* * *
ผมชนะการเดิมพันว่ะ
ผมเลยเผลอไชโยออกมาโดยไม่ตั้งใจตอนที่เห็นมาร์บาสโผล่ออกมาพร้อมกับกองทัพภาค 2 ว่ากันตามตรงนะ ผมกะไทม์มิ่งเผื่อเวลาการไปกลับภูเขาดำไว้ด้วยเพราะโดยมากแล้วมนุษย์นั้นมักจะรวมกันได้เร็วกว่าทัพพันธมิตร
แต่ถึงอย่างนั้นมาร์บาสก็จริงจังกับคำพูดของผม นั่นอาจเป็นผลจากค่าความชอบที่มีต่อผมก็ได้
ความจริงที่ตอนนั้นผมไม่ได้ให้ไพมอนรับโทษช่วงพิจารณาคดีส่งผลต่อความชอบของมาร์บาส สำหรับผู้ที่เป็นคนกลางในการพิจาณาคดี ค่าความชอบนั้นมีผลต่อสงครามในครั้งนี้
ในท้ายที่สุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการพิจารณาคดี
……. ผมที่เคยไร้ฝักฝ่าย แต่ก็แอบสร้างเครือข่ายกับบาร์บาทอสแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังฝ่ายที่ราบแล้วนำไปสู่การก่อตั้งทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 8 โลกใบนี้มันไม่แปรปรวนเกินไปหน่อยเรอะ?
ช่างเป็นโชคร้ายเหลือเกินกับสิ่งที่ไพมอนต้องเผชิญหน้า ก็ในเมื่อทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่เธอทำตัวเองแท้ๆ
“แกเป็นคนที่เรียกตาแก่มาร์บาสมาเองใช่ไหม ห้ะ?”
บาร์บาทอสจ้องมองผมในความเงียบ ผมอ่านอารมณ์เธอไม่ออกเลย
ผมจึงเปิดเผยบางอย่างแก่เธอ
ความจริงเรื่องแผนที่ผมวางไว้นั้นจะปรากฏขึ้นในอนาคต นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมจึงควรเปิดเผยแค่บางส่วนต่อบาร์บาทอส
มันจะเป็นปัญหายิ่งขึ้นหากผู้คนเริ่มสงสัยแล้วว่า ผมนั้นอยู่ฝ่ายที่ราบหรือไม่ แต่หลังจากที่บาร์บาทอสยิงลำแสงสนับสนุนลำเบ้อเร่อใส่ผม ไอ้ลำแสงซัพพอร์ทนั่นสามารถปกป้องผมจากจอมมารตนอื่นได้
“ใช่แล้ว”
“……ทำไมเจ้าหลอกข้า?”
ผมหัวเราะเอิ้กออกมา คิ้วบาร์บาทอสขมวด
“นี่แกหัวเราะงั้นเหรอ? แกยังจะหัวเราะออกมาได้งั้นเหรอ?”
“อ้า แหงล่ะ ก็มันตลกนี่ ตลกสุดๆ”
ฝ่ามือของบาร์บาทอสลอยมาหาผม
เพียะ
ตรงเข้าที่แก้ม
เธอไม่ได้เป็นเด็กสาวธรรมดาทั่วไป ความแข็งแกร่งของค่าสแตทของเธอก็หลักร้อย ผมล้มลงกับพื้นทันทีอย่างไม่ต้องสืบ ในปากผมรู้สึกชาแถมยังได้กลิ่นเลือดด้วย มีอะไรบางอย่างกลิ้งอยู่บนลิ้นของผม ฟันนั่นเอง
“หยุดหัวเราะ”
น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นเหนือหัวผม นี่เธอกำลังข่มกลั้นอารมณ์อยู่เหรอเนี่ย? นี่เธอกำลังโกรธจนนึกอะไรไม่ออก ก็เพราะเธอกดข่มมันไว้เหรอเนี่ย?
ผมบ้วนฟันตัวเองออกมา
“ข้าหลอกเธออย่างนั้นเหรอ ? โอ้ย อย่าทำให้ข้าขำหน่อยเลย ข้าไม่เคยหลอกเธอเลยด้วยซ้ำ”
“ไอ้ลูกกะหรี่ กล้าดียังไงที่มาเล่นเล่ห์―”
“เงียบซะ!”
