บทที่ 372 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (13)
“ทะ-ท่านครับ …….”
ผู้ส่งสารหันมองแกรนดยุคด้วยความตกประหม่า
ดวงตาเหล่านั้นดึงให้แกรนดยุคคืนสติกลับมา
เหตุการณ์จะเลวร้ายขั้นสุดในทันทีหากเขาแสดงท่าทีตกอกตกใจออกมา
“เซอร์เดอเรส ! ส่งนักเวทย์ของท่านไปช่วยปีกซ้ายเดี๋ยวนี้ !”
“แต่ท่านครับ , ข้าเกรงว่า นักเวทย์ฝ่ายนั้นจะซุ่มโจมตีหลังจากที่เราย้ายนักเวทย์ออกไปจากตำแหน่งนั้นนะครับ ”
นักเวทย์แก่พูดด้วยน้ำเสียงกังวล
แกรนดยุคเองก็ทราบดีว่า ความกังวลของหัวหน้านักเวทย์นั้นสมเหตุสมผล แต่เขาไม่อาจกลับคำได้อีกแล้ว
คำสั่งจากผู้บัญชาทหารสูงสุดนั้นหนักดั่งแท่นเหล็ก
“ทหารเดินเท้าของพวกนั้นไม่มีทางเดินทางมาทันหรอกหากเราส่งพวกเขาไปตอนนี้
หากปีกซ้ายเราพัง พวกเราก็จะเป็นรายต่อไป!
ภารกิจของเจ้าคือ การช่วยสนับสนุนหัวหน้าอัศวินและไล่ตามทหารม้าฝ่ายศัตรูไปให้พ้น โดยเสียหายให้น้อย
เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”
“ตามคำบัญชาของท่าน ”
นักเวทย์สิบห้านาย ร่ายเวทย์เทเลพอร์ทในทันทีเพื่อไปยังปีกซ้าย
เหลือนักเวทย์เพียงสามคนเท่านั้นที่ยังอยู่กลางทัพ
พวกเขาเป็นนักเวทย์ที่ได้รับคำสั่งให้กลับมาจากแนวหน้าเพื่อทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองแกรนดยุค
แต่แค่นั้นมันไม่เพียงพอต่อการป้องกันการโจมตีของนักเวทย์ศัตรู หากพวกนั้นตั้งใจที่จะลอบโจมตีขึ้นมาจริงๆ
“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือจงสู้อย่างหาญกล้า !”
แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ตะโกนขึ้น
หลังจากที่ทุกคนเห็นแล้วว่า แกรนดยุคได้ถ่ายทอดคำสั่งให้กับนักเวทย์หลวง ผู้บัญชาการคนอื่นๆก็เข้าประจำที่
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว
หลังได้สร้างความน่าประทับใจให้แก่พวกเขา
ทำให้ความแตกตื่นในดวงตาของทุกคนหายไป
“นำทหาร 5,000 จากทัพกลาง ย้ายตำแหน่งพวกเขาไปประจำที่ปีกซ้าย พวกเราจะใช้กลุ่มดังกล่าวเป็นกำลังหนุน ”
“รับทราบ !”
“แล้วก็ส่ง ทหาร 2,000 นายไปที่ปีกขวา เราไม่มีทางรู้ได้ว่า หัวหน้าอัศวินจะทนได้นานแค่ไหน
เราต้องเผื่อไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดด้วย !”
ทหารที่ประจำการรออยู่นั้นหดหายลงไปถึง 7,000 นายในชั่วพริบตา
“…….”
