บทที่ 334 – หอมกลิ่นอะนีโมนี่(4)
—-
คำเตือน : โปรดทราบว่าในบทนี้จะมีการใช้ความรุนแรง
โดยมากพวกคุณก็คงจะรู้อยู่แล้ว หากอ่านบทที่แล้วมาก่อน ดังนั้นผมขอเตือนสำหรับคนที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้
—
ความเงียบงันอันน่าอึดอัดเข้าปกคลุมคุกใต้ดิน สีหน้าที่ปั้นนิ่งไว้กลับเกิดรอยแตกร้าว
เจเรมิตัวแข็งทื่อหลังจากรับแส้ไปจากมือผม ผมรับรู้ได้ถึง ความรู้สึกแผ่วอ่อนที่รั่วไหลออกมา
ฉันไม่อยากทำ…
ฉันอยากจะปฏิเสธ…….
สำหรับมือสังหารที่พร้อมจะฆ่าตัวตายหากมีคำสั่งจากบุคคลที่เธอรับใช้ กลับแสดงความไม่เต็มใจออกมา
ผมจ้องด้วยสายตาดุดันใส่เจเรมิ
“ทำตามหน้าที่ของเจ้าเดี๋ยวนี้ , หัวหน้า ”
“ฉัน ไม่สามารถทำร้าย ฝ่า……”
“อย่ามางี่เง่า หรือต้องให้ข้าออกคำสั่งเจ้าในฐานะจอมมารต่อปีศาจตัวหนึ่งกัน?!”
เจเรมิถึงกับนิ่งอึ้งไปยามที่ผมตะโกนใส่เธอ
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเจเรมิที่มีรอยแผลไฟไหม้ก็จริง หากแต่อารมณ์ของเธอแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างเด่นชัดในตอนนี้
“นี่ยังไม่ถึงครึ่งเดือนดีเลยที่ฝ่าบาทฟื้นจากอาการป่วย
ฉันขอร้องฝ่าบาทไม่ใช่ด้วยฐานะหัวหน้า หากแต่เป็นหมอส่วนพระองค์
เฆี่ยนโบยหกสิบครั้งมันหนักเกินไป
ฉันไม่ได้แนะนำในฐานะข้ารับใช้ของฝ่าบาท หากแต่ในฐานะหมอผู้รักษาคนหนึ่ง ได้โปรด คิดทบทวนดูใหม่ด้วยเถอะค่ะ …….”
ผมกลับยิ่งเย็นชา
“ถ้าเธอยังแย้งข้าอีก ข้าจะใช้งานปีศาจของข้าเอง ”
“…….”
“หากข้าหมดสติไป เจ้าจงปลุกข้าด้วยน้ำเย็น
ตั้งใจทำงานนี้ของเจ้าไม่ต้องปรานี
ทำเช่นเดียวกันกับที่เจ้าลงโทษอาชญากร
นี่เป็นคำสั่ง !”
ผมตะโกนเสียงดังให้ข้ารับใช้ทุกคนได้ยิน มิใช่แต่เพียงเจเรมิเท่านั้น
“ทุกครั้งที่การลงโทษนี้โดนขัดขวางหรือหยุดลง ข้าจะเพิ่มจำนวนครั้งในการลงโทษ
ไม่อนุญาตให้ใครมาขัดขวางการลงโทษของเจเรมิ ”
เจเรมิก้มหน้าลงช้าๆ
“ตามประสงค์ของฝ่าบาท ”
ผมปลดเสื้อคลุมปล่อยให้มันหล่นลงพื้น เหตุที่ผมสวมชุดเป็นทางการโดยไม่จำเป็นอย่างนี้ก็เพราะผมเพิ่งไปพบทูตจากทิวทันมา
ผมถอดผ้าพันคอสีแดงที่กามิกินมอบให้เป็นของขวัญ
มันให้ความรู้สึกราวกับกำลังปลดเปลื้องความผิดตัวเองลงทีละชั้น
สุดท้ายแล้ว ร่างกายท่อนบนก็สัมผัสกับอากาศ
ผมนั่งเงียบบนพื้นและรับรู้การเข้ามาใกล้ของเจเรมิจากด้านหลัง
“ฉันเริ่มได้เลยใช่ไหมคะ ?”