ผมลุกขึ้นแล้วมองจ้องไปที่บาร์บาทอส
อ่าห์ ตอนนี้ผมอ่านอารมณ์ของเธอผ่านดวงตาออกแล้ว มันคือ ความโกรธ เธอเชื่อว่า ผมทรยศเธอ เธอจึงประเคนอารมณ์เกรี้ยวกราดนั้นใส่ผม เพราะเธอคิดว่าตัวเองถูกหลอกลวงด้วยคนที่เธอเชื่อใจ
นั่นไม่สมเป็นเธอเลยนะ บาร์บาทอส
“จำวันที่ข้าไปพบท่านที่ปราสาทจอมมารของท่านได้ไหม? วันที่เราดื่มไอ้ไวน์ห่าเบเลอร์นั่นด้วยกัน แล้วพวกเราตัดสินใจจะเริ่มกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา นั่นเป็นแผนที่น่าประทับใจเลยไม่ใช่รึไงล่ะ?”
เธอจ้องมาที่ผม แต่ผมยังเริ่มพูดต่อไปโดยไม่สะดุด
ผมเริ่มย้ำซ้ำบทสนทนาที่เราพูดกันในวันนั้น
……จอมมารส่วนใหญ่ไม่อยากจะพิชิตโลกมนุษย์ เพราะหลังจากนั้นพวกจอมมารระดับสูงจะฆ่าล้างพวกระดับต่ำ พวกจอมมารน่ะทำอย่างนั้นแน่
นั่นคือ เหตุผลที่เรามาคุยกันเรื่องที่จะลดจำนวนจอมมารลง เพื่อให้กองทัพพันธมิตรประสบความสำเร็จ…….
บาร์บาทอสตะโกนขึ้นมา
“แล้วไงวะ!? แกพูดของแกเองนี่ ใช่ไหม!? ก็ถ้าพวกจอมมารแม่งไม่อยากรู้ ถ้างั้นเราก็ให้พวกมนุษย์ระยำนั่นโจมตีพวกเราก่อน!”
ผมทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
อนาคตอันใกล้ มนุษย์จะเกลียดชัง ดูถูกจอมมารอย่างรุนแรงเพราะกาฬโรค
ตอนนั้นเองที่การกวาดล้างจอมมารจะเริ่มต้นขึ้นโดยมีฮีโร่ผู้กล้ายืนอยู่แนวหน้า
เราต้องทำให้มนุษย์อ่อนแอนลงก่อน หลังจากนั้นก็ล่อให้มนุษย์เต็มใจจะโจมตีพวกเราแล้วเริ่มสงครามขึ้น ถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้ว แม้แต่จอมมารที่เห็นแก่ตัวที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้อย่างเต็มกำลัง
―นั่นคือ สิ่งที่ผมได้บอกไป
แต่ถึงอย่างนั้น
“ไม่ลืมอะไรบางอย่างไปเหรอ บาร์บาทอส?”
“อะไรวะ?”
“บางสิ่งบางอย่างที่ข้าพูดน่ะ”
ผมหัวเราะออกมา
“ข้าได้พูดไว้จำได้ไหม ว่า จะลดจำนวนจอมมารลงอย่างมาก”
“……!”
สีหน้าบาร์บาทอสเปลี่ยนไป ตอนนี้เธอคงนึกออกแล้ว
ผมรู้สึกสบายใจแปลกๆ แก้มผมที่ถูกเธอตบเริ่มรู้สึกเจ็บแปลบ
ผมยังคงพูดต่อ
“นี่ยังคิดว่า จำนวนจอมมารจะลดลงเพราะเริ่มก่อตั้งทัพพันธมิตรเหรอ? หรือเธอคิดว่า ข้ามีเพียงวิธีอย่างนั้นหรือไง?
ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแต่ขอบอกเลยว่า เธอนี่ช่างดูถูกความสามารถของคนรักของเธอเสียจริง……คึ”
“แก…….”
