บทที่ 289 – สงครามหุ่นเชิด (6)
‘ดะ-เดี๋ยวก่อน แม่สาว ข้าไม่อาจจัดการกับอกาเรสด้วยคนเดียวได้!’
‘ท่านไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไปหรอก’
ลอร่าพูดด้วยรอยยิ้ม
‘ท่านน่ะเป็นบุคคลที่น่าประทับใจผู้สามารถแสดงความไม่เคารพผู้บัญชาการธรรมดาๆคนหนึ่งได้มิใช่หรือ?
ถ้าเทียบกันแล้ว อกาสเรสอาจทรงพลังก็จริงแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแขกของบริททานี่ นางไม่คู่ควรกับท่านด้วยซ้ำ’
‘…….’
‘หรือว่า……ท่านจะไม่พอใจในความสามารถในการสั่งการของข้า แต่กลับไม่เชื่อมั่นในกำลังตัวเองที่จะจัดการกับแขกของศัตรูอย่างนั้นหรือ?’
เบเลธนั้นถึงกับเหงื่อท่วม
– ฉึบ
เขาหันมาหาผมด้วยแววตาที่ขอร้อง
เนื่องจากผมเดาได้ก่อนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงหันหน้าไปทางอื่น
เอ้อ จะว่าไป เต๊นท์นี้ใช้ผ้าและหนังเนื้อดีในการทำนะเนี่ย…….
ผมสงสัยจังว่า มันคงจะแพงน่าดูเลยล่ะ……?
– ฉึบ
เบเลธหันหน้าไปหาบาร์บาทอสแทน
แต่บาร์บาทอสไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนเพียงเพราะมีใครมองมาที่เธอ เธอจึงเอาแต่ฮัมเพลงขณะที่ก้มมองพื้น
ผมก็สงสารเขาเหมือนกัน ทั้งผมและบาร์บาทอสต่างรู้ว่า หากเป็นเรื่องแบบนี้ลอร่าจะใจแคบ
โดยปกติแล้วเธอจะไม่ใส่ใจ มองข้ามไป แต่หากเป็นคนที่ทำตัวเลวร้าย หรือล้ำเส้นแบบนี้เข้า
ตัวอย่างก็เช่นเธอเข้มงวดอย่างมากตอนที่บาร์บาทอสหายตัวไปหลังจากที่ทั้งสองมีเซ็กส์กัน
มันก็ตั้งแต่โบราณมาแล้วน่ะนะ ที่ผู้ชายฉลาดย่อมหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้หญิงต้องโกรธ
สีหน้าของเบเลธกลับกลายเป็นสิ้นหวังแทน เขาถูกทอดทิ้งจากทั้งพี่น้องของตัวเองและเจ้านายตัวเอง ดูเหมือนจะหมดหวังแล้วล่ะ
‘อืมนี่, ลอร่า~’
ใช่ว่าจะไม่มีนางฟ้าอยู่ในกองทัพจอมมารเสียเมื่อไหร่
‘คะ พี่สิตริ?’
‘ข้ายอมรับแหละว่า ตาแก่เบเลธนั้นน่ารำคาญ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้จริงๆที่จะไปเผชิญหน้ากับอกาเรสตามลำพัง
จะเป็นการเสียกำลังพลไปเปล่าๆด้วย ครั้งนี้ให้อภัยเขาเถอะ’
สิตริประสานมือแล้วทำตาวิ้งๆ
จอมมารตนอื่นถึงกับตกใจ สิตริเป็นหัวหอกของฝ่ายภูเขาส่วนเบเลธเป็นหัวหอกของฝ่ายที่ราบ
ทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเสมอ
หากให้คนเลือกว่าใครที่น่าจะสนับสนุนเบเลธน้อยที่สุด ทุกคนคงเลือกสิตริอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้น สิตริก็วางเรื่องส่วนตัวไว้ เธอยอมพูดแบบนั้นเพื่อพวกรวมกองทัพของเรา
‘……พี่สิตริพูดถูก’
ลอร่าถอนใจ ในเมื่อสิตริเป็นผู้พูดขึ้นมา ลอร่าจึงยอมถอยให้
‘จอมมารอกาเรสนั้นเป็นศัตรูที่ทรงพลังมาก นายพลเบเลธก็ทรงพลังก็จริงอยู่ แต่การเอาเขาไปชนกับนางคนเดียวถือว่าเปล่าประโยชน์
เราจะมาคุยกันเรื่องวิธีจัดการกับอกาเรสอีกทีในภายหลัง’
‘ขะ-ขอบคุณมาก, ท่านผู้บัญชาการการศึก’
เบเลธลุกขึ้นแล้วโค้งให้ ราวกับตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ ร่างกายของเขาชื่นมื่นด้วยความรู้สึกดี
ลอร่ารับคำขอโทษแบบไม่เต็มใจนัก
‘ไม่จำเป็นต้องดีอกดีใจอะไรนะ ฉันเชื่อว่าท่านรู้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญกับอะไร’
‘…….’