“เริ่มเลย จงระลึกถึงหน้าที่ของเจ้าในทุกชั่วขณะ ”
ผมกัดเศษยางไว้แน่น น้ำลายไหลเปื้อนลำคอ
ผิวหนังผมแสบคันเนื่องจากการคาดการณ์ถึงความเจ็บปวดล่วงหน้าก่อนที่จะได้รับ
ผมหลับตาลง
หากเป็นกรณีปกติแล้ว เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะประหารลอร่าเพราะละเมิดข้อกฏหมาย
พูดอีกอย่างก็คือ การลงโทษครั้งนี้เป็นการชดเชยการประหาร
การที่เจเรมิมาวิงวอนขอความเมตตานั้นเป็นเรื่องเหลวไหล
ถือว่า ผมเมตตามากแล้วที่สั่งลงโทษโบยเฆี่ยนแทนการประหาร
อย่างแรก ลาพิสนั้นโดนลงโทษในฐานะตัวแทนของเหล่าข้ารับใช้ จากนั้นก็ลงโทษลอร่าเป็นรายต่อมา ตอนนี้ก็เป็นการลงโทษตัวผมเอง
ลอร่านั้นได้รับโทษแบบเดียว เช่นเดียวกันกับผม,เจ้านายของเธอและลาพิส,นายกรัฐมนตรี ทั้งสองเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าเธอ
เท่านี้ก็มากเกินพอที่จะละเว้นโทษตายแล้ว
แน่นอนคำถามก็คือ ร่างกายของผมจะทนรับการลงโทษนี้ไหวหรือไม่
ผมเป็นคนไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก และยังพึ่งรอดมาจากความตายมาหมาดๆ
แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สิ่งที่ควรตระหนักระลึกถึงอยู่เสมอคือ การลงโทษนี้ถือว่า ให้ผลเท่าเทียมกันกับการประหาร
ดังนั้นแล้วสิ่งใดเป็นหน้าที่ย่อมต้องพึงกระทำ มันก็เท่านั้น
และตอนนั้นเอง
— ความเจ็บปวดแล่บปลาบไปที่สันหลัง
“คึกกก……!”
ดวงตาของผมเบิกกว้าง ความปวดแสบแล่นขึ้นผ่านเส้นไขสันหลัง
เสียงเปรียะปร๊ะจากแส้ และสัมผัสที่เนื้อเหวอะแหวกดังประสานกัน
ผมขบเคี้ยวกราม หากผมไม่ได้กัดยางไว้มีหวังฟันผมคงขบกันหักแตกไปห้าครั้งได้แล้ว
เฆี่ยนครั้งที่สอง
“อึกก! อั่ก……!”
มันเจ็บจนแทบจะเป็นบ้า
การโดนหวดที่หลังแค่เพียงสองครั้งกลับเจ็บปวดกว่าตอนที่ผมโดนธนูปักเข้าที่น่อง และตอนที่ผมตัดนิ้วตัวเองเสียงเอง ผมสัมผัสถึงอาการปุดๆที่แผ่นหลัง
มันอาจเป็นเลือดของผมก็ได้
ครั้งที่สาม
ครั้งที่สี่
ครั้งที่ห้า —
ผมรู้สึกเหมือนลูกตาแทบถลนออกมา
ในลำคอของผมนั้นตึงแน่นราวกับมันพยายามจะดันอะไรบางอย่างออก
ผมดิ้นรนที่จะหายใจ แต่ก็ยากเย็นเหลือเกินระหว่างที่กำลังโดนลงแส้
ฟันผมกัดโดนฟันในปากจนได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้ง
“……นาย……ท่าน?”
นี่เธอตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแส้เฆี่ยนสินะ ?
ลอร่า,ผู้โดนโซ่ล่ามไว้ทั้งสองแขน พยายามจะลืมตาขึ้นมา
เธอจ้องมาที่ผมจากอีกมุมหนึ่งของห้องด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
ผมไม่ได้สบตากับเธอ เพราะตอนนี้ดวงตาผมเริ่มเบลอมองเห็นอะไรไม่ชัด , ทุกอย่างสำหรับผมมันมัวไปหมด
ดูเหมือนลอร่าจะได้สติกลับมาแล้ว ใบหน้าเธอดูเหมือนจะไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
มันก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะการลงโทษผมนั้นมันเริ่มขึ้นในตอนที่เธอสลบอยู่
เกือบสิบวินาทีกว่า สีหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยความตกใจ
เกร้งงง !
