บทที่ 355 – ชาติที่เป็นกลาง(8)
* * *
ความขัดแย้งภายในถูกกำจัดออกได้อย่างรวดเร็ว
สังคมปีศาจเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เกิดการลอบสังหารขึ้นและการฆ่าล้าง
ทีแรกทุกคนต่างงุนงงว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น แต่ทุกคนก็โมโหขึ้นมา ทันทีที่ได้รับการประกาศจากทางการ
– ไอ้ขี้ขลาดที่พยายามฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกันด้วยวิธีการที่โฉดชั่วแบบลอบสังหาร
– เป็นเรื่องน่าละอายเหลือเกินที่เราเรียกเจ้าพวกนั้นว่า เป็นจอมมาร มาจนถึงบัดนี้
– เจ้าพวกนั้นไม่เพียงแต่ทำให้กองทัพพันธมิตรล้มเหลว แต่ยังวางแผนล้มการระดมกองทัพครั้งล่าสุดด้วย เจ้าหมาโง่พวกนี้ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า ละอายหรือศักดิ์ศรีคืออะไร
ธงที่เป็นตัวแทนของจอมมารหกตนต่างถูกไฟเผาทิ้งในเมืองโลกปีศาจ
ในบรรดาจอมมารที่โดนประหารไป อิบอสเป็นที่รู้จักในฐานะนักสะสมรูปปั้น แม้แต่รูปปั้นของตัวเขาเองก็โดนถล่มทำลายในที่สาธารณะด้วย
ถึงอาร์คดยุคทั้ง 11 จะตายไปแต่ก็ไม่ได้มีผลตอบรับอะไรมากมายนัก เป็นไปได้ว่า อาร์คดยุคเหล่านั้นเป็นเหมือนกับ ‘ผู้ปกครอง’ มากกว่า ‘บุคคลผู้พูดแทนสาธารณะ’
ไม่ว่าอย่างไรเสีย จอมมารเองก็ใกล้เคียงกับ ‘บุคคลผู้พูดแทนสาธารณะ’ มากกว่า
จักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันเองก็ประกาศว่า ตัวเองเป็นดั่งบุคคลผู้พูดแทนประชาชน และมันก็เป็นอะไรประมาณนั้นนั่นแหละ
ว่าแต่ทำไมประชาชนถึงได้ไปปฏิบัติกับนักปกครองที่ไต่เต้าความนิยมของประชาชนจนกลายเป็นปากเป็นเสียงไปแทนเสียล่ะ ?
ผมรู้สึกว่า มันเป็นความคิดที่คลุมเครือไม่ชัดแจ้งเอาเสียเลย แต่เอาเถอะ ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องอันตรายนัก จะคิดอะไรก็คิดไปเถอะ
ผมเดาว่า อาจเป็นเพราะพวกเขาอ่านบรรยากาศเป็น พวกทหารรับใช้ส่วนตัวของจอมมารไม่สังกัดฝ่ายถึงได้ยอมแพ้เอง พวกเขาเข้ามาร้องขอให้อภัยโทษด้วยความเคารพ ผมจึงยกโทษให้พวกเขาด้วยความยินดี
จะมีก็แต่ทหารราวพันคนที่ขัดขืนจนถึงที่สุด
“มันเป็นการต่อต้านที่เปล่าประโยชน์ ”
พี่เบเลธทำหน้าบูดขณะที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากำจัด
อย่างที่เขาพูดจริงๆนั่นแหละ นี่เป็นการกระทำที่สูญเปล่ามาก
หลังการตายของจอมมาร สิ่งที่เหลือก็มีเพียงกองทัพที่ค่อยๆล่มสลายกับ
ปราสาทจอมมารที่พังทลายไปแล้ว
ปราสาทจอมมารวาเลฟอร์ ป้อมปราการเคลื่อนที่ <ไลบารินทอส> ,(Labyrinthos) เผชิญกับจุดจบที่กล้าหาญ
