แผนการที่ใช้จัดการกับราชินีเฮนริเอตต้านั้นเรียบง่าย
“แทนที่จะเข้าใจว่า เฮนริเอตต้านั้นเป็นมาดมัวแซล(สาวโสด)ธรรมดา ให้คิดว่าเธอนั้นเป็นดั่งนางสิงโต นางสิงโตที่ขบกัดสิงโตตัวผู้ ในฐานะคู่เต้นรำในงานเลี้ยงนับว่าน่ากลัวยิ่ง…….”
ผมบอกกับแจ็กเกอรี่อย่างนั้น
“ไม่มีความจำเป็นใดต้องไปเชื้อเชิญเธอให้ร่วมเต้นรำเพราะเห็นกันอยู่แล้วว่า เธอจะปฏิเสธ แจ็กเกอรี่เอ๋ย พวกเราจะต้องสร้างสถานการณ์ให้เฮนริเอตต้านั้นกลายเป็น ‘ดอกไม้ประดับบนกำแพง ’”
“หรือก็คือฝ่าบาทตั้งใจที่จะเลี่ยงสงครามเต็มรูปแบบของราชินีแห่งบริททานี่?”
แจ็กเกอรี่มองผมด้วยแววตาอยากรู้
“ถูกต้อง นี่ก็ไม่ต่างจากดาราดวงใหม่ที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางสังคมไฮโซที่เปี่ยมล้นด้วยความงามและเสน่ห์อันมากเหลือ
……บุรุษทั้งหลายต่างลุ่มหลงเธอ เจ้าคิดว่า ควรจะทำอย่างไรเพื่อโค่นผู้หญิงแบบนั้นล่ะ?”
ผมหัวเราะหึ
ในอกของผมนั้นเต้นระรัว ลึกลงไปในหัวใจ ผมกำลังอดทนรออีกสักหน่อย ผมต้องอดใจรอด้วยความอดกลั้น
ผมต้องข่มกลั้นความลิงโลดภายในใจที่มีต่อภาพหายนะดั่งนรกที่กำลังจะเปิดออกตรงหน้า
กระเพาะและลำไส้ของผมมันเรียกร้องหางานเลี้ยงที่นองไปด้วยเลือดเป็นรางวัลตอบแทน
“ด้วยการชักนำให้ฝ่ายตรงข้ามของผู้หญิงคนนั้น สร้างกลุ่มเป็นพันธมิตรกัน
มันไม่สำคัญหรอกว่า การเปิดตัวของสาวผู้นั้นจะทรงเสน่ห์แค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตรอดอยู่ในสังคมชนชั้นสูงได้หรอกหากทุกคนกลายเป็นศัตรูเจ้าแล้ว
นี่ก็เหมือนกัน”
เฮนริเอตต้าเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าเนี่ยมันออกจะเกินหน้าเกินตาไปแล้ว
กองทัพอันน่าเกรงขามที่สร้างความหวาดกลัวในหัวใจของศัตรู แต่ถึงอย่างนั้นหากสามารถทำให้กองกำลังศัตรูรวมพลังกันได้ เฉกเช่นเดียวกับเหล่าเพื่อนบ้านที่ร่วมมือกันกำจัดออร์ค แม้ปกติจะไม่ถูกกันก็ตาม
แล้วนี่เราจะเริ่มเกมนี้ยังไงดีนะ?
มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ราชินีเฮนริเอตต้ามองข้ามไป ไม่สิ ก็ต้องไม่รับรู้อยู่แล้วแหละ ผมใช้ลูกแก้วเวทย์มนตร์ติดต่อกับพวกเขาในทันที
– ดันทาเลี่ยน,กองกำลังสาธารณรัฐบัทตาเวียพร้อมออกเคลื่อนพลได้ทุกเวลา
นั่นก็คือ <กองพันธมิตรปลดแอก>ที่จอมมารไพมอนได้แอบสร้างขึ้นอย่างลับๆและกระจายตัวทั่วทั้งทวีปมาร้อยกว่าปี
ไพมอนนั้นยิ้มสดใสอยู่ในลูกแก้วนั้น ถึงผมจะไม่ค่อยได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับไพมอนมาสักพัก แต่แจ็กเกอรี่ผู้เป็นส่วนหนึ่งของ กองทัพพันธมิตรย่อมต้องส่งรายงานให้กับหัวหน้าของตนอย่างไพมอนอยู่แล้ว
– เพียงอย่างที่นายบอกกับแจ็กเกอรี่ก่อนหน้านี้ พวกบริททานี่ตั้งใจจะรุกราจริงๆ
ความสามารถในการหยั่งรู้ของนายช่างน่าประหลาดใจ หากไม่เป็นละลาบละล้วงจนหยาบคาย ข้าขอถามได้ไหมว่า ท่านน่ะคาดการณ์อนาคตแม่นยำได้ขนาดนั้นทั้งที่ไม่ได้มีความสามารถในการเห็นอนาคตได้อย่างไรกัน?
