บทที่ 338 – สู่โลกใบใหม่(1)
การรวมตัวกันครั้งใหญ่ของเหล่าจอมมารจากทั่วทั้งทวีป
อีเว้นท์นี้มีความหมายที่พิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงธรรมดาๆหรือ งานประชุมทางการเมือง
เหล่าจอมมารก็ย่อมเลือกที่จะนัดพบกันในเมืองที่เป็นกลางในโลกปีศาจเสมอ
และทุกครั้งก็มักจะมีหัวหน้าฝ่ายเป็นกลางมาเป็นเจ้าภาพให้
การประชุมที่มีฐานะเสมอภาคเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นจอมมารระดับสูงหรือจอมมารระดับต่ำ ในดินแดนที่เป็นกลาง…….
นั่นคือ ความหมายที่สำคัญยิ่งเบื้องหลังการประชุมดังกล่าว
แม้แต่บาอัลเองก็ไม่เคยละเมิดหลักการดังต่อไปนี้ แต่อย่างไรก็ดี หลังการตายของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น ขนบประเพณีเก่าก็ไม่ถูกยอมรับอีกต่อไป
ภายในรถม้าที่กำลังสั่น
“จะเพิกเฉยต่อการกระทำอันต่ำช้า ของ ‘เจ้านั่น’ ไปอีกนานแค่ไหน ?”
ชายหัวโล้นผิวคล้ำถามด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม
นั่นคือ จอมมารลำดับ 6 ไม่สิ ต้องเป็น อดีตจอมมารลำดับ 6 วาเลฟอร์ เขาไม่พอใจเท่าใดนักกับการที่ห้องโดยสารรถม้านั้นโยกสั่นกว่าที่คิดไว้ แต่นั่นหาใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจไม่
“ข้าไม่สนใจเรื่องความตายของบาอัลหรืออกาเรสหรอก แต่อำนาจของพวกเราล่ะ?
แล้วอยู่ๆ ขนบเดิมในการประชุมของพวกเราก็หายไปด้วยอย่างนั้นหรือ ?”
“ทั้งอำนาจ และอะไรต่างๆในอดีตต่างหายไปหมดแล้วนับตั้งแต่ที่บาอัลและอกาเรสตาย ”
กามิกินตอบด้วยน้ำเสียงยั่วยวน
“ปลาที่หลุดจากแหย่อมต้องโลดแล่นอยู่ในมหาสมุทร
อะไรที่เป็นอุปนิสัยดั้งเดิมย่อมเข้าแทนที่อำนาจจอมปลอมเป็นธรรมดา ”
“……ข้าไม่คิดเลยว่า เจ้าเองก็สนใจในปรัชญาการเมืองด้วย,กามิกิน
ไอ้ที่เจ้าพูดนั่นหมายความว่าอย่างไรกัน ?”
“ใครชนะก็เหมาไปหมด นั่นเป็นสิทธิ์พื้นฐานของพวกเราเหล่าปีศาจอยู่แล้วมิใช่หรือ ?”
ใบหน้าหมองคล้ำของวาเลฟอร์กลายเป็นสีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยาม
“นี่เจ้าเรียก ไอ้หุ่นไล่กานั่นว่าผู้ชนะอย่างนั้นรึ !?
เจ้านั่นอาจจะมีคารมที่คมคาย แต่ถึงอย่างไรเสียเจ้านั่นมันก็ไม่ต่างอะไรจากเห็บหมัดที่หยิบยืมอำนาจของบาร์บาทอส ”
“ช่าย, ช่ายเลย หมอนั่นช่างน่ารำคาญเสียจริงๆเลยน้า ~”
กามิกินพูดตามน้ำไปกับวาเลฟอร์
เธอพบว่า ชายตรงหน้าเธอนั้นช่างน่าขำและน่าสังเวช
แม้แต่ตอนนี้ ในเวลาอย่างนี้ จอมมารส่วนมากก็ยังไม่ตระหนักรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของดันทาเลี่ยน
หรืออันที่จริงพวกนั้นก็รู้กันดี หากแต่ตั้งใจจะทำเป็นไม่รู้เสียเอง
ต่อหน้าสาธารณนั้น ดันทาเลี่ยนเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคู่ขาที่เก่งกาจของบาร์บาทอส
ฐานะนั้นยังดีกว่า ชื่อเสียงก่อนหน้าที่เป็นลูกน้องเกรดต่ำที่อยู่ในฝ่ายที่ราบ
แต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนมันยังไม่เพียงพอ…….