ปราสาทจอมมารที่ปกติตั้งตระหง่านกลางมหาสมุทร รอบนอกของปราสาทค่อยๆล่มสลายลงไปราวกับดินถล่ม
มันกระเจิงกระแทกน้ำก่อเกิดคลื่นกระแทกรอบปราสาท
“เป็นภาพที่สวยแฮะ ”
ผมฟังเสียงพี่เบเลธร้องออกมาด้วยความตะลึงกับสิ่งที่เห็นด้วยตา
พวกเราเหมาบาร์ในเมืองหลวงแล้วดื่มเบียร์
“อ้าวเหรอ? โชคไม่ดีเลยนะ ที่ข้าไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ”
“นายก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนี่นะ ”
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า เราเริ่มตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่
พี่เบเลธคว้าคอผมไปขณะที่ผมทำงานอยู่ในวัง
พอผมรู้ตัวอีกที ในมือผมก็ถือแก้วเบียร์ไปแล้ว
แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไร วันๆมันก็แบบนี้อยู่แล้ว
พี่เบเลธพูดด้วยเสียงนุ่ม
“มีพวกทหารองค์รักษ์อยู่สามร้อยนายที่ยังอยากสู้ต่อ
จริงๆพวกนั้นจะหนีไปก็ได้ถ้าต้องการ แต่ …….”
“พวกนั้นก็ยังยืนหยัดอยู่จวบจนถึงวาระสุดท้าย ”
“ถูกแล้ว การตายของพวกนั้นไร้ความหมาย แต่เจตจำนงของพวกเขานั้นสวยงามเหลือเกิน”
อะไรนะ สวยงามอย่างนั้นเรอะ ?
เขาคงพูดอย่างนั้นได้เพราะยืนมองดูจากที่ไกลๆน่ะสิ
ผมเทเบียร์เข้าปาก
“พวกนั้นมีชีวิตอยู่แล้วตายไปเหมือนสายน้ำตกสินะ ”
“ฮ่าฮ่า , ใครกันนะที่พูดว่า ชีวิตพวกนั้นเหมือนน้ำตกกันน่ะ ? ใช่วีรบุรุษในตำนานแบบเฮอคิวลีสหรือเปล่า?”
พี่เบเลธหัวเราะ
“ฟังนี่นะ , น้องข้า !
เจ้าพวกนั้นวิ่งมาสู้สุดใจ เหมือนกับหยดน้ำแต่ละหยดที่กระจายจากน้ำตก
พวกนั้นร่วงลงมาจนหยดสุดท้าย จังหวะนั้นเหมือนพวกเขาลอยเคว้งอยู่กลางอากาศชั่วขณะ ”
“พอเข้าใจ”
พี่เบเลธหยุดพูดแค่ตรงนั้น ดวงตาของเขานั้นกลับดูนุ่มนวลอ่อนโยนลง
ผมเข้าใจดีว่า เขาอยากจะพูดอะไร ผมจึงไม่ซักไซ้มากไปกว่านั้น
พวกเราชนแก้วดังเคร้งก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ
“ว่าแต่นี่ได้เวลาฮุบกลืนสาธารณะฮับบวร์กหรือยัง ?
หากข้าจำไม่ผิด ผู้หญิงคนที่เจ้าไม่ชอบก็อยู่ที่นั่นด้วยไม่ใช่รึ ?”
“ผู้หญิงที่ข้าไม่ชอบอย่างนั้นหรือ ?”
ผมได้แต่หัวเราะออกมา
อัจฉริยะที่หาตัวจับยาก,ผู้ช่วยชีวิตฮับบวร์ก และจอมเผด็จการ ทั้งหมดเป็นสมญาที่คุณสามารถเรียกอลิซาเบธได้ แต่พี่เบเลธกลับเป็นคนเดียวที่เรียกเธอแบบนั้น
“ไม่เลย ข้ากำลังรออย่างอดทน”
“ทำไมกันล่ะ? เฮลเวติก้า(Helvetica)ก็ตอบรับพวกเราแล้วนี่
นี่ไม่ได้หมายความว่า พวกเราทำการปิดล้อม สาธารณรัฐทั้งสามด้านแล้วหรอกหรือ ?
