บทที่ 278 – การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(6)
* * *
บรรยากาศตึงเครียดเข้าครอบงำห้องประชุมในปราสาท
เหล่านายพลทั้งหลายต่างนั่งเงียบ
ขณะที่ทุกคนต่างกำลังทำหน้ามืดหม่นราชินีเฮนริเอตต้าก็ถอนใจออกมา
“ข้าต้องขอโทษด้วย พวกนั้นนำหน้าพวกเราไปหนึ่งก้าว”
ท่านผู้นำอลิซาเบธส่ายหน้า
“ไม่มีความจำเป็นที่ใครจะต้องมาขอโทษ
ข้าก็ผิดเองที่ไม่อาจอ่านเจตนาของอีกฝ่ายออก…….”
นั่นเป็นภาพที่หาได้ยากยิ่งในห้องประชุม
โต๊ะที่ครึ่งหนึ่งเป็นเหล่าผู้ติดตามของฝ่ายบริททานี่ ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งนั้นเป็นลูกแก้วเวทย์ 20 ลูกกำลังฉายภาพ ดูราวกับเหล่าผู้ติดตามท่านผูนำฝ่ายสาธารณรัฐฮับบวร์กก็นั่งอยู่ที่ตรงนั้นด้วย
เฮนริเอตต้ากดข่มความหงุดหงิดใจไว้แล้วพูดขึ้น
“รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก อย่างนั้นหรือ ,อลิซาเบธ นั่นเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆใช่ไหม?”
“……ว่ากันตามตรางแล้ว ไม่มีทางรู้ได้เลย
ถึงอย่างนั้นก็รู้กันทั่วว่า บาร์บาทอสนั้นมีความชำนาญในเวทย์มนตร์ดำ
การควบคุมศพนั้นเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับนาง”
เฮนริเอตต้ายิ้มหยัน
“พวกเราโดนนำหน้าไปหนึ่งก้าวโดยซากศพร่างเดียว
ใช้ศพมาเป็นหนึ่งในแผนการชั่ว สมกับเป็นพวกจอมมารจริงๆ”
ความเงียบงันในห้องกลับยิ่งหนักอึ้ง
เก้าอี้มีทั้งหมด 17 ที่นั่ง สองชาติต่างแบ่งความดีความชอบดัน ดังนั้นแล้ว 17 คนทั้งหมดที่มาประชุมกันต่างเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ
เหล่าบุคคลทั้งหลายกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง
“ฮึ่ม”
เฮนริเอตต้าแสดงความไม่พอใจออกมา
เธอประสานนิ้วเข้าด้วยกันขณะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“บัทตาเวียและเมืองอิสระทั้งหลายต่างอยู่ฝ่ายเดียวกับกองทัพจอมมาร เจ้าพวกนั้นมันวางแผนอะไรกันอยู่?”
“……ในกลุ่มของพวกสาธารณรัฐนิยมต่างเชื่อว่า การลุกขึ้นสู้กับจอมมารเป็นแผนชั่วร้ายของพวกชนชั้นสูง”
อลิซาเบธค่อยๆพูดด้วยความระวัง
“การปลุกปั่นยุยงฝูงชนนั้นจะทำให้ชนชั้นสูงสามารถรักษาฐานะของตนต่อไปได้,และสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าจำเป็นต้องมีคือ การก่อสงครามกับพวกจอมมาร
พวกนั้นยังเชื่ออีกด้วยว่า สมควรที่จะร่วมมือกับอีกฝ่ายไม่ว่าฐานะและเชื้อชาติของอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร นั่นจึงจะสมเป็นนิยามความหมายของการเป็นชาวสาธารณรัฐนิยม”
“เจ้าฝันร้ายแห่งบรูโน่”
“ฝีมือหมอนั่นล่ะ”
อลิซาเบธพยักหน้า
สิ่งที่ดันทาเลี่ยนได้ประกาศก้อง ณ ที่ราบบรูโน่ในช่วงสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้นครอบงำเหนือตรรกะของชนชั้นปกครอง
อิทธิทางความคิดของเขายังคงมีอำนาจจวบจนถึงวันนี้
ราชินีเฮนริเอตต้ายิ้มอย่างถากถาง
“หืมมม ก้าวข้ามสถานะและเผ่าพันธุ์งั้นรึ?