แกรนดยุคเดาะลิ้นในใจ
เหล่าทหารถ่ายทอดคำสั่งลงไป แต่ความวิตกของเขานั้นยังคงอยู่
ตอนนี้พวกเขาได้วางสมดุลใหม่ระหว่าง ทัพหลักกับปีกทัพทั้งสองให้สมดุล
ทหารจักรวรรดิเองมีทหารเดินเท้าราว 15,000 นาย ในขณะที่ทหารราชอาณาจักรมีทหาร 18,000 นาย
แกรนดยุคเองไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดของทหารฝ่ายศัตรูแต่เขาก็บอกได้ว่า พวกเขานั้นมีจำนวนมีมากกว่า อย่างน้อยๆก็ราว หนึ่งพันถึงห้าพันนาย
‘ความแตกต่างในแง่จำนวนประมาณสี่พัน …….เท่านั้นไม่พอ ’
ศัตรูของพวกเขานั้นเป็นกองทัพจัดตั้งใหม่ของทหารรับจ้างแห่งเฮลเวติก้า
การที่มีจำนวนแตกต่างกันเพียงสี่พันนั้นไม่ได้มีนัยยะอะไรนัก
ยิ่งไปกว่านั้น
กลุ่มผู้ใช้เวทย์ของทางราชอาณาจักรนั้นยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับกองกำลังจักรวรรดิ หากไม่นับรวมนักเวทย์ฝึกหัด กองทัพของแกรนดยุคนั้นมีนักเวทย์ธรรมดา 17 คน
ส่วนอีกฝ่ายนั้น พูดอวดไว้ว่า มีหน่วยนักเวทย์ผู้ช่ำชองมากเกินกว่ายี่สิบคน
จนถึงตอนนี้กลยุทธหลักของพวกเขาจึงเป็นการตั้งรับการจู่โจมด้วยเวทย์มนตร์ของฝ่ายศัตรู
แม้จำนวนนักเวทย์จะมีน้อยกว่าก็ตามที เขาจึงต้องพยายามให้นักเวทย์ที่มีเน้นไปที่เวทย์ป้องกันอย่างเดียว
เนื่องจากเมื่อเกิดการสู้รบด้วยเวทย์มนตร์กัน ฝ่ายตั้งรับนั้นจะได้เปรียบกว่าฝ่ายโจมตี
ลูกบอลไฟนั้นสามารถหักล้างได้โดยง่ายจากเวทย์น้ำหากยิงถูกจังหวะ จึงทำให้นักเวทย์ของแกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์สามารถเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้ แม้จะเสียเปรียบในแง่จำนวน
อย่างไรก็ดีไม่ได้แปลว่า เรื่องแบบนั้นมันจะดำเนินต่อไปได้นาน
เพียงไม่นานนักฃ
“……อย่างที่คิดไว้จริงๆ เจ้าพวกนั้นมันรู้ ”
กองทัพศัตรูระดมยิงห่าฝนเวทย์มนตร์ไม่หยุด
ก้อนกลุ่มดวงไฟร่วงลงมาจากผืนฟ้าไม่ขาดสาย
นักเวทย์ของราชอาณาจักรพยายามสุดกำลังเพื่อที่จะโต้กลับการโจมตีระลอกใหญ่แต่ก็เห็นได้ชัด เพียงเวลาไม่นานว่า มันเกินมือของพวกเขาไปแล้ว
นักเวทย์สองคนที่รับใช้แกรนดยุคนั้นเหงื่อท่วม ขณะที่สู้ยิบตา แต่ความมุ่งมั่นที่จะรับมือก็มลายหายไปพร้อมกับมานาที่หมดลง
ในขณะเดียวกันฝ่ายจักรวรรดิเองก็ยังคงส่งนักเวทย์อีกสิบคนมาประจำตำแหน่งที่ศูนย์กลางทัพ …….
ฝ่ายศัตรูมีนักเวทย์ประมาณยี่สิบ
หากที่กลางทัพมีประจำการณ์เพียงสิบแปลว่า ที่เหลือถูกส่งไปยังที่ไหนสักแห่งแล้ว
แกรนดยุครู้ในทันทีว่า พวกนั้นถูกส่งไปที่ไหน
“ท่านครับ , มีรายงานมาจากเซอร์ดูเรส ”
“ใช่เรื่องที่ทหารจักรวรรดิเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนักเวทย์หรือเปล่า ?”
“……ใช่ครับ รายงานบอกว่า ทหารจักรวรรดินั้นส่งหน่วยนักเวทย์สิบเอ็ดนายมายังที่ปีกซ้ายของฝ่ายเราครับ ”
แกรนดยุคพยักหน้าช้าๆ
“เคลื่อนพลเดินทัพเท้า 2,000 นายจากทัพกลางไปยังปีกซ้าย ”
เขาไม่รู็ตัวเลยว่า กำลังพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์อยู่
“แต่ท่านครับ …… หากเราทำเช่นนั้น จะไม่มีทหารสำรองเหลือเลยนะครับ ”
“มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ณ ตอนนี้ต่างหากคือ ช่วงเวลาที่เราต้องใช้ทหารสำรองทั้งหมด ”
แกรนดยุคใช้สัญชาตญาณในการสั่งการครั้งนี้
ปีกซ้ายของพวกเขากำลังจะพังทลายลง
การลอบจู่โจมของอีกฝ่ายนั้นยังผลให้รองหัวหน้าอัศวินตายในทันที
หัวหน้าอัศวินที่รอดมาได้ยังคงสั่งการทหาร แต่นั่นก็เพียงการชั่วคราวเท่านั้น
แกรนดยุคนั้นพยายามที่จะส่งนักเวทย์ออกไปเพื่อสกัดฝ่ายศัตรูไม่ให้รับมือได้ทัน
ทหารจักรวรรดิตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะถอย
พวกเขากำลังเตรียมตัวโอบล้อมและกวาดล้างทหารของฝ่ายราชอาณาจักร …….