“นั่นเป็นแค่พรสวรรค์เล็กๆน้อยๆ ครับ ,คุณไพมอน”
– เล็กๆน้อยๆ,อย่างนั้นหรือ? อื้ม เอาล่ะ ถ้าท่านคิดอย่างนั้น เลดี้ผู้นี้จะไม่ยุ่งกับเรื่องนั้น ข้าจะไม่พูดถึงความสามารถเล็กๆน้อยของท่านที่เขย่าทั้งทวีปจนสะเทือนครั้งแล้วครั้งเล่าก็แล้วกัน
แม้ไพมอนจะบอกอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ถ่อมตัวหรอก ราชินีเฮนติเอตต้าโจมตีฟรานเคียนั้นเป็นความจริงพื้นฐานในเกม และผมก็แค่ทำเป็นว่าคิดออกด้วยตัวเอง ก็แค่นั้น
ุบุคคลที่อยู่ตรงหน้าผม,ไพมอน ผู้นี้ต่างหากที่เขย่าทั้งทวัป เธอได้สามารถฝ่ายของตนด้วยมือตัวเอง หากไม่นับเรื่องแผนการและกลยุทธของผมแล้ว ผมเทียบอะไรเธอไม่ได้เลย…….
– แล้วเมื่อไหร่จะให้ข้าเดินทัพล่ะ? ตอนนี้พวกเขาประจำตำแหน่งอยู่ที่ชายแดนแล้ว
“ตอนนี้ยังก่อน กำลังเสริมจากบัทตาเวียนั้นมีมาก
ไว้ค่อยให้ทหารของท่านเดินทัพก็ต่อเมื่อชนชั้นสูงของฟรานเคียยื่นมือขอความช่วยเหลือจากเราก่อน ท่านไพมอน
หากเราทำอย่างนั้นแล้ว เราจะได้รับการสนับสนุนจากสามัญชนทุกคนในฟรานเคียด้วย”
– อ้า นั่นก็จริงแหละ
ไพมอนเอามือเท้าคางแล้วพยักหน้า
ผมแอบประหลาดใจตอนที่ได้ยินเธอบอกว่า ประจำการไว้ที่ชายแดนแล้ว เพราะนั่นหมายความว่า ไพมอนได้เตรียมทหารในทันทีที่แจ็กเกอรี่รายงานหลังจากที่ผมบอกแจ็กเกอรี่ว่า
‘บริททานี่กำลังจะบุกโจมตี’
‘เธอแทบจะเชื่อทุกอย่างที่ผมพูดเลยล่ะ…….’
