“ว้าวว นี่มันดีจริงๆเลยน้า ที่สามารถจับมือนายได้แบบนี้น่าาาา”
กามิกินถือแก้วไวน์ด้วยมือซ้ายขณะที่สัมผัสกับมือผมด้วยมือขวา ผมจึงพูดขึ้น
“มือของเธอเหมือนแพรไหมสำหรับข้าเช่นกัน”
“สตริจ๋า ขอเวลาส่วนตัวให้พวกเราหน่อยน่านะ? ข้ามีอะไรจะบอกกับดันทาเลี่ยนด้วยหล่ะ~”
กามิกินพูดด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดูกับสิตริ เธอช่างพูดสุภาพเป็นอย่างมากแม้จะเธอจะเป็นลำดับ 4 ที่พูดกับลำดับ 12
ส่วนสิตริเองก็ทำแก้มป่องเหมือนหนูแฮมสเตอร์อย่างไม่พอใจที่จะต้องอยู่ห่างๆผม แต่เธอก็ยอมกลับไปรวมกลุ่มกับพวกฝ่ายภูเขา
กามิกินจึงคุยกับผม
“ข้าน่ะนะ เฝ้ามองนายด้วยความรักมาตั้งแต่ตอนอยู่ด้วยกันที่ทุ่งราบบรูโน่แล้ว แต่ นายน่ะไม่สนใจเลย! แหม ข้าแทบจะเสียความเชื่อมั่นใจฐานะผู้หญิงไปเลยหล่ะ”
“นั่นเพราะข้ามีผู้หญิงที่น่ากลัวอยู่ด้วยในฐานะสตรีข้างกาย”
“เห นี่นายกำลังบอกว่า ข้าสู้บาร์บาทอสไม่ได้อย่างงั้นเหรออ~?”
แน่นอนว่า ไม่ใช่หรอก ผมจึงตอบกลับไป
“สรรพสิ่งบนโลกต่างเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับโชคชะตา ตัวคนของผู้หนึ่งนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้โดยขึ้นกับว่า พบเจอใครก่อน พบเจอใครหลัง
คุณกามินกิน ข้าได้แต่เสียดายที่ไม่ได้พบบุคคลผู้งดงามเช่นท่านก่อน”
“ฮี่ฮี่”
กามิกินหัวเราะอย่างเอียงอายขณะที่ผมกำลังตอบกลับอย่างเคารพสุภาพอย่างมา
เธอยังคงยิ้มอยู่แม้จะเดินเข้ามาใกล้ๆผม
มีคนสองประเภทบนโลกที่จะเที่ยวยิ้มโดยไม่มีเหตุผล
พวกหนึ่งคือ คนที่จิตใจดี――
“แล้ว นายต้องการอะไรล่ะ?”
หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นคนอันตราย
แถมบุคคลนั้นน่ะไม่ใช่คนธรรมดาหากแต่เป็นผู้ครองตำแหน่งลำดับ 4 ในบรรดาเหล่าจอมมารด้วยกัน
ดังนั้น……ไม่ต้องบอกก็ต้องเดากันได้อยู่ ถึงจำนวนที่กามิกินได้เคยฆ่าล้างมนุษย์ไปน่าจะไม่น้อยกว่าหมื่นคน
ผมยังคงยิ้มขณะพูด
“โอ้ ข้าจะต้องการสิ่งใดเล่า? ข้าเพียงแต่หวังจะได้รับความเมตตาจากท่านนะ คุณกามิกิน”
“หืมม? นี่เจ้ายังปั้นหน้าแกล้งโง่ต่อหรือ? ฟุฟุ ไม่จำเป็นแล้วล่ะ”
กามิกินพูดไหล่ลื่น
“ข้ารู้ดีน่ะน้า ว่าดันทาเลี่ยนน่ะ ไม่ใช่เพื่อนผู้ไว้ใจได้ของ ‘บาร์บาทอส’ ยังจำจดหมายที่นายเคยส่งไปถล่มไพมอนได้ไหมล่ะ?
