บทที่ 363 – สงครามดอกเบญจมาศ ครั้งที่ II (4)
ลอร่าถ่ายทอดคำสั่งที่ชัดเจนเสียจนไม่ต้องให้คำอธิบายใดเพิ่ม
ในเรื่องการตัดสินใจเธอนั้นทำได้รวดเร็วยิ่งกว่าใครๆ และนั่นเองก็เป็นบุคลิกลักษณะนิสัยของเธอ หลังจากตัดสินใจสิ่งใดลงไปแล้วจะลงมือทำในทันที
“บารอน เดอ บลังค์ ! เธอน่ะมากับฉันพร้อมทหารม้า 6,000 นาย
ไปยังพาเวีย พวกเราจะเดินทัพสองวันต่อเนื่องโดยไม่พัก
ฉันหวังว่าเธอจะเตรียมตัวให้พร้อม ”
“ตามบัญชาค่ะ !”
หัวหน้าทหารรับจ้างที่เป็นเอลฟ์แสดงความเคารพ
แม้ภายนอกเธอจะดูเหมือนอายุเพียง 16 ปีแต่เนื่องจากเธอเป็นเผ่าเอลฟ์ ทั้งยังเป็น ทหารชำนาญศึกยิ่งกว่าทหารอายุ ราว90 ปีเสียด้วยซ้ำ
ชื่อของเธอคือ จูเลียน่า เดอ บลังค์ (Juliana De Blanc) เกิดในตระกูลบารอนแห่งเฮลเวติก้า
ลอร่ามอบคำสั่งต่อไป
“หัวหน้า ดูแน้นท์ !
ฉันขอมอบอำนาจการสั่งการทหารเดินเท้าทั้งหมดให้แก่เจ้า
จงนำทหารม้าที่เหลือหนึ่งพันนาย และทหารเดินเท้าอีก สองหมื่นนาย เดินทัพไปยังมิลาโน่ ”
“ไปมิลาโน่ หรือครับท่าน ?”
หัวหน้าทหารรับจ้างคนแคระถามด้วยความสงสัย
ลอร่าเป็นผู้ที่สั่งห้ามมิให้พวกเขาโจมตีมิลาโน่
พวกเขาจึงงุนงงสงสัยว่า แล้วเธอจะส่งพวกเขาไปยังมิลาโน่หลังจากบอกแบบนั้นไปทำไม
ลอร่ามิได้คลายความสงสัยนั้นหากแต่สั่งอย่างเดียวกันโดยไม่ลงรายละเอียด
“ถูกต้อง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามปล้นฆ่าชาวเมือง
ไม่จำเป็นต้องบุกโจมตีมิลาโล่ด้วยเช่นกัน
และก็ไม่ต้องปิดล้อม แค่เดินทัพไปยังมิลาโน่แล้วจับตาดูไว้ ”
“งานง่ายๆครับ ”
หัวหน้าทหารรับจ้างคนแคระไม่ถามอะไรกับผู้อยู่เหนือกว่า
ทั้งหมดที่เขาอยากรู้มีแค่ เขาต้องทำอะไร และอย่างไรเท่านั้น
“แล้วท่านจะให้พวกเราทำอย่างไรหากมีศัตรูบุกเข้ามาปะทะกับพวกเรา ?”