ผมได้แต่ยิ้มอย่างชั่วร้าย ตอนนี้ไพมอนเชื่อใจผมโดยสมบูรณ์แล้ว
ศัตรูในวันวาน กลับกลายเป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ในวันนี้ ผมได้รับประสบการณ์แบบนั้นไปเต็มๆ ผมที่เคยกดดันไพมอนจนเข้าสู่จุดคับขันหลายต่อหลายครั้งทำให้เธอเชื่อใจในความสามารถของผมมาก ในทางกลับกันก็เช่นกัน
ผมพบว่า ไพมอนนั้นเป็นผู้เดียวที่สู้กับฮีโร่อย่างไม่ลดละใน <Dungeon Attack> แค่นั้นอย่างเดียวก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอให้เชื่อใจเธอแล้ว
– นายวางแผนจะทำยังไงต่อ? ฟรานเคียรักศักดิ์ศรีตัวเองมาก พวกเขาคงไม่ขอความช่วยเหลือง่ายๆแน่
“เรื่องนั้นอย่าห่วงกังวล ข้าจะทำตัวเป็นทูตและเชื้อเชิญชนชั้นสูงพวกนั้นเอง”
ผมทำให้ผู้คนลุกฮือขึ้นก่อกบฏก็เพื่อจะได้ชักชวนพวกเขาได้ง่ายๆ
ทหารรับจ้างของพวกเราได้ทำการ ‘ปลดปล่อย’ การ์ซิเวล(Garcivel), ราโรวี่(Rarowe), ลาเซียเรล(Laciarel) และโทรวิ่น(Trowin) ทั้งหมด 4 ภูมิภาค
ผมยุยงให้จอมมารเลราเจบุกในดินแดนดังกล่าว จากนั้นทำให้พวกลอร์ดต้องตายจากการบุกโจมตี ในขณะเดียวกันกองทหารรับจ้างของพวกเราก็ทำตัวเป็นผู้พิทักษ์คอยปกป้องดินแดน และรับความช่วยเหลือจากประชาชน
ทำให้มีชาวบ้านะเกือบ 1,500 คน ที่ได้รับอาวุธไปนั้นเป็นอิสระต่อการควบคุมของลอร์ดในท้องที่
จำนวนคนเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงชาวบ้านที่ไม่มีอาวุธก็ยังยินดีที่จะเข้าร่วมกับการลุกฮือครั้งนี้
ไม่มีใครแสดงตัวออกมาเพื่อระงับอารมณ์ที่เดือดดาลของผู้คนนับตั้งแต่รัฐบาลกลางนั้นวุ่นวายเพราะการห้ำหั่นกันระหว่างจักรพรรดิกับจักรพรรดินี
หากจะมีก็คงเป็นนักบวชจากวิหารไหนสักแห่งนั่นแหละ แต่ทว่า…….
‘ผมเป็นหนึ่งในพวกนักบวชพวกนั้นเองนั่นแหละ!’
ในฐานะนักบวชจอร์น โบล แทนที่จะทำให้พวกเขาสงบลงผมกลับปลุกปั่นยั่วยุแทน
เสียงร้องตะโกนใส่พวกบริททานี่ผู้ชั่วร้ายแพร่กระจายเป็นวงกว้างไปทั่วฝั่งเหนือของฟรานเคีย
พวกลอร์ดต่างแตกตื่นลนลานเมื่อเห็นชาวบ้านลุกขึ้นมาสู้พร้อมหอกในมือ
ผมจึงได้ไปหาลอร์ดเหล่านั้นแล้วชักชวนพวกเขา
ตัวผม,จอร์น โบล เป็นผู้ให้การสนับสนุนทหารรับจ้างขวานคู่ และเป็นนักเทศน์ยอดนิยม มันไม่ยากเลยลอร์ดพวกนั้นจะรับฟังแต่โดยดี
“ท่านวิสเค้าท์ครับ ท่านกำลังลังเลอะไรอยู่?
นับแต่โบราณกาลนานมา ความปรารถนาของผู้คนคือความปรารถนาจากสวรรค์ เทพีได้แอบแพร่กระจายความปรารถนาของพระองค์ผ่านผู้คน
ลุกขึ้นต่อต้านบริททานี่เถิด นั่นเป็นวิถีแห่งผู้คนและชาติที่พึงกระทำ”
“แต่……ท่านนักบวชจอร์ด โบล ราชโองการขององค์จักรพรรดิน่ะ”
แม้แต่ชนชั้นสูงฝ่ายนิยมสาธารณรัฐยังต้องลังเลเพราะราชโองการ
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ดีที่พวกเขาลังเลน่ะไม่ใช่เพราะไม่จงรักภักดีหรอก หากแต่เป็นเพราะพวกเขากลัวต่างหาก พวกเขากลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิฟรานเคียและการเผชิญหน้ากับกองทัพของราชินีแห่งบริททานี่
ขนาดผู้บัญชาการทหารสูงสุดจากกองทัพหลักอย่างนายพลมงมอเรนซี่ยังตายในสนามรบเลย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะกลัว
แต่ถึงอย่างนั้นบุคคลที่ลังเลเพราะกลัวอำนาจของต่างชาติ สามารถจัดการได้ด้วยอำนาจของต่างชาติเช่นกัน
ผมจึงแอบปล่อยข้อมูลบางอย่างออกไป
“จะเกิดอะไรขึ้นหากผมบอกท่านว่า สาธารณรัฐบัทตาเวียนั้นสัญญาแล้วว่าจะให้การช่วยเหลือ?”