ไม่ว่า ยัยผู้หญิงคนนั้นจะฉลาดแค่ไหนแต่เธอคงทำอะไรไม่ได้แล้วในสถานการณ์แบบนี้ ”
เฮลเวติก้า นั้นหมายถึง ชาติที่เป็นพันธมิตรกันระหว่างคนแคระกับเอลฟ์
พวกเขาเป็นชาติที่ไม่แยแสต่อสิ่งใดแล้วหลังจากเป็นประจักษ์พยานต่อความล้มเหลวของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบสองพันปี และก็ประกาศตัวเป็นกลางในที่สุด
พวกเขาคงเริ่มวิตกกันหลังจากที่เห็นผมทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ เลยมาคุกเข่าขอร้องให้ผมยกโทษให้ ก่อนจะลากลับไป
ด้วยเหตุนี้แหละ อลิซาเบธจึงโดนล้อมกรอบจากพวกเราทั้งสามด้าน :
ฝ่ายตะวันออก,ฝ่ายเหนือ และฝ่ายตะวันออก
โลกปีศาจต่างโห่ฮากับอย่างมากที่เห็นการยอมจำนนอย่างเต็มใจ
อันที่จริงแล้วผมเองก็แอบวางภัยคุกคามไว้ในตัวแทนสหพันธ์เฮลเวติก้าด้วย แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึง
ผมมองตรงไปที่พี่เบเลธ
“พี่พูดถูกแล้วล่ะ หากพวกเราเริ่มต้นสงคราม ณ ตอนนี้ มีโอกาสสูงมากที่พวกเราจะชนะ
สาธารณรัฐล่มสลาย
แต่กรณีที่เลวร้ายที่สุดก็กำลังรอพวกเราอยู่ต่อจากนั้น”
“กรณีที่เลวร้ายที่สุดอย่างงั้นเรอะ ? มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ?”
พี่เบเลธเอียงคองง
“อลิซาเบธจะทิ้งชาติของเธอ ”
“……!”
ผมจิบเบียร์ที่รสขมปร่า
“พี่เรา , จะเกิดอะไรขึ้นหากสิ่งที่รักและหวงแหนที่สุดของคนๆหนึ่งโดนทำลายไป ?”
“……แน่นอนสิ , พวกนั้นก็จะตกอยู่ในความสิ้นหวัง ”
ผมพยักหน้า
“ผู้คนโดยมากก็มักจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ก็มีบางคนที่ยิ่งเผยความแข็งแกร่งขึ้นมายิ่งขึ้นยามสิ้นหวัง
บุคคลคนนั้นจะอุทิศทุกอย่างในชีวิตเพื่อการแก้แค้น ”
อลิซาเบธคงจะหาที่หลบภัยในชาติอื่น
ผู้ปกครองของชาติที่ล่มสลายย่อมพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่อลิซาเบธที่มีสายเลือดจักรวรรดิฮับบวร์กไหลเวียนในร่าง
เธออาจจะไปแต่งงานกับเจ้าชายในสักประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วอุ้มท้องลูกของเธอ
และอลิซาเบธเองก็รู้ดีกว่าใครว่า ตัวเธอเองนั้นมีคุณค่ามากในฐานะแม่อุ้มบุญ …….
“เหตุผลที่อลิซาเบธไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหน ณ ตอนนี้ก็เพราะเธอยังมีสิ่งที่อยากปกป้องอยู่
จะผู้คนของเธอ อุดมการณ์ของเธอ รวมถึงการมีอยู่สาธารณรัฐ
สิ่งเหล่านั้นเองที่กลายเป็นโซ่ตรวนหลายเส้นแน่นหนาที่ผูกเธอไว้
แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากสิ่งเหล่านั้นหายไปล่ะ ?”
“โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว มันจะทำให้เกิดผีร้ายแห่งการล้างแค้นนี่เอง”
ผมยิ้มชั่วร้าย
“ทุกชาติรู้ดีถึงพรสวรรค์ในการทหารของอลิซาเบธ
เมื่อเป็นแบบนั้นเธอเองก็จะเป็นผู้บัญชาการของพวกทหารรับจ้าง
พอเป็นอย่างนั้นแล้ว อลิซาเบธก็จะใช้พละกำลังและกองทหารที่ได้ มาเพื่อบดขยี้พวกเรา …….”
แม่นั่นน่ะเป็นเลดี้เจ้าปัญหาตัวจริง
หากปล่อยนางไว้เฉยๆ เราก็แพ้ หากเราเอาชนะเธอขาด เธอก็จะกลับมาในฐานะร่างหลอนแห่งการล้างแค้น
ไอ้พวกลูกกระจ๊อกแบบวาเลฟอร์ไม่มีทางเทียบกับหญิงเจ้าปัญหาคนนี้
ผมจึงยื่นคำขาดให้
“พวกเราต้องยึดความได้เปรียบเหนือเธอให้ได้แล้ว รักษาตำแหน่งตรงนั้นต่อไปให้ได้
นั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ ”
“อืมมม”
พี่เบเลธครางแบบไม่พอใจ ด้วยจุดยืนที่สุดแสนจะแพสซีฟ
แต่ผมเชื่อมั่นอย่างมากว่าที่คือ วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว
นี่ถือเป็นโชคดีที่อลิซาเบธไม่ได้ฮีโร่มาเป็นของตัวเอง ณ ตอนนั้น
เดซี่เองก็โดนมัดติดกับผม ส่วนลุคเองก็ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดนักปฏิวัติ จนคิดว่าอลิซาเบธเป็นเผด็จการทรราชย์
พออลิซาเบธไม่มีไพ่ฮีโร่ในมือ เธอเองก็อาจจะวานจ้างมือสังหาร
สถานการณ์ย่อมดีขึ้นมากหากเธอหากวิธีการในการฆ่าจอมมารได้
ไม่สำคัญเลยว่า พวกเรามีทหารหาญเท่าใด ทั้งหมดนั่นก็เปล่าประโยชน์หากไม่มีจอมมารคอยทำการบัญชาการพวกมัน
นั่นอาจเป็นสิ่งที่เธอคิด
ใน <Dungeon Attack> จอมมารมีเพียงสองทางเลือก
ทางหนึ่งคือ หมกตัวอยู่แต่ในปราสาทจอมมารและตั้งรับจนถึงที่สุด หรือไม่อย่างนั้นก็ออกมาพร้อมกับทหารแล้วออกไปสู้รบแนวหน้า
การซ่อนตัวอยู่แต่ในปราสาทจอมมารเองอาจจะลดโอกาสในการตายได้ก็จริง แต่นั่นก็หมายถึงว่า ขอบเขตในการกระทำ การเคลื่อนไหวใดๆก็จะแคบลงอย่างมากด้วยเช่นกัน
สุดท้ายก็จบลงตรงที่ใช้กลยุทธที่สุดจะเสียเปรียบ
ไม่มีอะไรเป็นฝันร้ายมากไปกว่าการที่ปล่อยให้อลิซาเบธใช้แผนการที่ได้เปรียบครอบงำคุณอีกแล้ว
และสถานการณ์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหากคุณออกมานอกปราสาทตัวเอง
อลิซาเบธนั่นเชี่ยวชาญชำนาญในการสงครามยิ่งกว่าใครในประวัติศาสตร์
แม้แต่บาร์บาทอสยังต้องพ่ายแพ้และต้องตายเมื่อต้องปะทะกับเธอ
สุดท้ายแล้วจึงมีทางเลือกแค่สองอย่าง
นอนแช่อยู่ในฐานแล้วตายเงียบๆแบบไม่มีใครรับรู้ หรือจะตายไปอย่างสมศักดิ์ศรีในสนามรบ
นั่นเป็นตัวเลือกที่เลวร้ายด้วยกันทั้งสิ้น …….