“ฉันเชื่อในการตัดสินใจของเจ้า ”
ลอร่าตอบกลับมาทันที
“พวกเจ้าทั้งหลายต่างเคยสู้รบบนผืนทวีปนี้มาหลายสิบปีแล้ว ไม่สิ เผลอๆอาจเป็นร้อยปี
ในขณะที่เจ้าพวกบ้านนอกซาร์ดิเนียนั่นน่ะมีประสบการณ์แค่แต่เฉพาะสงครามกลางเมืองอย่างเดียว
ประสบการณ์ที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อในสงครามมันห่างชั้นกันระดับที่พวกซาร์ดิเนียไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว”
“ทะ-ท่านยกย่องพวกเราเกินไปแล้ว ”
หากคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าคุณ ป้อยอคุณ คุณก็แค่หัวเราะขำๆ
แต่มันจะเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นอกจากการเขินหากหัวหน้ากล่าวยกย่องสรรเสริญ
แถมหัวหน้าคนนั้นยังเป็นบุคคลผู้งดงามที่ยากจะหาได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
“อะ-อะแฮ่ม ”
“แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็จะไม่ประมาท ”
พวกหัวหน้าทหารรับจ้างต่างมองหน้ากัน แต่บางคนก็มองพื้นหรือไม่ก็มองฟ้า
พวกเขาพยายามซุกซ่อนความเขินอายของตัวเอง
เจ้าพวกนี้นี่กำลังจะทำให้ผมตาบอดจากท่าทางขวยเขินเอียงอายเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้มจากชนบททั้งที่รูปร่างเป็นแบบนั้น
ลอร่ามอบรอยยิ้มสดใสให้กับพวกเขา
รอยยิ้มของเธอนั้นราวกับดอกไม้ที่ผลิตบานหลังรับฝนในช่วงฤดูร้อน
“อย่างไรก็ดี การรบจะไม่เกิดขึ้นที่มิลาโน่
เจ้าอาจจะต้องสร้างฐานเสบียง
ฉันจะเอาเสบียงส่วนมากไปฝากไว้ที่นั่นแทน ดังนั้นที่เจ้าทำก็คือ เฝ้ารอข้า ”
หัวหน้าทหารรับต่างจ้องมองลอร่าโดยปากที่ยังอ้าค้าง
พวกเขาหลงไหลในรอยยิ้มอันตราตรึงใจของลอร่าอย่างโงหัวไม่ขึ้น
ผมก็พอเข้าใจความรู้สึกนั้นดีนะ บางทีผมก็ต้านรอยยิ้มของเธอไม่ไหวเหมือนกัน มันก็เลยกลายเป็นว่า ความปรารถนาของผมมันพุ่งพล่านขึ้นทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในดันเจี้ยนของผมหรือหมู่บ้านไหนก็ตาม
“ หืมม? มีอะไรติดที่หน้าฉันหรือ ?”
ลอร่าเอียงหัว
ท่าทางแบบนั้นมันสร้างดาเมจต่อจิตใจถึงตายได้เลย
แม่สาวคนนี้ช่างเป็นอันตรายต่อหัวใจยิ่งนัก
“มะ-ไม่มีอะไรครับ ท่านครับ”
“ท่านช่างงดงามเหลือเกิน !”
มีหัวหน้าคนหนึ่งพูดมันออกมา
ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่พวกเขาก็หน้าแดงก่ำกันไปหมด เอาจริงๆนะ ผู้ชายช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสังเวชนัก
……เอ่อ ไม่สิ พอมาดูดีๆแม้แต่หัวหน้าบลังค์เองก็หน้าแดงเหมือนกัน
นี่เธอเริ่มไขว้เขวไปทางนั้นแล้วหรือ ? หรือลอร่านี่ทรงพลังมากขนาดที่ส่งผลต่อทั้งสองเพศได้เลย เนี่ย……?
เอาเถอะ ผมเข้าใจเป็นอย่างดีว่า พวกหัวหน้ารู้สึกกันยังไง
ที่ผมมีภูมิคุ้มกันเนี่ยก็เพราะผมหลับนอนร่วมเตียงกับลอร่ามานานแล้ว
ในขณะที่พวกเขาไร้ซึ่งภูมิคุ้มกันเลย พอเริ่มคุ้นเคยแล้วเดี๋ยวก็หายดีเองนั่นแหละ
“……ทำไมถึงทำหน้าแปลกๆแบบนั้นล่ะ ท่านเค้าท์พาลาทีน ?”
ลอร่ามองผมด้วยตาที่ขุ่นมัว
‘กำลังคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วใช่ไหม?’
หน้าตาเธอมันเหมือนจะถามผมอย่างนั้น
ผมยักไหล่
“ข้าไม่รู้ว่า เธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ ข้าก็แค่เป็นห่วงผู้คนทั้งหลายที่จะถูกทำลายล้างไปในสงครามครั้งนี้ ”
“เฮ่อออ”
ลอร่าถอนใจออกมา การถอนใจนั้นมันเป็นสัญญาณของการจบการประชุม
กองทัพจักรวรรดิแบ่งเป็นกองทัพหลักจำนวนทหาร 21,000 นาย และกองทัพเสริมจำนวน 6,000 นาย
ตามปรกติแล้วผู้บัญชาการสูงสุดมักจะรับผิดชอบในส่วนของกองทัพหลัก แต่คราวนี้ลอร่ากลับมาบัญชาการกองทัพเสริมแทน
กองทัพหลักของจักรวรรดินั้นมุ่งหน้าไปที่มิลาโน่
แต่แทนที่จะเร่งโจมตีมิลาโน่กันอย่างแข็งขัน เป้าหมายกลับกลายเป็นค่อยๆบดทับด้วยแรงกดดันแทน
ในขณะที่อีกทางหนึ่ง
“ทหารทุกนายจงฟัง !
