บทที่ 324 – ราชาเหมันต์ (เร็ก ไฮย์มิส) (12)
ดันทาเลี่ยนบาดเจ็บหนัก
ทันทีที่เธอได้ยินแบบนั้นเธอก็หันไปมองรอบข้างในทันที
นักบวชวิหารที่มาถึงภายหลังรีบตรงเข้ามาเพื่อรักษาแผล ผู้คนที่บาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ได้รับบาดเจ็บต่างให้ความนับถือนักบวชผู้นั้น
ในพื้นที่รอบข้าง ชายผู้หนึ่งนั่งเอนตัวพิงต้นไม้
เพียงแค่มองผ่านๆก็บอกได้แล้วว่า อาการแย่ลงเรื่องๆ ท้องของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด
การรักษาปรกติที่นักบวชทั่วไปทำกลับส่งผลร้ายกลับจอมมารแทน เหล่านักบวชจึงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากการดูแลเล็กๆน้อยๆ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮีลเลอร์
ชายคนนั้นชำเลืองมอง ดวงตาประสานกับอลิซาเบธ
ผู้ชายคนนั้น, ดันทาเลี่ยน,เฝ้ามองเธอมาตั้งแต่แรก
— ทุกอย่างเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้า
แม้แต่เสียงที่ผู้คนต่างชื่นชมนักบวชยังชะลอลง
อลิซาเบธรู้สึกราวกับเส้นประสาทในร่างกายหยุดทำงาน
‘……ทั้งหมดนี่เป็นแผนตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ?’
‘ก็อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ’
เธอรู้สึกราวกับได้ยินดันทาเลี่ยนตอบมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันไม่ใช่การคิดนึกไปเอง
ใบหน้าของดันทาเลี่ยนเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสีดำสนิทของเขากลับคมกริบ ดวงตาคู่นั้นตอบทุกคำถามชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใดๆ
‘มีคนจำนวนมากเป็นพยานว่า พวกเราออกไปจากห้องจัดงานเลี้ยงด้วยกัน’
‘นอกจากเราสองคนแล้ว มีเพียงข้าคนเดียวที่กลับไปยังห้องจัดงานเลี้ยงในขณะที่นายน่ะ อยู่ๆก็พบว่า บาดเจ็บสาหัส’
‘นี่เป็นบทร่างที่ทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย’
ทุกคนยังคงปรบมือชื่นชมต่อไป
แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังต่อเนื่องราวกับเสียงระฆัง
เว้นไว้ก็แต่ตัวเธอกับดันทาเลี่ยน ทุกสิ่งรอบกายกลับหนืดอืดไปหมด
‘เธอคงจะคิดอย่างนี้สินะ:
เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตอนที่เธอไม่อยู่
หากเธอกลับมาแล้ว เธออาจตกเป็นผู้ต้องสงสัย’
‘แน่นอนว่า ข้าตั้งใจกลับมายังที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ดีๆ
ต่อให้ผู้คนจะสงสัยข้า, แต่ก็ยากที่จะพูดวิจารณ์อะไรเพราะข้าเป็นผู้นำในทีมช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ’
‘และเธอน่ะก็นำทีมปฏิบัติการณ์ช่วยเหลือได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ’
นั่นเป็นเจตนาที่อลิซาเบธตั้งใจกลับมาดูสถานที่เกิดเหตุก่อนดันทาเลี่ยน
ย่อมเป็นธรรมดาที่ผู้มาถึงทีหลังจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย
คนหนึ่งรีบกลับมาทันทีที่เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นและยังช่วยเหลือผู้คน ในขณะที่อีกฝ่ายไปทำอะไรมาถึงได้มาช้า? คนที่มาที่หลังวางแผนไปทำอะไรมาหรือเปล่า?
แผนของดันทาเลี่ยนพ้งพาบเพราะการรอดชีวิตของนักบุญหญิง
อลิซาเบธเองก็ได้รับภาพพจน์ที่ดีจากการเข้าร่วมทีมช่วยเหลือโดดเด่นกว่าดันทาเลี่ยน
มันควรจะจบลงแบบนั้นแท้ๆ
‘ข้าแน่ใจว่า ที่เธอทำลงไปเนี่ยมันประสบผลสำเร็จแน่’
หากดันทาเลี่ยนไม่ได้อยู่ในสภาพ บาดเจ็บหนัก
‘การก่อการร้ายที่มุ่งเป้าไปที่นักบุญหญิง แถมข้ายังตกเป็นเป้าทำร้ายด้วย
นี่ไม่ใช่แค่ระดับการลอบสังหารที่ใครจะลุกขึ้นมาทำก็ทำได้
นี่ก็หมายความว่า มีใครบางคนให้การสนับสนุนการก่อการร้ายครั้งนี้…….