ข้าก็คิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแหละ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคนที่ส่งจดหมายกลับเป็น ดันทาเลี่ยน ไม่ใช่บาร์บาทอสกันน้า~”
ก่อนหน้านี้ไพมอนพยายามกำจัดบาร์บาทอสด้วยการจับมือกับอลิซาเบธ ผมตระหนักถึงแผนดังกล่าวจึงแอบส่งจดหมายส่วนตัวไปหาจอมมารระดับสูงตนอื่นๆ กามิกินกลับยกเรื่องนั้นมาพูดว่า มันแปลก
“ถ้าบาร์บาทอสเป็นคนส่งจดหมายไปเอง นางก็น่าจะได้หน้าได้ตาเรื่องนี้ แต่ที่เกิดขึ้นก็คือ นางไม่ใช่คนส่งไป
เป็นไปได้มากๆเลยล่ะ ว่านางน่ะไม่รู้เรื่องแผนของนายถูกไหม? ฟุฟุ”
“อ่า ช่างเป็นปัญหาเสียจริง”
ผมยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ข้าขอบอกตามตรง ข้านั้นไม่ได้ใจนักหรอกเรื่องที่ไพมอนเป็นคนทำเรื่องนั้นจริงหรือไม่
ข้าตั้งใจที่จัดฉากให้เป็นแบบนั้น และถ้าการคาดการณ์เรื่องนั้นผิดไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือข้าต้องรับผิดเรื่องทั้งเองทั้งหมด…….”
“จับได้แล้ว”
ตอนนั้นเองที่ดวงตาเล็กหยีของกามิกิเบิกกว้าง
กามิกินเอาแต่พูดคำว่า ‘จับได้แล้ว’ ซ้ำแล้วซ้ำอีกขณะที่ยื่นหน้ามาหาผม
“จับได้แล้ว จับได้แล้ว~”
ดวงตาสีแดงก่ำของเธอระยิบระยับด้วยความสนุกที่ไม่อาจยับยั้งได้
“ดันทาเลี่ยน ข้าบอกว่า บาร์บาทอสนั้นไม่รู้ ‘แผนการของนาย’
แผนที่เรียกเหล่าผู้บัญชาการมารวมตัวกันเพื่อกำจัดไพมอน
……. อย่างที่ข้าคิดจริงๆ นายนั่นเองน่ะ ดันทาเลี่ยน คนที่วางแผนน่ะคือนายไม่ใช่บาร์บาทอสจริงๆด้วยล่ะ~”
“…….”
“สุดท้ายแล้วก็เป็นนายเองนี่แหละ ที่ทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงดินแดนในฮับบวร์ก
อ๊าาา อย่ากังวลไปเลย ข้าร่ายเวทย์กันเสียงรอบตัวเราเอาไว้แล้วล่ะ ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินที่เราคุยกัน!”
ชิท
ผมแอบสบถในใจ ยังก่อน ผมยังแก้ตัวได้อยู่
ถึงอย่างนั้นมันจะดีกว่าหากผมตั้งใจก่อนจะพูดอะไรออกมา
กามิกินนั้นปล่อยแก้วไวน์ในมือซ้ายให้มันหล่นตกแตกเพื่อให้เกิดเสียงดังเพล้งขึ้น
เธอนั้นจ้องเข้ามาในดวงตาของผมตลอดเวลา
“ดันทาเลี่ยน เมื่อกี้สีหน้าของนายน่ะ ‘นิ่งสนิท’ เลยรู้ตัวไหม?”
เธอพูดทั้งๆที่ยังยิ้มเยาะ
“น่าเสียดายนะ คนที่สร้างคาแรคเตอร์ขึ้นมาใหม่แล้วพยายามหลอมรวมบุคลิกนั้นไปแล้วกลับไม่อาจทิ้งมันได้ยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ก็เหมือนนักแสดงเกรดต่ำที่ยังคงเล่นบทเป็นราชาต่อทั้งที่ผู้ชมน่ะขึ้นมาเหยียบบทเวทีแล้วยังไงล่ะ~”
กามิกินเหยียบเศษแก้ว เสียงเศษแก้วดังสะท้อนเบาๆ
“แก้วเพิ่งแตกไป แต่แทนที่นายจะตก นายกลับยังคงรักษาหน้ายิ้มไว้ได้อยู่ สีหน้านายหยุดนิ่งไม่เปลี่ยนไปเลย
ไม่ควรทำแบบนั้นนะ ดันทาเลี่ยนเอ๋ย ไม่ควรทำแบบนั้นเลย~
การแสดงเช่นนั้นอาจหลอกลวงพวกจริงจัง ใสซื่อได้ แต่หลอกตา ‘นักแสดงหญิงอันดับหนึ่ง’ อย่างข้าไม่ได้หรอก”
“…….”
ผมรู้สึกเย็บวาบขึ้นมา
“เฮ่อ นายก็จริงจังเกินไปหน่อย
นี่ก็แค่หยอกเล่นกันขำๆเองน้า ควรจะเอนจอยไปกับข้าหน่อยซี่”
“ข้าขอถามได้ไหม ทำไมอยากขุดเรื่องของข้า?”