‘ฉันจะเลื่อนการประชุมออกไปก่อน ระวังความเคลื่อนไหวของศัตรูด้วย’
ลอร่ายืนขึ้น จอมมารตนอื่นก็ลุกขึ้นพร้อมเพรียงกัน เมื่อลอร่าออกจากห้องจอมมารทั้งหลายก็วันทยหัตถ์ให้
ณ ตอนนั้นเองที่อำนาจของผู้บัญชาการการรบกลับมามั่นคงอีกครั้ง
‘อะแฮ่ม อะแฮ่ม อืมม สิตริ’
เบเลธเข้าหาสิตริอย่างระวัง
สิตริกลับเอียงคอสงสัย
‘อะไร, เจ้าหมูป่าเซ่อซ่า?’
‘……ก่อนหน้านี้ขอบใจมาก’
สิตริขมวดคิ้ว
‘อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้จะช่วยเจ้า ตั้งแต่เริ่มยันจบเจ้าเอาแต่ส่งเสียงอู๊ดๆโง่ๆหนวกหู’
‘วะ-ว่าไงนะ?’
‘มีหวังแกได้ตายอย่างหมาใต้ง้าวของอกาเรสตั้งแต่เหวี่ยงแรกแล้วด้วย ถ้าขืนส่งแกไปเผชิญหน้ากับนางคนเดียว
ได้ยินว่าครั้งที่แล้วก็เสียแขนขวาไปทันทีที่บุกทะเล่อทะล่าเข้าใส่นางเลยนี่
ก็พอเข้าใจได้สำหรับไอ้หมูเซ่อซ่า’
สิตริแลบลิ้นใส่เขา เส้นเลือดบนหน้าผากเบเลธโหนกนูนขึ้นมา
‘ไม่ใช่เหวี่ยงแรก……ข้าทนได้อย่างน้อยก็ยี่สิบครั้ง’
‘แหงล่ะ จอมมารที่เผชิญหน้ากับอกาเรสมีนับได้ มีแก มีข้า และมีไม่กี่คน
มันคงจะโคตรของโคตรจะปราบง่ายสำหรับข้าเลยว่ะ หากคนอย่างแกยังทนได้ถึงยี่สิบครั้งน่ะ
นี่แหละสาเหตุที่ข้าขอให้ลอร่าเลิกสนใจเจ้าเสียที เลิกฝันกลางวันว่าตัวเองสำคัญได้แล้วนะ ไอ้ขันทีเอ๊ย’
สิตริหัวเราะขณะเดินออกจากเต๊นท์ จอมมารฝ่ายภูเขาตนอื่นๆก็หัวเราะคิกคัก ตามหลังสิตริไป
เบเลธก้มหัว ไหล่สั่นเทาไม่หยุด
ผมแอบตีเนียนกับจอมมารตนอื่นๆแล้วออกจากเต๊นท์ไปด้วย
แน่ล่ะ เสียงพี่เบเลธคำรามดังก้องอยู่ด้านหลังผม
‘อ๊ากกกกกกกกก! วันหนึ่งข้าจะหั่นแกเป็นสองท่อน นังกะหรี่!’