ร่างกายของผมขยับไปข้างหน้า ผมพยายามสุดกำลังเพื่อให้ตัวเองรักษาท่านั่งไว้เช่นเดิม แต่แขนทั้งสองข้างของผมกลับสั่นระริกเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้
ผมไม่แม้แต่จะร้องออกมา ลำคอของผมแห้งสนิท
“อ่า ……? ……?”
สีหน้าของลอร่านั้นบิดเบี้ยว
การเฆี่ยนโบยอย่างไร้ปรานียังดำเนินต่อไปโดยไม่สนใจสภาพของลอร่า ร่างกายของผมกรีดร้อง
มันไม่ใช่แค่เนื้อหนังที่เจ็บปวด หากแต่ทั้งเส้นเอ็นและกระดูกราวกับกำลังจะระเบิดออก
ทุกสิ่งมีราคาที่ต้องจ่าย
หากอนุญาตให้ลงโทษแบบครึ่งๆกลางๆเข้าแล้ว การปกครองของส่วนกลางย่อมล่มสลายไม่มีชิ้นดี
หากไม่มีการเสียสละ ไม่ยอมต้องจ่าย ราคาที่ต้องจ่ายคือ รากฐานอันมั่นคงของรัฐเสียเอง
การเมืองการปกครองมันก็เป็นเช่นนี้แหละ
เมื่อพวกข้ารับใช้สงบใจเย็นลงแล้ว พวกเขาจะเข้าใจเรื่องนี้เอง
“อา, อาาาา, อ๊าาาาาาาาา!”
ดวงตาสีเขียวของลอร่าเบิกกว้าง พอเธอเข้าใจแล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้น ?
ปากของเธอเปิดกว้าง เธอพยายามจะเค้นเสียงออกมาราวกับสัตว์ที่กำลังร่ำร้องด้วยความตกใจแต่ถึงอย่างนั้น,ครั้งที่แปด
“ไม่ ! นี่เธอทำอะไร—นี่เธอทำอะไรกับนายท่าน !?”
ลอร่าขยับตัว เสียงโซ่ที่มัดเข้ากับเพดานขยับส่งเสียงดังลั่น
ดวงตาของลอร่าเบิกกว้าง เธฮพยายามที่จะดิ้นขัดขืน จนไม่อยากเชื่อเลยว่า เธอเพิ่งโดนเฆี่ยนสามสิบโบยไปเมื่อไม่นาน
“หยุดซะ! หยุดการกระทำของเธอเดี๋ยวนี้เลย !
มิสเจเรมิ! หยุดสิ, ได้โปรด หยุดเถอะ ……!”
ครั้งที่ เก้า
“อ๊าาาา! กล้าดียังไง! กล้าดียังไงมาทำอย่างนั้นกับนายท่าน !? ฉันจะฆ่าแก !
หากตอนนี้เธอไม่หยุด ฉันจะฆ่าแก !
มันยังทัน! หากแกจะหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ อาาา, อ่าาาา!”
ครั้งที่สิบ
ครั้งที่สิบเอ็ด
ครั้งที่สิบสอง
ผมสลบไปชั่วครู่เนื่องจากความเจ็บปวดที่เกินทน
ราวกับว่า การรับรู้มันโดนตัดไปเอง นี่สินะที่เรียกกันว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ?
พอผมคืนสติกลับมาก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่หลัง
มันเป็นความเจ็บปวดชนิดที่ผิดไปจากประสบการณ์ที่ผมเคยพบมา
น้ำเย็นไหลผ่านแผลที่เปิดออก
ผมคอตก ดูเหมือนผมจะสลบไปตอนที่พยายามจะลุกขึ้นนั่ง และมีหยดน้ำหลายหยดแหมะลงพื้น
อะไรบางอย่างไหลลงจากปากผม ผมคิดว่า มันคงเป็นน้ำลาย แต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักเพราะของเหลวที่ว่ามันมีสีแดงปน
เจเรมิช่วยนับทุกครั้งที่ลงแส้ ดังนั้นแล้วผมจึงรู้ว่า ผมโดนเฆี่ยนไปกี่ครั้งแล้ว
ตอนนี้ก็เป็นครั้งที่สิบสาม ยังอีกกี่ครั้งกันนะ ถึงจะครบหกสิบ ?
