ราชวงศ์ของทุกชาติต่างรวมตัวกันในช่วงกาฬโรคระบาดไปทั่วทวีป
พวกเขาต้องการที่จะหันดาบไปหาจอมมารก่อนที่โรคร้ายนั่นจะทำลายชื่อเสียงชื่อเสียงประเทศ กองกำลังของทั้งสิบสองชาติต่างประกาศก้องว่าจะกำจัดเหล่าจอมมาร
จอมมารลำดับ 49 โครเค่ล(Crocell)ตายในการรบด้วยเหตุผลดังกล่าว จอมมารทั้งหลายนั้นรู้ถึงภัยคุกคามและการต่อต้าน จึงก่อร่างสร้างพันธมิตรขึ้น
กองทัพจอมมารโหมเข้ากระหน่ำกองทัพมนุษย์ด้วยคลื่นความคั่งแค้น ทหารทั้งหลายจากบริททานี่นำโดยราชินีเฮนริเอตต้าโดยกวาดจนสิ้นซาก ในขณะที่ทหารชาวฮับบวร์กนำโดยเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอลิซาเบธนั้นต้องยอมหนีและยกเมืองหลวงให้…….
“เอาล่ะ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่พวกแกอยากได้ ถ้าอย่างนั้นพวกข้าจะพิชิตทวีปนี้ทีหลัง!แต่ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง ข้าจะกวาดล้างพวกขยะที่อยู่บนโลกใบนี้ทิ้งซะ”
ผู้นำของฝ่ายที่ราบผู้รับตำแหน่งแนวหน้าของกองทัพจอมมาร จอมมารลำดับ 8 บาร์บาทอสได้ไล่ตามศัตรูไปไกลจนเกินไปนำมาสู่ความพ่ายแพ้ ด้วยการนำของเธอทำให้ฝ่ายที่ราบแยกตัวออกจากกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
ปี 1507 ปฏิทินจักรวรรดิ
ฝ่ายที่ราบพักอยู่ใจกลางเมืองของฮับบวร์ก
บาร์บาทอสตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่จะไม่บริหารดินแดนด้วยตัวเอง เธอควบคุมร่างที่ตายไปแล้วของมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟด้วยเวทย์มนตร์ดำแล้วให้เขาออกหน้า
มกุฏราชกุมารรูดอร์ฟออกประกาศ
“อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์กเอ๋ย
หนึ่ง เจ้าเป็นบุคคลผู้ไร้ศีลธรรมที่ฆ่าพ่อและน้องชายของตน
สอง เจ้าเป็นทรราชย์ที่ทอดทิ้งเมืองหลวงและประชาชนทั้งหลาย
และสาม เจ้าเป็นคนทรยศที่ทำให้จักรวรรดิล่มสลาย
เจ้าจักต้องถูกสาปไปตลอดชั่วกาลนานในฐานะผู้ที่ก่ออาชญกรรมอันเลวร้ายทั้งสามนั้น!”
ผู้คนนับพันถึงกับหยุดหายใจขณะที่เฝ้ามองดู วังหลวงที่ถูกเผาจนวินาศ
มกุฏราชกุมารรูดอล์ฟสวมชุดเครื่องแบบที่ดูน่าประทับใจยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน มันเป็นเครื่องแบบสีแดงประกาย ชุดเครื่องแต่งกายของเขานั้น กลับเฉิดฉายอย่างน่าประหลาดในราชวังที่พังไปแล้ว
“ตัวข้า รูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก ขอประกาศในฐานะที่ข้าเป็นผู้มีสิทธิ์อันชอบธรรมในบัลลังค์และเป็นผู้พิทักษ์จักรวรรณแห่งนี้
ตัวข้าเพียงคนเดียวนั้นมีสิทธิ์ขาดในการนำพาจักรวรรดิ แต่ถึงอย่างนั้น น่าเสียดายที่ตัวข้ามีพลังไม่มากพอที่จะกำจัดความชั่วร้ายที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดน ดังนั้น”
มกุฏราชกุมารยกมงกุฏสีเงินขึ้นไว้ในมือ
“ข้าจึงขอมอบหน้าที่ผู้ปกปักรักษา,หน้าที่ของการชำระล้างดินแดน และหน้าที่รักษาการแทนฮับบวร์กให้แก่บุคคลผู้ยืนอยู่ตรงนี้ ― บาร์บาทอส”
เด็กสาวผู้มีผมสีขาวได้รับมงกุฏสีเงิน เธอนั้นลังเลก่อนจะรับมงกุฏไว้ด้วยมือซ้าย ท่าทางของเธอนั้นขัดเขินและดูไม่เป็นทางการ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรกับเรื่องนั้น เด็กสาวฉีกยิ้มพร้อมกับมองต่ำจากวังหลวง
เธอกางแขนทั้งสองข้างออก
– กูอ๊าาาาาาา!
– เครุก คิรุรุรุรก!
– คูฮูล่าาาา! ครุบบบ!
มอนสเตอร์นับหมื่นส่งเสียงเชียร์ตะโกนออกมาพร้อมๆกัน มนุษย์ที่ถูกห้อมล้อมด้วยมอนสเตอร์ต่างตัวสั่นด้วยความกลัว
พวกเขาได้ถูกลากมาให้เป็นประจักษ์พยานของเหตุการณ์นี้
มีมนุษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ตระหนักได้ว่า ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป ตามมาด้วยมอนสเตอร์ที่ตะโกนออกมาว่า
“ขอสดุดีแด่ฝ่าบาทผู้สำเร็จราชการ!”