ผู้คนต่างรับรู้ว่า ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นปากเป็นเสียงให้กับทั้งฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายภูเขา และฝ่ายเป็นกลาง เป็นตัวแทนผู้จัดการสิ่งต่างๆต่อสื่อสาธารณะ
“ข้าไม่เข้าใจ หากไม่นับบาร์บาทอส หรือไพมอนที่ตั้งใจจะตอบแทนหมอนั่น ทำไมกัน ทำไมคนอย่างมาร์บาสถึงได้สนับสนุนดันทาเลี่ยนด้วย ?”
“คิดว่า ข้าควรจะรู้เรื่องส่วนตัวของคนๆนั้นด้วยหรือ ?”
“ให้ตายเถอะ”
สมมุติฐานนั้นผิดถนัด
ดันทาเลี่ยนมิใช่เพียงหน้าตาของจอมทัพจอมมารโฉมใหม่
หากแต่กองทัพจอมมารโฉมใหม่นี่เองต่างหากที่เป็นดั่งเครื่องมืออุปกรณ์ที่เคลื่อนไหวตามความปรารถนาของดันทาเลี่ยน
แต่หากคุณจะถามว่า ดันทาเลี่ยนใช่หัวหน้าของกองทัพจอมมารหรือไม่ กามิกินก็คงจะได้แต่ส่ายหน้า
หากดันทาเลี่ยนเป็นหัวหน้าจริง เขาคงจะได้รับรางวัล ผลประโยชน์ชื่อเสียงมากที่สุดจากสงครามครั้งก่อนไปแล้ว แต่ถึงกระนั้น ดันทาเลี่ยนกลับไม่ได้รับสิ่งใดเป็นรางวัลตอบแทนเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่เอาแม้แต่ดินแดนแห่งใด หรือแม้แต่ทรัพย์สมบัติที่ชิงปล้นมาได้ มีเพียงชื่อเสียงทางการเมืองของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่สูงส่งขึ้น
เหล่าจอมมารจากทุกฝักฝ่ายต่างหากที่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ใดๆไป
อันที่จริงมิใช่ว่า ดันทาเลี่ยนเป็นนักบุญผู้ไร้ความละโมบหรอก
‘……นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ’
กามิกินพอคิดถึงเรื่องนั้นกลับรู้สึกว่า ตัวเองดูโง่
ถึงอย่างไร สถานการณ์แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว
ก็เพราะเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้นี่เองนั่นแหละ จึงทำให้ผู้คนมากมายต่างด้อยค่าดูถูกดันทาเลี่ยน
พวกนั้นเชื่อว่า เขามิได้เป็นอะไรมากไปกว่าหัวหุ่นตัวแทน และผู้ที่ขับเคลื่อนกองทัพจอมมารจริงๆคือ จอมมารระดับสูง …….
นี่คือ สิ่งที่ปรากฏมาในบทสนทนาปัจจุบัน
“แล้วการประชุมครั้งนี้จะพูดคุยกันเรื่องอะไร ? ไม่มีใครบอกอะไรข้าเลย ”
“โทษทีน้า, แต่ข้าก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน ”
“เหอะ นี่ไอ้หมอนั่นมันไม่บอกแม้กระทั่งเจ้าเลยรึ ? เป็นชายที่ไร้มารยาทสิ้นดี !”