นั่นคือสิ่งที่ผู้คนคิดกัน’
‘และความสงสัยนั้นก็จะมุ่งมายังข้า’
การออกจากห้องงานเลี้ยงพร้อมกับดันทาเลี่ยนกลับกลายเป็นว่า ทำให้เธอเป็นบุคคลผู้ต้องสงสัยรายชื่อแรก
ยิ่งไปกว่านั้น อลิซาเบธกลับสามารถช่วยเหลือได้อย่างคล่องแคล่ว
ในยามที่ผู้คนต่างตกอกตกใจกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ,กลับมีอลิซาเบธเพียงคนเดียวที่นิ่งจนน่าตกใจ
ผู้คนจะเริ่มกังขาแล้วว่า ท่ามกลางสภาพแบบนั้นจะนิ่งสงบได้ขนาดนั้นนี่มันเป็นไปได้อย่างไร
เป็นไปได้ไหมว่าที่เธอจะรู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้าก่อนแล้ว?
‘เธอน่ะมีเหตุจูงใจมากมายในการทำแบบนี้เลยนะรู้ไหม
ไม่เพียงแต่เธอต้องเสียหน้า เสียประโยชน์เพราะข้า ณ ที่ราบบรูโน่
แถมเธอยังแพ้ในสงครามการทูตให้กับข้าและแพ้สงครามศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญหญิงอีกด้วย’
‘นี่นายกำลังจะบอกว่า ข้าพยายามที่จะลอบสังหารพวกนายสองคนเพื่อแก้แค้นสงครามการเมืองอย่างนั้นหรือ?’
อลิซาเบธขบฟัน
‘แผนโต้งๆขนาดนี้
ตรรกะอ่อนยวบยาบขนาดนั้นหากจะใส่ร้ายว่า ข้าเป็นคนร้าย’
‘แต่ก็ใช่ว่า ข้อสงสัยจะหมดไปนี่นา ถูกไหม?’
‘…….’
ฝีมือในการก่อการร้ายมันแย่เกินกว่าจะเชื่อว่า เป็นฝีมือของอลิซาเบธ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจลบความเป็นไปได้ทั้งหมดทิ้งไป
ตราบใดที่ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่ ผู้คนก็มักจะสงสัยกันไม่เลิกรา…….
‘ชื่อเสียงของเธอน่ะไม่ดีตั้งแต่ตอนช่วงสงครามการทูตอยู่แล้ว
ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ ชื่อเสียงราชวงศ์ฮับบวร์กนั้นแย่มาตั้งแต่เรื่องราวในสายเลือด พวกนั้นน่ะเต็มไปด้วยข่าวฉาวโฉ่วมากมาย
แถมที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เธอฆ่าน้องชายคนที่สาวด้วยมือตัวเอง’
หากไม่นับเรื่อง พรสวรรค์ทักษะความสามารถแล้ว อุปนิสัยของเธอเองก็ใช่ว่าจะเป็นที่น่าไว้วางใจได้เสียเมื่อไหร่ นั่นคือ ชื่อเสียงและมุมมองทางการทูตที่คนอื่นมีต่อท่านคอลซูลอลิซาเบธ
‘ไม่มีอะไรการันตีได้นี่ว่า บุคคลที่ผู้ซึ่งเคยฆ่าน้องชายแท้ๆของตัวเองจะไม่ก่อเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ข้อสงสัยนี้จะยังคงอยู่และคอยกดดันเธอไปตลอด’
‘…….’
ฝูงชนต่างมาห้อมล้อมอลิซาเบธ
บางคนก็เผยรอยยิ้ม บางคนก็ปรบมือ ในขณะที่บางคนก็พยายามเข้ามาจับมือเธฮ
เธอมองไม่เห็นดันทาเลี่ยนเพราะฝูงชนที่เข้ามาออก
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
พรุ่งนี้จะเปลี่ยนไปเป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน?
