บุคคลผู้ชนะการแข่งขันช่วยตัวเองนั้นไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากหัวหน้ากัปตัน แจ็กเกอรี่ ที่จัดการให้ตัวเองเสร็จได้ใน 15 วินาที
ไม่มีใครอาจเอาชนะความคึกคักของเขาได้อีกแล้ว สมญานาม <ชายผู้รวดเร็วที่สุดในโลก> จึงตกเป็นของเขา
ช่างเป็นเกียรติอะไรอย่างนี้
วันต่อมา สีหน้าของบารอนยังคงตกค้างด้วยความเคร่งจริงจังแม้พวกเรากำลังจะเดินทางออกจากหมู่บ้าน
คนของเขาพอเห็นว่า นายตัวเองยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็พยายามอย่างมากที่จะทำให้อารมณ์ผ่อนคลายลง พวกเขานั้นออกมาที่ทางเข้าหมู่บ้านเพื่อทำการร่ำลาให้ดูยิ่งใหญ่
นี่ก็ผ่านไปสี่วัน กว่าเราได้กลับสู่ถนนจักรวรรดิอีกครั้ง
“ฝ่าบาท เขาไม่ใช่เด็กชายธรรมดาๆ”
น้ำเสียงของแจ็กเกอรี่นั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่ใบหน้าแดงก่ำ
“เจ้ากำลังพูดถึงใครอยู่?”
“ข้ากำลังพูดถึงเด็กชายที่ฝ่าบาทฝากไว้อยู่ในการดูแลของข้า ข้าขอสาบานต่อองค์เทพีว่า ข้าไม่เคยพบเจอบุคคลที่มีพรสวรรค์เช่นนี้มาก่อน ท่านสอนเขาหนึ่ง เขาจะเรียนรู้สิบ ท่านสอนเขาสิบ เขาจะเรียนรู้ร้อย
เด็กชายคนนั้นไม่ต้องสงสัยเลย เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้!”
สำหรับบุคคลที่มักจะสงบนิ่งอยู่ตลอดอย่างแจ็กเกอรี่กลับดูกระฉับกระเฉงเสียเหลือเกิน
ผมยิ้มให้เขาเล็กน้อย
“หืม เด็กนั่นน่าประทับใจอย่างนั้นรึ?”
“ใช่ครับ จะเรียกเขาว่า อัจฉริยะเฉยๆก็ไม่พอ เขาเป็นดั่งทหารรับจ้างที่เหมือนกับเคยเชี่ยวชาญเรื่องดาบมาก่อน แต่กลับมาเรียนรู้อีกครั้งหลังจากหลงลืมไปนาน……. ดูเหมือนว่า เขาก็นึกออกขึ้นมาได้ว่า ต้องทำยังไงบ้าง ทำให้ทักษะที่เขามีนั้นชวนตื่นตาเป็นอย่างมาก”
ผมส่งมอบงานการสอนของลุคให้เป็นหน้าที่ของเหล่าทหารรับจ้าง
ทีแรกนั้นเหล่าทหารรับจ้างแสดงท่าทางลังเล การที่อยู่ๆผมเอาเด็กที่เหมือนขอทาน และยังรอดชีวิตมาจากหมู่บ้านร้าง แถมยังบอกให้พวกเขาสอนดาบให้
พวกเขาที่ไม่เข้าใจว่า ทำไมผมต้องมอบงานแบบนี้ให้ด้วยจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำตาม
“การใช้ดาบน่ะไม่ใช่อะไรที่แกจะคุ้นชินได้ในชั่วข้ามคืนหรอกนะ”
“ข้าก็ไม่แน่ใจว่า ฝ่าบาทมีเจตนาอย่างไร แต่พวกเราก็ทำตามที่ท่านสั่ง”
ตอนนั้นพวกเขาก็อารมณ์ประมาณนี้แหละ
พวกเขาคงจะเหนื่อยล้าเพราะทหารรับจ้างนั้นต้องยืนยามอยู่หน้าคณะแทบจะตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโจรคนไหนกล้ามาลอบจู่โจมพวกเรา
การที่อยู่ๆพวกเขาได้รับงานให้สอนเด็กคนหนึ่ง ถึงจะไม่ได้ออกปากบ่นอย่างเปิดเผย แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มันเป็นอะไรที่กวนจิตกวนใจพวกเขามาก
ในวันแรก
ลุคนั้นถูกทิ้งไว้กับสมาชิกที่เด็กที่สุดในกองทหารรับจ้าง
พวกเขาจึงส่งต่อสัมภาระที่เกะกะให้กับสมาชิกใหม่ พอได้รับคำสั่งอย่างนั้น ก็ตั้งใจที่จะทำตามนั่นแหละหากแต่ไม่เข้าใจเหตุผล นั่นคือ วิธีการที่พวกเขาแอบบ่นกับผม
“เฮ้ย ไอ้หนู ลองแกว่งไอ้นี่ซิ”
คนแคระที่เด็กสุดโยนดาบให้ลุค มันเป็นดาบไม้ราคาถูกๆ
ลุคเอียงคอมอง
“ดาบเหรอฮะ?”