กามิกินลอบถากถางอีกฝ่ายในใจ
‘ข้าไม่ได้พวกเดียวกันกับนาย’
เธอนั่นเชี่ยวชาญเรื่องการปั้นสีหน้าให้ขณะที่สนทนากัน ระหว่างนั้นเองเธอก็ผินหน้าไปทางหน้าต่างรถม้า
รถม้าเดินทางผ่านหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว ตัวคันรถม้าเองก็มีทหารม้าคอยคุ้มครองป้องกันมิให้เด็กๆในหมู่บ้านมากีดขวางทางเดินรถม้า
เหล่าเด็กน้อยจับตาดูทหารม้าที่เดินทัพตีคู่ขนานรถม้าอย่างไม่วางตา ราวกับหวาดกลัวว่า กีบเท้าม้าของทหารม้าจะเข้ามาใกล้พวกเขา
มีเด็กคนหนึ่งแสดงความเคารพต่อธง
ทหารคนหนึ่งที่ขี่ม้าอยู่ก็แสดงความเคารพกลับไป แต่ถ้าพูดให้ชัด นั่นเป็นการแสดงการให้เกียรติต่อธงผืนนั้น
ธงที่โบกสะบัดไปตามแรงลมราวกับว่า ตั้งใจสัญญากับทุกคนว่า จะนำส่งไปถึงจุดหมายอย่างแน่นอน
ธงที่ปลิวไสวออกห่างจากหมู่บ้านไปอย่างเร็วรี่
กลุ่มฝุ่นควันเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลือไว้เบื้องหลัง
เด็กๆวิ่งเล่นราวกับกำลังแหวกว่ายอยู่ในหมู่ควัน
‘แต่สุดท้ายแล้ว ’
กามิกินเฝ้าดูเด็กๆที่กำลังเล่นสนุกในฝุ่นควันด้วยแววตาไร้อารมณ์
‘ดันทาเลี่ยนก็ไม่ได้อยู่ข้างใครอยู่ดี ’
* * *
“ฝ่าบาทกามิกินและฝ่าบาทวาเลฟอร์มาถึงแล้ว !”
ข้ารับใช้ต้อนรับมนุษย์สัตว์ตะโกนเสียงดัง มุมปากของวาเลฟอร์บิด
จอมมารสองตนย่างเท้าเข้ามาในเขตพระราชวังจักรวรรดิฮับบวร์ก
มันเป็นการกระทำที่น่าอายสำหรับจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างพวกเขา
ทั้งฝ่ายภูเขา ,ฝ่ายเป็นกลาง และฝ่ายที่ราบเองต่างเป็นผู้ดูแลจักรวรรดิตัวจริง
จอมมารส่วนมากของฝ่ายไม่สังกัดฝ่ายใด ไม่มีเครือข่ายใดๆที่นี่เลย
วังหลวงแห่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลกับคำว่าเป็นกลางเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น ดันทาเลี่ยนกลับตัดสินใจที่จะให้มาจัดงานประชุมกันที่นี่
เห็นได้ชัดเลยว่า มีเจตนาบางอย่างอยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นความหยาบคาย
– พวกนายน่ะเลือกได้นะว่า จะเห็นด้วย หรือจะขัดขืนต่อมติของกองกำลังจอมมารใหม่
การทำแบบนั้นย่อมทำให้พวกเขาเกิดความขุ่นเคืองใจ
เป็นที่แน่นอนว่า จอมมารทุกตนย่อมโค้งศีรษะให้กับกองกำลังจอมมารใหม่
แต่ถึงอย่างนั้นดันทาเลี่ยนกลับบัญชาให้พวกเขานั้นแสดงออกถึงการยอมเป็นข้ารับใช้ให้เห็นกันอย่างเด่นชัด
เหล่าจอมมารได้รับอนุญาตให้มีองค์รักษ์ผู้ติดตามได้สูงสุดแค่เพียง 15 นาย
แทบจะเรียกได้ว่า พวกเขานั้นโดนเชิญมาที่วังหลวงในสภาพเปลือยเปล่าด้วยซ้ำ แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมณ์อันเนื่องมาจากการที่มาอยู่ที่ราชวังแห่งนี้ก็ใช่ว่า โอกาสที่จะถูกลอบสังหารจะเป็นศูนย์เสียเมื่อไหร่
จอมมารที่ไม่สังกัดฝักฝ่ายใดถึงกับกัดกรามแน่น
“นี่พวกเราต้องโดนปฏิบัติแบบนี้เพียงเพราะพวกเรายอมก้มหัวให้พวกนั้นอย่างนั้นรึ?”
“เหอะ ทำเป็นวางโตให้พวกเดียวกันเองดูชัดๆ ……!”
“พวกเราต้องร่วมมือกันแล้ว”
ตัวตนอย่างพวกเขานั้นเป็นผู้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมฝักใฝ่ฝ่ายใดเพราะเกลียดชังการเมือง
แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากต้องให้การร่วมมือ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม นั่นก็เพราะมีภัยคุกคามใหญ่โผล่มา ณ เบื้องหน้า
จอมมารฝ่ายเป็นกลางที่คอยรวบรวมเหล่าจอมมารไม่สังกัดฝักฝ่ายใดนั้นก็คือ กามิกิน
“โอ้ มิสกามิกิน ,เธออยู่ที่นี่เองหรือ ?”