ผมคิดเลขไม่ออกเลย
ที่คิดออกก็มีแค่ มันยังอีกยาวไกลนักกว่ามันจะจบลง
เลือดไหลย้อนลงสู่คางและหยดลงพื้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมกลับไม่รับรู้ถึงฟันตัวเองเลย ผมรับรู้แต่ความเจ็บปวด
“ได้โปรดเถอะ , นายท่าน……ฉันจะทำตัวดีๆ……ได้โปรดหยุดเถอะ …….”
ลอร่าร้องไห้ออกมา
หลังครั้งที่สิบสี่ เสียงร้องไห้ก็กลายเป็นเสียงกรีดร้อง
เธอกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ผมไม่อาจฟังคำพูดของเธอรู้เรื่อง ในหัวผมมันสับสนไปหมด
กลิ่นของอ้วกและเลือดเคล้าผสมกันเสียดแทงในสมอง แม้จะหายใจยังยาก
“ฮือ,โฮ……อ่าาาา…….”
ผมทำผิดกับลอร่า
ผมรู้เหตุผลว่าทำไมเธอถึงทรมานเดซี่ ผมเข้าใจเหตุผลของเธอดี
เธอคงจะเป็นห่วงเป็นกังวลแทบบ้าจนถึงขนาดที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
อารมณ์ที่เข้มข้นของเธออาละวาดรุนแรง ทั้งความรักที่บิดเบี้ยวกลายเป็นความเกรี้ยวกราดจนต้องหาทางปลดปล่อยไปที่ใครสักคน
“ไม่,นายท่าน, ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนี้…… หยุดเถอะ…… ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ,ได้โปรด …….”
นี่เป็นความรับผิดชอบของผม
อันที่จริงลอร่าไม่ใช่บุคคลที่จะโดนอารมณ์ความรู้สึกกลืนกิน แม้ในชั่วขณะสุดท้ายก่อนที่เธอจะกระโดดลงมาจากกำแพงเมือง เธอยังเชิดคางและมองด้วยสายตาดูถูกดูหมิ่นฮีโร่
เธอสมควรที่จะเป็นคนแบบนั้น
แต่เพราะเธอโดนครอบงำโดยคนอย่างผม
เด็กสาวที่งดงามเช่นนั้นกลับพังทลาย
ผมเป็นคนทำลายลอร่าเอง
“อ่า, ฮือออ, อ๊าาา…… หยุดเถอะ…… ไม่……ไม่นะ……นายท่าน……นายท่าน…….”
…….
การนับยังคงดำเนินต่อไป
พอถึงประมาณครั้งที่สามสิบ อยู่ๆทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบที่ยาวนาน
ผมพบว่า ตัวเองนอนพับอยู่ที่พื้น ผมทำได้เพียงยกท่อนบนขึ้นแล้วหันไปมองเจเรมิ
ใบหน้าที่ซีดเซียวของเจเรมิเข้ามาในดวงตาของผม
ภายในปากของผมเต็มไปด้วยเลือด ผมอยากจะบ้วนมันทิ้ง แต่กลับไม่มีแรงเหลือที่จะทำอย่างนั้น
อย่างดีที่สุดที่ทำได้ก็คือ อ้าปากเล็กน้อยแล้วปล่อยให้มันไหลออกมาของมันเอง
แต่ผมยังมีแรงพอที่จะขยับลิ้น
“……เท่า ไหร่ ?”
“ตอนนี้อยู่ที่ สามสิบ……สองค่ะ, ฝ่าบาท ”
ผมมองเจเรมิโดยไม่พูดอะไร
แล้วเธอจะหยุดมือทำไม?
ตาของผมบอกเธอแบบนั้น เจเรมิลังเล
“ฝ่าบาทไม่อาจทนได้มากเกินกว่านี้อีกแล้ว …….”