“ถ้าแกเป็นลูกผู้ชาย แกก็ควรจะรู้วิธีการปกป้องตัวเอง”
“เอ๋ แต่มันน่ารำคาญออก”
คนแคระคนนั้นมองมาทางผม ผมกำลังเฝ้าดูพวกเขาจากหางตาจากที่ไกลๆ คนแคระแสดงอารมณ์ประมาณว่า ‘นี่มันน่ารำคาญสุดๆไปเลย’
ผมดื่มน้ำส้มชายชูที่ทำจากองุ่นที่เจือกับน้ำแล้วหันไปยิ้มให้
ทำ ตาม ที่ ข้า สั่ง
คนแคระคนนั้นจึงถอนใจออกมา
“มันน่ารำคาญสำหรับฉันเหมือนกันว่ะ ไอ้หนู”
“ทำไมพวกเราต้องมาทำอะไรที่ชวนให้น่ารำคาญทั้งแกทั้งฉันกันวะ?
หากใครสักคนไม่แสดงความรู้สึกหรือทำอะไรที่เป็นงานน่ารำคาญ มันก็ยิ่งชวนให้รำคาญมากเข้าไปใหญ่เลย”
“แกโตขึ้นแกก็เข้าใจเรื่องนี้เองแหละ มันไม่มีอะไรที่มันไม่น่ารำคาญอยู่บนโลกนี้หรอก การตื่นมาตอนเช้าๆก็เป็นเรื่องน่ารำคาญเหมือนกัน”
คนแคระคนนั้นตีที่กลางหน้าผากของลุคเบาๆ
“เอาล่ะ ตัวอย่างเช่น หากมีหมาป่าหรือโจรอยู่ๆเข้ามาทำร้ายแก แกจะทำยังไง?”
“หมะ-หมาป่า?”
ความกลัวปรากฏบนใบหน้าของเด็กชาย
“พะ-พวกคุณก็มาปกป้องผมได้นี่!”
“แน่นอนแหละว่า พวกฉันจะทำแบบนั้น แต่ก็แค่สมมุติน่ะ ไม่มีอะไรยืนยันหรอกว่า แกจะปลอดภัยเสมอแม้ในตอนที่เราพยายามปกป้องแก
จะเกิดอะไรขึ้นหากมีหมาป่าหลุดรอดไปตัวนึง? จะเกิดอะไรขึ้นหากหมาป่าตัวนั้นมุ่งใส่แกท่ามกลางคนอื่นๆ?
หืม? หรือแกจะแสดงความเห็นอกเห็นใจหมาตัวนั้นที่ต้องเอาชีวิตรอดในฤดูหนาว ด้วยการมอบหน้าอกให้มันกัดซักง่ำล่ะ?”
