ่ายสาธารณรัฐ
สองชาติที่ต้องเข้าปะทะห้ำหั่นสงครามกลางเมืองในฟรานเคีย
ตอนนั้นเฮนริเอตต้าจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลังชนฝา
ที่อยู่ๆมีทั้งมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟและสาธารณรัฐบัทตาเวียให้การสนับสนุนด้วย
กระแสเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้กลับเกิดขึ้นเรื่อยๆ แค่เพียงเพราะเธอตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพจอมมาร
“แต่ แค่บัทตาเวียจะเพียงพอหรือคะ?”
“พวกเราจะปลุกปั่นเมืองอิสระที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยเมื่อๆเร็วๆนี้ด้วย”
ผมตอบทันที
“พวกเขาอาจช่วยเราได้ไม่มากนักในแง่ของกำลังคน, แต่หากหลายต่อหลายเมืองประกาศออกไปว่า จะให้การสนับสนุนพวกเราจนครบทุกเมือง อำนาจทางการเมืองของฝ่ายเราจะเพิ่มสูงขึ้น”
“ฉันเข้าใจแล้ว พวกเรายังมีพวกเมืองอิสระพวกนั้นด้วย…….”
ลอร่าพยักหน้าหลายต่อหลายครั้งขณะครุ่นคิด
เฮนริเอตต้าจะอ้างว่า พวกเรานั้นกำลังหลอกทุกคนอยู่ เธอจะพยายามอย่างมากที่จะทำให้พวกเมืองอิสระพวกนั้นยอมถอยไป
แต่ทว่า เธอไม่รู้จักจักกับ กองทัพพันธมิตรปลดแอกของไพมอนที่อยู่เบื้องเมืองเหล่านั้นเลย…….
ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงเป็นผู้อยู่ฝ่ายที่ ‘เสียงดังมากที่สุด’ ไปครอง
“ท่านพ่อ, ฉันกลับมาจากธุระของท่านแล้วค่ะ”
ตอนนั้นเองที่เดซี่เข้ามาในเต้นท์
เดซี่ในชุดเมดถือกล่องขนาดใหญ่
ผมลุกยืนขึ้นทันที
“ในที่สุดก็มาถึงเสียทีนะ,ลอร่า
นี่คือของขวัญที่ข้าจะมอบให้เจ้า”
“ของขวัญ?”
“ข้าอยากมอบให้เจ้านานแล้วล่ะ เพียงแต่ตอนนี้มันเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ดี
เอาล่ะ เปิดดูสิ”
ลอร่ามุ่ยคิ้วก่อนจะเข้าไปใกล้เดซี่
“นายท่าน, นี่คงจะไม่ใช่ชุดเสื้อผ้าที่มีรูตรงกางเกงในใช่ไหมคะ?”
“โอ้ย แหม นี่เจ้าโดนหลอกมาทั้งชีวิตกันรึยังไงกันเนี่ย?
ข้าขอยืนยันกับเจ้าด้วยสามัญสำนึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ยังหลงเหลืออยู่ว่า มันไม่ใช่ของแบบนั้นหรอก”
(TTL : น้องเห็นพรี่ดันเป็นคนยังไงกันเนี่ย ?
ก็คนพรรค์นั้นแหละ 555 )
“ไม่มีอะไรไม่น่าเชื่อถือยิ่งไปกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนายท่านแล้วล่ะค่ะ”
ลอร่าเปิดกล่องไม้นั่นออกมาด้วยความลังเลสงสัย เธอวางมันลงพื้นก่อนจะเปิดกล่องออกดู
ในกล่องนั้นมี วัตถุทรงแท่งไม้คทาที่ห่อหุ้มด้วยผืนผ้าหนา
ลอร่าหยิบสิ่งนั้นออกมาจากกล่องแล้วกางออก
“สิ่งนี้มัน……?”
ดวงตาสีเขียวของลอร่าเบิกกว้าง
ของขวัญชิ้นนั้นคือ ธง — มันคือ ธงที่มีสัญลักษณ์ของไฮเดรนเยียสีน้ำเงินวาดอยู่
“ลอร่า, นี่คือธงของเจ้า”
ธงนั้นเป็นตัวแทนของตระกูลดยุคแห่งฟาร์นาเซ่
“มกุฏราชกุมารรูดอล์ฟอาจได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดไปในการเดินทัพครั้งนี้ แต่เจ้าคิดว่า ใครสมควรจะเป็นผู้บัญชาการทหารล่ะ?”
“แน่นอนว่า หากไม่ใช่ฝ่าบาทบาร์บาทอส ก็คงจะเป็น ฝ่าบาทมาร์บาสค่ะ”
“ผิดแล้ว”
ผมยิ้ม
“พวกเราวางแผนจะแต่งตั้งให้เธอนั่นแหละ เป็นผู้บัญชาการทหาร”
“ตัวฉัน……จะได้เป็นผู้บัญชาการทหารหรือคะ?”
“นี่เธอไม่ได้ฟังที่พวกเราคุยกันก่อนหน้านี้หรือ?