“อาฮะ ก็เพราะข้าน่ะสัมผัสได้ถึงความญาติกันหนะสิ”
กามิกินยิ้มออกมา
“โลกนี้น่ะมันเละเทะจนเกินกว่าจะยิ้มได้ใช่ไหมล่า?
ถ้าหากอยากอยู่บนโลกใบนี้แล้วยิ้มได้ ก็ต้องเละเทะยิ่งกว่าทุกคนบนโลกนี้รวมกันให้ได้
นี่แหละเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันถึงยิ้มแย้มอยู่เสมอ ข้าก็คิดว่านายก็ไม่ต่างจากฉันหรอกน้า ดันทาเลี่ยน”
“……ข้ากับเธอเป็นคนประเภทเดียวกันอย่างนั้นหรือ?”
อารมณ์ไม่พอใจเดือดระอุอยู่ในอกผม
“คนแบบบาร์บาทอสกับไพมอนเนี่ย ทำเอานายรำคาญน่าดูเลยสิใช่ไหมล่า~?”
กามิกินยิ้มแฉ่ง
“เจ้าพวกที่เชื่อว่า มีอะไรอย่างความยุติธรรมอยู่บนโลกใบนี้
ทั้งคู่น่ะต่างไม่ยอมรับอุดมการณ์กันและกัน แต่ก็ดันเหมือนกันมาก
พวกนั้นน่ะเอาแต่พูดอะไรใหญ่ๆโตๆแบบ ความปรารถนาของเผ่าปีศาจบ้างล่ะ โลกปีศาจอันแสนสันติบ้างล่ะ
ข้าไม่อยากไปเล่นกับพวกนั้นหรอก
ข้าน่ะอยากจะฆ่าพวกมัน ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว ข้าชอบบาร์บาทอส”
“ข้าก็สงสัยเรื่องนั้นอยู่นะ ว่านั่นน่ะไม่ใช่แค่ความโหยหาทางกายหรือ?”
กามิกินแตะที่หน้าผากผมด้วยท่าทีแหย่เล่น
“ข้าเป็นลำดับ 4 แต่เมื่อ 2,800 ปีก่อนข้าเป็นลำดับ 70
ลำดับ 4 นั้นเป็นตำแหน่งที่สูงสุดที่ข้าได้มา ไม่ว่าข้าจะหักหลังหรือเหยียบย่ำผู้คนมากแค่ไหน ข้าก็ไม่อาจขึ้นไปเหนือกว่าระดับ 4 ได้ นั่นเป็นตำแหน่งที่พวกสัตว์ประหลาดอยู่กัน
นายเข้าใจไหมจ๊ะ? ข้าน่ะไปได้ไกลกว่านายอีก”
ดูเหมือนในอดีตที่ผ่านมานั้น กามิกินจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งกว่า ผม ณ ตอนนั้นมีมอนสเตอร์ระดับสูงที่อาละวาดเพราะไม่ต้องอยู่ใต้การควบคุมของจอมมารแม้มันจะเป็นเผ่าปีศาจก็ตาม
แถมช่วงนั้นกองกำลังจอมมารก็ล้มตายไปเยอะจากการที่สู้แพ้พวกเผ่ามังกรก่อนที่จะวาดฝันเรื่องยึดทวีปเสียอีก
กามิกินนั้นเล่าเรื่องที่เธอเริ่มจากลำดับ 70 และไต่ขึ้นไปสู่ลำดับ 4 ได้
เธอคงพยายามทำทุกทางอย่างยากลำบากเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดให้จงได้
ดังนั้นเธอย่อมต้องเชี่ยวชาญทักษะการเอาตัวรอดยิ่งกว่าผม…….
อย่างเช่น
การทรยศหักหลัง
อย่างที่ผมคิดไว้ก่อนหน้าจริงๆ เธอเป็นตัวตนที่มีรอยยิ้มฉาบไว้บนใบหน้า แต่กลับเลี้ยงงูพิษไว้ในตัวมากมาย
“ข้าจะมอบคำพยากรณ์ให้กับนายในฐานะรุ่นพี่และคนจำพวกเดียวกัน
ตัวข้านี้ กามินกิน ขอเอ่ยใต้นามแม่มดเหนือเหล่าแม่มดทั้งหลาย
ความโชคร้ายอันใหญ่หลวงย่อมเป็นของผู้ที่เข้าใจผิดว่าตนกำลังเรียกร้องหาความรัก!
ดันทาเลี่ยนผู้หล่อเหล่าเอ๋ย เลิกปั้นท่าทำแสดงแล้วมาคุยกันอย่างสร้างสรรค์ดีกว่า”
“พูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์?”