แม้ทุกอย่างจะลงตัวดีแล้ว แต่หากผู้คนทั้งหลายรู้จักไตร่ตรองดูก็จะเริ่มสงสัยในตัวอลิซาเบธขึ้นมา
ณ จุดนั้น ถ้อยคำสรรเสริญเยินยอทั้งหลายจะเงียบซาลงและแทนที่ด้วยการดูหมิ่นและการไม่ไว้วางใจ
‘แต่’
อลิซาเบธคิดกับตัวเองขณะที่จับมืออยู่
‘พอมาคิดดูว่า เขากล้าแทงตัวเองจนเครื่องในไหลออกมาแบบนั้น’
หลังจากอลิซาเบธจากไป ดันทาเลี่ยนที่อยู่ตามลำพังในสวน ก็ชักมีดออกมาแทงตัวเอง
มันไม่ใช่แผลที่แทงเพียงครั้งเดียว หากแต่แทงเกือบห้า ไม่สิ มากกว่าสิบครั้ง
ในสถานที่ที่โดดเดี่ยว ที่ไม่มีใครเฝ้ามองอยู่ เขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวด ร้องออกมาด้วยความทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อลิซาเบธถึงกับเย็นวาบยามเมื่อจินตนาการถึงภาพดังกล่าว
เขาจะแสดงสีหน้าแบบไหนออกมากัน ในขณะที่เจ็บจนขยับแขนขาไม่ได้?
ชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นเป็นอย่างไรกันถึงได้มีความสามารถในการแสดงได้ถึงขนาดนี้?
‘อ่าาา มันเป็นเช่นนั้น?’
และอลิซาเบธก็กลับมาสู่ข้อสรุปเดิมอีกครั้ง
‘ที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้เพราะเขาตระหนักว่าตัวเองนั้นอ่อนแอ’
งานประชุมจบลงอย่างนั้น
งานประชุมตัวแทนจากประเทศสาธารณรัฐถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด
* * *
ดวงตาของอลิซาเบธหันมองมาที่ผม ความเจ็บปวดรุนแรงทำเอาผมมองภาพมัวไปหมด
แต่ถึงอย่างนั้นอลิซาเบธเองก็มองเห็นทุกอย่างได้อย่างแจ่มชัด อ่านขาดในทุกอย่าง
น่าสนใจจริงๆ
เธอใกล้แล้วนะ,อลิซาเบธ
เธอเกือบจะได้เห็นอุปนิสัยและแผนการของผม แต่เธอยังช้าไปก้าวหนึ่ง
ผมน่ะไม่โง่พอที่จะเผยหน้าสู้กับเธอเต็มตัวหรอก
ผมไม่ใช่คนที่จะสู้ซึ่งๆหน้าแม้แต่กับเฮนริเอตต้า
แถมเธอยังน่ากลัวกว่าเฮนริเอตต้าถึงสามเท่า การเปิดตูดหนีไปเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ผมเลือกที่จะเล่นนอกกรอบ พลิกกระดาน
นักบุญหญิงเกือบตาย,การประชุมนี้ไม่เกิดมรรคเกิดผลอะไรขึ้นมา ในสถานที่ที่มนุษย์และปีศาจมารวมตัวกันใต้ธงสาธารณรัฐ
ซึ่งมันไม่มีทางที่จะเกิดได้อีกต่อไปแล้ว หรืออย่างน้อยๆก็ต้องโดนเลื่อนออกไป…….
อลิซาเบธ,เธออาจจะอ่านหมากตานี้ขาด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คงคิดไม่ถึงว่า ผมนั้นจะทำร้ายตัวเอง
เธอเข้าใจแล้วหรือยังล่ะ?
คนอ่อนแอไม่ใช่ผู้ที่หนีตลอดเวลา แต่หากเขาเป็นไม่มีทางเหลือรอดให้หนีอีกแล้ว
ผู้อ่อนแอคือ คนที่เชื่อว่าตัวเองยืนอยู่ที่ปลายขอบเหว
คือ คนที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดๆแล้วนอกจากหน้าผาตรงหน้า
นั่นแหละคือความหมายของการเป็นผู้อ่อนแอ…….
ไม่มีทางหรอกกับการที่เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอย่างเธอได้โดยไม่มีการยอมเสียสละ คุณต้องรู้จักสละแขนขาสักข้างไปบ้าง หรือไม่อย่างนั้นก็สมควรจะได้ประโยชน์จากการเอามีดแทงท้องตัวเอง
นี่กลายเป็นว่าผมทำร้ายตัวเองเป็นครั้งที่สองไปอย่างนั้นแล้วสินะ
ถึงตอนที่ผมขู่กามิกินจะใช้สมุนไพรยาชาแล้ว แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ใช้
นักเวทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการรักษานั้นอยู่รอบข้างเต็มไปหมด มีโอกาสสูงมากที่พวกนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่า ผมใช้ยาชา
พวกนั้นย่อมต้องสงสัยแน่ว่า ทำไมคนที่โดนทำร้ายนั้นถึงได้เตรียมยาชาไว้ก่อนล่วงหน้า ผมแทงท้องตัวเองโดยรู้สึกสัมผัสความเจ็บปวดที่ครบครัน…….