พวกเราจะเดินทัพในฐานะกองทัพของมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟ มิใช่ กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
หากมีจอมมารเป็นผู้บัญชาการทหาร คนอื่นก็ต้องสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่กองทัพของฝ่ายมนุษย์จริงๆ
แต่หากได้มนุษย์อย่างเธอเป็นผู้บัญชาการทหารแล้ว ย่อมเป็นประโยชน์กับพวกเราในหลายๆทางเลยล่ะ”
ลอร่ามองธงในมือด้วยดวงตาที่เหม่อลอย
“แน่ล่ะ ผู้คนอาจสงสัยว่า พวกเราอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
พวกเขาอาจคิดด้วยซ้ำไปว่า เจ้าเป็นเพียงหุ่นเชิดที่เราสวมชื่อแต่ในนาม
เจ้าจะจะปรากฏกายออกมาในฐานะเด็กสาวผู้ไร้ความสามารถและผลงานใดๆ
พวกผู้คนในกองทหารบริททานี่ย่อมต้องดูถูกเธออย่างไม่ต้องสงสัย”
ผมลูบปอยผมด้านหน้าของลอร่า
“ข้ามุ่งเป้าไปที่ความไม่รู้จักระวังของพวกนั้นนั่นแหละ
ผู้บัญชาการสูงสุดอย่างรูดอล์ฟ ก็กลายเป็นศพไปแล้ว
เธอต่างหากที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดตัวจริง”
ผมสีบลอนด์วาวของเธอลื่นอยู่ในอุ้งมือผม
“ลอร่า,นี่คือ สิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าเตรียมไว้
หากเป็นเรื่องทางการทูต การต่อรอง การปลุกปั่นข้าจะจัดการให้ทั้งหมด
แต่ในส่วนสุดท้าย สงครามจริง ความสามารถของเธอเป็นสิ่งสำคัญ”
“ไม่มีทางที่หัวหน้ากองทัพภาคอื่น……จะฟังคำสั่งของหญิงสาวผู้นี้”
“บาร์บาทอสไม่แย้งเรื่องนี้”
ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไพมอนยืนยันแล้วว่า ด้วยความสามารถของเธอพวกเราจึงยึดป้อมปราการไฮเดลเบิร์กได้
ทั้งคู่ต่างให้การสนับสนุนการมอบรางวัลนี้ ทั้งคู่น่ะไม่ใช่พวกโง่หรือเจ้ายศเจ้าอย่างที่จะปฏิเสธการมอบอำนาจให้กับเธอเพียงเพราะเธอเป็นมนุษย์
ส่วนเรื่องมาร์บาสน่ะ ข้าจะไปคุยกับเขาให้เอง”
“…….”
น้ำตาสายเล็กๆไหลลงสู่แก้มของลอร่า
“ตัวฉัน……ตัวฉันที่เป็นทาสกามที่โดนเตะออกมาจากตระกูล
ไม่มีสิทธิที่จะใช้ธงผืนนี้…….”
“ข้าขอมอบสิทธิ์นั้นให้แก่เจ้า”
ผมปาดน้ำตาอย่างอ่อนโยนให้กับลอร่าด้วยมือตัวเอง
ผู้บัญชาการตัวน้อยของข้า
คนรักคนแรกผู้แสนล้ำค่าของข้า
จากเด็กสาวผู้ไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัว ทั้งยังโดนขายไปเป็นทาสกาม เธอนั้นทั้งรักทั้งชังตระกูลตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เธอได้กลายเป็นตัวแทนของตระกูลนั้นแล้ว
ไม่เพียงแต่ได้แก้แค้นเอาคืนพวกนั้น……หากแต่ยังได้รับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่
เธอน่ะมีค่าคู่ควรพอที่จะยืนเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจแล้วนะ
“ตระกูลฟาร์นาเซ่อาจล่มสลาย ลอร่า
แต่ตอนนี้ตัวเธอเองได้กลายเป็นตระกูลฟาร์นาเซ่เองแล้ว
แสดงให้โลกใบนี้เห็นสิ แสดงให้พวกเขาที่ทอดทิ้งเจ้าไป
แก้แค้นพวกมนุษย์ที่ทิ้งขว้างเจ้า”
“…….”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงเอฟเฟ็คดังขึ้นมาในหูผม
「ค่าความชอบ ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ เพิ่มขึ้น 1!」
「ค่าความชอบ ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ ถึง 100!」
「รักอันสูงส่งและบริสุทธิ์! อีกฝ่ายได้ตระหนักว่า ท่านเป็นคนรักอย่างแท้จริง ฉายาใหม่จะมอบให้กับผู้ที่รักอย่างสุดหัวใจ」
ค่าความชอบที่ล็อคไว้โดนทำลายแล้วรึ?
ค่าความชอบที่ค้างอยู่ที่ 99 ตอนนี้แตะถึง 100 แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้จีบเป้าหมายติดโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมันคุ้มค่าต่อการฉลอง แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญใดๆ
ดวงตาของผมยังจับจ้องอยู่ที่ลอร่า
ลอร่าเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยหลังมือของเธอ แต่น้ำตายังคงไหลอาบไม่หยุด
เธอยังคงเช็ดมันไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็เลิก
แล้วค่อยหันมาหาพร้อมกับกอดผมแน่นชิดอก
“……ฉันจะทำมันค่ะ ,นายท่าน”
ดวงตาของลอร่าเปล่งประกายทั้งที่น้ำตาโชกชุ่มบนใบหน้า
ผมกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า นั่นเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดตั้งแต่ที่ผมเคยเห็นมา
(TTL : พรี่ดันทำฝันของน้องเมื่อสมัยยังเป็นทาสกามอยู่ในรถม้าซอมซ่อเป็นจริงแล้ว!!!)
MANGA DISCUSSION