นั่นก็เป็นเหตุการณ์รายสัปดาห์ที่เกิดขึ้นในช่วง 15 วัน
ลอร่าจัดการบริหารความขัดแย้งภายในพร้อมทั้งคาดการณ์ตำแหน่งกองเสบียงของศัตรู
เธอตั้งเป้าให้ชัดว่าต้องการอะไรแล้วรวบรวมสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เป้าหมายลุล่วง
ทั้งภายในและภายนอก การที่ด้านใดด้านหนึ่งเสียหายพังไปย่อมนำไปสู่การแพ้สงคราม
ดังนั้นแล้ว ลอร่าจึงไม่ปล่อยให้ช่วงเวลา 15 วันนั้นต้องเสียไปเปล่าๆ
“เรื่องพี่เบเลธ เจ้าไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายกับเขามากไปหน่อยรึ?”
“มันเป็นความใจร้ายที่จำเป็นค่ะ ฉันไม่อยากได้เจ้าโง่ที่ต่อต้านผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ไม่สำคัญว่า ทหารคนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน”
ลอร่าตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทั้งฝ่าบาทบาร์บาทอส,ไพมอน และท่านมาร์บาส ต่างให้การสนับสนุนหญิงสาวผู้นี้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่กับจอมมารตนอื่นๆ
พวกนั้นย่อมต้องสงสัยความสามารถในการบัญชาการของฉัน
ทำไมพวกเราต้องไปฟังคำสั่งจากมนุษย์ด้วยล่ะ?
ไม่สงสัยเลยว่า จะต้องมีบางคนคิดอย่างนั้นอยู่แน่”
“ข้าเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนั้นได้เช่นกัน”
ผมยิ้มให้อย่างเจ็บปวด
พวกจอมมารน่ะเป็นพวกที่เต็มไปด้วยความยโสถือดี เจ้าพวกนั้นไม่ยอมรับฟังคำสั่งของเด็กสาวแม้หัวหน้าฝ่ายจะรับรองอำนาจเธอแล้วก็ตาม
ประวัติศาสตร์นับพันปีของการฆ่าล้างกันไปมาระหว่างปีศาจกับมนุษยชาติ
บาดแผลที่ฝังลึกระหว่างสองเผ่านั้นยากเกินที่ใครคนหนึ่งจะคาดได้…….
“ใช่ว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะ
แต่ความเข้าใจในเรื่องนั้นเป็นสิ่งไม่จำเป็นในการสงคราม”
ลอร่ามองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตาสีฟ้า
“สิ่งที่สำคัญคือ ประสิทธิผลของคนๆนั้น
ฆ่าให้มากขึ้น ฆ่าอย่างมีประสิทธิภาพและฆ่าได้อย่างสงบเยือกเย็น
พวกเราต้องหยั่งไปถึงศักยภาพที่สามารถเผชิญต่อการฆ่าล้างเช่นนั้นได้”
“นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เจ้าตั้งใจจะทำให้พี่เบเลธระเบิดด้วยความโกรธแต่แรกแล้วสินะ?”
“แน่นอนค่ะ”
ลอร่าตั้งใจจะไม่อธิบายแผนการใดๆให้กับเหล่านายพล
เช่นว่า ทำไมพวกเราถึงไม่ทำอะไรแล้วปล่อยให้เสบียงฝ่ายเราโดนปล้นไปง่ายๆ?
ทำไมพวกเราถึงได้เตรียมแผนการรบระยะยาวทั้งที่จริงๆต้องการรบระยะสั้น?
และทำไมพวกเราถึงได้สร้างท่าเรือแทนที่จะสร้างป้อมปราการ……?
พวกนายพลทั้งหลายต่างไม่เข้าใจในเรื่องนั้น จึงทำให้กังวลใจกันมาก
พี่เบเลธเองผู้มีอุปนิสัยเหมือนดั่งภูเขาไฟ ย่อมต้องระเบิดปะทุขึ้นมาก่อน การที่ลุกขึ้นมาต่อว่าอย่างนั้นมิใช่เรื่องบังเอิญหากแต่เป็นความจงใจที่ลอร่าตั้งใจกำกับให้ผลออกมาเป็นอย่างนั้น
“หมดจดมากเลยล่ะ,ลอร่า
เจ้าไปเรียนการวางแผนแสนชั่วร้ายแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันน้า?”