เจ้าพวกนั้นไม่ได้ตระหนักเลยสินะ ว่าจะปลุกปั่นทางการเมืองไปเพื่ออะไร?
ต่อให้การแบ่งแยกชนชั้นเชื้อชาติหายไป ก็จะเกิดสถานะและการแบ่งแยกแบบใหม่ปรากฏขึ้น และต่อสู้กันอีกอยู่ดี
มนุษย์เรามันก็อย่างนั้นแหละ ไอ้พวกนั่นมันโง่งมเสียนี่กระไร”
“แต่มันก็เป็นความจริงที่เราต้องอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็พวกคนโง่พวกนั้นนั่นแหละ”
อลิซาเบธไม่ได้เห็นด้วยกับมุมมองเพื่อนของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้คัดค้าน
“เร็วๆนี้ชนชั้นในสูงในประเทศข้า เริ่มมีปากมีเสียงขึ้นมา
สิ่งที่พวกเขาพูดๆกันก็คือ
นี่ถ้าหากเป็นมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟ ป่านนี้เขาอาจจะไปกวาดล้างพวกจอมมารแล้วก็ได้?
พวกเขานั้นยังหวังถึงจักรวรรดิที่จะกลับมาอีกครั้งมิใช่สาธารณรัฐ”
“แล้วทำไมเธอไม่กวาดล้างเจ้าพวกนั้นให้สิ้นซากไปเลยล่ะ?”
“ข้าก็อยากทำเช่นนั้น…….”
อลิซาเบธถอนใจอย่างอ่อนแรง
พอมาคิดๆดูแล้ว ช่วงนี้เธอถอนใจบ่อยกว่าที่เคย
เธอนั้นเคยเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสีหน้าต่างเฉิดฉายด้วยความหวังและความแน่แน่ว
แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มันทำให้ภาพเหล่านั้นกลับกลายเป็นเพียงความทรงจำในวันวาน ทำไมมันถึงได้ดูห่างไกลเช่นนี้กันนะ?
ณ ห้วงเวลาน้้นเธอยังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิอันสดใสผลิบานของวัยรุ่น
เธอไม่เคยคิดกังวลสงสัยตัวเองในเรื่อง ปฏิรูปจักรวรรดิเลยด้วยซ้ำ
แต่หลังจากจักรวรรดิล่มสลายและตกต่ำลงเรื่อยๆ
ฤดูร้อนปีนั้นเต็มไปด้วยความแห้งแล้งกันดารด้วยน้ำมือของดันทาเลี่ยน…….