“อั่กก”
เพียงแค่คิดก็ทำให้ลุคหวาดกลัวจนต้องปิดหูทั้งสองข้าง
ท่าทางอากัปกิริยาของเด็กชายนี่มันแสดงออกมาทุกอย่างเลยแฮะ การเฝ้าดูพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมานี่ก็ทำให้ผมเพลิดเพลินสายตาจริงๆ
“ไอ้หนู แกควรจะรีบๆเรียนดาบไว้ตอนที่ฉันยังอารมณ์ดีๆอยู่ น้องสาวแกล้มป่วยอยู่นะตอนนี้ ดังนั้นแกต้องรีบเรียนวิธีการปกป้องเธอในตอนที่ยังทำได้”
“อึก……คุณพูดถูก ผมต้องปกป้องเดซี่”
ลุคดูเหมือนจะตัดสินใจได้ว่าจะเรียนจึงเดินไปหยิบดาบไม้ขึ้นมา
เพิ่มเติมก็คือ ลุคยังคงเชื่อว่า พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของทหารแห่งจักรวรรดิ พวกเราลาดตระเวณในท้องที่แล้วบังเอิญมาเจอเข้ากับหมู่บ้านของลุคที่โดนบุกโจมตีดงนั้นพวกเราจึงเข้าช่วยเหลือพวกเขา
อีกกลุ่มก็ไปดูแลหมู่บ้านใหม่ ในขณะที่กลุ่มของพวกเรารับหน้าที่ดูแลลุค แม้จะเจอเขาทีหลังก็ตาม……เรื่องมันก็ประมาณประมาณนี้แหละ
ทำไมกองทัพใต้การบัญชาขององค์จักรพรรดิถึงต้องมาเดินเตร่รอบซากไม้พวกนั้นล่ะวะ? นี่มันโกหกกันเห็นๆเลยล่ะ
ถึงอย่างนั้นลุควัย 11 ขวบก็ดูมีความสุขกับการที่ได้ออกท่องเที่ยวไปกับเหล่าทหารหาญ
หรือผมควรจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะปรกติธรรมชาติอย่างที่เด็กๆควรจะเป็นกันนะ? นี่มันเป็นเพราะน้องสาวของเขานั่นแหละ เด็กสาวที่อ่อนวัยกว่าเขาหนึ่งปีแต่กลับแสดงออกว่าแก่จนเกินกว่าอายุวัยจริง?
การตอบสนองของลุคนั้นต่างหากที่เป็นไปตามธรรมชาติปรกติ แต่มันก็ให้ความรู้สึดประหลาดๆอยู่ดี…….
‘เอาล่ะ แต่มันก็สยองไปนะ หากว่า มีเดซี่อยู่สองคน’
เดซี่นั้นขบฟันกรอดและจ้องผมขณะที่เนื้อของเธอโดนเฉือน หัวใจโดนมีดกรีดสลัก เด็กแบบนั้นน่ะมีคนเดียวในโลกก็พอแล้วล่ะ
ลุคกวัดแกว่งดาบอย่างอ่อนเฉื่อย เห็นได้ชัดเลยว่า เขาเพิ่งเคยแกว่งดาบเป็นครั้งแรกในชีวิต
“บะ-แบบนี้หรือฮะ?”
“ช่าย แบบนั้นแหละ จากบนลงล่าง นั่นแหละ แยกเท้าอีกหน่อย ดี”
“แบบนี้หรือฮะ?”