“ชายที่ตัวฉันรับใช้อยู่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ค่ะ
อยู่ข้างกายเขาฉันเองก็ซึมซับมาบ้างสักอย่างสองอย่าง
เขาช่างเป็นเจ้านายผู้ชั่วร้ายที่ยอดเยี่ยม”
ผมก็ยังคงเถียงไม่ชนะเธอเหมือนเคยเลย……. เศร้าใจชะมัด
วันที่เถียงชนะลูกน้องคงจะไม่มีวันมาถึงเป็นแน่
ในคืนนั้นเอง ชะตาชีวิตของเธอพลิกผัน
เด็กสาวที่โกรธแค่เพียงคำยั่วยุแหย่เบาๆของผมและพยายามที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย
กลายเป็นผู้บัญชาการ อายุ 20 ปี ที่ควบคุมทหาร 50,000 นาย อยู่ต่อหน้าผมตอนนี้
ตอนนั้นเองที่ผมสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่มือขวาตัวเอง พอมองลงไปก็เห็นมือซ้ายของลอร่า
“ตัวฉันไม่ได้น่าประทับใจหรอกค่ะ”
เธอพูดทั้งที่ยังมองออกไปเบื้องหน้า
“ฉันเกิดมาในตระกูลดยุค และโดนกักอยู่ในห้องเล็กๆถึง 15 ปี
สิ่งเดียวที่ฉันได้รับก็คือ คุกที่ชื่อว่า ห้องสมุด
ตัวฉันนั้นถกปรัชญาและประวัติศาสตร์กับตัวเองและปลอบประโลมใจอยู่ในโลกใบที่ฉันสร้างขึ้น”
ท้องฟ้ายามราตรีนั้นกลับฉายสว่าง นักเวทย์ฝ่ายบริททานี่ยิงลูกบอลแสงขึ้นไปในอากาศ
มันช่วยให้ความสว่างในสนามรบขึ้นมา
บริททานี่โถมเข้ามาทั้งกองทัพราวกับคลื่นลูกใหญ่
“ฉันที่เคยเป็นทาสกาม หลังจากออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มันดูน่าตลกดี?
ตอนที่ฉันเป็นชนชั้นสูงฉันก็ถูกกักขังไว้ในบ้าน พอฉันคิดว่าในที่สุดจะได้เป็นอิสระเสียทีฉันก็กลายเป็นทาส
ฉันเคยเชื่อว่า นั่นเป็นชะตากรรมของหญิงสาวผู้นี้ และไม่มีวันที่จะได้รับอนุญาตให้มีอิสระได้อีกต่อไป”
แด่บริททานี่! ความรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์ราชินี!
เสียงของทหารจำนวนมากตะโกนดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้า เสียงฝีเท้าม้าย่ำเหยียบจนพื้นสนั่นสั่นไหว
ทหารม้าพุ่งเข้าชาร์จในขณะที่ถือหอกด้ามยาวผิดปกติ
ผู้บัญชาการเหล่าทัพคอยสั่งการทหารอย่างใจเย็น
ออร์คทั้งหลายต่างพุ่งหอกแหลนหลาวออกไป
“ท่านรู้ไหมคะ? ชีวิตของฉันนั้นเปล่งประกาย ณ ตั้งแต่ตอนที่เจอกับนายท่าน”
หอกขว้างทะลวงร่างของเหล่าอัศวิน
ร่างกายของพวกเขาม้วนพับลงไม่ต่างจากกระดาษก่อนจะร่วงลงสู่ผืนดิน
ร่างที่ร่วงไปก็ถูกบดขยี้ด้วยเกือกเท้าม้าศึกที่ตามหลังมา
อัศวินทั้งหลายยังคงพุ่งชาร์จเข้ามาต่อโดยไม่สนใจสหายศึกที่ตายไป
“ไม่สำคัญว่า โลกใบนี้จะประณามหยามท่านว่าอย่างไร
ตัวตลกผู้ชั่วร้าย,ชายผู้ดูถูกโลก,หรือจะเป็นขยะ ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเรียกท่านว่าอย่างไร
ท่านก็ยังคงเป็นนายท่านของหญิงสาวผู้นี้เสมอ”
“…….”