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สถานการณ์ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
อลิซาเบธไม่มีสุดยอดศาสตราวุธที่สามารถฆ่าจอมมารได้
แถมยังไม่มีทางที่จะพึ่งพาหรือใช้งานมือสังหารไปลอบฆ่าจอมมารได้
ดังนั้นแล้ว อลิซาเบธจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการทำให้มีผู้ทรยศอยู่ในฝ่ายเรา
หากผมไม่ลงมือทำอะไรเลย ผมแน่ใจว่า อลิซาเบธคนนั้นจะต้องสมคบคิดกับวาเลฟอร์ภายในไม่กี่ปีนี้แหละ
เธออาจจะเที่ยวไปเจรจาต่อรองกับจอมมารที่ไม่พอใจในตัวดันทาเลี่ยนมาร่วมด้วย และเจ้าพวกนั้นมันก็มีอยู่จริงๆ
หรืออาจจะไม่ทำแบบนั้นก็ได้ แต่ผมแน่ใจเลยว่า เธอได้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ก็ถ้าเป็นคนอย่างอลิซาเบธอยู่แล้ว เธอย่อมต้องสามารถร่างแผนการ โครงการต่างๆได้ภายในสองปี
ไม่สิ ไม่สิ แผนการของเธอสำเร็จได้ภายในเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งปีอีก ผมจึงต้องรีบแล้ว
และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมผมถึงชิงกำจัดกลุ่มบุคคลที่ไม่พอใจผมออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อน …….
“มีวิธีการเดียวที่เหลืออยู่ที่อลิซาเบธสามารถใช้งานได้ก็คือ การที่เขย่าพวกเราจากภายใน
หากเธอไม่อาจชนะพวกเราได้จากภายนอก ก็เริ่มจากด้านในสิ มันเป็นลำดับแบบนั้นอยู่แล้ว ”
“อืมฮึ แล้วเจ้าก็สามารถคาดการณ์และหยุดแผนล่วงหน้าก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ”
ถูกแล้วล่ะ
จะหาว่า ผมเป็นพวกวิตกจริตพารานอยด์ก็ได้นะ
และยิ่งอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะอย่างอลิซาเบธ ผมก็ต้องคิดให้มาก คิดให้มากๆเข้าไว้
เพราะในบรรดาคนทั้งโลกใบนี้ มีเพียงผมคนเดียวที่รู้ว่า อลิซาเบธนั้นถูกกำหนดมาให้เป็นผู้สังหารจอมมารทุกตน
แล้วจะไม่ให้ผมกังวลได้อย่างไรกันล่ะ ?
“ขอถามนอกเรื่องนะ น้องเรา มีเหตุผลไหมที่ทำไมเจ้าต้องไปยังเครือจักรภพ โพลิช-ลิทัวร์เนีย ทั้งที่พวกนั้นเตรียมการจะรุกราน……?”
“มีครับ เครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์เนียเป็นพันธมิตรกับอลิซาเบธ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ”
“…….”
พี่เบเลธดื่มเบียร์ทั้งหมดภายในอึกเดียว
เขาโขกแก้วเข้ากับโต๊ะและเปล่งเสียงประหลาดออกมา
“น่าสนใจมาก นี่มันแปลว่า ทั้งสองเนี่ยต่างเล่นอะไรที่เหมือนกระดานหมากล้อม โดยใช้ทวีปนี้เป็นกระดานหรอกรึ ?