“ใช่ ทำได้ดี จากนี้ก็ลองแกว่งดาบร้อยครั้งในท่านั้น”
น้ำเสียงคนแคระนั้นเต็มไปด้วยความขี้เกียจ
เขาคงจะให้ลุกนั้นฝึกการกวัดดาบทุกครั้งที่พวกเราหยุด มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายมากแบบขยับดาบขึ้นลงก็แค่นั้นเอง แม้แต่คนไม่มีความรู้เรื่องดาบก็รู้ได้ทันทีว่า นั่นเป็นท่าพื้นฐานของพื้นฐานที่สุดแล้ว
เอาล่ะ การเดินทางของผมพับพันไมล์เริ่มต้นจากก้าวแรก มันคงดีหากให้พวกเขาไปด้วยความเร็วแบบนี้ต่อ
ผมเลิกให้ความสนใจและพูดคึยแลกเปลี่ยนกับแจ็กเกอรี่ด้วยเป้าหมายหมายของพวกเรา
***
ฟ้าแจ้งพระอาทิตย์ส่องเป็นวันที่สองแล้ว
ผมได้สิทธิพิเศษในการนอนหลับอยู่ในรถม้า ในตัวห้องรถม้านั้นเคลือบเวทย์ที่ทรงพลังอยู่ ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะป้องกันการลอบจู่โจมที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ที่พวกมันโผล่มา
ผมอยากพักกับพวกทหารทั้งหลาย แต่ทั้งเจเรมิและแจ็กเกอรี่นั้นต่างบอกให้ผมระวังตัวให้มากเข้าไว้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างที่กำลังคุ้มกันผมอยู่
ผมไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ในรถม้าหรอก เดซี่เองก็อยู่กับผมด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมานับตั้งแต่เสร็จสิ้นการผ่าตัด แม้กระทั่งตอนนี้เธอเองก็ยังนอนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้าราวกับเป็นศพ ถ้าเป็นไปตามที่เจเรมิบอก เธอเองก็ต้องการเวลาอีกอย่างน้อยสักสองวันกว่าจะตื่นขึ้นมาได้
เหล่าเพื่อนร่วมทางของผมนั้นเตรียมมื้อเช้าเสร็จตั้งแต่ตอนที่ผมออกมาจากห้องรถม้า พวกเขาทำซุปบนกองไฟ
พวกเขาทำของกินจากแป้งและเนย สำหรับพวกยากไร้คนขอทานก็ถูกว่าหรูหรามากแล้ว
“พรุ่งนี้แกทำอาหารนะ เข้าใจปะวะ?”
“เออ เจ้านี่ขี้อวดเสียจริง แค่ทำซุปง่ายๆแค่นี้”
แจ็กเกอรี่กับเจเรมินั้นกินอาหารไป ขู่ฟ่อใสกันไปด้วย
ผู้นำสองกลุ่มของพวกเรานั้นต่างเอาแต่ทะเลาะกันเรื่องที่ว่าใครจะทำกับข้าว ดูเหมือนวันนี้เป็นเวรของกองทหารรับจ้างที่ทำอาหารเช้า
“เฮอะ แม่คนฉลาด ทำไมถึงคิดว่า ไอ้ที่กินเข้าไปน่ะมันง่ายดายแค่ใส่น้ำในหม้อแล้วต้มกันล่ะห้ะ?”
ทั้งแจ็กเกอรี่และเจเรมินั้นต่างหันมามองที่ผมตอนที่ผมกำลังตำหนิทั้งคู่ สีหน้าทั้งคู่แสดงความขึงขังออกมา
ทั้งแจ็กเกอรี่ผู้มีใบหน้าดุดันอยู่แล้ว ส่วนเจเรมินั้นใบหน้าครึ่งหนึ่งก็โดนไฟไหม้ ทั้งคู่เลยมีสีหน้าน่ากลัวขึ้นไปอีก
“ต้องขออภัยด้วย ฝ่าบาท แต่นี่มันเป็นเรื่องของระหว่างเหล่าคนแคระและเอลฟ์”
“ถูกต้อง มันเป็นประวัติศาสตร์แห่งการแบ่งแยกอันยาวนาน เกือบ 3,000 ปี ที่กำลังอยู่ในเวลาชี้เป็นชี้ตาย ที่นี่ตอนนี้”
“…….”
ประวัติศาสตร์แห่งการแบ่งแยก 3,000 ปีอย่างนั้นเหรอ อื้มมมม……กะผีสิวะ พวกแกจะบ้ากันไปแล้วรึไง?
