* * *
พวกเราเฝ้าดูการต่อสู้ที่บ้าเลือดที่เผยออกมา ณ ทุ่งราบอย่างประหม่า
กองทหารม้าของราชินีนั้นดูอ่อนล้าลงไปมากหลังสู้รบมา เกือบ 5 ชั่วโมง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเกราะหนักๆของพวกนั้นด้วยจึงทำให้ลดความสูญเสียไปได้เยอะ
ส่วนมากที่จะบาดเจ็บล้มตายมักเป็นม้า ด้วยเหตุนั้นเองพวกเราจึงยังคงได้เปรียบในแง่จำนวนของทหารม้า
“ลากไป!!”
“เร่งมือเข้า รีบลากออกไป!”
มันคือ ม้าศึกที่ดุร้ายและขนาดใหญ่กว่าม้าในโลกเดิมของผมถึง 1.5 เท่า มันล้มตัวลงและหายใจหอบอยู่บนพื้นใกล้กับรั้วของพวกเรา
พลหอกฝ่ายเราแทงมันจนตายนั่นแหละ ซากของพวกมันก็เลยถูกลากไปไว้หลังรั้วไม้และใช้เป็นเครื่องกั้นเพิ่มอีกอย่าง
“……การพุ่งชาร์จของราชินี เฮนริเอตต้าประสบความสำเร็จ”
“……แน่ล่ะ”
ผมตอบอย่างเป็นกันเองราวกับเป็นเรื่องไกลตัวเพราะผมกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างกับตัวเองอยู่
ฝุ่นคลาคลุ้งในสนามรบ ตัวตนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นราชินีเฮนริเอตต้านั้นกวัดแกว่งดาบไปมาขณะที่เข้าประจัญบานในหมอกฝุ่นอีกรอบ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นประจักษ์พยานการรบในที่กว้างของทหารม้า
เอาจริงๆมันก็ไม่นับเป็นข่าวดีหรอก
“ทัพเราจะแพ้ไหม?”
“……คงจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ”
ผมถอนใจออกมา นี่มันแปลว่า พวกเรามีโอกาสแพ้แหงๆเลยไม่ใช่รึไงกัน?
“เจ้าพวกนั้นมันสัตว์ประหลาดรึยังไงกันน่ะ? พวกเรามีจำนวนมากกว่าแท้ๆ ไม่สิ ทั้งที่พวกเรามีทั้งความได้เปรียบทางภูมิประเทศ พวกเราเหนือกว่าทุกอย่างเลย ยกเว้นแค่เรื่อง พลธนูบนหลังม้า แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ พวกเราน่ะแพ้รวดทุกศึกอย่างนี้?”
“…….”
เจเรมิแสดงท่าทีอึดอัด เธออาจจะคิดว่า ผมโกรธ แต่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้โกรธพวกนั้น
ผมโกรธที่พวกเราจะต้องรับมือกับพลธนูบนหลังม้าโดยไม่เตรียมการป้องกันมาก่อนทั้งที่ผมมีประสบการณ์เรื่องการสลับอาวุธของทหารบนหลังม้ามาจากการรบที่ออสเตอร์ลิทช์แล้วแท้ๆ
พูดง่ายๆ มันเป็นความผิดพลาดของผมเองนั่นแหละ
แต่ตอนนี้น่ะมันไม่ใช่ กองกำลังของราชินีเฮนริเอนต้าพิชิตสมรภูมิได้ด้วยทักษะความชำนาญล้วนๆ มันไม่ได้มีอะไรให้ผมต้องโกรธ มันแค่กวนใจผมเท่านั้น
“เจเรมิ เรียก แจ็กเกอรี่มาที่นี่”
“รับทราบค่ะ”
ผมในฐานะผู้บัญชาการ คงดูไม่งามนักหากผมยังคงทอดถอนใจอาลัยอาวรณ์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ผมได้อ่านหนังสือกลยุทธมาหลายต่อหลายเล่ม ทั้งยังมีประสบการณ์การเข้าร่วมกับการรบทัพจับศึกกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ทั้งยังได้รู้แล้วว่า ศักยภาพของผู้บัญชาการจะเปล่งประกายสูงสุดเมื่อพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ ผมจึงเตรียมใจรับความพ่ายแพ้…….