“ช่ายยย ข้าทำทุกอย่างเอง”
ผมตั้งใจจะบอกให้เธอยึดดินแดนของมาร์คกราฟ ด้วยหนทางนั้นก็จะทำให้พวกระดับผู้นำของสังคมมนุษย์กังวลอย่างมาก
ผมตั้งใจขอให้เธอจับตัวมกุฏราชกุมาร นั่นเป็นหนทางที่เราจะล่อให้เหล่าประเทศทั้งหลายมารวมกันได้
ผมตั้งใจที่จะไม่ทำอะไรทั้งที่รู้ว่า ไพมอนจะมา
“นั่นคือ วิธีที่พวกเราจะสามารถดึงจอมมารตนอื่นมาได้!”
ผมตะโกนออกมา
“ฝ่ายที่ราบน่ะเป็นแค่เหยื่อล่อ! วีนัสฟลายแทรปน่ะ หมายถึงการล่อกองกำลังของทั้งฝ่ายปีศาจและฝ่ายมนุษย์โลกมาที่นี่ยังไงล่ะ
ณ ที่ราบบรูโน่แห่งจักรวรรดิฮับบวร์ก สถานที่ที่กองกำลังทุกชาติต่างมารวมตัวกัน ฝันร้ายจะเริ่มต้นจากที่นี่”
“…….”
“ข้าหลอกเธออย่างนั้นหรือ? ขอให้ข้าพูดให้ชัดอีกครั้งนะ อย่ามาไร้สาระน่า ตั้งแต่แรกเธอก็เห็นด้วยกับการลดจำนวนจอมมารแล้ว
นั่นคือ จุดประสงค์ของการก่อตั้งทัพพันธมิตรขึ้น พอมาถึงจุดนี้ ข้านี่แหละที่ยังซื่อสัตย์และภักดีต่อเป้าหมายของ ‘พวกเรา’ แล้วข้าผิดตรงไหนกัน?”
บาร์บาทอสปฏิเสธที่จะตอบ เธอก้มหน้าลง ผมจึงไม่สามารถเห็นการแสดงสีหน้าของเธอได้
ถึงอย่างนั้น ผมรู้ดีว่าถ้าเป็นเธอ เธอต้องตระหนักได้อยู่แล้วว่าผมนั้นพูดถูก
เธอบ่นอุบออกมาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“ถ้าอย่างนั้น……เจ้าก็ควรบอกข้าก่อนสิ”
“ไม่”
ผมตอบกลับไปในทันที
“เราต้องทำให้ฝ่ายที่ราบนั้นกลายเป็นเหยื่ออย่างแนบเนียนที่สุด ดังนั้นพวกเราจึงปล่อยให้หลุดออกไปไม่ได้ว่า ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราจัดฉากขึ้นมา
ดูสิ การที่เธอร้องไห้ออกมาจากใจจริงก็เพราะข้าไม่ได้บอกเธอไง ทั้งจอมมารและมอนสเตอร์ทั้งหลายนั้นต่างเห็นเธอ และเข้าใจว่าเธอน่ะเป็นเหยื่ออย่างที่ปฏิเสธไม่ได้”
ผม , ดันทาเลี่ยน ผู้สามารถเห็นแผนการของไพมอนโดยบังเอิญ ก็เริ่มสงสัยเธอ และตอนนั้นเองที่เหตุการณ์หลักก็ก่อร่างขึ้นมา
ฝ่ายที่ราบจะได้รับความชอบธรรมเป็นครั้งแรก ตั้งแต่จุดที่เริ่มก่อตั้งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราไปจนถึงจุดสิ้นสุด ความชอบธรรมนี้แหละที่จะเป็นเหตุผลให้พวกเราต่อสู้ โดยอ้างว่าทำเพื่อเผ่าปีศาจ
พูดอีกอย่างหนึ่ง กองกำลังฝ่ายภูเขาสูญเสียเป้าหมายที่จะ ‘โจมตีพรรคพวกเพื่อการทำเพื่อเผ่าปีศาจ’ แล้วกลายเป็นที่รู้จักกันว่า ‘เป็นฝ่ายที่ตั้งใจจะโจมตีพวกเดียวกันเอง’
ถ้าพวกเราโชคดี กระแสการเมืองในตอนนี้ของฝ่ายภูเขาที่เคยเหนือฝ่ายที่ราบจะกลับกัน ……สิ่งนี้แหละที่จะทำให้กองทัพจอมมารตกอยู่ในความอลหม่าน
“หากต้องการจะหลอกศัตรู เธอต้องหลอกพวกเดียวกันก่อน นี่คือ กลยุทธพื้นฐาน มันอาจไม่ใช่สิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่ข้าก็ไม่ควรได้รับการตบหน้า”
“…….”