ทีแรกผมคิดถึงการใช้ตุ๊กตาของอิวาร์ ผมคิดว่าจะส่งเจ้าตุ๊กตานั่นกลับไปที่งานเลี้ยงขณะที่จัดการกับการระเบิด
การทำแบบนั้นจะกลายเป็นว่า มีเพียงอลิซาเบธคนเดียวที่หายไปในงานเลี้ยง การทำแบบนี้จะยิ่งทำให้เธอน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก
แต่ปัญหาก็คือ การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณรอบงานเลี้ยงนั้นเข้มงวดกว่าที่ผมคิดไว้
เห็นได้ชัดเลยว่า ไพมอนอุทิศแรงกายแรงใจลงในการประชุมครั้งนี้
ผมจึงไม่อาจลักลอบเอาตุ๊กตาเข้ามาได้เพราะทหารยามและนักเวทย์นั้นอยู่เต็มไปทั่วทุกหัวมุม
สุดท้ายแล้ว ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทำร้ายตัวเอง
มันเป็นการกระทำที่เฮงซวยมาก หากผมไม่มีพลังฟื้นฟูในฐานะจอมมารผมคงตายไปนานแล้ว
เอาจริงๆนะแม้แต่ตอนนี้ผมยังอยากสลบไปเลย
แต่เดี๋ยวก่อน ผมต้องการแขกผู้ชมผู้มีเกียรติ
…….ให้ตายเหอะ , ตาหนักชิบ
ผมมองไม่เห็นอลิซาเบธเลย
ในขณะที่ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด ผมกลับไม่รู้สึกความเจ็บปวดใดๆอีกอย่างน่าเหลือเชื่อ
(TTL : จะตายห่าอยู่รอมร่อ แต่ก็ยังคิดถึงอลิซาเบธ สมแล้วจริงๆ! )
“ท่านเค้าท์พาลาทีนครับ! ท่านไหวไหม!?”
สุดท้ายแล้ว ผมก็สลบไปตอนที่ผู้คนมากมายเข้ามาออกันใกล้ๆ
ผมที่เป็นตัวตนผู้มีชื่อเสียงในจักรวรรดิฮับบวร์ก
จึงเป็นปรกติที่ผู้คนทั้งหลายจะมาเสนอหน้าเสนอตาให้ผมรู้จักจดจำได้
“นักเวทย์ ,ท่านพาลาทีนอาการเป็นอย่างไรบ้าง!?”
“ผมพยายามสุดกำลังแล้วครับ
…… แต่มีพิษรอบปากแผล จริงอยู่ที่พลังการฟื้นฟูของท่านเค้าท์สูง แต่พิษนั้นก็คอยยับยั้งมันไว้”
นักเวทย์คนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ ผมได้ยินเสียงผู้คนก่นด่า
“พิษอย่างนั้นหรือ?”, “วิธีการต่ำช้าอะไรเช่นนี้”
ไม่เพียงแต่พยายามทำลายอาคารหากแต่ยังตั้งใจจะลอบสังหารอีกด้วย ราวกับโดนซัดทีเดียวสองคอมโบต่อเนื่อง
“พิษดังกล่าวขัดขวางความสามารถในการฟื้นฟูของท่าน ตามปรกติแล้วไม่มีผลกับมนุษย์ทั่วไปเลย ผมแน่ใจเลยว่า มือสังหารตั้งใจทำร้ายท่านเค้าท์ตั้งแต่แรกแล้ว”
“แย่แล้ว ข้าได้ยินว่า อาการของท่านนักบุญหญิงก็กำลังโคม่า หากเป็นเช่นนี้…….”
อย่าทำเรื่องใหญ่เกินไปเลยน่า อย่าห่วงไปเลย เจ้าพิษที่ว่าน่ะพัฒนามาเพื่อให้ผมอยู่ในสภาพโคม่าครึ่งเป็นครึ่งเท่านั้นนั้น ไม่แรงถึงขนาดเอาชีวิตผมได้หรอก
แถมเจเรมิยังเป็นคนทำยาพิษตัวนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองด้วย ถึงผมไม่ทำอะไรเลยต่อจากนี้…….ผมก็ไม่ตายอยู่ดี
“ทั้งคู่ต่างเป็นตัวตนที่สำคัญดั่งสะพานเชื่อมระหว่างมนุษยชาติกับเผ่าปีศาจ สิ่งนี้จะทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องโมโหโทโสขึ้นมาแน่
นักเวทย์!”