เพราะผู้หญิงคนนั้นนี่แหละ ทั้งราชอาณาจักรเลยเคลื่อนไหว และเป็นเหตุให้เกิดการตายของจอมมารและอาร์คดยุค
ข้าว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องนี้เข้าต้องฟินแน่ๆ!
คุฮุฮุ อย่างกับเจ้าสองคนนี่กำลังใช้ทั้งทวีปเป็นสินสอดทองหมั้นกันเลยไม่ใช่รึไงกันน่ะ ”
(TTL : เบเลธชงแบบหวานเจี๊ยบบบบบบ )
ผมเติมเบียร์ในแก้วของพี่เบเลธ
แล้วเขาก็ดื่มหมดในอึกเดียวเหือนเคย เขาดูสบายอกสบายใจมากผมก็ถาม
“พี่ชาย , อะไรทำให้พี่อารมณ์ดีขนาดนี้เนี่ย ?”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ข้าก็คิดห่วงว่า เจ้ากับบาร์บาทอสน่ะจะคบหากันหรืออะไรเสียอีก คุฮ่าฮ่าฮ่า ”
พี่เบเลธหัวเราะร่วนไม่หยุด ผมชะงักไปครู่หนึ่ง
เอาจริงๆแล้วนะ พี่เบเลธยังคงเชื่ออยู่ว่า ผมกับบาร์บาทอสเราเป็นคู่ขาเล่นSM กัน โดยมีผมโดนกระทำฝ่ายเดียว
“หมะ- แหม ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้อยู่แล้ว
ข้าเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากทาสให้บาร์บาทอสทรมานเล่นอยู่แล้ว
ก้อนเนื้อให้เธอนั้นเฆี่ยนตียามต้องการ
เมื่อวานนี้ข้าเองก็โดนนางลงแส้ไปหลายชุดอยู่เลย ”
“ข้าเข้าใจ แล้วก็ทีนี้เจ้าก็มีผู้หญิงที่เจ้าชอบจริงๆแล้วไง !”
พี่เบเลธเทเบียร์ใส่แก้วผมบ้าง เอ่อ พี่ครับ เบียร์มันหกล้นแล้ว ? หกเละเทะไปหมดแล้วครับ
“พอมาคิดๆดูแล้วนะ ถ้าเจ้าแต่งงงานกับเธอเข้า แล้วรับสืบทอดสาธารณรัฐต่อจากเธอ พวกเราก็จะยึดครองทวีปได้อย่างราบรื่นเลยล่ะ !
คุฮ่าฮ่าฮ่า ข้าพร้อมจะสนับสนุนความรักของเจ้าสุดตัวเลย !”
“คือ น่าจะไม่ดีกว่า โอกาสแบบนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่…….”
“เอาละ เรามาชูแก้วฉลองงง !”
ผมอยากที่จะอธิบายให้เขาฟังว่า ชาติสาธารณรัฐชาตินั้นน่ะไม่ใช่อะไรที่อยู่ๆใครจะมารับสืบอำนาจต่อได้ แต่ผมก็หยุดปากไว้
ถ้าเป็นเรื่องอื่นนอกจากการต่อสู้ที่ถนัด เขาแทบโง่งั่งไม่รู้อะไรเลย
เหมือนจะเกิดความเข้าใจผิดชวนหัวขึ้นมาเสียแล้ว แต่เอาเถอะ ปล่อยไว้อย่างนี้น่าจะดีกว่า เป็นประโยชน์กับทั้งผมและเบเลธผู้โชคร้าย
“เชียร์ส”
สุดท้ายแล้วผมก็ชนแก้วกับพี่เบเลธ แล้วยิ้มให้
พยายามเข้าล่ะ พี่ชาย ผมได้แต่ส่งความปรารถนาดีว่า พี่น่ะจะได้พ้นจากชีวิตความซิงนับพันปีเสียที
MANGA DISCUSSION