ความเงียบงันอันยาวนานอยู่กับพวกเราสักพัก
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ? อยู่ๆบาร์บาทอสก็ถามคำถามขึ้นมา
“แล้วเรื่อง……มนุษย์ที่เป็นผู้ช่วยของแกล่ะ?”
“หือ?”
อยู่ดีๆก็มีอีคำถามนี้ผุดขึ้นมา
ผมเลยถามกลับไปว่า ที่บอกว่า ที่ปรึกษาที่เป็นมนุษย์นี่ เธอหมายถึง ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ใช่ไหม
ทำไมจู่ๆก็พูดถึงลอร่าขึ้นมาล่ะ? ผมไม่เข้าใจ
(TTL : โอเค ได้ฉายาใหม่ พรี่ดันควายเผือก 555)
บาร์บาทอสจึงถามอีกครั้ง
“ข้ากำลังถามแกว่า เจ้ามนุษย์ที่ปรึกษาของแกน่ะรู้มาก่อนหรือไม่ ไอ้ความจริงที่ว่า แกเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างในสงครามนี้น่ะ”
“……ไม่ เธอรู้แค่บางส่วน ไม่ได้รู้หมดหรอก ข้าไม่ใช่คนประเภทที่เที่ยวไปบอกคนอื่นจนหมดเพียงเพราะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหรอก”
“แล้วถ้าอย่างนั้น ยังมีคนอื่นอีกไหม?”
ภาพของลาพิสปรากฏขึ้นมาในหัว
“มีอยู่”
“คนเดียว? หรือหลายคน?”
คำถามของเธอมันคลุมเครือมาก ไม่สิ เหมือนมันมีจุดมุ่งหมายบางอย่างอยู่หลังคำถามนั่น ? ผมนึกถึง อิวาร์ ล็อดบรอคจึงตอบกลับไป
“สอง ล่ะมั้ง”
“สองเหรอ หึ”
แล้วก็เงียบลงอีกรอบ
นี่เธอกำลังมองอะไรอยู่หว่า?
บาร์บาทอสค่อยๆลุกขึ้นช้าๆขณะที่ผมยังคงอยู่ในความเงียบอยู่ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เธอบ่นพึมพัมคล้ายกระซิบ ผมไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรอยู่แต่บอกได้ว่า เธอกำลังร่ายเวทย์
“เอาล่ะ”
บาร์บาทอสพูดขึ้น
“สถานที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกโดยสมบูรณ์แล้ว จะไม่มีใครได้ยินเสียงของพวกเรา แม้จะมีใครสักคนหนึ่งกรีดร้องออกมาดังลั่น”
ความรู้สึกไม่สบายใจโถมท่วมทับใส่ผม
ผมจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพเป็นที่สุด
“……เอ่อ ท่านบาร์บาทอสครับ เหตุใดท่านจึงได้ร่ายเวทย์เช่นนั้น?”
“โฮ่”
เธอยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
“แกนี่เป็นคนประเภทที่สบายใจตอนที่ทำให้คนรอบๆต้องทุกข์ใจสินะ หา?
แถมยังมีคนบนโลกนี้อยู่อีกสองคนที่รู้ในสิ่งที่ข้าไม่รู้อีกด้วย?”
“หะ-หาาาา?”
“แกจำต้องหลอกเพื่อนก่อนถึงจะหลอกศัตรูได้ใช่ไหม? เฮงซวยเอ๊ย ถ้างั้นข้าก็เป็นแค่เพื่อน และไอ้สองตัวนั่นมันก็เป็นเพื่อนแท้ของแกสินะ?”