“ความเห็นของสามัญชนส่วนใหญ่กลับให้การสนับสนุนชนชั้นสูงในไฮเดลเบิร์ก
ถึงพวกนั้นจะไม่ได้มีอำนาจอยู่ในมือก็จริง แต่อิทธิพลพวกนั้นก็เข้มแข็งพอที่จะทำให้ความเห็นของผู้คนส่วนมากไขว้เขวได้
มีโอกาสที่ความเห็นคนส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางที่ไม่เป็นผลดี”
ถูกแล้วแหละ แม้แต่เรื่องนี้ก็เนื่องมาจากดันทาเลี่ยนด้วยเช่นกัน
เรื่องราวเบื้องหลังที่ผู้คนยอมทิ้งชีวิตตนเพื่อปกป้องเมืองในชื่อที่ว่า ‘ผู้คนทั้งหกแห่งไฮเดลเบิร์ก’ เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก
โด่งดังขนาดที่พวกนักดนตรี นักกวีพเนจรทั่วทั้งทวีปต่างขับร้อง
เรื่องราวนั้นเกี่ยวกับนายกเทศมนตรีไฮเดลเบิร์กเป็นดั่งตัวแทนทหารผู้ขี้ขลาดและละโมบ ในขณะที่ชนชั้นสูงทั้งหกเป็นดั่งตัวแทนความสูงศักดิ์และตัวตนอันยอดเยี่ยม
เหล่าชนชั้นสูงที่ยอมนิ่งเงียบมานานหลายต่อหลายปี แม้แต่ตอนที่เจ้าชายลำดับ 2 ของจักรวรรดิ อย่างเจ้าชายเฟอร์ดินานถูกประหารอย่างโหดเหี้ยม
พวกชนชั้นสูงบางส่วนที่โดนกวาดล้างไปช่วงนั้นได้แสดงสัญญาณแห่งการปฏิวัติขึ้นมา
ว่าง่ายๆ เหล่าชนชั้นสูงนั้นได้โอกาสเป็นครั้งแรกในรอบหลายต่อหลายปี
ตลอดเวลาที่ผ่าน ดันทาเลี่ยนได้ประสานงานกับกองทัพพวกนั้นในช่วงสถานการณ์ที่คับขัน
ซ้ำร้าย เหล่าชนชั้นสูงยังสนับสนุนการกระทำของดันทาเลี่ยนอีกด้วย…….
ทั้งหมดนี่มันออกจะเกินความบังเอิญมากไปหน่อยไหม?
‘มันสมบูรณ์แบบเกินกว่าจะใช้คำว่า บังเอิญได้อีกแล้ว……
แถมระดับเหตุการณ์มันยังยิ่งใหญ่เสียจนไม่อาจพูดได้ว่า มันเกิดขึ้นจากคนเพียงคนเดียว
ความเป็นไปได้ที่ว่านั้นมันไม่สมเหตุสมผลเลย’
แต่จะเกิดอะไรล่ะ ถ้าหากทั้งหมดเป็นความปรารถนาของดันทาเลี่ยนขึ้นมาจริงๆ?
แล้วแผนการนี้มันเริ่มขึ้นตอนไหนกัน?
เมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มให้การสนับสนุนชนชั้นสูงในไฮเดลเบิร์ก?
เมื่อไหร่กันที่เขาไปติดต่อกับสาธารณรัฐบัทตาเวีย?
ก่อนจะเริ่มสงครามอีกอย่างนั้นหรือ?
หรือย้อนกลับไปตั้งแต่ที่เขาเริ่มสร้างตัวตนปลอมๆอย่าง จอน โบล ในช่วงสงครามกลางเมืองฟรานเคียกันแน่?
แล้วทำไมพวกเมืองอิสระถึงได้เห็นด้วยกับแผนการของดันทาเลี่ยนล่ะ?
เมื่อสามถึงสี่ปีก่อนหน้า ที่เมืองเหล่านั้นลุกขึ้นประกาศอิสระภาพตัวเองจนรู้ไปทั่วทั้งทวีป
อลิซาเบธและระดับสูงของฮับบวร์กตอนนี้ต่างดีอกดีใจเพราะพวกเขาคิดว่าเป็นความสำเร็จในการทำการปฏิวัติครั้งใหญ่
พวกเขาดีใจยิ่งเพราะนั่นหมายถึง อำนาจของกลุ่มประเทศสาธารณรัฐจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
……แต่ หากมันจะมีโอกาสสัก0.1% แล้วถ้าหากความสำเร็จนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นจากพวกเขาล่ะ?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้านั่นเป็นแผนการของดันทาเลี่ยนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการประกาศอิสระภาพของเมืองพวกนั้นล่ะ?
หรือการที่พวกนั้นไม่สามารถกลายเป็นสาธารณรัฐนั้นก็เนื่องมาจากดันทาเลี่ยนแต่แรกแล้ว?