‘เจ้าพวกนั้นมันปกปิดว่าตัวเองคิดจะซุ่มโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ……?
เดี๋ยวก่อน , หรือจะเป็นตั้งแต่ตอนที่พวกนั้นไล่ล่าผู้หลบหนีจากพาเวียอย่างนั้นหรือ?’
ความเย็นวาบไหลขึ้นมาถึงอกของแกรนดยุค
‘เจ้าพวกนั้นมันถล่มพาเวีย เพื่อล่อให้เราเข้ามาติดกับอย่างนั้นรึ ?
การที่ตั้งใจปล่อยให้ชาวเมืองหนีออกมา แล้วเดินทัพไปยังปิเอเซนซ่า …
นี่ทุกความเคลื่อนไหว นั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของมันอย่างนั้นรึ !?’
แกรนดยุคมองตรงไปเบื้องหน้า
ใต้ม่านคลุมแห่งความมืด มีธงไฮเดรนเยียภูเขาสีครามโบกสะบัดไปกับกระแสลม
ตระกูลที่สูญสิ้นตระกูลหนึ่ง ที่เชื่อว่าเลือนหายไปเมื่อแปดปีก่อนแล้ว ณ ตอนนี้กลับแสดงตราประจำตระกูลสง่าขึ้นมาอีกครั้ง
ราวกับกำลังจำนวนภาพเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อน แต่คราวนี้ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม
แกรนดยุคขบริมฝีปาก
เสียงคำรามดังออกมาจากปากของเขาที่มีเลือดออก
“ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ……!”
* * *
“กองทัพปีกขวาของศัตรูเริ่มถอยหนีแล้ว ”
“ภาคีเหยี่ยวดำแห่งฟลอเร้นพ่ายแพ้แล้ว บารอนเนส เดอ บลังค์ กำจัดหัวหน้าอัศวินได้แล้ว! ”
“ทหารม้าปีกซ้ายทางฝ่ายเราเริ่มพุ่งชาร์เข้าไปแล้วครับ !”
รายงานหลั่งไหลเข้ามานับไม่ถ้วน
โดยมากเป็นรายงานเรื่องชัยชนะ
เหล่าผู้บัญชาการระดับสูงฝ่ายเรามีสีหน้าสีตาที่สดใส
ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว
เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่อารมณ์ดี
ตอนนี้ทหารจักรวรรดิของพวกเรานั้นกำลังทำการปิดล้อมตามทฤษฏีในตำราพิชัยสงครามเป๊ะ
การซุ่มโจมตีประสบผลสำเร็จครั้งใหญ่
พวกภาคีอัศวินพวกนั้นรับการพุ่งกระแทกของฝ่ายเราเข้าไปอย่างจัง
เจ้าอัศวินนั่นต้องสู้กับหน่วยที่มีจำนวนมากกว่าถึงสองเท่า และก็จบลงตรงที่โดนซุ่มโจมตีขณะที่กำลังเสียเปรียบอยู่
จากรายงานที่ได้รับมานั้น พวกภาคีอัศวินเกือบครึ่งถ้าไม่ตายก็ตกม้า
แม้แต่ปู่ของอลิซาเบธเองก็ไม่มีทางเอาชนะวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้หรอก
ถึงจะบอกกันว่า ปู่ของอลิซาเบธจะไม่ใช่จักรพรรดิที่เก่งกาจเท่าไหร่นักก็เถอะ …….