ผมสามารถสื่อสารกับเธอโดยไม่ต้องใช้คำพูดด้วยการจ้องเงียบๆ
เจเรมิกัดฟันแน่นก่อนจะยกแส้ขึ้นอย่างเชื่องช้า
ดีมาก,นั่นแหละสิ่งที่เธอควรจะทำ เธอน่ะสมควรทำตามบทบาทหน้าที่แบบนี้ดีแล้ว
ผมพยักหน้ายืนยันก่อนจะยกร่างท่อนบนขึ้นมาจากพื้น ผมอยากจะนั่งให้ตัวตรงดี แต่กลับไม่มีแรงเหลือแล้ว
ผมร้องออกมาตอนที่โดนเฆี่ยนครั้งที่สามสิบ
ทำให้ยางในปากหล่นไปตอนผมสลบ นั่นก็หมายความว่าผมไม่มีแรงเหลือแม้แต่จะขยับปาก แต่ไม่สำคัญแล้ว ต่อให้ผมกัดฟันตัวเองก็ตาม
“……, …….”
ลอร่าดูเหมือนจะร้องไห้จนเหนื่อยล้า จนทำได้แค่อ้าสลับกับหุบปาก
มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะร่างกายของเธอบาดเจ็บจากการโดนลงโทษ
แต่ถึงอย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ยังไหลออกมาไม่หยุด
ผมสลบเมื่อโดนเฆี่ยนครบสามสิบครั้ง ดังนั้นการลงโทษครั้งสุดท้ายจึงยาวนานกว่าที่คิดไว้
อิวาร์ทนดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้วเข้ามาห้ามปราม
พาร์ซิพยายามหยุดเธอแล้ว หากแต่มันไร้ประโยชน์
เพิ่มการเฆี่ยนผมไปอีกสิบครั้ง และเมื่อเห็นอย่างนั้น อิวาร์ได้แต่ทำหน้าสิ้นหวังและยอมถอย
เจเรมิยืนกรานอย่างหนักปฏิเสธที่จะเฆี่ยนเพิ่มอีกสิบที แต่ผมก็หนักแน่นในคำสั่งที่สั่งไว้
สุดท้ายแล้ว,เพิ่มไปอีกสิบครั้งจากเดิมหกสิบเฆี่ยน ผมทนไปทั้งหมดเจ็บสิบครั้ง
“……เจ็ดสิบ”
เจเรมิพูดออกมาราวกับเป็นลมหายใจสุดท้ายของเธอ ตั้งแต่เริ่มจนจบ เธอไม่ปล่อยมือจากแส้เลย
แค่นั้นก็คู่ควรต่อการชื่นชมเธอแล้ว
ผมอยากจะชมเชยว่า ทำหน้าที่ได้ดีเหลือเกินหากผมพูดได้
ทุกอย่างจบลงแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง วินัยและกฏหมายในกองทัพของผมยังคงอยู่ต่อไปได้ และเรื่องแบบนี้จะไม่ขึ้นอีก
มันเจ็บระดับที่สามารถฆ่าผมได้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ตาย
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ผมพยายามเค้นเสียง เค้นแรงเพื่อที่จะพูด
“บังคับ…ใช้……สม…….บูรณ์”
หลังจากพูดจบผมก็สิ้นสติไป
ตั้งแต่ครั้งที่สี่สิบแล้ว ผมชักเริ่มแยกจิตใต้สำนักกับความจริงไม่ออก พอรู้ว่าผมไม่ต้องประคองสติต่อไปก็ได้ ผมก็หลับตาลง
แค่ได้หลับตาก็นับเป็นรางวัล เป็นดั่งพรที่ยิ่งใหญ่ที่ได้รับ
เสียงผู้คนมากมายร้องว่า “ฝ่าบาท!” ดังก้องรอบตัวผม
เสียงนั้นดังมาจากข้างตัวผม แต่กลับฟังดูห่างไกลออกมา
ความมืดห้อมล้อมตัวผมไว้……และผมเองก็ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปสู่ก้นบึงแห่งความว่างเปล่านั้น
ในขณะท่ามกลางความคิด ผมคิดว่า ต่อให้ผมต้องหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับความมืดมิดนี้ไปตลอดกาลก็ไม่เป็นไร
MANGA DISCUSSION