ดันทาเลี่ยนได้วางแผนการใหญ่โตขนาดนี้—แผนการที่จะนำบัทตาเวียและเหล่าเมืองที่เป็นอิสระเพื่อทำให้ฟรานเคียล่มสลาย—ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือ?
‘บ้าน่า มันไม่มีทาง’
ถูกแล้วล่ะ ต่อให้เป็นดันทาเลี่ยน ก็ไม่มีทางที่บุคคลคนเดียวจะสามารถขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ได้ขนาดนี้
อลิซาเบธเชื่อว่า เธอคงคิดมากไปเอง
แต่ถึงอย่างนั้น เธอกลับรู้สึกเหมือนว่า ตัวเองกำลังจมอยู่ในบึงโคลนดูดที่เธอไม่อาจล่วงรู้ด้วยซ้ำว่า แผนการของดันทาเลี่ยนนั้นจะไปสุดที่ตรงไหน…….
อลิซาเบธนวดขมับ
“……ตราบใดที่บัทตาเวียและเมืองอิสระยังคงอยู่ฝั่งนั้น สาธารณรัฐฮับบวร์กก็ไม่อาจลงสู้ศึกได้เต็มตัว
หากเราเป็นพันธมิตรกับเธออย่างเปิดเผย สาธารณรัฐประเทศอื่นก็จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรา”
“ข้าเข้าใจแล้ว พวกชาติสาธารณรัฐอื่นต่างเชื่อว่า เธออยู่ฝั่งพวกเขา ก็พอสมเหตุสมผลอยู่”
เฮนริเอตต้าฝืนหัวเราะออกมา
“อลิซาเบธ,ข้ารู้สึกเหมือนว่า แผนนี้จ้องเล่นงานไปที่เธอไม่ใช่ข้านะ”
“…….”
“ดูเหมือน นายฝันร้ายแห่งบรูโน่จะหวาดกลัวเจ้ามากกว่าข้าเสียอีก
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ดี การวุ่นยุ่งกับอะไรไม่สลักสำคัญอย่างการประกาศความชอบธรรมนั้นก็ไม่ใช่วิถีของข้าอยู่แล้ว”
เฮนริเอตต้าหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้ววางมันลงบนโต๊ะ เธอหยิบเอาแหวนวงสวยมาวางไว้
มันเป็นแหวนที่เป็นดั่งตัวแทนอันชอบธรรมชอบผู้บัญชาการสูงสุดของฟรานเคียซึ่งจะเป็นสิ่งที่แหวนที่องค์จักรพรรดิเท่านั้นที่สวมใส่ได้
และความจริงที่ว่า ผู้ที่ปกครองฟรานเคียในขณะนี้คือ ราชินีเฮนริเอตต้ามิใช่จักรพรรดินั้นก็ต่างรู้กันทั่ว
อลิซาเบธเลิกคิ้วขึ้น
“เฮนริเอตต้า, ทำไมเธอถึง……?”
“เมื่อคืนที่ผ่านมา เฮนรี่,จักรพรรดิแห่งฟรานเคียล้มป่วยลง”
เฮนริเอตต้ายิ้มรับ
“เรื่องอาการป่วยนี้มีรู้กันอยู่ไม่กี่คน ดังนั้นแล้วจักรพรรดิจะยังคงจัดการปัญหาวุ่นวายภายในชาติต่อไป”
“…….”
เหตุใดอยู่ๆผู้นำประเทศฟรานเคียก็ล้มป่วยเอาตอนนี้?
