ผมทำกับลอร่าอีกสองครั้งก่อนออกจากปราสาทไป
ลอร่าตะคอกใส่ผมทั้งยังด่าว่าผมเป็นออเกอร์ขี้เงี่ยนบ้ากาม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องขออภัยด้วย จู่ๆจะให้ผมไปโผล่ทันที มีหวังชาวบ้านได้แตกตื่นกันสิ
ผมใช้ออร์บเวทย์มนตร์บอกกับพวกเขาก่อนว่า ผมกำลังจะไปหา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีได้มีอะไรสลักสำคัญนักจากการไปเยี่ยมพบในครั้งนี้ ผมไปหาเพราะอยากรู้ว่า พวกเขาอยู่สุขสบายกันไหมในช่วงนี้ อืมม
นี่ยังไม่นับว่าผมใจดีอีกหรือไง? ไม่เพียงแต่บอกก่อนว่าผมจะไปหา แถมยังบอกว่า ไ่ม่ต้องกังวลเรื่องการต้อนรับผมด้วย ไม่มีจอมมารตนไหนจะสุภาพเรียบร้อยเท่าผมอีกแล้ว
ผมเดินทางไปถึงหมู่บ้านอย่างสบายๆในวันต่อมา
* * *
Ο
มันอาจไม่ได้สลักสำคัญเท่าใดนัก สำหรับดันทาเลี่ยน
แต่ถึงอย่างนั้นการเตือนล่วงหน้าที่เขาให้กับชาวบ้านว่าจะไปหานั้นเป็นดั่งการปรากฏตัวฉับพลันเหมือนฟ้าผ่ากลางวัน
สำหรับบุคคลที่ได้เจอกับจอมมาร เขาไม่เคยปรานีและพร้อมจะกุดหัวผู้ที่ต่อต้านอย่างปาร์ตี้ของริฟ โดยไม่มีข้อยกเว้น
สำหรับชาวบ้านแล้ว ชื่อ ดันทาเลี่ยนนั้นมิได้เป็นอย่างอื่นใดมากไปกว่า ความกลัว
ชาวบ้านต่างอลหม่านเมื่อมีการแจ้งเตือนมาจากดันทาเลี่ยนว่าจะมาเยี่ยม หัวหน้าหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านต่างเรียกประชุมกันเร่งด่วน พวกเขาเร่งใช้ม้าเพื่อให้ไปถึงที่ประชุมโดยเร็วที่สุด
“เรื่องที่อยู่ๆเขาก็มาหาพวกเราทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยมาหาพวกเรามาก่อน …….มะ-มันหมายความแบบนั้นใช่ไหม?”
“อืมม โดยมากก็แบบนั้นแหละนะ”
ผู้ชายหลายคนที่ดูซอมซ่อเนื่องจากการทำงานสวนงานไร่มาตลอดชีวิตผงกหัวพลางมองกันด้วยแววตาที่จริงจัง
“ในที่สุดเขาก็มาเก็บส่วยสินะ หือ…….”
ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านหม่นลง
ส่วย นั้นเป็นภาษีประเภทหนึ่ง
แต่เดิมแล้วพวกเขาไม่มีเหตุผลให้ต้องจ่ายภาษีให้กับจอมมาร จอมมารเรียกร้องขอแต่เพียงความภักดีและยืนยันว่าจะได้รับเสรีภาพเป็นผลตอบแทน
แต่ถึงอย่างนั้น เหตุการณ์ปาร์ตี้นักผจญภัยของริฟนั้นทำให้เกิดปัญหาขึ้น
หมู่บ้านทั้ง 12 หมู่บ้านใกล้กับดันเจี้ยน ใน 5 หมู่บ้านนั้นก่อการปฏิวัติขึ้น ก็เกือบครึ่งของทั้งหมด จอมมารดันทาเลี่ยนให้เสรีภาพเป็นราคาของความภักดีแต่ถึงอย่างนั้น หมู่บ้านพวกนั้นก็ไม่อาจรักษาความภักดีไว้ได้……. พวกเขาฉีกสัญญา
เพื่อให้หมู่บ้านยังอยู่รอดต่อไปได้ จึงมีหลายที่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดในช่วงเหตุการณ์ปาร์ตี้นักผจญภัย