“บารอนเนส เดอ บลัง แสดงผลงานอย่างเป็นที่น่าพอใจ
แล้วยิ่งเธอจัดการหัวหน้าอัศวินได้แบบนั้น เธอก็สามารถรับผลงานการอวยยศครั้งใหญ่ได้เลย”
“อืมมม ยอดเยี่ยม ”
ลอร่าพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผม
ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังการสู้รบตรงหน้า
เธอไม่เคยเสียสมาธิหันไปทางอื่นนอกจากสนามรบนับตั้งแต่เข้าปะทะกัน
“ ถ่ายทอดคำสั่งไปถึง บารอนเนส เดอ บลัง
พอปีกขวาปลอดภัยดีแล้ว ก็ส่งหน่วยจู่โจมด้านหลังศัตรูทันที
แต่ก็ปล่อยให้มีช่องไว้ ล่อพวกพวกศัตรูเข้ามาในพื้นที่ชายเลน”
“ครับ ท่าน!”
เหล่าผู้ช่วยโค้งคำนับแข็งขัน
ทุกคนต่างมองลอร่าด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความนับถือ
จนดูไม่มีคำว่า ‘พ่ายแพ้’ ในพจนานุกรมของเธอเลย
เธอนั้นสามารถบังคับบัญชาสมรภูมิได้ด้วยตาเปล่า เห็นทะลุทะลวงศัตรูไม่ต่างจากส่องแก้ว
พวกเจ้าหน้าที่ในศูนย์บัญชาการต่างมองเธอด้วยความรู้สึกกึ่งประหลาดใจกึ่งหวาดกลัว พลางกระซิบต่อกัน
‘ท่านผู้บัญชาการสูงสุดอาจเป็นเทพีเอเธน่ากลับมาเกิดใหม่ก็เป็นได้นะ ’
คำพูดพวกนั้นเกือบจะเป็นคำพูดดูหมิ่นเทพีเสียด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็เชื่อเช่นนั้นจากใจจริง
ทั้งเรื่องความงามที่ราวกับองค์เทพีของลอร่า
ผมเข้าใจเลยล่ะว่าทำไมพวกเขาถึงนับถือบูชาเธอ
หัวหน้าทหารรับจ้างนั้นรับคำสั่งอย่างดีมีมารยาทแม้ว่าลอร่าจะสั่งให้พวกเขาไปทำเบียร์มาจากองุ่นก็ตาม
ผมยิ้มสบายๆขณะพูด
“เราส่งนักเวทย์ออกไปให้หมดเลยดีไหม,ท่านดยุค ?
ตอนนี้ศัตรูก็ไม่มีแรงจะขัดขืนแล้ว ”
“แบบนั้นก็ดี สั่งการนักเวทย์ทั้งหลายไป ว่าไม่ต้องกั้กมานาไว้อีกแล้ว ”
คำสั่งดั่งกล่าวส่งถึงนักเวทยทุกคน ไม่นานนัก ก็เกิดการปะทุระเบิดจำนวนมากขึ้นในสนามรล
ทหารฝ่ายเรามีนักเวทย์ชำนาญการศึก 27 คน
พวกนั้นไม่ได้มาจากเฮลเวติก้า
พวกนี้เป็นกลุ่มคนที่ผมทำสัญญาด้วยเป็นการส่วนตัว
ดินแดนที่ผมปกครองอยู่น่ะเต็มไปด้วยนักเวทย์หอคอย ดังนั้นผมจึงจ้างพวกนักเวทย์ได้ง่ายมากตราบใดที่ผมยังเสนอในสิ่งที่พอเหมาะพอสม
แม้จะมีประโยคที่บอกว่า พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ทำการทดลองผิดมนุษยธรรมกับนักโทษ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขด้วยก็เถอะนะ …….