“ผมจะพยายามสุดกำลังครับ”
นักเวทย์ผู้น่าสงสาร ที่ต้องมาคอยดูแลอาการของผม
วิธีการรักษามนุษย์กับปีศาจนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
นักเวทย์คนนี้ต้องทุกข์ใจมากแน่ที่ต้องมารักษาจอมมาร ซึ่งเป็นอะไรที่เขาไม่เคยรักษามาก่อน
แถมหากผมเกิดตกตายไป เขามีหวังต้องโดนประหารด้วยแน่ๆ โถ ชายแก่ผู้น่าสงสารเอ๋ย
ผมรวบรวมคนมาได้พอแล้ว ถึงบทสุดท้ายของการแสดงของผมเสียที
“อุ่ก……อั่กกก…….”
“ท่านครับ! ท่าน ตื่นอยู่หรือครับ, ท่านครับ!?”
อย่าตะโกนสิโว้ย!
เจ็บกบาลเหมือนโดนฟาดแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว!
ไม่เคยมีใครสั่งใครสอนหรือไงวะว่าอย่าตะโกนข้างๆคนไข้น่ะ?
โลกนี้มันมีคนงั่งแบบนี้เยอะเกินไปแล้ว ปัญหาก็คือ ผมต้องใช้ประโยชน์จากคนงั่งพวกนี้ตอนนี้เสียด้วย
ผมจึงเปิดปากขึ้นพูด
“……หญิง”
ความเจ็บปวดมันดึงสติผมให้รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ไกลออกไป ดูเหมือนอาการจริงจะหนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
ผมเปล่งเสียงออกมาได้ไม่ชัด
ผมพยายามจดจ่อไปที่ลิ้นและปาก ราวกับทั่วทั้งร่างทำงานของมันเองตามอัตโนมัติ
“นักบุญหญิง…….เกิดอะไรกับนักบุญหญิง……?”
“……! นักบุญหญิงปลอดภัยครับ! เธออาจจะบาดเจ็บ แต่ไม่มีปัญหาครับ!”
ผมไม่รู้ว่า คนที่ตอบนั่นเป็นใคร แต่เขาก็ดูรีบที่จะตอบคำถามผม
คิดแบบนั้นมันตื้นเขินไปหน่อยหรือเปล่า มันจะไม่เป็นปัญหาอะไรแน่รึ?
เรื่องที่นักบุญหญิงได้รับบาดเจ็บเป็นปัญหาในตัวเองอยู่แต่ดูเหมือนเขาอยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร
ถึงจะโง่งั่งขนาดนั้นแต่ผมก็ทำได้แต่ยิ้ม
“อ้อ เหรอ…… ถ้าเช่นนั้นก็โล่งอกไปที”
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ผมปล่อยให้จิตสำนึกตัวเองที่พยายามประคองมานานล่องลอยออกไป สติสัมปชัญญะของผมเลือนจางไปอย่างรวดเร็ว
ถึงจะแกล้งทำเป็นอดทนต่อความเจ็บปวก แต่ตอนนี้มันยากเกินไปแล้ว
คนรอบข้างดูเหมือนจะแปลความหมายการกระทำไปตามความเข้าใจของตัวเองจึงตะโกนออกมา
“ทะ-ท่านครับ! ไม่นะ, ท่านต้องอยู่กับพวกเราก่อน!”
“ใครเป็นคนร้าย!? บอกพวกเราเถอะว่าใครเป็นคนทำให้ท่านเป็นแบบนี้!”
“ท่านครับบบบบบ!”
ไอ้โง่เอ๊ย ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าผมไม่ตายหรอก?
การมีอยู่ของพวกแกเนี่ยก็แค่พยานยืนยันว่า ผมน่ะเป็นห่วงนักบุญหญิง ในขณะีที่ตัวผมเองกำลังครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่จริงๆ
เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของผมเท่านั้น อย่าลืมเรื่องนี้เสียล่ะ…….
ภาพทั้งหมดเริ่มมืดมัวลง
เอาจริงๆนะ การเป็นจอมมารเนี่ย มันงานหินชะมัดเลย
MANGA DISCUSSION