“พวกสาธารณรัฐน่ะรึ!? จริงหรือ!?”
ชนชั้นสูงพวกนั้นต่างตกอกตกใจ
“ผมมีเพื่อนอยู่ในวิหารในบัทตาเวีย พูดคุยกันก็ได้ความว่าพวกระดับสูงในบัทตาเวียนั้นเป็นห่วงกับแรงกดดันที่มีผลต่อผู้นิยมสาธารณรัฐในฟรานเคีย…….ดังนั้นนายท่านครับ ท่านมิได้โดดเดี่ยวลำพัง”
สิ่งนี้มีผลกระทบแรงจนสังเกตเห็นได้ สาธารณรัฐบัทตาเวียเป็นชาติที่ก่อตั้งขึ้นหลังฟันฟ่าเพื่อเป็นเอกราชมาหลายศตรวรรษ การได้รับความช่วยเหลือจากประเทศชาติแบบนั้นย่อมเป็นอะไรที่ดีมาก
ลอร์ดทั้ง 11 คนจากแดนเหนือของฟรานเคียให้อนุญาตให้ผมเจรจากับบัทตาเวียเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
พวกเขาอยากจะรู้ว่า บัทตาเวียจะส่งกองกำลังเสริมมาไหม,ส่งมาจำนวนเท่าไหร่,จะมาถึงเร็วช้าแค่ไหน และต้องจ่ายเท่าไหร่
ผมรีบกลับมายังกลุ่มทหารรับจ้างและติดต่อกับไพมอนในทันที
ไพมอนหัวเราะ เธอให้คำตอบสี่คำตอบสั้นๆ
– ทหารเดินเท้า 15,000 , ทหารม้า 7,000 , พรุ่งนี้ ,ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ชั่วขณะนั้นเองที่ชัดเจนแล้วว่า สาธารณรัฐบัทตาเวียเองก็จะเข้าร่วมสงครามนี้เช่นกัน
ดินแดนฝั่งเหนือของฟรานเคียนั้นใช้ชายแดนร่วมกันกับสาธารณรัฐบัทตาเวียดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผู้นิยมสาธารณรัฐมักไปรวมตัวกันอยู่มากมายที่นั่น
ลอร์ดแดนเหนือนั้นพบว่า พวกเขามีกำลังเสริมที่มากพอและอีกฝ่ายก็ไม่ได้เรียกร้องขอค่าแรงทหารรับจ้าง จึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
และออกประกาศ
“ลูกน้องผู้ทรยศทั้งหลายก็จะแสร้งทำเป็นจงรักภักดีกับจักรวรรดิ โจรเช่นพวกเขานั้นเป็นดั่งองค์รักษ์ของพวกเรา และกองทัพทหารต่างชาติก็จะเวียนวนอยู่รอบๆราวกับเป็นกองกำลังชาติของพวกเรา
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกเราในฐานะบุคคลที่ห่วงใยในความปลอดภัยของฟรานเคียและอนาคตของประชาชนจึงประกาศ…….”