เอาล่ะ พวกเราได้มอบชาวเมืองที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติที่พาเวียเมื่อคืนให้เป็นของขวัญกับพวกนักเวทย์เหล่านั้น
ชะตากรรมที่รออยู่สำหรับพวกนักปฏิวัติน่ะ ก็มีแค่โดนมัดขึงไว้บนโต๊ะ เพื่อรอดูสีเลือดและเครื่องในอยู่เท่านั้นแหละ
ส่วนชะตากรรมของชาวเมืองที่เหลือก็แน่นอนแล้วเหมือนกัน
หน่วยทหารรับจ้างเฮลเวติก้าสนใจที่จะขายพวกนั้นเป็นทาสเพื่อทำเงิน
ภูเขาที่อยู่ของพวกเฮลเวติก้านั้นอุดมไปด้วยเหมืองหินแร่ ดังนั้นเจ้าพวกทาสก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่นอยู่ในเหมืองสุดอันตรายนั่น
“ท่านครับ ปีกขวาจัดการเรียบร้อยดีแล้ว
บารอนเนส เลอ บลัง รายงานว่า กำลังจะดำเนินการสู่ปฏิบัติการณ์ต่อไปแล้วครับ ”
กองทหารอีกสองพันนายที่นำโดยบารอนเนสนั้นพุ่งไปยังแนวหลังศัตรู
และนั่นเป็นชั่วขณะที่การปิดล้อมครบทั้งสี่ด้าน
ไม่จำเป็นต้องปิดแนวให้สมบูรณ์แบบก็ได้
แค่พยายามกดดันจากด้านหลังก็พอแล้ว
การทำให้กองทัพศัตรูห่วงหน้าพะวงหลัง
ความหนาแน่นของกองกำลังย่อมต้องลดลงอย่างไม่อาจเลี่ยง
พวกนักเวทย์ก็ปล่อยเวทย์ห่าใหญ่ใส่รูปขบวนที่กระจายตัวออกของศัตรู
แต่ละเวทย์ที่กระแทกนั้นดังสนั่นลั่นไปทั่วผืนปฐพี ทั้งยังเกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่
กองทัพของราชอาณาจักรซาร์ดิเนียที่โดนปิดล้อมอยู่ก็ถูกถล่มด้วยเวทย์นับไม่ถ้วน ทำให้พวกเขาต้องตกนรกทั้งเป็น
สามสิบนาทีต่อมา , มุมหนึ่งของศูนย์กลางกองทัพศัตรูพังไม่มีชิ้นดี
“ทหารศัตรูเริ่มหนีแล้ว !”
“แนวรบพวกราชอาณาจักรพังทีละแนว
ท่านครับ! แนวรบของพวกมันถล่มแล้ว !”
เสียงโห่ฮาด้วยความเริงร่าดังขึ้นในกลุ่มผู้บัญชาการ
ตอนนี้จบลงแล้วล่ะ
พอมีแนวรบแนวใดสักแนวหนึ่งถล่มลงมา ก็จะเกิดโดมิโน่เอฟเฟคกันอย่างต่อเนื่อง
คุณต้องใช้ทหารเพื่ออุดป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
แนวทัพที่กำลังจะพังต้องมีทหารสำรองเข้าไปอุดคืนโดยเร็วที่สุด
แต่ตอนนี้ทหารของราชอาณาจักรซาร์ดิเนียไม่มีทหารสำรองแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่รอพวกเขาในวันนี้คือ จุดจบของสายเลือดมีดิชีแห่ง ฟลอเร้นซ์ …….
“หน่วยแพะครามขออนุญาตไล่ตามศัตรู!”
“บารอนเนส เดอ บลัง ขออนุญาตตามไล่พวกมัน!”
ผมยิ้มชั่วร้าย
แหม ไม่รู้จักอดใจรอเสียเลยนะ
หลายต่อหลายหน่วยส่งคนมาขออนุญาตให้ไล่ตามศัตรู
จริงๆในการจะไล่ล่าศัตรูที่หนีหางจุก มันก็ง่ายกว่าสู้กับอีกฝ่ายที่พร้อมสวนคืนนั่นแหละ การทำแบบนั้นมันทำให้พวกเขาได้ชื่อเสียงได้ง่ายด้วย
แต่อย่างไรก็ดี มันเร็วเกินไปหน่อย
แกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ยังคงจะหาทางโต้คืนอยู่
ไม่ต้องรีบสั่งให้พวกเขาไล่ไปตอนนี้ก็ได้
ไล่ต้อนทีหลังก็ไม่สายเท่าไหร่หรอก
“ข้าอนุญาต ”
“……ดยุค ?”
คำตอบที่ไม่คาดฝันออกมาจากปากของลอร่า
ความงุนงงออกมาพร้อมกับสิ่งที่ผมพูด
“หากไปไล่ตอนนี้ กองทัพราชอาณาจักรเองจะโต้กลับอย่างหนักหน่วง ”
“ฉันรู้ ”
“แล้วถ้าอย่างนั้นไม่ดีกว่าหรือ หากจะปล่อยให้เจ้าพวกนั้นไปก่อน ?