“ข้าเรียกข้าเหรอ ฝ่าบาท?”
แจ็กเกอรี่ปรากฏกายในฐานะหัวหน้าทหารรับจ้างที่มีเลือดท่วมตัว
หลักๆเลยก็ต้องขอบคุณกองทหารรับจ้างขอเราที่ขับไล่พวกกองทหารบริททานี่ไปได้ขณะที่พลธนูปีกซ้ายของเรากำลังถูกศัตรูรุกไล่
เรื่องคำพูดอะไรต่อมิอะไรไว้ทีหลัง แต่ที่พวกเราสามารถทนได้นานขนาดนี้ก็เพราะทหารรับจ้างถ่ายทอดคำสั่งให้พวกทหารชาวนานั่นเอง
“แจ็กเกอรี่ ตอบข้ามาตามตรง เจ้าคิดว่า ทหารม้าฝ่ายเราจะแพ้ไหม?”
“……ปกติแล้วก็ยากที่จะระบุว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ข้าเชื่อว่า พวกเราจะพ่ายแพ้ครับ”
แจ็กเกอรี่ตอบตรงๆ แพ้ชนะนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นนัยสำคัญนักสำหรับทหารรับจ้าคนแคระที่อยู่ในสนามรบมากว่าสิบปี
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เฮนริเอตต้านั้นเป็นสุดยอดผู้นำทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัย
ทั้งทวีปนี้จะต้องก้มหัวให้กับความสำเร็จของเธอไปอย่างน้อยก็ 20 ปี
เธอสมควรได้รับสมญานามว่า บลัดดี้ เฮนริเอตต้าด้วยซ้ำ (Blutbefleckt Henrietta)”
“บลัดดี้ อย่างนั้นรึ?”
ผมผงกหัวอย่างจริงจัง ช่างเป็นชื่อเล่นที่เหมาะสมเสียจริง
ราชินีผู้มีเรือนผมสีแดงสะบัดอยู่ต่อหน้าทุกคน……สมญาที่เรียก นางว่า กระหายเลือดนั้นเหมาะกับเธอจริงๆ
เธอจะยังคงดื่มกินเลือดของผู้คนชาวแฟรงและชาวบริททานี่ไปเรื่อยจนกว่าจะพิชิตทวีปนี้ได้
ผมตั้งใจจะให้ราชินีเฮนริเอตต้าลงจากเวทีไปก่อน
วิกฤตินั้นสร้างทั้งโอกาสและฮีโร่
เช่นเดียวกับสิ่งที่เธอทำใน <Dungeon Attack> ผมเองก็เชื่อว่า ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำชัยเหนือฟรานเคียและสร้างความปั่นป่วนขึ้น
นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมผมต้องเหยียบเธอทิ้งก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น
จนถึงตอนนี้ ผมยังเชื่อเลยว่า เรายังมีโอกาสถ้าเรายังกุมความได้เปรียบทั้งแง่กลยุทธและเหตุผลอันชอบธรรม แต่สุดท้ายมันจบลงแบบนี้ได้ยังไงกัน……?
ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็คงคิดเหมือนๆกัน เธอเองก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่า ต้องกำจัดดยุค เฮนรี่ เดอกุยก่อนที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงที่เก่งกาจยิ่งกว่านี้?
นี่เธอตั้งใจจะรวมพวกเราไว้แล้วสร้างประทับใจด้วยการยกความได้เปรียบทางสมรภูมิให้พวกเราด้วยอย่างนั้นรึ……?