คำประกาศพวกนั้นแสนจะยืดยาว โดยสรุปก็คือ พวกเขากำลังจะกวาดล้างกองกำลังของบริททานี่ ลอร์ดแดนเหนือประกาศว่า พวกเขาจะลุกฮือขึ้นต่อต้านเพื่อกำจัดเหล่าผู้ติดตามที่คิดคดทรยศ
พวกเขาไม่ได้บอกว่า ตัวเองกำลังต่อต้านองค์จักรพรรดิ
แน่นอน ใครมันจะไปเชื่อล่ะ ขนาดจักรพรรดิโง่นั่นก็ยังไม่เชื่อเลย
ทั้งประเทศถูกความสับสนอลหม่านกลืนกินไปเป็นที่เรียบร้อย
และเป็นไปตามที่สัญญากันไว้ สาธารณรัฐบัทตาเวียเคลื่อนพลภายในหนึ่งวันหลังจากชนชั้นสูงพวกนั้นแถลงการณ์ประกาศ บัทตาเวียทั้งชี้ไปทางลอร์ดแดนเหนือแล้วกล่าวว่า:
“พวกเขาคือ ผู้ที่รู้ว่าอะไรคือ เกียรติยศและความภักดีที่แท้จริง
พวกเรายินดีที่พวกเขาเข้าหาเรา และพวกเราย่อมต้องช่วยเหลือเพื่อนของเราอย่างสุดกำลัง
การช่วยเหลือครั้งนี้ของพวกเรานั้นเกิดขึ้นจากความเป็นมิตรไมตรีต่อกันเท่านั้น
พวกเราสาบานว่า พวกเราจะไม่กระทำการอันเป็นการก่อการร้ายตอบแทนกันในภายภาคหน้า”
“ทั่วทั้งทวีป ณ ตอนนี้ต่างบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจากการรุกรานของจอมมารอยู่แล้ว
บริททานี่นั้นกลับมาทำตัวเป็นภัยคุกคามต่อทั้งทวีปเพื่อความละโมบโลภมากส่วนตัว สมควรที่ที่จักต้องประณามพวกเขา พวกเราขอสั่งให้ราชอาณาจักรบริททานี่ยุติ
การแทรกแซงการเมืองภายในของฟรานเคียในทันที!”
นั่นเป็นคำประกาศของฝ่ายบัทตาเวีย
แหม แล้วผมควรจะพูดอะไรดีล่ะ? ผมได้แต่หัวเราะ เพราะเห็นความชั่วร้ายตรงหน้า
เหตุที่ต้องส่งกองกำลังทหารมาเสริมทัพนั่นก็เพราะ ‘เพื่อน’ ของพวกเขา ,ชนชั้นสูงแห่งฟรานเคีย ร้องขอมา
ในขณะที่พวกเขานั้นแสดงออกเพื่อทั้งทวีป ส่วนบริททานี่นั้นกระทำการเสื่อมเสียน่าละอาย…….
ไม่เลย ต่อให้นั่นเป็นความคิดเห็นของทางฝ่ายบัทตาเวียจริงๆ แต่ตัวตนที่ชักใยสาธารณรัฐบัทตาเวียอยู่ให้ประกาศเช่นนั้นก็คือ ไพมอนนั่นแหละ
มันเป็นอะไรที่น่าขำดีพอมาคิดว่า ตัวตนอย่างจอมมารกลับประกาศว่า จะกระทำการดังกล่าวไปเพื่อสันติภาพแห่งทวีป
เอาจริงๆนะ ไพมอนนี่ช่างเป็นบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหลือเกิน
ไม่ใช่แค่ฟรานเคียที่สั่นไหวเท่านั้น หากแต่เป็นทั่วทั้งทวีปต่างโดนเขย่าอย่างแรง
การเดินทัพครั้งนี้ของบริททานี่จัดเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของฟรานเคียหรือไม่?
การกระทำของจักรพรรดิแห่งฟรานเคียนั้นถูกหรือผิด? การกระทำของสาธารณรัฐบัทตาเวียนั้นชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรมกันแน่……?
ปัญหาแตกแยกภายในระหว่างจักรพรรดิกับจักรพรรดินีนั้นยกระเบิดขึ้นจนกลายเป็นปัญหาที่มีบริททานี่กับบัทตาเวียเข้ามาข้องเกี่ยว
ดินแดนบ้านเกิดขององค์จักรพรรดินีโดวาเจอร์อย่าง ราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย ก็ได้ประณามการกระทำของบริททานี่อย่างรุนแรง
ในตอนนี้ชาติอื่นต่างเข้าร่วมความยุ่งเหยิงครั้งนี้ แทบจะนึกภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าสถานการณ์คราวนี้จะเละเทะมากมายขนาดไหน
ตอนนี้จักรพรรดิฟรานเคียกับราชินีบริททานี่คงถึงกับตะลึงงันไปแล้วล่ะ
เรื่องจักรพรรดินี่ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นักแต่ราชินีเฮนริเอตต้าน่ะเป็นคนมีความสามารถ
เธอต้องรู้ถึงความเป็นไปได้ที่บัทตาเวียจะมาเกี่ยวด้วย แต่ถึงอย่างนั้นการตอบรับของบัทตาเวียกลับเกิดขึ้นเร็วมาก นั่นแหละคือ ปัญหา
“แล้วทีนี้ เจ้าเข้าใจไหมว่า ราชินีเฮนริเอตต้าทำพลาดตรงไหน?”