“จวบจนลมหายใจสุดท้าย เกียรติยศของฉันจะเป็นของท่าน ความสำเร็จทุกสิ่งอย่างที่ฉันได้รับจะเป็นของท่านเช่นกัน”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมเลือกที่จะบีบมือซ้ายของเธอแน่นขึ้น
พลางมองไปยังสนามรบที่อยู่ห่างออกไป
“ลอร่า ,ข้าต้องการชัยชนะ”
“หากนั่นเป็นสิ่งที่นายท่านปรารถนา ตัวฉันจะนำชัยชนะมาให้ท่านนับร้อยครั้ง”
เธอตอบผมกลับมาในทันที
“ข้าอยากเห็นราชินีเฮนริเอตต้าจมจ่อมอยู่ในความสิ้นหวัง”
“ดอกลิลลี่สีดำต้องถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้น โดยไม่เหลือซากใดทิ้งไว้หลังจากล่มสลาย”
“ข้าปรารถนาให้อกาเรสตาย”
“อื้มมม ฉันหวังว่า อย่างน้อยนายท่านจะให้มอบหัวกระโหลกของนางให้เป็นของขวัญนะคะ”
“ฟุหึ”
เสียงหัวเราะเล็ดรอดจากริมฝีปากของผม
ผมกุมมือลูกน้องผู้เก่งกาจคนนี้ได้ เธอนี่ไม่ต่างจากสูตรโกงเลยจริงๆ
กองทัพทั้งสองเข้าปะทะกัน หอกและแหลนต่างเข้าชน
การปะทะของทหารม้าไม่บังเกิดผลเท่าไหร่นัก นั่นก็เพราะพวกเราทำคูสนามเพลาะเพื่อเตรียมการตั้งรับเจ้าพวกนั้นไว้ก่อนแล้ว
เราทำตัวเหมือนเม่นที่สลัดหนามหอกออกมาจากสนามเพลาะ
อัศวินไม่สามารถหามุมพุ่งใส่พวกเราได้ จึงไม่อาจใส่สุดเต็มกำลัง
เวสซาโก้เป็นผู้ขุดคูสนามพวกนี้ริมฝั่งแม่น้ำที่พวกเราต้องข้าม
เวสซาโก้นั้นใช้ราชาภูตแอบขุดหลุมขุดคูพวกนี้ในระหว่างที่พวกเราประจันหน้าตรึงกำลังกับศัตรูมา 15 วัน เขาเอาแต่ทำหน้าบูดบ่นนู่นบ่นนี่ว่า พวกเรากล้าใช้งานอดีตจอมมารลำดับ 3 ที่ควบคุมราชาภูตมาขุดดินได้ยังไงกัน
ถึงจะบ่นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตาแก่นั่นก็ยังทำงานที่เรามอบหมายไว้ให้เป็นอย่างดี
อาจเพราะเขารู้ว่า สถานการณ์ตอนนี้มันเสี่ยงอันตรายขนาดไหน โถ ช่างเป็นเด็กดีเสียเหลือเกิน นี่แหละน้า ทำไมคนเราถึงสมควรรู้จักฐานะหน้าที่ของตัวเองเสียบ้าง
อัศวินพวกนั้นพยายามพุ่งเข้ามาถึงสามครั้ง แต่ทุกครั้งก็แบกหอกมาสูญเปล่า
ทหารยังคงล้มตายจากหลังม้าขณะที่โดนหอกขว้าง
ทั้งหลุมและหอกขว้างของพวกเรา เป็นการหยุดการรุกของศัตรูได้เป็นอย่างดี
ราชินีเฮนริเอตต้าเองก็คงร้อนใจอยู่
จนถึงตอนนี้กองทัพของฝ่ายเรายังคงข้ามแม่น้ำด้วยสะพานและท่าไม้
หากพวกเราข้ามแม่น้ำเสร็จ กองทัพทั้งหลายของศัตรูก็หมดบทบาทลงโดยสิ้นเชิงและนั่นเป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการเลี่ยงเป็นที่สุด
เฮนริเอตต้าจึงชักไพ่ตายออกมาใช้
“เอาล่ะ นางมาแล้ว”
“ข้าเห็นตัวแล้วล่ะ”
แม้จะเป็นในตอนกลางดึกอย่างนี้ แต่ออร่าสีแดงฉานสว่างราวกับกลางวัน
วันแมนอาร์มี่ ที่ถือง้าวขี่หลังหมาป่าตัวใหญ่เข้ามาใกล้—
จอมมารอกาเรสกำลังมา
MANGA DISCUSSION