พวกเราจะเร่งเดินทัพสุดกำลัง ”
ทหารม้า 6,000 นายที่นพทัพโดยลอร่ากำลังตะบึงห้อฝีเท้าเต็มสปีดตั้งแต่เริ่ม
พวกเรามุ่งหน้าผ่านทั้งมิลาโน่และโนวาร่าไป
ไม่นานจากนั้นศัตรูก็รู้ถึงการมีอยู่ของกองกำลังเสริมของพวกเรา
มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะเราบังเอิญไปเจอทหารสอดแนมระหว่างเดินทัพ
ทหารสอดแนมพวกนั้นถึงกับตกใจที่อยู่ๆเจอพวกเราโผล่มา พวกเขาจึงรีบหนีไป
“เราควรไล่ตามไปฆ่าพวกมันทิ้งไหมคะ ท่าน ?”
บารอนหญิงจูเลียน่า เดอ บลังค์ ถามขึ้นมา
ฟังเหมือนเธอพร้อมจะหันหัวม้าเพื่อตามไล่ฆ่าได้ทุกขณะ
สมแล้วกับที่เป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตในฐานะทหารรับจ้าง น้ำเสียงเธอดุดันมากยามเมื่อเห็นศัตรู
ลอร่าส่ายหน้า
“ไม่ ปล่อยพวกนั้นไป ”
กองกำลังเสริมของพวกเราต่างไม่สนใจทหารสอดแนมที่พบ และยังคงมุ่งหน้าเดินทัพต่อไป
กองทัพศัตรูป่านนี้คงหน้าซีดไปแล้วมั้ง
ทั้งที่เมืองใหญ่อย่างมิลาโน่ และฐานทัพใหญ่ที่โนวาร่าตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าเราทั้คู่ แต่พวกเรากลับเลือกที่จะไม่สนใจพื้นที่สำคัญพวกนั้น
ทหารพวกเราปราดเปรียวราวสายฟ้าฟาดพุ่งผ่านมิลาโน่และโนวาร่าภายในวันเดียว
การเดินทัพรวดเร็วเหนือ สามัญสำนึกทำเอาแม้แต่ทหารฝ่ายเดียวกันยังต้องอึ้ง
“ท่านคะ ! ศัตรูจะไม่ลอบโจมตีเราจากข้างหลังหรือคะ !?”
บารอนจูลิอันน่า เดอ บลังค์ถามขณะเราเดินทัพบนหลังม้า
“กองกำลังพวกเราไม่ได้ปิดล้อมมิลาโน่ไว้
หากมิลาโน่กับโนวาร่าส่งกำลังเสริมมา สุดท้ายพวกเราจะตกอยู่ในวงล้อมนะคะ !”
“ตรงกันข้ามเลยล่ะ บารอน เดอ บลังค์ ”
ลอร่าตอบกลับไปทั้งที่ยังแอบขำเบาๆ
“เราไม่ใช่คนที่โดนล้อมหรอกนะ มิลาโน่ต่างหากล่ะ ”
“ว่าอย่างไรนะคะ ?”
“ฉันก็อธิบายไปแล้ว ในตอนประชุมเมื่อวานไม่ใช่หรือ
เป้าหมายหลักใหญ่ของซาร์ดิเนียคือ การป้องกันฐานทัพ
พวกนั้นไม่สนใจที่จะเอาชนะพวกเราในสงครามระยะสั้นนี้หรือ อีกทั้งกำลังคนของพวกเขามีไม่เพียงพออีกด้วย ”
ลอร่าหันหน้าไปมองบารอนเดอ บลังค์
ลมที่พัดโบกมาทำให้ผมสีทองของลอร่าสะบัดพริ้ว
“ไม่ใช่แค่เป้าหมายหลักของพวกเขาอย่างเดียวหรอก ทหารของพวกนั้นเองก็มีปัญหาด้วยเช่นกัน ”
“ทหารของพวกเขา ……?”