“ข้าล่ะอิจฉานัก”
เฮนริเอตต้านั้นมีกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แค่เพียงกองทัพก็เพียงพอแล้วที่จะไม่ต้องมานั่งวางแผนหรือกลยุทธอะไรให้มันซับซ้อนวุ่นวาย
หากเทียบนี่เป็นเกม ก็เหมือนกับตัวละครที่มีเลเวลและค่าต่างๆเต็ม
ผมไม่มีหรอกไอ้พวกนั้นน่ะ ผมนั้นอ่อนแอ ผมจึงต้องปลุกระดมสามัญชนขึ้นมาและวางแผนสร้างพันธมิตรขึ้นเพื่อชดเชยการที่ไร้ซึ่งพลัง
แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนไม่เพียงพอเมื่อมายืนต่อหน้ากองทหารที่แข็งแกร่ง นี่คงเป็นขีดจำกัดสำหรับจอมมารลำดับ 71 สินะ
ผมจึงพูดขึ้น
“แจ็กเกอรี่ เห็นได้ชัดเลยว่า ทัพพวกเราจะหนีไปที่ไหนถ้าแพ้”
“แน่นอนครับ พวกเขาจะมากับพวกเรา”
แม่น้ำอยู่ทางซ้าย ป่าอยู่ทางขวา แล้วกองทัพของบริททานี่นั้นก็อยู่ข้างหน้า
ด้านหลังเป็นทางเดียวที่ทหารม้าที่พ่ายแพ้จะหนีกลับมาได้……พูดง่ายๆก็คือ แนวรั้วไม้ของพวกเรานั่นแหละ
พวกทหารม้าก็จะถอยกลับมาที่แนวรั้วและขอให้รักษาชีวิต
มันไม่ใช่ปัญหาหรอกหากไอ้ที่ทำแบบนั้นมันเป็นทหารศัตรู ไม่ใช่ทหารของฝ่ายเราเสียเอง
พวกเรายังคงตั้งรับต่อ ฆ่าพวกมันทิ้งถ้าเป็นศัตรู แต่หากกองทัพฝ่ายเราหนีมา เราก็ฆ่าไม่ได้
เครื่องกั้นโดนเขี่ยทำลาย และพลหอกฝ่ายเราก็ปั่นป่วน ทหารฝ่ายเราเริ่มลนลาน
หากจะบอกว่า นี่เป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็ไม่ผิดนัก เห็นได้ชัดเลยว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ราชินีเล็งไว้แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นหลังการพุ่งชาร์จ
ผมหัวเราะ
“ดูๆไปแล้ว มันน่าตลกดีไม่ใช่รึไง
แบบนี้ไม่ต่างจากการที่ราชินีรอให้พวกเราส่งทหารออกไปเลยไม่ใช่หรือ?
เหตุผลเดียวที่เธอยังเก็บนักบุญไว้จนถึงตอนนี้ ก็เพื่อให้ที่ราบนักบุญเดนนิสนี้กลายเป็นฉากนรกที่ฝ่ายเดียวกันนั้นเหยียบย่ำชนกันเอง…….”
“แล้วเราควรทำอย่างไรครับ? หรือเราจะหนีกันก่อน”
ผมส่ายหัว
“หากพวกเราหนีตอนนี้ พวกเราก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการพ่ายแพ้สงครามครั้งนี้
แจ็กเกอรี่ ให้ทหารของฝ่ายเราอยู่ชิดแนวป่าไว้ พวกเราจะยังคงสู้ต่อด้วยการใช้ต้นไม้ ในฐานะแนวป้องกัน
ราชินีเฮนริเอตต้าน่ะจะต้องมาชวนให้เรายอมแพ้”
“รับทราบครับ, ผู้บัญชาการ”
พวกเราเร่งย้ายตำแหน่งทหารไปประจำที่ป่า
ป่านั้นเป็นสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับทหารม้าที่จะพุ่งชาร์จเข้ามาและนั่นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราในการสร้างแนวรับ พวกเราจึงย้ายรั้วไม้ทั้งหมดไปอยู่ที่ป่า
ปัญหาก็คือ การที่ทหารม้าของพวกเรากลับเริ่มหนีมาก่อนที่จะย้ายรั้วไม้เสร็จ
ผมหวังว่า พวกเขาจะทนได้สัก 10 นาที แต่ก็คิดใหม่เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องมาจากทหารม้าฝ่ายเรา
“ทะ-ท่านกุย ตายแล้ว!”
“ถอยเร็ว! ถอย ไปรวมกันใหม่!”