ในหมู่หัวหน้าหมู่บ้านต่างแบ่งกันความเชื่อบางอย่างที่ว่า พวกเขาจะโดนฆ่าล้างทันทีถ้าทำผิดพลาดแม้แต่เล็กน้อย
ในวันพรุ่งนี้ คือ วันที่ผิดพลาด บรรยากาศในการประชุมนั้นหม่นหมอง
“เราควรเสนอมอบส่วยให้เขาด้วยความเต็มใจก่อนที่เขาจะเรียกร้องเอาจากเรา”
หัวหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งถอนใจออกมาขณะพูด
“เราจะให้ส่วยตามที่เขาขอมาเพราะไม่อาจเลี่ยงได้หรือเราจะยอมมอบให้ด้วยเจตจำนงของพวกเราเองล่ะ? สองอย่างนั้นมันต่างกันมากเลยนะ ฝ่าบาทน่ะท่านให้เกียรติพวกเรา”
“นี่แกมั่นใจเหรอเรื่องนั้น ? ข้าน่ะได้เป็นพยานตอนฝ่าบาทนำทัพเมื่อปีที่แล้ว นั่นมันสุดจะชั่วร้ายเลยล่ะ”
อีกคนออกอาการสั่นขึ้นมาทันที เขาจำได้ถึงตอนที่ดันทาเลี่ยนขึ้นพูดอย่างดุเดือดต่อหน้ากองกำลังก็อบลินจำนวนมหาศาล ดวงตานับร้อยของมอนสเตอร์ที่เผยเขี้ยวและร้องตะโกนเชียร์ออกมา เขารู้ทันทีเลยว่า ทำไมจอมมารถึงถูกเรียกว่าเป็น ลอร์ดแห่งเหล่ามอนสเตอร์
“เขาไม่ใช่คนที่คิดถึงเกียรติของพวกเรา แต่เขาจะรวมหัวพวกเราไว้เป็นส่วยด้วย…….”
“นะ-นั่นแหละว่าทำไม ฉันถึงบอกให้พวกเราควรจะเตรียมส่วยไปให้เยอะที่สุดด้วย”
บรรยากาศของการประชุมที่มีหัวหน้าหมู่บ้านมารวมตัวกันกลับดูหดหู่
“หืมม”
หัวหน้าหมู่บ้านหนุ่ม พาร์ซิ ส่ายหัวขณะที่กำลังมองไปยังคนอื่นๆ เขาเป็นผู้เดียวที่ติดตามดันทาเลี่ยนและร่วมสู้เคียงข้างกันในช่วงเหตุการณ์นักผจญภัย
เขาคอยจับตาดูดันทาเลี่ยนอยู่ไม่ห่างและยังรู้ว่า จอมมารผู้นั้นมิใช่คนที่จะเรียกร้องเอาส่วยเหมือนนักเลงอันธพาล
‘มันดูไม่เกี่ยวกับข้าเลยแฮะ’
ถึงดันทาเลี่ยนจะสั่งให้จ่ายส่วยมา พาร์ซิก็เชื่อว่า หมู่บ้านของเขาจะได้รับยกเว้น เขาได้ร่วมสู้เคียงข้างจอมมารอย่างสาหัสในเหตุการณ์ครั้งนั้น
‘เอาจริงนะ พวกตาแก่นี่ดูตื่นกลัวกันเองแปลกๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนคนทำความผิดมาแล้วไม่อยากถูกเจ้าทุกข์ฟ้องร้อง……. ลองแหย่ดูสักหน่อยดีไหมนะ?”
พาร์ซิเลิกคิ้วแล้วมองหน้าหัวหน้าหมู่บ้านทีละคน จนครบทุกคน
ได้กลิ่นแปลกๆโชยหึ่งเลย
พาร์ซิอาจเป็นคนไม่รู้หนังสือแต่เขาเกิดมาพร้อมความฉลาดหลักแหลม เขาเป็นที่ถูกใจของดันทาเลี่ยนเพราะสัญชาตญาณของเขา
ตอนนี้สัญชาตญาณที่ว่ากำลังบอกกับเขาว่า พวกหัวหน้าหมู่บ้านพวกนี้มีกลิ่นสาบเหม็นโฉ่ว
“นี่ ตาแก่”
หัวหน้าหนุ่มเปิดปากพูดขึ้น ทุกคนหันไปหาเขา
“มาว่ากันตรงๆดีกว่า พวกแกน่ะทำอะไรลับหลังท่านจอมมาร แล้วกลัวว่าท่านจะเจอเข้า ใช่ไหมล่ะ?”