สถานการณ์มันชักเริ่มแหม่งๆขึ้นมาแล้วล่ะครับ
ดูเหมือนบาร์บาทอสจะโกรธจัดขึ้นมาอย่างมากเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง ใบหน้าของเธอแย้มยิ้มอยู่ก็จริง แต่ออร่าที่ปล่อยออกมานี่มันไม่ใช่ความรู้สึกพึงพอใจแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอดูรำคาญยิ่งกว่าตอนที่พบหน้าผมก่อนหน้าเสียอีก
“แกเป็นครั้งแรกของข้า แล้วทีนี้…….คนอย่างแก ยังจะไปนอกใจข้าอีก?”
“ดะ-เดี๋ยวๆๆๆ! นอกใจ? นอกใจเนี่ยนะ? มันเรื่องไร้สาระอะไรวะนั่น!?”
ผมตะโกนขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเป็นทางการระดับนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”
“ไอ้ห่าลากเอ๊ย ข้าเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์มาเกือบ 2,000 ปี แกก็รับผิดชอบที่เย่อสาวน้อยบริสุทธิ์แห่งนี้นี้มั่งสิวะ ? นอกจากแกจะไม่ทนุถนอมข้ายิ่งกว่าใคร แต่แกยังกล้าหลอกข้าอีกอย่างงั้นเรอะ?”
“ข้าไปเย่อท่านตอนไหน!? ท่านต่างหากที่เย่อข้า!”
“หาาาา ข้าต่างหากเป็นสาวน้อย แกน่ะไม่ใช่”
แม่นี่มันบ้าไปแล้วสินะ!?
ผมพยายามยกมือห้ามปราม
“ใครจะไปสนใจใจกันล่ะว่า เธอจะเป็นสาวน้อยหรือไม่!? ก็คนที่ใช้เวทย์ปลุกเซ็กส์แล้วบังคับให้ข้าหื่นขึ้นมาน่ะมันใครกัน!?”
บาร์บาทอสขมวดคิ้ว หน้าเธอยิ้มแหละ แต่ดูจากเงาที่ฉายทับที่ใบหน้าเธอเหมือนผมไปยั่วโมโหเธอให้โกรธยิ่งขึ้นไปอีก
“โอ้ อะไรนะ? ถ้างั้นแกไม่ได้อยากมีเซ็กส์กับข้ารึ?”
“ไม่ เอาจริงนะ นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่…….”
“แล้วเจ้าเพลิดเพลินไหมกับมันล่ะ?”
ผมพยักหน้าอย่างระมัดระวัง ผมต้องทำแบบนั้นแน่ เพราะหากผมตอบปฏิเสธ เคียวที่เงื้ออยู่เหนือผมก็คอยลอยลงมา ซึ่งความจริงแล้ว มัน……อาจไม่แย่ก็ได้มั้ง
บาร์บาทอสพูดด้วยเสียงเรียบๆ
“สรุปแล้ว แกเพลิดเพลินกับการมีเซ็กส์กับเด็กสาวที่ดูเหมือนอายุ 12 ปี และแกก็เป็นชายคนแรกของเด็กสาวคนนั้น แกจะไม่รับผิดชอบในฐานะลูกผู้ชาย แถมยังตัดสินใจที่จะลวงหลอกเธอด้วย”
“…….”
“ถ้าเป็นในที่สาธาณะที่เขาเรียกผู้ชายอย่างแกว่า ไอ้ลูกกะหรี่แล้วล่ะ ไอ้ลูกกะหรี่!”
ไม่ดิ ไม่ใช่ดิ มันผิดไปหมดแล้ว เธอน่ะผิดแล้ววววว
หากจะดูแต่เหตุการณ์อย่างเดียวโดยไม่ดูบริบทแวดล้อมนี่มัน …… แต่ไม่ว่าจะยังไง นี่มันการใส่ร้ายกันชัดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น การที่บาร์บาทอสมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกนี่ แต่ที่ผ่านมาเธอก็เล่นกับผู้หญิงนับครั้งไม่ถ้วนเนี่ยนะ ? จะระบุได้ว่า เธอทำตัวบริสุทธิ์ แล้วทำเหมือนครั้งแรกของเธอโดยเอาไปโดยผู้ชาย? ทำไมกระแสบทสนทนามันพยายามทำให้ผมเป็นไอ้ชั่วไปได้วะ?