รอยยิ้มของเฮนริเอตต้านั้นเป็นคำตอบที่เพียงพอจะทำให้สำหรับเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องตัวสั่น
“หากข้าปล่อยให้ตัวเองต้องถูกหยุดด้วยการอ้างความชอบธรรม สิ่งที่ปรารถนาก็ไม่มีทางตกอยู่ในมือของข้า
ประเทศบริททานี่อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรย่อมไม่มีวันออกจากการเป็นประเทศริมคาบสมุทร และเหยียบย่างเข้าสู่ใจกลางทวีป
อลิซาเบธ,ความชอบธรรมนั้นมีไว้เพื่อบุคคลที่ไม่อาจเอาชนะได้ด้วยกำลังตน”
เฮนริเอตต้าลุกขึ้นยืน เมื่อเธอลุก สมาชิกของฝั่งบริททานี่ทุกคนต่างลุกขึ้นพร้อมเพรียงกัน
นายพลข้างกายเฮนริเอตต้าช่วยเธอสวมผ้าคลุมสีแดง ในขณะที่ข้ารับใช้คนอื่นๆยื่นไปป์ให้กับเธอ
เฮนริเอตต้าสูบไปป์
“ความแข็งแกร่งนั้นเป็นที่สุด ไม่สำคัญด้วยซ้ำว่า ฝันร้ายแห่งบรนูโน่จะใช้หัวสร้างความชอบธรรมหรือแผนการตัวแทนอย่างไร
หากพวกเราชนะ ทุกอย่างที่เจ้านั่นทำมาก็ล่มพังไม่ต่างจากปราสาททราย
หากเขาต้องการสงคราม? ข้าก็ยินดีจะร่วมลงฟลอร์เต้นรำไปด้วยกัน”
เมื่อพูดจบเฮนริเอตต้าก็ออกจากห้องไป เหล่านายพลทั้งหลายก็ตามหลังไปด้วย
เสียงย่ำเท้ายังคงสะท้อนดังก้องในห้องประชุมไม่นานหลังจากพวกเขาออกไป
ลูกแก้วเวทย์มนตร์ดับลง
ในบรรดาเจ้าหน้าที่ของฝ่ายฮับบวร์ก เคิร์ซพูดขึ้นก่อน
“เอ่อ ฝ่าบาท ถึงเราจะไม่อาจเข้าร่วมกับการรบในครั้งนี้แต่ กองทหารของบริททานี่ก็ได้ชื่อว่า เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป
แม้ข้าไม่แน่ใจในัก แตน่พวกเขาเองก็ยังมีจอมมารที่ชื่อว่า อกาเรสอยู่ด้วยมิใช่หรือครับ?
ข้าไม่เห็นเหตุผลที่เราจะต้องมองโลกในแง่ร้ายเช่นนั้นเลย”
นายพลอื่นต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เหล่าอัศวินพวกนั้นเป็นดั่งสัตว์ประหลาดก็จริง แต่ทหารของบริททานี่นั้นเป็นยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดเสียอีก
จำนวนทหารม้ารวมถึงพลเดินเท้าของพวกนั้นมีกำลังเหนือชาติอื่น
แต่ถึงอย่างนั้นอลิซาเบธกลับส่ายหัว
“เจ้าไม่รู้ เฮนริเอตต้าก็ไม่รู้
ถึงตอนนี้เฮนริเอตต้าจะพูดออกมาว่า เธอเป็นผู้เริ่มสงคราม
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
สงครามน่ะมันเริ่มต้นมานาน นานมากแล้ว…….”
อลิซาเบธถอนใจออกมา
“พวกเราอาจจะเป็นพันธมิตรกับบริททานี่ในสงครามครั้งนี้
ซึ่งนั่นก็เป็นกองทหารทั้งหมดของพวกเราแล้ว
แต่ฝ่ายศัตรูกันเล่า?
เราคิดว่า น่าจะเป็นทั้งกองทัพจอมมารทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ”
“…….”
“มันมากลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?