“ห้ะ นี่แกพยายามพูดถึงอะไร?”
หนึ่งในหัวหน้าหมู่บ้านแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง มันเป็นรีแอคชั่นที่สุดยอดมาก แต่ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านอีกสามคนกลับบิดเบี้ยว
ไม่อาจหลีกหนีสายตาอันคมกริบของพาร์ซิที่ฝึกมาตลอดชีวิตในฐานะนักล่าได้ ไอ้เจ้าบ้าพวกนี้มันแอบทำอะไรบางอย่างลงไป!
น้ำเสียงที่เคยสุภาพของพาร์ซิ กลายเป็นน้ำเสียงดุร้ายทันที
“ไอ้ชิบหาย พูดมาสิวะ พวกมึงทำอะไรลงไป?”
“……ข้าก็บอกแล้ว เจ้าพูดอะไรของเจ้า อย่ามาใส่ร้ายกันอย่างไม่มีเหตุผลเลย”
“เฮ่อ ไอ้ตาแก่โง่ ข้าแค่ดูก็รู้แล้วว่า ตาแก่อย่างพวกแกไปแอบทำอะไรบางอย่างกัน”
พาร์ซี่ถากถาง
“พวกแกน่ะกังวลมากว่า ควรจะให้ส่วยเท่าไหร่ แกคิดว่า คนที่ไม่ได้ก่อเรื่องก่อราวอะไรจะสนใจเรื่องส่วยแม้สักนิดไหมล่ะ?”
“…….”
สีหน้าของพวกนั้นหมองลงจนตกอยู่ในภาวะสิ้นหวัง
พาร์ซิพูดถูก มันแน่นอนสำหรับคนที่แอบทำอะไรลับหลังจอมมารเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมอบส่วยให้
พวกเขานั้นมิได้มีความรู้สึกเหมือนเป็นสหายศึก ระหว่างหมู่บ้านกันแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแต่รักษาความเชื่อใจให้พอมีต่อกันบ้างถ้ามันจำเป็น
พูดอีกอย่างหนึ่งคือ พวกเขาพร้อมจะทรยศกันเสมอหากถึงคราวคับขันขึ้นมา เมื่อปีที่แล้ว กองทหารอาสาจากบางหมู่บ้านได้ไปเข้าร่วมกับนักผจญภัยเพื่อปล้นชิงเสบียงของหมู่บ้านอื่น
หัวหน้าหมู่บ้านสี่คนต่างมองกันและกัน พวกเขาพบว่าตัวเองกำลังจะซวยแล้ว
“เอ่อ คือ ความจริงแล้ว…….”
ไม่นานต่อจากนั้น
พาร์ซิตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนสุดปอด
“พวกห่าขั้วนี่!”
หัวหน้าหมู่บ้านคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับเหตุากรณ์ครั้งนั้นต่างมองไปยังกลุ่มผู้ต้องหาแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พวกเขามองอีกฝ่ายไม่ต่างจากเห็นคนบ้า หัวหน้าหมู่บ้านที่ทำพลาดไปกลับพูดตะกุกตะกักขึ้นมา
“ขะ-ข้าหมายถึง ไม่จำเป็นต้องไปเสียอะไรอย่างนั้น…….”
“นี่แกหาข้อแก้ตัวรึไงกัน!? ทุ่งนาพวกนั้นมันไม่ใช่ของของพวกแกแต่แรกแล้ว!”
ความผิดที่หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสี่ได้ทำลงไปนั้น
มีหมู่บ้านหลายหมู่บ้านโดนเผาหลังการกวาดล้างในช่วงเหตุการณ์นักผจญภัยริฟ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า ทุ่งพวกนั้นจะถูกเผาทำลายไป หัวหน้าหมู่บ้านพวกนั้นต่างน้ำลายไหลออกมาทันทีที่เห็นว่า ทุ่งทั้งหลายยังสวยงามอยู่
พวกเราจะไม่ใช้ประโยชน์จากมันได้ยังไงกันล่ะ?