“อย่างที่ข้าบอกนายไปแล้วก่อนหน้ายังไงล่า ไม่อยากคุยเหรอ?”
กามิกินพูดต่อ
“เด็กฉลาดอย่างเจ้าคงไม่อยากเผชิญหน้ากับข้าและอกาเรสโดยไม่คิดใช่ไหม
นายเองก็ได้ประโยชน์อยู่เหมือนกันนะ นั่นแหละ ทำไมข้าถึงตั้งใจถามมากเลยว่า นายน่ะต้องการอะไร~”
อ้า ผมเข้าใจแล้ว
นอกจากผมกับกามิกินจะเหมือนแล้ว ทุกการกระทำของเธอนั้นอยู่บนการคิดคำนวนผลได้ผลเสียไว้แล้ว
ไอ้เจ้าสิ่งที่เรียกว่า อุดมการณ์ ความเชื่อ และความถูกต้องนั้น มันเป็นเพียงคำพูดที่ไร้ค่าสำหรับเธอ
การมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่มีค่า เธอจึงสละทุกอย่างเพื่อสิ่งนั้น
ดังนั้นผมจึงขอประกาศออกไปตรงๆ
“กามิกิน ข้าน่ะไม่เหมือนเธอ”
เธอกระพริบตา
“แหม นี่ยังจะมาล้อกันเล่นอีกเหรอ? ไม่จำเป็นหรอกน่า”
“เปล่า ข้าจริงจัง ระดับการหลอกลวงของเรานั้นต่างกัน”
มันเป็นการหลอกลวงที่พูดได้เลยว่า พวกเราไม่ได้เป็นพวกเดียวกันด้วยซ้ำ
“กามิกิน เธอน่ะเป็นด้านของความแข็งแกร่ง เธอไต่เต้าขึ้นมาสู่ตำแหน่งระดับสูง ดังนั้นเธอจึงดูถูกคนอื่นๆ
สำหรับเธอแล้วนั้น บาร์บาทอสและไพมอนไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนโง่ที่พล่ามอะไรไร้สาระออกมา
การเอาชีวิตรอดนั้นเป็นสัจจะอันสูงสุด ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องที่ผิด หรือไม่ก็ความหลงผิดทั้งสิ้น
……. เธอเชื่อมั่นใจเรื่องนั้น นั่นคือ มุมมองที่มีต่อความถูกต้อง”
“อืมฮึ”
กามิกินตอบมาทันที
“แล้ว? เรื่องนั้นมันทำไมกันล่ะ?”
“เธอน่ะ ไม่รับรู้ถึงความงามของการหลงผิด”
หากเธอมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับผม เธอเองก็คงจะตั้งคำถามกับการตัดสินใจของผม
เธอก็คงไม่พยายามไว้ชีวิตพ่อค้าทาส อย่างแจ็ค อแลนด์
เธอก็คงจะไม่ไว้ชีวิตเดซี่และลุค ผู้ซึ่งมีดวงชะตาที่จะเป็นฮีโร่ในอนาคต
“พวกเขาให้คุณค่ากับสิ่งที่ไร้ความหมาย
แต่ถึงอย่างนั้น การกระปีกของบุคคลผู้หนึ่งที่เปล่าประโยชน์อย่างเช่น เพื่อสันติสุขหรือความสมปรารถนาแห่งเผ่าปีศาจนั้นงดงามยิ่ง
มันไม่ได้น่ารังเกียจเพียงเพราะมันเป็นไปไม่ได้
แต่มันน่ารังเกียจก็เพราะพวกเขาขับเคลื่อนตัวไปในทิศทางตรงข้ามต่างหาก”
“……อะไรนะ?”
“แหมที่รัก ดูเหมือนเธอนี่จะไม่เข้าใจรสนิยมของข้าจริงๆเลยนะ คุณกามิกิน”
ผมยิ้มออกมา
“ลองคิดดูสิ หายทุกอย่างสลายหายวับไป ทั้งความหวังของบาร์บาทอส ทั้งสังคมในอุดมคติของเผ่าปีศาจ
หากทุกสิ่งนั้นดำเนินไปโดยไม่มีจุดหมายต่อเนื่องนับร้อยนับพันล้านปี
คุณกามิกินเอ๋ย มันก็ไม่ต่างจากเธอเลยมิใช่หรือ
แม้แต่จอมมารเองก็ใช่ว่าจะเป็นอมตะเสียเมื่อไหร่”
มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก มันไม่มีชั่วขณะใดที่ที่น่าเบื่อนับตั้งแต่ที่ผมมาอยู่บนโลกใบนี้
แม้แต่กามิกิน ผู้ที่มีปกติแสดงบุคลิกเป็นผู้หญิงลามก แต่กลับกลายเป็นบุคคลที่มีตัวตนที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ผมเองก็ชอบคนแบบเธอด้วยเช่นกัน
“เดิมทีน่ะ โลกใบนี้ก็เหมือนโคลอสเซียม กลาดิเอเตอร์ต่างใช้ทั้งร่างกายเป็นการเดิมพันให้มีชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวันอยู่แล้ว
พวกเขานั้นทั้งแทงทะลวงผิวหนังศัตรู หลั่งเลือด และตะโกนก้องยามได้รับชัยชนะ
แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ วันมะรืนล่ะ สามปีต่อจากนั้นล่ะ วันหนึ่งเขาก็ต้องแพ้ และวันหนึ่งก็ต้องตาย!”