“…….”
ผมกางแผนที่พลางถามเดซี่
เดซี่นั้นได้รับการสอนจากเจเรมิในช่วงกลางวันและอยู่ในฐานะผู้ช่วยของผมทั้งช่วงเย็นและตกดึก
ผมก็จะโยนคำถามต่างๆไปยังเดซี่ มันก็เป็นเกมประมาณนั้นแหละ
การถามมาตอบไปกับเด็กสาวที่มีบุคลิกเหมือนกันกับผม เป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับกำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่
ถึงบางครั้งจะชวนให้รู้สึกขยะแขยงคลื่นไส้บ้างก็เถอะ
“ราชินีเฮนริเอตต้า……ประมาทบัทตาเวียเกินไป”
เดซี่ชี้ไปที่แผนที่ขณะที่พูดออกมา
“สงครามกับพันธมิตรเสี้ยวจันทรายังไม่จบดี มนุษย์ส่วนใหญ่ในชาติต่างๆ ก็ยังคงหวาดกลัวกับการที่พวกเขายกทัพมาอย่างรวดเร็ว
สาธารณรัฐบัทตาเวียก็คงจะทำแบบนั้นเช่นกัน
……ราชินีเฮนริเอตต้าคงคิดอย่างนั้น”
ดวงตาดำขลับของเธอนั้นจ้องมองแผนที่อย่างระมัดระวัง
“แต่ถึงอย่างนั้นบัทตาเวียก็ไม่ได้มีดินแดนที่ติดกับกองกำลังจอมมาร ราชอาณาจักรทิวทันนั้นคอยปกป้องบัทตาเวียอยู่
ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงตั้งใจที่จะเข้าร่วมกับสงครามกลางเมืองของชาติอื่นด้วย ใช่ไหมคะ?”
ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม
“คำตอบไม่แย่เลยล่ะ แต่เสียใจด้วยนะ ที่มันยังผิด”
คำตอบที่ถูกคือ บุคคลที่ชักใยสาธารณรัฐบัทตาเวียในกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นก็คือ จอมมารไพมอน ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายของเหล่าสาธารณรัฐทั้งหลาย
ยิ่งไปกว่านั้น บัทตาเวียเองก็ไม่คิดจะสู้กับกองทัพจอมมารแต่แรกแล้ว……ดังนั้นจึงสามารถเข้าร่วมกับสงครามกลางเมืองฟรานเคียได้โดยไม่ต้องวิตกอะไร
การกระทำของราชินีเฮนริเอตต้าน่ะมันพลาดตั้งแต่เริ่มแล้ว
แต่ใครมันจะไปรู้เรื่องนั้นกันเล่า ใช่ไหม? ก็เป็นธรรมดาแหละที่เดซี่จะไม่รู้ ขนาดเฮนริเอตต้ายังไม่รู้เรื่องนี้เลย
ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้หรอกว่า จอมมารไพมอนเป็นผู้ควบคุมโลกมนุษย์อยู่หลังม่าน
สุดท้ายแล้วราชินีเฮนริเอตต้าไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดหรอก
‘แต่อย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่า ความรับผิดชอบต่อการกระทำนั้นจะหายไปหรอกนะ’
เอาล่ะ ตอนนี้ราชินีผู้สร้างจักรวรรดิขึ้นใหม่หลังจากพิชิตฟรานเคียได้ตามประวัติศาสตร์ของเกม
เธอน่ะอาจจะชนะในการศึกอย่างเยี่ยมยอด แต่ผมและพันธมิตรแห่งการปลดแอกวางแผนนี้ไว้นานมากเหลือเกิน
แล้วหมากตาต่อไปของเธอจะเดินยังไงต่อล่ะ?
อลิซาเบธ ผู้ที่ยังคงเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ ผู้ที่ยังขับเคลื่อนด้วยพลังอันยอดเยี่ยม
เธอน่ะเป็นรายต่อไป
โปรดเตรียมเพลงว้อลซ์ที่ยอดเยี่ยมไว้ให้ผมด้วย
ผมจะอดทนรอ
ราวกับชายผู้เฝ้ารอคนรักของเขา……
MANGA DISCUSSION