มีลูกชายคนที่สองและคนที่สามที่ไม่มีที่นาทุ่งไร่เป็นของตนเอง พวกเขาจึงใช้แรงงานพวกนั้นที่ไม่ได้รับมอบมาจากครอบครัวตน
หัวหน้าหมู่บ้านได้ชักจูงพวกเขาและมอบทุ่งนาพวกนั้นให้คล้ายมอบให้ด้วยความใจดีให้มีงานทำ พอมอบให้แล้วก็ขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของผลผลิตเป็นการตอบแทน
“พวกแกนี่มันสมควรโดนธนูยิงตายจริงๆ!”
พาร์ซิระเบิดเสียงดัง ชาวบ้านคนอื่นต่างนิ่งอึ้งเพราะสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป
พอลองมาคิดดูดีๆจะเกิดอะไรขึ้นหากคนที่แอบฉกฉวยไป เกิดความแตกขึ้นมาตอนที่ดันทาเลี่ยนมาหา?
แม้พวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจปิดมันไว้เป็นความลับ แต่ก็จะถูกสงสัยในข้อหาผู้สมรู้ร่วมคิด
หมู่บ้านที่เป็นกบฏต่อจอมมารจะถูกกำจัด แล้วดินแดนดังกล่าวก็จะถูกส่งมอบให้กับผู้ที่กำจัดผู้ต่อต้านได้ นั่นเป็นสามัญสำนึกอยู่แล้ว
พูดง่ายๆคือ สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านทำคือ การถือครองสิทธิ์แทนเจ้าของที่ดินโดยตั้งใจแล้วให้ชาวบ้านทั้งหลายนั้นมอบภาษีให้กับหัวหน้าหมู่บ้านแทน
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นการกบฏ
ทำตัวเป็นเหมือนดั่งเจ้าของที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังแอบจัดเก็บภาษีเองอีก…….
พาร์ซิไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาต้องใจกล้าขนาดไหนถึงได้ก่อเรื่องขนาดนี้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่จบด้วยการแก้ไขด้วย หัวของหัวหน้าหมู่บ้าน 3 – 4 หัว ด้วยซ้ำ มันไม่พอหรอก อาจจะต้องใช้ทั้งชีวิตคนทั้งหมู่บ้าน
“ชะ-ช่วยเราด้วย ถ้าพวกนายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แม้แต่จอมมาร…….”
“มึงจะบ้ารึไง? ให้ตายเหอะ ข้าไม่ได้มีงานอดิเรกมาหาเรื่องให้ตัวเองถูกฆ่า”
พาร์ซิชักมีดออกมา หัวหน้าหมู่บ้านเริ่มตะโกนขึ้นด้วยความแตกตื่น ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายมีอาวุธ
“นี่แกจะทำอะไร!?”
“ถ้าเราปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไป ผู้คนบริสุทธิ์ในหมู่บ้านจะตายกันหมด โทษทีว่ะ แต่พวกแกต้องตายที่นี่
เฮ้ย! ถ้าแกอยากรอดมาอยู่กับข้า!”
การกระทำของพาร์ซินั้นเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดและรวดเร็ว เขาเคลื่อนตัวเหมือนสัตว์ป่าแทงหัวหน้าหมู่บ้านที่ก่อเรื่องทีละคน
มีดของเขาแม่นยำ แทงเข้าไปที่ลำคอ หัวหน้าหมู่บ้านต่างร้องก่อนจะล้มตัวลง
หัวหน้าหมู่บ้านควักมีดขึ้นมาเมื่อเห็นอย่างนั้น ความวุ่นวายตามมา
ต้องขอบคุณในความสามารถของพาร์ซิ หัวหน้าหมู่บ้านที่ไม่เกี่ยวข้องจึงได้รับชัยชนะ พาร์ซิสะบัดเลือดจากใบมีดพลางคำรามออกมา
“เรามาส่งหัวพวกมันให้กับท่านจอมมารกันก่อน”
“แล้วเรื่องส่วยพวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“อืมมม”
สถานการณ์นี้เป็นปัญหามาก จากเดิมส่วยที่ไม่จำเป็นต้องมอบให้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมอบให้แทนแล้ว
แต่ดั้งเดิมผู้คนต้องแบ่งปันความรับผิดชอบ การกระทำใดที่เป็นความผิดไม่อยากหลีกหนีการลงโทษไปได้แม้คุณจะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุก็ตาม
หากมีพี่น้องคนใดก่อคดีขึ้น ทั้งครอบครัวก็ต้องรับผิดชอบ หากเพื่อนบ้านก่อคดี บ้าน 5 หลังละแวดรอบข้ามที่เป็นเพื่อนบ้านก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน นี่คือ ยุคสมัยที่ใช้กฏอย่างนั้นเป็นเรื่องปกติ
จากมุมมองของจอมมาร สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะชาวบ้านคนอื่นๆไม่สอดส่องดูแลกันให้ดี พาร์ซิขบฟัน
เขานึกออกขึ้นมาทันทีถึงมนุษย์หญิงที่เดินเคียงข้างจอมมาร ชื่อลอร่าหรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะ เขาเดาว่า เธอน่าจะอายุไล่เลี่ยกับเขาก็ได้ เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามเกินจินตนาการ
“มีหญิงโสดในหมู่บ้านพวกแกกันกี่คน?”