บารอน เดอ บลังค์ดูจะไม่เข้าใจ
“ทหารชาวเมืองนั้นย่อมต้องสู้รบแลกเป็นแลกตายเพื่อปกป้องบ้านเมือง
แต่ถ้ามองในมุมกลับ ก็คือพวกนั้นคงไม่สนใจวิธีการอื่นนอกจากการป้องกันและปิดล้อม
การที่ออกมาลอบโจมตีพวกเราจากข้างหลังอาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ
……แต่พวกทหารชาวเมืองไม่มีใจที่จะทำแบบนั้นกันหรอก ”
มองจากมุมมองศัตรู ปล่อยมิลาโน่ไว้ จุดแข็งของพวกนั้น และไม่ยอมทำตามสิ่งที่ฝ่ายนั้นต้องการ
แถมการที่ทหารส่วนใหญ่เป็นชาวเมือง การที่จะต้องออกจากเขตรั้วกำแพงมาประชิดพวกเราเป็นอะไรที่พวกเขาอยากเลี่ยงให้มากที่สุด
และนั่นเองก็เป็นเหตุผลโดยปริยายที่ทำให้ศัตรูของเราไม่ยอมเคลื่อนไหวใดๆ
“อีกทั้งการที่กองกำลังหลักของพวกเรากำลังเดินทัพมุ่งตรงไปยังมิลาโน่
บารอน , เธอคิดว่า ดยุคแห่งมิลาโน่จะตอบโต้สถานการณ์นี้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาเองก็ต้องตั้งรับป้องกันเมืองด้วยทหารชาวบ้าน ?”
“ข้าเชื่อว่า……เขาเองก็น่าจะใช้คนทั้งหมดคอยเฝ้าคุ้มกันเมืองไว้ค่ะ ”
สุดท้ายแล้วเหตุผลหลักใหญ่ที่บังคับให้ศัตรูต้องวางกำลังก็เพราะ ทหารจำนวน 21,000 นาย ที่ลอร่าส่งไปยังมิลาโน่
“ดยุคมิลาโน่ก็จะคิดว่า กองทัพหลักของพวกเราจะบุกในทันทีที่พวกนั้นส่งกำลังจะเสริมออกไป และเมื่อเป็นเช่นนั้น ”
พวกเขาก็จะมุ่งเป้าไปที่การป้องกันเมืองตัวแทนในขณะที่พาเวียกำลังโดนกวาดล้าง
ลอร่ายิ้มกรุ้มกริ่ม
“เธอเห็นช่องโหว่ในแนวคิดของฉันไหม บารอน ?”
“อะไรนะคะ ? เอ่อ อ่า ขอประทานอภัยค่ะ ข้าไม่เห็นเลย ”
บารอนเดอ บลังค์ ถึงกับลังเล
เมื่อเห็นการตอบสนองเช่นนั้น ลอร่าก็หันหน้าหาผมแทน
“ท่านเค้าท์พาลาทีน ท่านเห็นช่องโหว่นั้นไหม? ”
“เธอมิได้ทำให้เอิร์ลพาเวียคิดเช่นนั้น ”
ผมตอบกลับไปในทันที
ตามปรกติแล้วลอร่าจะเรียกผมว่า ‘นายท่าน’ ผมเลือกที่จะใช้คำสุภาพต่อเธอเพราะตอนนี้อีกฝ่ายได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายพลของจักรวรรดิ
พวกทหารรับจ้างอาจคิดว่า มันแปลกๆที่ลอร่าฐานะให้ผมเป็นเจ้านายเธอ ในสภาพตอนนี้
การทำแบบนั้นย่อมทำให้หัวหน้าทหารรับจ้างหันมานับถือผมแทนอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้คนโดยมากนั้นมักจะคล้อยตามในทันทีที่รู้ว่าใครกันแน่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด …….
คนที่มีฐานะต่ำกว่าจะมีสิทธิ์พูดก็เฉพาะตอนนี่ผู้มีฐานะเหนือกว่าอนุญาตเท่านั้น
แต่กองทัพครั้งนี้ต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้การบัญชาการของลอร่า
“เธอเรียกพวกนั้นว่า เป็นทหารชาวเมืองที่ป้องกันมิลาโน่ แต่ใช่ว่านั่นจะเป็นพลเมืองทั้งมี
พวกนั้นอาจซ่อนกำลังคนไว้อยู่ในบริเวณหมู่บ้านรอบๆด้วยเช่นกัน
……รวมถึงทหารอาสาประจำเมืองพาเวียก็ด้วย ”
“ถูกต้องแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามหน่อยว่า ”
ลอร่ายิ้มออกมา
มันไม่ใช่รอยยิ้มที่งดงามของสาวน้อย หากแต่เป็นรอยยิ้มของนักวางกลยุทธที่ตั้งใจจะควบคุมสมรภูมิ
“ฉันผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่เอิร์ลพาเวียหวาดกลัวที่สุด
เขาเป็นคนที่เอาฉันไปขายเป็นทาส เขาย่อมต้องกลัวฉันกลับมาแก้แค้นอยู่แล้ว ”
“ถูกต้อง”
“เขาเป็นเอิร์ลประเภทนั้นแหละ ”
ลอร่าหยุดพูดไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มตึงเกร็ง
“พอเขาได้รับรายงานว่า ทหารของจักรวรรดิกำลังมุ่งเป้ามายังดินแดนของเขา แล้ว ความคิดแบบไหนจะแวบเข้ามาในหัวของเอิร์ลคนนั้นกันล่ะ ?”