หากเธอปล่อยให้คนของเราไปไล่กวดตอนนี้ ก็เหมือนกับเธอบีบให้ศัตรูเชื่อว่า พวกนั้นจะโดนฆ่าหมดแน่หากเอาแต่หนี
และก็จะเกิดการต่อต้านสุดกำลัง ”
ลอร่ายิ้มบางๆ
“ฉันตระหนักถึงเรื่องนั้นดี ”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมถึง……?”
“เค้าท์พาลาทีน ”
ลอร่าหันหน้ามาหาผมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่การสัปประยุทธเริ่มขึ้น
ดวงตาที่งดงามราวกับแซฟไฟร์ของเธอจ้องมาที่ใบหน้าของผม
“ในอดีตอาจารย์ของฉันสอนอย่างหนึ่ง
:ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบนั้น เป็นอันตรายพอๆกับความพ่ายแพ้ที่สมบูรณ์แบบ ”
“…….”
นั่นเป็นคำพูดที่ผมเคยพูดกับลอร่า
“แต่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจับตัวแกรนดยุคแห่งฟลอเร้นซ์ ”
“นี่ไม่ใช่เวลาจัดการกับแกรนดยุค ท่านเค้าท์พาลาทีน ,
ขอให้ท่านเชื่อใจฉันเถอะ ”
ผมไม่เข้าใจหรอก แต่ผมก็ยอมค้อมหัวให้
ผมเคารพในคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ทหารม้าฝ่ายเราทำการไล่ล่าฝ่ายศัตรู
ชะตากรรมของทหารม้าที่หันหลังให้กับทหารม้าอีกฝ่ายนี่หายนะชัดๆ
พวกเขาจะโดนอาวุธทะลวงบนหลังม้าก่อนจะไปถึงแม่น้ำด้วยซ้ำ
หลังเห็นภาพดังกล่าว มันก็ทำให้ศัตรูเริ่มรวมตัวกันและทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้
ทหารฝ่ายศัตรูนั้นขัดขืนดิ้นรนต่อสู้สุดกำลังเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดจากการปิดล้อมของทัพฝ่ายเรา
พอฝ่ายเราเริ่มจะสูญเสียมากขึ้น ลอร่ากลับมอบคำสั่งแปลกๆออกมา
“ปล่อยให้กองทัพฝ่ายศัตรูฝ่าวงล้อมฝ่ายเรา ”
เธอบอกให้ทหารรฝ่ายเราแหวกข้างออกมา และเลี่ยงการปะทะ
ถึงแม้ผู้บัญชาการทั้งหลายต่างงงไม่ต่างจากผม แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงผู้บัญชาการสูงสุด นับตั้งแต่ที่เธอเคยแสดงให้ทุกคนเห็นถึงชัยชนะหมดจด
แกรนดยุค แห่งฟลอเร้นซ์ประสบความสำเร็จในการฝ่าวงล้อมของพวกเราออกมาได้
หลังจากนั้น แกรนดยุคก็หนีเตลิดโดยไม่หันหลังกลับมา
มันไม่ใช่การที่อยากหนีก็หนี แต่เป็นการหนีที่คิดไตร่ตรองมาแล้ว
เขาสามารถพลิกกระดานได้ทันที หากเราไล่ตามไปแบบไม่ยั้งคิด
ท้ายที่สุดแล้ว ทหารนับหมื่นของราชอาณาจักรก็สามารถหลบหนีไปพร้อมแกรนดยุค
“ยินดีกับชัยชนะด้วยครับ ,ท่านครับ !”
“ท่านครับ , ท่านสมควรประทับยืนอยู่ ณ จุดเดียวกับเทพีเอเธน่าเลยครับท่าน !”
ผู้บังคับบัญชาหน่วยกองต่างคุกเข่าข้างหนึ่งให้
ทหารทั้งสามหมื่น เราจัดการไปเกือบสองหมื่นนาย
หากไม่นับ ทหารเดินเท้าอีกหมื่นนายแล้วถือว่า กองทัพราชอาณาจักรแทบจะมลายสิ้น
พระอาทิตย์ตกในวันที่ 28 เดือนหก ปี 1512 ตามปฏิทินทวีป
ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ตอนนี้ชาวซาร์ดิเนียคงตระหนักรู้แล้ว
ว่า ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซนั้นเป็นหายนะที่แท้จริง
MANGA DISCUSSION