“พวกเรามีสอง”
“หมู่บ้านเรามีสาม…….”
พอรวมๆแล้วก็มีราวๆสิบคน ไม่ใช่จำนวนที่จะทำให้พาร์ซิพอใจนัก แต่เขาจะเป็นผู้แนะนำเครื่องเซ่นให้กับจอมมารเอง โดยจะให้สาวพรหมจรรย์เป็นเหมือนพวงดอกไม้แถมติดไปกับส่วยที่มอบให้
“โอ้ย ข้ากำลังปวดหัวกับเรื่องที่หนุ่มสาวในหมู่บ้านจะบ่นเรื่องนี้อีก”
“หรือเราจะซื้อทาสมาจากที่ไหนแทนดี? เฮ่อ แม้แต่พระเจ้าก็คงปวดหัวกับปัญหาของพวกเราไม่ต่างกัน มันจบลงแบบนี้ได้ยังไงกันวะ?”
ทุกคนต่างสับสนในอารมณ์ แต่เดิมพวกเขามีกัน 12 หมู่บ้าน ตอนนี้เหลือ 7 จากการกบฏ แล้วตอนนี้ก็เหลือแค่ 3 ว่ากันว่า พวกมนุษย์ด้วยกันเองนั้นเป็นศัตรูหนักหนากว่าที่ใครจะคาดคิด
“ไอ้ลูกกะหรี่เอ๊ย!”
พาร์ซิระบายความโกรธด้วยการเหยียบศพ มันเป็นการแสดงความไม่ให้เกียรติแต่ก็ไม่มีใครกล้าหยุดเขา
หัวหน้าหมู่บ้านที่เหลือต่างกลับหมู่บ้านตนเองไป มันเลยเวลามานานแล้ว พวกเขาใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อเตรียมส่วย สาวโสดกำลังคร่ำครวญกับโชคชะตาตนที่ต้องไปเป็นของจอมมาร
ครอบครัวของพวกเขานั้นโมโหกันมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอยเพราะพบว่า มันเป็นความผิดของหมู่บ้านตัวเอง
มันไม่ใช่ยุคที่ต่างคนต่างมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่พึ่งพาหมู่บ้าน เสียงร้องไห้ของผู้หญิงนั้นดังตลอดทั้งคืน
* * *
“ได้โปรดกรุณาพวกเราด้วย!”
“ได้โปรดเถอะ แด่หัวใจที่แสนกว้างขวาง ได้โปรดให้อภัยพวกเราสักครั้งด้วยเถิด?”
สิ่งแรกที่ผมเห็นตอนที่มาถึงหมู่บ้านก็พบ ผู้คนหมอบอยู่บนพื้น พวกเขาวางกองข้าวสาลีไว้กองใหญ่ และด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็มีเด็กสาวหน้าตาเหมือนออร์คนั่งเงียบๆอยู่บนกองข้าวสาลีโดยมีดอกไม้เทียบไว้ที่ผม
ผมว่า ผมบอกเขาชัดไปแล้วนี่หน่า ว่าไม่ได้มีความหมายอะไรในการไปเยี่ยมครั้งนี้
“…….”
ผมอึ้งจนกรามค้าง นี่พวกแกทำอะไรลงไปฟะ?
MANGA DISCUSSION