ริมฝีปากผมยกยิ้ม
“เขาย่อมต้องอนุมานว่า กองทัพจักรวรรดิเราวางแผนที่จะทำลายล้างพาเวียให้ดูเป็นตัวอย่าง”
“เอิร์ลจะต้องสูญเสียที่ดินและผู้คนในที่ดินของตน และพบกับความวับัติย่อยยับในทันที”
“เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เขาก็จะขอร้องผู้บัญชาการสูงสุด ดยุคมิลาโน่ให้ส่งกองทัพเสริมมาช่วย .”
ทั้งผมและลอร่า ทั้งนายทั้งบ่าว เราต่างแสยะยิ้มให้กันและกัน
บุคคลที่สามที่จับตาดูพวกเราอยู่ถึงกับผวา
“…….”
อันที่จริง บารอน เดอ บลังค์ตอนนี้เองก็กำลังอ้าปากค้างขณะมองพวกเรา
ผมพอเข้าใจแหละว่า เธอรู้สึกยังไง
เธอคงไม่คุ้นเคยกับบทสนทนาประมาณนี้
แต่ทำตัวให้คุ้นชินเถอะ
แล้วอะไรๆจะง่ายดายไปเองนั่นแหละ
“แล้วดยุคแห่งมิลาโน่จะตอบรับคำขอนั่นไหม? ”
“พาเวียสำคัญต่อเอิร์ลอย่างไร มิลาโน่ก็สำคัญกับดยุคอย่างนั้นนั่นแหละ ดยุคจะไม่ฟังเสียงของเอิร์ล ”
“และเมื่อเป็นเช่นนั้น เอิร์ลก็จะด่าทอว่า ดยุคเป็นพวกขี้ขลาดที่ไม่สนใจอะไรนอกจากดินแดนตัวเอง ”
“และนั่นก็จะยิ่งทำให้ดยุคโมโหโมหัน ทำให้เขาปล่อยให้เอิร์ลไปจัดการปัญหาดินแดนตัวเองไปก็แล้วกัน”
เอิร์ลประณามว่า ดยุคขี้ขลาดตาขาว ส่วนดยุคก็ประณามว่าเอิร์ลไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่เข้าใจกลยุทธทางการทหารแถมยังสนใจแต่เรื่องตัวเอง
ึเกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่ชนชั้นสูง
และนำมาซึ่งผลลัพธิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“เอิร์ลพาเวียจะเป็นผู้เดินทางไปเอง ”
“ไอ้พวกขี้ขลาดที่เอาแต่ซุกอยู่ในเมือง
‘ข้าจะไปประณามนังทาสกามนั่นเอง’
เขาจะพูดและทำอย่างนั้น
แม้เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือ การปล่อยให้คนของตัวเองได้หลบหนีไป ”
เราทั้งสองต่างหัวเราะพร้อมกัน
อ่า ช่างบันเทิงเริงรมณ์เสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรที่จะสร้างความสนุกได้เท่ากับการที่ได้ยั่วแหย่กับของล้ำค่าของอีกฝ่าย แล้วก็สร้างความขัดแย้งภายไปพร้อมๆกัน
คนที่หฤหรรษ์กับเรื่องแบบนั้นย่อมเป็นคนเน่าหนอนโสโครกแห่งโลกใบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วก็แปลว่าทั้งผมและลอร่า เราต่างอยู่ที่ก้นบึ้งนรกกันทั้งคู่
ผมหยุดขำชั่วครู่ก่อนจะถาม
“ในเมื่อท่านเอิร์ลผู้นี้สมัครใจที่จะหนีออกจากเมืองอันแสนจะปลอดภัยด้วยตัวเองแล้ว
แล้วเธอตั้งใจจะปรุงเอิร์ลผู้นี่อย่างไรล่ะ นายพลลอร่า ?”
“ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วนี่ ?”
ลอร่าชูมือขึ้นแล้วชี้ไปตรงหน้า
“รอจะมอบการต้อนรับให้กับแขกของพวกเราอย่างอบอุ่น ”
ทหารม้ากว่า 6,000 นาย เดินทางเตะฝุ่นจนตลบคลุ้ง
เป้าหมายของพวกเรา คือ พาเวีย
ไม่สิ พูดให้เจาะจงกว่านั้น
ป่าระหว่างพาเวียและมิลาโน่
MANGA DISCUSSION