“ความงดงามของท่านช่างเฉิดฉายเหมือนอย่างเคยเลย ”
จอมมารมากมายหลายตนต่างเข้ามาใกล้ชิดกับกามิกินและแสร้งทำเป็นสนิทสนม
กามิกินยังคงรักษารอยยิ้มสดใสบนใบหน้าไว้ขณะที่ทักทายพวกเขา
ดันทาเลี่ยนตั้งใจจะทำให้จอมมารพวกนี้เข้าใจอะไรผิดไป
ตัวอย่างก็เช่น ตัวเขานั้นตั้งใจกล่าวยกยอชมเชยบาร์บาทอสแทนที่จะกล่าวแบบนั้นกับกามิกิน และเขายังมอบอำนาจในการควบคุม สั่งการกองกำลังหน่วยย่อยให้อยู่ใต้ปฏิบัติการของกามิกินในช่วงสงครามหุ่นเชิดอีกด้วย
ดูเผินๆแล้วอาจดูเหมือนดันทาเลี่ยนนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก แต่ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่จวนเจียนจะพังทลายอยู่รอมร่อแล้ว
ทำไมดันทาเลี่ยนถึงได้แกล้งแสดงว่า ตัวเองกำลังระหองระแหงกับกามิกินกันล่ะ ?
‘นี่อาจเป็นวิธีการบอกข้า อ้อมๆในแบบของเขาก็ได้ว่า นี่เป็นวิธีการจัดการกับจอมมารที่ไม่สังกัดฝ่ายใด ’
กามิกินคิดเช่นนั้นแล้วหัวเราะออกมา
ทีแรกเลย เธอเกรี้ยวกราดรุนแรงมาก เนื่องจากเธอคิดว่า ดันทาเลี่ยนตั้งใจจะยกบาร์บาทอสไว้เหนือตัวเธอ แต่ถึงอย่างนั้น พวกจอมมารไม่สังกัดฝักฝ่ายใดกลับมา ห้อมล้อมให้ความสำคัญกับตัวเธอมากขึ้น
— นี่หรือ เป้าหมายของเขา
มีจอมมารไม่ฝักฝ่ายใดที่ไม่พอใจดันทาเลี่ยนเช่นเดียวกับเวลาฟอร์อยู่เยอะ
พวกนั้นเองที่มารุมร้อมเอาใจกามิกิน
ประมาณหกหรือเจ็ดตน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้
‘สิ่งที่ดันทาเลี่ยนกลัวที่สุดนั้นไม่ใช่กลุ่มทั้งกลุ่ม หากแต่เป็นการกระทำที่คาดการณ์ไม่ได้ของจอมมารบางคน ’
นั่นเป็นความจริงสำคัญที่ว่า หากคุณเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแล้ว การกระทำใดๆของคุณย่อมมีข้อจำกัดไปด้วย
คำสัญญาระหว่างบุคคลอาจถูกละเมิดได้โดยง่าย ; แต่หากละเมิดสัญญาที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มนั้นเป็นเรื่องยาก
ดันทาเลี่ยนนั้นปรารถนาให้จอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดตั้งกลุ่มขึ้นมาโดยมีกามิกินเป็นตัวแทน
กามิกินยิ้มออกมา
‘ทำอะไรไร้สติเสียจริง ’
การทำให้กลุ่มบุคคล กลุ่มใดเป็นอริศัตรูกับตนเองนั่นไม่ใช่อะไรที่คนมีสติเขาทำกัน
เป็นสิ่งที่ถ้าหากไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองสุดๆก็คงเป็นสิ่งที่คนบ้านั่นแหละที่ทำ
ความมั่นใจที่ว่าจะสามารถบริหารจัดการกลุ่มคนที่เกลียดชังเขาได้ ต่อให้คนกลุ่มนั้นจะรวมกลุ่มกันแล้วก็ตาม
มีจอมมารน้อยตนนักในกลุ่มจอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่จะสังเกตเห็นถึงสิ่งนี้
หนึ่งในนั้นก็คือ อดีตจอมมารลำดับสาม เวสซาโก้
แม้ตัวเขาเองจะเป็นจอมมารที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจอมมารไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เขาเองก็ยังคงปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับกลุ่ม