ผู้บัญชาการสูงสุด ดยุค เฮนรี่ เดอ กุย ตายในสนามรบ
ผมบอกได้แต่ว่า เขาได้รับเกียรติสูงสุดจากการใส่สุดกำลังของเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่
การดวลกันระหว่างราชินีกับดยุคผู้สูงศักดิ์ โดยผู้ชนะได้หัวอีกฝ่ายติดมือไป
แล้วราชินีก็เอาชนะผู้บัญชาการของฝ่ายศัตรูนั้นได้ด้วยการดวล พวกนักข่าวปาปารัซซี่ที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านต้องชอบข่าวนี้แน่
หากผมไม่ใช่ฝ่ายแพ้นะ ป่านนี้ผมคงจะขยับหมวกแสดงความยินดีให้แล้ว แม่งเอ๊ย
สิ่งที่ตามมาคือ ทหารม้าฝ่ายเราเองเนี่ยแหละที่ทำลายแนวป้องกันตอนถอยกลับมา
รูปขบวนพลหอกที่เคยต่อสู้กันอย่างหาญกล้ากลับพังไม่เป็นท่า
ผมเห็นทหารม้าบริททานี่กวดหลังคนของเราตามหลังมา
“อย่างน้อยก็ควรสู้จวบจนลมหายใจสุดท้ายสิวะ เฮ่อ”
ทหารม้าฝ่ายชนชั้นสูงของแฟรงเองกลับฉีกรูปขบวนทหารฝ่ายเดียวกันพังยับเยิน
ยังดีที่มันเกิดขึ้นกับส่วนกลางและปีกขวา ผมยังคงสั่งให้ทหารอาสาฝ่ายเราจู่โจมคนที่เข้ามาใกล้รั้วไม้ฝ่ายเราโดยไม่สนหน้าว่าจะเป็นเพื่อนหรือศัตรู
ทหารม้าถึงกับตะโกนด้วยความหวาดวิตก
“เราพวกเดียวกัน! ไม่ได้เป็นศัตรู!”
ทหารฝ่ายเราใช้หอกแทงทหารม้าพวกนั้นจนเลือดอาบ
“ฟัคเหอะ! ไอ้พวกขี้แพ้มันไม่ใช่พวกเรา!”
“ไสหัวไปไอ้ขี้ขลาด! นี่แกมีหำอยู่ไหมวะ ไอ้ระยำเอ๊ย!?”
ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ คนของผมเข้าร่วมกองทัพเพราะชื่นชอบการปราศรัยของผม
หน่วยพวกนั้นที่รับใช้ชนชั้นสูงหรือเป็นยามของชนชั้นสูง พวกชาวนาน่ะไม่ชอบพวกนั้นอยู่แล้ว
พอโดนอย่างนั้นเข้าก็ถึงกับตกตะลึง
“แม่งเอ้ย! นี่ทำบ้าอะไรกันอยู่!”
“แล้วจะให้เราไปที่ไหนวะ!”
พวกนั้นสบถพ่นคำสาปแช่งออกมาก่อนหันหัวม้ากลับไป
พวกเราจำกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางปีกซ้ายด้วยวิธีนี้ พวกเราขับทหารม้าพวกเดียวกันออกไปแล้วค่อยๆไปเตรียมตั้งแนวรบที่ป่าต่อ
แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์กลับต่างออกไปใต้การสั่งการของจักรพรรดินีโดวาเจอร์และพวกสาธารณรัฐบัทตาเวีย
พวกนั้นไม่คิดจะตั้งแนวรับใกล้ป่าในฝั่งตัวเองด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกทหารม้ากลับวิ่งตามไปด้วย ผู้บัญชาการแบบไหนกันที่เที่ยววิ่งไล่ตามทหารของตัวเองวะเนี่ย?
แนวรบของทหารเดินเท้าของพวกนั้นจึงพังทลายลง
ทหารม้าพวกเดียวกันต่างเหยียบกันเองขณะถอยหนี แล้วพวกทหารบริททานี่ก็พุ่งเข้าใส่ซ้ำ ไม่มีทางที่จะคาดหวังให้พลเดินเท้าจะสามารถทนสถานการณ์แบบนี้ได้หรอก
พลหอกก็ค่อยๆถอยร่นจากแนวรั้วไว้ ยิ่งพวกนั้นรู้ว่าฝ่ายตัวเองแพ้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนหนีพร้อมๆกับทหารม้า
มันเหมือนกับดูเขื่อนค่อยๆพังทลายลงอย่างช้าๆ รูปขบวนจุดโน้นจุดนี้ต่างเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ
ทหารบริททานี่พุ่งเข้ามาครั้งนึง พวกเขาก็ล้มโครมกันจุดนึง ทั้งพลหอกและพลธนูต่างพอเห็นว่าโต้คืนไม่ไหวก็ถอยหนีกันต่อเนื่อง
“…….”