“และที่สำคัญ มันเหมาะสมแล้วที่ ไอ้ลูกกะหรี่ จะโดนกระทืบให้สมกับเป็นไอ้ลูกกะหรี่”
อะไรบางอย่างถูกอัญเชิญมาอยู่ในมือบาร์บาทอส
มันคือ แส้
เหงื่อเย็นไหลลงที่หลังผม
ผมพยายามที่อ้าปาก แต่ลิ้นกับสั่นเหลือ
“บะ-บาร์บาทอส ข้ารู้ว่า เธอน่ะกำลังโกรธอยู่นะ แต่เรามาคุยกันด้วยเหตุผลเยี่ยงอารยชนกันไหม โอเคไหม?”
“ไอ้งั่งเอ๊ย ข้าโกรธเพราะแกไม่รู้นี่แหละ ว่าทำไมข้าถึงโกรธ”
บาร์บาทอสจับแส้ด้วยมือทั้งสองข้างและดึงออกมาเพื่อทดสอบความแข็งของมัน หรืออย่างน้อยๆแส้นั้นมันก็ดูทนทานดีในสายผมนะ
แต่เอ่อ มันก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ดีต่อผมเลยแม้แต่น้อย
“ยิ่งไปกว่านี้ ความโกรธของข้ามันยิ่งทะลักออกมาทุกครั้งที่แกเปิดปากพูดอะไรสักอย่างว่ะ ดังนั้นคงดีกว่านะ ถ้าแกจะหุบปากไปเสีย”
“ขอโทษษษ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกแผนของข้าให้เธอฟังก่อนนน!”
แม้ตอนนี้ผมจะพยายามขอโทษ ผมไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองทำผิดไป แต่ผมจำได้ว่า หากขอโทษผู้หญิงน่ะ ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องเสมอ
ถึงอย่างนั้นบาร์บาทอสก็ยังคงยิ้มชั่วร้ายด้วยเหตุผลบางอย่าง
“คนงั่งนี่ก็ยังงั่งจนถึงที่สุดเลยนะ เฮ่อ นี่ข้าปล่อยให้คนอย่างได้สิ่งที่ดีที่สุดของข้าไปด้วยได้ยังไงกันนะ!?”
“อะ-อ๊ากกกกก!?”
ปลายแส้หวดลงมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว
ผมขอไม่กล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากนั้นเพื่อธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของผมก็แล้วกัน
สุดท้ายแล้ว ผมก็ต้องขอโทษขอโพยด้วยทุกวิธีทุกหนทางที่จะทำได้ จนกระทั่งสามารถทำให้บาร์บาทอสเย็นลงได้ แน่นอนว่า เหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงโกรธจัดขนาดนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่ดี
เธอชอบเพราะผมเป็นเหมือนหมาตัวนึง แล้วตอนนี้เธอมากระทืบผมยับเหมือนหมาตัวนึงเหมือนกัน
ให้เดานะ มันคงเป็นเพราะผมทำให้เธออับอายขายขี้หน้าต่อหน้าลูกน้องเธอน่ะแหละ
บาร์บาทอสน่ะเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเองสูงมาก เธอยังคงมันไว้อย่างนั้นไปตลอดชั่วกาลนาน คงพอเข้าใจได้แหละว่าทำไมเธอถึงอัดผมยับขนาดนี้
แต่ถ้าเป็นกรณีนั้นจริง มันไม่แฟร์เลยไม่ใช่รึไงกันน่ะ? มันไม่สมเหตุสมผลชะมัด……. ฮึ นี่ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชายใจกว้าง
แต่เป็นคนจริงจังขี้โกรธป่านนี้ผมคงออกจากฝ่ายที่ราบไปนานแล้ว ช่างเป็นผู้หญิงสาวที่ชั่วร้ายชะมัดเลย
MANGA DISCUSSION