“…….”
“ในฐานะจอมมารแล้ว เธอก็ได้แต่รักใคร่เจ้าสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนดั่งแมลงสาบที่เฝ้าดิ้นรนต่อสู้อย่างไร้ความหมายมิใช่หรือไง!?”
ผมจับมือของกามิกินแล้วเขย่า เธอนั้นได้ร่ายเวทย์กันเสียงไว้แล้วผมจึงสามารถตะโกนดังเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
อ้าาาา ผมอยากจะพบกับ สหายผู้เข้าใจรสนิยมของผมมานาน
มันทำเอาผมปลื้มปริ่มไปด้วยความยินดี
“บาร์บาทอสนั้นอาจจะพังฉิบหายไปโดยไม่รู้เรื่อง อุดมคติของตัวเองเสียด้วยซ้ำ ไม่ต่างจากไพมอน
เหล่าผู้คนที่ถือครองแนวคิดที่สูงส่ง…….
พวกเขาแบกรับความปรารถนาที่บุคคลธรรมดาไม่อาจเฝ้าฝันถึง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ร้อย กี่พันปี
พวกนั้นก็จะยังเดินหน้าต่อไป……ไปสู่ความล้มเหลว พังทลายครั้งยิ่งใหญ่!
พวกเขาจะพบกับจุดจบของตัวเอง! จุดจบที่ไร้ซึ่งคุณค่าและความหมายใด”
มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน―
“เรื่องนั้นมันไม่ทำให้เธอตื่นเต้นหรือยังไงกัน!?”
มันจึงช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
สีหน้าของกามิกินกลับแข็งทื่อ รอยยิ้มแห้งค้าง ผมจึงกระตุ้นเธอมากขึ้นอีก
“แล้วความปรารถนาใดล่ะที่พวกนั้นยังเหลือทิ้งไว้? ความตายของพวกเขาช่างงดงามเพียงใด?
อ่าอ๊าาา แค่จินตนาการถึงมันก็สุดยอดแล้วล่ะ คุณกามิกิน ไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือครับ?
พินัยกรรมแบบไหนที่บาร์บาทอสจะทิ้งไว้ให้หลังจากวาระสุดท้าย?
จุดจบชีวิตแบบไหนกันที่ไพมอนจะแสดงให้พวกเราเห็น?
ของพวกนั้นไม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเลยอย่างนั้นหรือ!?”
โอ้ เจ้าพวกนั้นเป็นพวกเหนือมนุษย์ทั้งสิ้น
หาได้ยากยิ่งที่จะมี เจตจำนงค์อันยอดเยี่ยมอยู๋
ผมนึกไปถึงฟาเบียน ในบรรดาผู้คนที่ผมได้พบเจอมา ฟาเบียนนั้นยอดเยี่ยมที่สุด
ผมจึงเก็บและจดจำภาพลักษณ์ของเขาไว้ในวิหารแห่งความทรงจำตลอดกาล
ผมมองเห็นเขาด้วยความตื่นตาตื่นใจเหมือนดั่งพลุไฟในงานฤดูร้อน
“ตัวข้า ดันทาเลี่ยนผู้นี้ จะทำหน้าที่ในฐานะจอมมารเพื่อเฝ้าดูการเกิดและการแตกดับของเจตจำนงเหล่านั้น!”
ส่งท้ายจากผู้เขียน
กามิกิน: ฟุฟุ ข้าเป็นพวกเดียวกับเจ้าคนคลั่งผู้นี้…….
ดันทาเลี่ยน: คุฮ่าฮ่าฮ่า เคี๊ยกคุรุคุรุคุรุ อ๊ากฮ่าๆกั่กๆหึหึกฮ่าฮ่าฮว่า!
กามิกิน : ……โทษทีน้า ข้าขอออกจากกลุ่มทันไหม?
MANGA DISCUSSION