“…….”
ม่านแห่งความเงียบงันรูดปิดลงเหนือทหารอาสา มันเป็นธรรมดาแหละ ที่การฆ่าล้างจะเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเรา
ไม่นานหลังแนวป้องกันพังทลาย พลหอกที่ไม่ประจำตำแหน่งก็ไม่ต่างจากขนมหวานของอัศวิน
ถึงจะมีทหารเดินเท้าบางคงยังคงรักษาตำแหน่งอย่างสุดกำลัง แต่อัศวินที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับดาบเคลือบออร่าเพื่อหวังเอาคืนจากการหน้าที่สร้างความยุ่งยากให้กับพวกนั้น
จึงไม่มีทางที่กลุ่มทหารเดินเท้าจำนวนน้อยนิดจะป้องกันเหล่าอัศวินได้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่
มีเพียงผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้นที่จะแก้สถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้บัญชาการเฮนรี่ เดอ กุย ก็คอหลุดไปแล้ว พอพวกทหารยอมรับว่าตัวเองแพ้แล้วก็เลิกต่อต้านแล้วหนีกันท่าเดียว
“โง่ชะมัด…….”
ผมบ่นออกมา
การหันหลังหนีให้ศัตรูแบบนั้น พลเดินเท้าวิ่งหนีด้วยเท้า ส่วนทหารม้าก็ไล่กวดบนหลังม้า
ก็น่าจะรู้ชัดอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นยังไง หากแกล้งทำตัวเป็นศพยังมีโอกาสรอดมากกว่าด้วยซ้ำ
ยังคงมีทหารรับจ้างบางกลุ่มที่ต่อต้านอย่างดุเดือด
แต่ก็โชคไม่ดีนักที่มันไม่มากพอที่จะหยุดออร่าพวกนั้น ทหารรับจ้างทุกกลุ่มต่างถูกฆ่าล้างอย่างไม่มีข้อยกเว้น
พวกทหารบริททานี่ต่างปล้นข้าวของศัตรูกันอย่างตื่นเต้น พวกนั้นขโมยทั้งรถศึก ปลดเกราะจากศพ ทั้งหมดเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น
ราชินีเฮนริเอตต้าก็คงบอกพวกเขาแหละว่า ปล้นชิงได้ตามสบายแถมคงจะมีการตบรางวัลนักสู้ผู้กล้าหาญให้ด้วยซ้ำ
พอสนามรบเป็นอย่างนั้นไปเสียแล้ว พวกบริททานี่ก็จับจ้องมองมาที่พวกเรา
มีทหารเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ยังรักษาตำแหน่งและยังป้องกันแนวรับต่อ นั่นคือ กองทหารอาสาสมัครของพวกเรา
อัศวินพวกนั้นมองราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง และเข้ามาใกล้พวกเรา
“หืมมม”
พวกอัศวินกวาดสายตาดูรั้วไม้ก่อนจะมองไปทางป่า เขาคงได้ข้อสรุปแหละว่า มันยากที่จะพุ่งชาร์จเข้าใส่เรา จึงตะโกนบอก
“ส่งตัวผู้บัญชาการของเจ้ามา! ถ้ายอมส่งตัวผู้บัญชาการของพวกเจ้ามา พวกเราจะให้พวกแกทั้งหมดกลับไป!”
ผมรู้สึกใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เห็นอยู่ชัดๆว่าตอแหล
เจ้าหมอนี่ตั้งใจจะฆ่าล้างเราทั้งหมดหลังจากได้ตัวผู้บัญชาการไปแล้ว มันเป็นลูกเล่นพื้นๆเลย แต่สำหรับผมก็คงเป็นจุดจบแหละหากทหารของพวกเราโดนหลอกเอาง่ายๆด้วยวิธีนั้น
MANGA DISCUSSION