ผมเลิกแล้วล่ะ ไอ้ความคิดที่ว่าจะทำให้ทั้งคู่กลับมาสมานฉันท์ปรองดรองกันของกองพันทหารรับจ้างกับกลุ่มมือสังหาร ผมหวังแต่ว่าจะไม่ทำร้ายกันเองตอนเกิดการต่อสู้ขึ้นมาก็พอ
ใครบางคนโผล่มาระหว่างที่พวกกำลังกินซุปด้วยกัน
“เอ่อ ฝ่าบาท ต้องขอประทานอภัย…….”
“หืมม?”
คนที่มาคือ คนแคระที่เด็กที่สุด
เขาออกจะรู้สึกแย่ที่อยู่ๆมารบกวนพวกเรา ก็พอเข้าใจแหละเพราะเขานั้นรบกวนการกินอาหารเช้าจอมมาร
แจ็กเกอรี่มองไปที่คนแคระผู้เยาว์ด้วยสายตาที่เหมือนพูดว่า ‘ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วรึไง?’
“เรคัน(Rekan) นี่แกไม่รู้จักอดทนอดกลั้นรึไง? หรือหน่วยของข้านั้นไม่รู้จักสัมมาคารวะกันแล้ว?”
“ผะ-ผมขอโทษครับ หัวหน้า แต่ผมเชื่อว่า ผมต้องรีบรายงานให้เร็วที่สุด…….”
“พอก่อน”
ผมยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้แจ็กเกอรี่พอก่อน
“มาฟังเขาก่อน มีอะไรเกิดขึ้นรึ?”
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กที่ท่านฝากให้พวกเราดูแลครับ ฝ่าบาท…….”
เจ้าหนุ่มพูดอย่างลังเล
“เอ่อเกรงว่าผู้น้อยนี้ไม่อาจดูแลเขาได้อีกต่อไปแล้วครับ”
“นี่แกเอาจริงเหรอวะ?”
แจ็กเกอรี่เร่งเสียงดังขึ้นมาทันที
“ถึงพวกแกจะสอนกันเองก็เหอะ แต่ฝ่าบาทเป็นผู้ออกคำสั่งนั่นเอง นี่แกไม่กลัวตายหรือยังไงกันห้ะ เรคัน?”
“หัวหน้าครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น…….”
“เอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่กับการถามไปตอบมาอยู่นั่นแหละ ดูท่าแกจะไม่เพิกเฉยฝ่าบาทที่ทำดีกับแกอยู่เสมอนี่นะ
ความผิดในฐานะที่ไม่แสดงความเคารพต่อราชาทั้งที่เกิดมาเป็นเผ่าปีศาจและยังขัดต่อวินัยทหารแบบนี้ ข้าจะฟันคอแกจะได้รู้จักความผิดที่ทำลงไป”
แจ็กเกอรี่คว้าขวานแล้วลุกขึ้นยืน
น่าปวดหัวว่ะ
“อ้า เฮ่อ ช้าก่อน หัวหน้าแจ็กเกอรี่ การกระทำผิดย่อมเกิดขึ้นเสมอ เรื่องการลงโทษนั้นเอาไว้เมื่อไหร่ก็ได้ มาฟังดีกว่าว่าทำไมเรคันถึงเชื่อว่าอย่างนั้น”
“……หากฝ่าบาทพูดเช่นกัน”
แจ็กเกอรี่ทำหน้าบึ้งแล้วถอยไป
ไม่ว่าจะแจ็กเกอรี่ เจ้าคนแคระหนุ่ม
ผมรู้อยู่แล้วว่า ทั้งหมดเป็นการแสดง พวกทหารรับจ้างทุกนายต่างเป็นมืออาชีพ ซึ่งนั่นมันไม่สำคัญหรอก
สิ่งสำคัญคือ การที่เขาไม่ยอมบอกรายงานเสียทีทั้งที่เพิ่งขัดจังหวะมื้ออาหารของพวกเรา
แจ็กเกอรี่นั้นกำลังจัดฉากเพื่อรักษากฏระเบียบอยู่
“เอาล่ะตอนนี้ เรคัน พูดได้ ทำไมเจ้าถึงได้บอกว่า ไม่อาจดูแลลุคได้อีกต่อไป?”
“ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อ ฝ่าบาท ข้าจะพูดรวบรัด เด็กนั่นเหนือกว่าข้าไปแล้ว”
“เหนือกว่าเจ้ารึ?”
เด็กคนแคระผงกหัว
“ใช่ขอรับ ทีแรก ผมคิดว่า เขาคงมีแรงเหลือเยอะเพราะเติบโตมาในแถบภูเขา ข้าก็คิดๆว่า เขาคงจะหัวดีตั้งแต่เด็กนั่นแหละแต่ถึงอย่างนั้นยิ่งผ่านไปนานเข้า ข้าก็ยิ่งได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นทุกทีเมื่อเฝ้าดูเขาอยู่ทุกคืนทุกคืน”
“แล้วได้ข้อสรุปอะไรล่ะ?”
“ฝ่าบาทครับ เด็กชายคนนั้นเป็นอัจฉริยะ”
คนแคระหนุ่มนั้นทำหน้าอึดอัดใจขณะที่พูด
“เป็นคนที่หาได้ยากเหลือเกิน คนที่เกิดมาเพื่อถือดาบ เด็กชายคนนั้นเป็นพวกแบบนั้น ผมเพียงแต่สอนเขาว่า แกว่งดาบขึ้นลงจากมุมนั้นมุมนี้ แต่อยู่ๆเขาก็รู้เองว่า ควรรักษาสมดุลระหว่าง ขา,อก,หัวและแขนได้อย่างไร”
“ห้ะ?”
ีสีหน้าของแจ็กเกอรี่กับบึ้งตึง แต่คราวนี้ไม่ใช่การแสดงแล้ว เขาชะงักกับคำพูดของคนแคระหนุ่มจริงๆ
“นี่แกพูดอะไรวะ เรคัน?์ นี่แกไม่ได้โกหกเพียงเพราะรำคาญไม่อยากทำหน้าที่นั่นใช่ไหม?”
“โธ่ หัวหน้าแจ็กเกอรี่ครับ ผมจะต้องสติแตกขนาดไหนกันผมถึงจะได้กล้าทำเรื่องแบบนั้น?”
คนแคระหนุ่มถึงกับกลัวจนเสียงเปลี่ยน
“ถ้าแกไม่อยากทำ เดี๋ยวข้าจะสอนเขาเอง แต่ให้แน่ใจคืนนี้ข้าจะทดสอบเขาก่อน”
“การรักษาสมดุลไม่ใช่สิ่งที่แค่มีพรสวรรค์ก็ทำได้ มันเป็นสิ่งที่ต้องเก็บเกี่ยวฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเจ้าเด็กมนุษย์ดาดๆนั่นจะ…….”
“อ้าใช่ครับ นั่นแหละครับทำไมผมต้องแกล้งทำเป็นบ้าเพื่อมารายงานกับฝ่าบาท
แม้ผมจะไม่อยากรบกวนเวลามื้ออาหารของท่าน แต่คนอื่นก็แทบจะเอามีดจ่อคอยผมอยู่แล้ว”
ผมมองไปที่ด้านหลังของคนแคระหนุ่ม ทหารรับจ้างที่รวมกลุ่มกันต่างมองมาทางนี้กันหมด
ความจริงที่ไม่มีใครพูดออกมานั้นยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขาตั้งใจจะอัดเจ้าหนุ่มนั่นทันทีที่กลับไป
คนแคระหนุ่มส่ายหัวแล้วถอนใจ
“เอาจริงๆก็มีเรื่องไม่สำคัญนักที่อยากรายงาน คือ ผมสามารถบอกได้ว่า เจ้าหนูนั่น
…… ผมว่า เขาถูกห้อมล้อมด้วยมานาทั่วทั้งร่างกายแม้กระทั่งแค่หายใจอยู่”
“อะไรนะ มานาอะไร?”
แจ็กเกอรี่ทำเสียงสูงขึ้นทันที
MANGA DISCUSSION