เขายิ้มเยาะใส่จอมมารตนอื่น ราวกับเหยียดหยามดูถูกเหล่าแมลงโง่
“ข้าไม่ปรารถนาที่จะเป็นตุ๊กตาโดยสมัครใจ ”
นั่นเป็นคำแนะนำเพียงอย่างเดียวที่เวสซาโก้มอบให้
และตัวตนอีกผู้หนึ่งนั่นก็คือ อดีตจอมมารลำดับ 7 อามอน
เธอยังคงรักษาตำแหน่ง ยืนระยะในฐานะผู้เฝ้าดูสหายของเธอจากที่ไกลๆ
เหล่าจอมมารที่สังกัดฝ่ายต่างวิพากย์วิจารณ์จอมมารสองตนนั่นว่า เห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบยิ่ง แต่สำหรับผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างดี จะรู้ว่า ทั้งสองตัดสินใจได้ดีที่สุดแล้ว
แม้ ณ ตอนนี้ เวสซาโก้เองก็ยังอยู่ตามลำพังอยู่มุมหนึ่งของห้องโถงประชุม
เวสซาโก้และกามิกินสบตากันชั่วขณะ ก่อนที่มุมปากของเวสซาโก้จะยกขึ้นทันที
กามิกินกลับรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาแต่ไม่แสดงออก
“ยอดผู้ปกครองแห่งจักรวรรดิฮับบวร์ก ,ฝ่าบาทองค์จักรพรรดิได้มาถึงแล้ว !”
ยามเมื่อจอมมารทุกตนมากันครบ ข้ารับใช้ผู้ติดตามก็ประกาศการมาถึงขององค์จักรพรรดิ ราวกับกำลังเฝ้ารอเวลานี้อยู่ตลอด
องค์จักรพรรดิรูดอล์ฟนั้นสวมชุดหรูหราสีทองอร่าม และนั่งลงบนบัลลังค์
บาร์บาทอสและดันทาเลี่ยนอยู่ข้างกายของเขา
จอมมารบางคนแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไมต้องมาแสดงความเป็นทางการให้กับจักรพรรดิหุ่นเชิดโง่ๆนี่วะ ……?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่เข้าใจ ทำไมจักรพรรดิของพวกมนุษย์ถึงได้มาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราได้ ”
“หรือไอ้พวกนั้นมันบ้าไปแล้ว !?”
ตำแหน่งโครงสร้างองค์กรที่ปรากฏตรงหน้าสร้างความไม่พอใจนักฃ
บัลลังค์นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นทั้งบาร์บาทอสและดันทาเลี่ยนจึงทอดสายตามองต่ำมายังทุกคน
สิ่งนี้ขัดแย้งอย่างมากกับประเพณีความเท่าเทียมกันของจอมมารด้วยกันเอง
ดันทาเลี่ยนพูดขึ้นโดยไม่สนใจว่า จอมมารตนอื่นจะพูดว่าอย่างไร
“เหตุผลที่เรียกให้ทุกท่านมารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อมอบรางวัล เถลิงเกียรติยศ ”
“เถลิงเกียรติยศ ?”
เวสซาโก้ถึงกับขมวดคิ้วมุ่ย
“ไอ้นั่น พวกเราทำไปแล้วที่เนฟเฮมไม่ใช่รึ?”
“นั่นเป็นการมอบรางวัล และเถลิงเกียรติให้ที่โลกปีศาจ
แต่คราวนี้เป็นการได้รับเนื่องจากการเป็นสมาชิกของจักรวรรดิ”
“……ข้าไม่ยักจะจำได้เลยว่าตัวข้าไปเป็นสมาชิกของจักรวรรดิตอนไหน ”
เวสซาโก้ทำหน้าสงสัยไม่ไว้ใจ
ดันทาเลี่ยนส่ายหน้า
“นับแต่นี้เป็นต้นไป ทั้งกองกำลังจอมมารและจักรวรรดิฮับบวร์กจะร่วมมือกัน
พวกเราตั้งใจจะจัดระบบระเบียบ ทั้งประทานรางวัลและถอดยศ ลงโทษ ผ่านระบบลำดับชั้น ให้กับทุกคนในจักวรรดินี้ ”
“…….”
เวสซาโก้พูดไม่ออก
ฟื้นคืนระบบลำดับกลับมาอีกครั้ง
จอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดถึงกับตะลึงราวกับโดนฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
MANGA DISCUSSION