พวกเรากลับถูกดึงออกจากการรบครั้งใน ขณะที่ฝ่ายศัตรูมีกองทหารสาธารณรัฐอื่นและเมืองอิสระทั้งหลายเข้าร่วม
เราเบือนสายตาไปทางอื่นเพียงชั่วครู่ก็จบลงแบบนี้เสียแล้ว”
ศัตรูนั้นได้ระดมกำลังพลเพิ่มจำนวน ในขณะเดียวกันก็ตัดทอนกำลังพลของฝ่ายเราโดยไม่เสียเลือดสักหยด
หากเป็นในแง่ของยุทธศาสตร์แล้ว แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นชั้นเชิงอุบายที่ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเป็นที่สุด
“สำหรับเฮนริเอตต้า สงคราม คือ การต่อสู้ที่แท้จริงของเธอ
การเจรจาต่อรอง และความชอบธรรมนั้นเป็นเพียงแค่สิ่งหนุนเสริมในสงคราม
แต่ฝ่ายศัตรูนั้นคิดกลับกัน
การสู้รบนั้นเป็นเพียงการขยายขนาดของสงคราม
พวกมันเป็นเหมือนบทสรุปของสงครามด้วยซ้ำไป
……เจ้าดันทาเลี่ยนก็เป็นคนแบบนั้นแหละ”
ิอลิซาเบธรู้สึกขมในลำคอ
เพื่อนของเธอ,ราชินีผู้งดงาม นั้นพลาดไปเสียแล้ว
เธอหลงคิดว่าตัวเองกระโดดเข้าร่วมสงครามนี้ด้วยความต้องการของตน แต่อันที่จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
นี่เธอมองมุมอื่นที่ต่างออกไปบ้างหรือเปล่า……?
“ไม่มีทางที่ตัวตนแบบนั้นจะยอมปล่อยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามชะตากรรม
เขาน่าจะวางแผนให้ผลลัพธ์มีแต่ชัยชนะของตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น”
“…….”
“ข้ารับใช้อันเป็นที่รักของข้าเอ๋ย ,ข้าหวาดกลัวเหลือเกิน
สิ่งที่เคยขึ้นอาจไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก;
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม
สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็อาจเกิดขึ้นซ้ำสองได้เช่นเดียวกัน
ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นต้นเหตุให้จักรวรรดิฮับบวร์กล่มสลาย
หากคราวนี้เขาสามารถทำให้ฟรานเคียล่มสลายตามด้วย
จะยังมีชาติใดอีกที่จะสามารถปกป้องตนเองจากชายคนนั้นได้อีก?”
เป็นคำตอบที่ทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีชาติใดทำได้
อลิซาเบธจำต้องกระทำบางอย่างเพื่อไม่ให้เกิดผลลัพธ์เช่นนั้น
แม้เธอจะไม่อาจเข้าร่วมกับกองกำลังหลักได้โดยตรง แต่เธอก็สามารถหนุนเสริมกำลังและคุกคามกองทัพจอมมารจากด้านหลังได้
หากทหารของเธอปลอมตัวเป็นกองทหารอิสระ ก็จะไม่ถูกใครจับได้
“เรามาจัดตั้งกองทหารอิสระเถอะ
พวกเราจะจู่โจมกองทัพจอมมารจากด้านหลัง ด้วยเส้นทางด้านหน้าของจักรวรรดิฮับบวร์ก”
“รับทราบ!”
เหล่านายพลตอบรับเสียงดัง
พวกเขาจะตัดเส้นทางและกีดขวางการขนส่งเสบียงของศัตรู
หากเป็นไปได้ พวกเขาก็จะปกป้องกองกำลังทหารของบริททานี่จากด้านข้างด้วย
สิ่งนี้ย่อมเพียงพอต่อการทำให้กองทัพจอมมารอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อลิซาเบธนั้นมั่นใจในความสามารถในการผูกล่ามศัตรูไว้ให้เหมือนสุนัข
ที่เหลือก็ขึ้นกับเฮนริเอตต้าแล้ว อลิซาเบธได้แต่ภาวนาในชัยชนะของอีกฝ่าย…….
MANGA DISCUSSION