บาร์บาทอส
จอมมารแห่งความอมตะ และจอมมารลำดับ 8 ผู้นำแห่งฝ่ายที่ราบได้กลายเป็นผู้สำเร็จราชแทนแห่งแบรนเดนเบิร์ก,ออสเตอร์ลิชและจักรวรรดิฮับบวร์ก ในที่สุด
ในวันเดียวกันนั้นเอง
“มนุษย์ทุกคนต่างเกิดมาเพื่อเป็นอิสระ!”
เจ้าหญิงลำดับสามแห่งฮับบวร์ก อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก ได้ประกาศกับสามัญชนนับแสนและเหล่าทหารหาญ
“เทพเจ้าทั้งหลายได้มอบสิทธิอันชอบธรรมที่จะปฏิเสธผู้อื่น
พวกเราจะต้องปกป้องชีวิตของตัวเอง
พวกเราต้องไขว่คว้าตามหาอิสรภาพและความสุขของตนด้วยตนเอง
นี่คือ คุณค่าที่ไม่มีวันถูกทำลาย”
นายพลหลายคนต่างสวมเครื่องแบบทหารสีดำและยืนอยู่ด้านหลังอลิซาเบธ พวกเขาได้กำจัดชนชั้นสูงในวังไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ประชาชนทั้งหลายต่างเฝ้าจับตาดูการกำจัดนั้นอย่างใกล้ชิด ผู้คนต่างส่งเสียงตะโกนเชียร์เมื่อเกิดเหตุการณ์กวาดล้างนั้นขึ้น
“มนุษยชาติสร้างรัฐขึ้นมาเพื่อปกป้องสิทธิ์นั้น
แล้วอำนาจภาครัฐนั้นมากจากที่ใดกัน?
ถูกต้องแล้ว พวกท่าน อำนาจของพวกเขานั้นมาจากการได้รับอนุญาตจากประชาชน
หากรัฐใดที่คิดจะช่วงชิงสิทธิ์ของประชาชนนั้นไป เมื่อเป็นดังนั้นแล้วพวกท่านสามารถโค่นล้มรัฐบาลลงได้และควรทำเช่นนั้นด้วย!”
‘ถูกต้อง!’ และ ‘ใช่แล้ว!’ ต่างเป็นเสียงตะโกนที่ดังมาจากฝูงชน เสียงตะโกนเชียร์ดังก้องนับไม่ถ้วน ดังขึ้นไปบนฟ้าราวกับพลุไฟในหน้าเทศกาล
“โอ้ ประชาชนผู้น่าภาคภูมิแห่งฮับบวร์กเอ๋ย ข้าขอถามพวกท่านหน่อย จักรวรรดิได้ปกป้องชีวิตของพวกท่านหรือไม่!?”
– ไม่! ไม่! ไม่!
ผู้คนต่างตะโกนกลับมาเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาต่างชูหอกขึ้น
มีหัวมากมายปักเสียบอยู่บนของพวกเขา ทั้งหมดนั่นเป็นหัวของชนชั้นสูงและครอบครัว ทั้งเมืองนั้นย้อมไปด้วยเลือด
อลิซาเบธเหยียดแขนออกและตะโกนขึ้น
“แล้วจักรวรรดิได้ปกป้องอิสรภาพของพวกท่านหรือไม่!?”
– ไม่! ไม่! ไม่!
“แล้วชนชั้นสูงของจักรวรรดิได้ปกป้องความสุขของพวกท่านหรือไม่!?”
– ไม่! ไม่! ไม่!
“ถูกต้องแล้ว! จักรวรรดิไม่สามารถที่จะปกป้องชีวิตของพวกท่าน อิสรภาพของพวกท่าน หรือความสุขของพวกท่านได้! พวกเราต้องลุกขึ้นยืนหยัดที่นี่เวลานี้ เพื่อเฉือนทำลายรัฐที่ไม่ได้มีไว้เพื่อประชาชน
จงตระหนักถึงคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อก่อนเก่า คำสัญญาแห่งอำนาจที่เหล่าเทพเจ้าได้มอบไว้ให้กับมนุษย์เมื่อนานมาแล้ว!”
อลิซาเบธชักดาบออกจากฝักที่เหน็บไว้ด้านข้าง
ตอนนั้นเองที่นายพลที่ยืนด้านหลังของเธอต่างชักดาบออกมาพร้อมเพรียงกัน แสงอาทิตย์สะท้อนใบดาบจำนวนมากที่ชูขึ้นไปบนฟ้า
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตัวข้า อลิซาเบธ ขอละทิ้งปราสาทที่รู้จักกันในชื่อฮับบวร์กและกลายเป็นสามัญชนเช่นเดียวกับพวกท่าน
ตัวข้าในฐานะสามัญชน ตัวแทนแห่งสามัญชน ขอประกาศสิ้นสุดการมีอยู่ของจักรวรรดิฮับบวร์ก ―ข้าขอยืนยันการกำเนิดใหม่ของสาธารณรัฐฮับบวร์ก!”
เสียงของผู้คนนับแสนต่างตะโกนก้องไปทั่วทั้งเมือง
อลิซาเบธ
ผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งเจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิฮับบวร์ก,เลขาแห่งกองทัพ,ผู้บัญชาการสูงสุด,ผู้ได้รับมอบให้เป็นตัวแทนของสมาชิกประเทศทั้ง 12 ,ผู้บัญชาการผู้นำชัยของเหล่าทหารรับจ้างผู้กระทำการปฏิวัติ และสุดท้าย ผู้นำผู้ให้ชีวิตใหม่กับสาธารณรัฐฮับบวร์ก
ผู้สำเร็จราชแห่งจักรวรรดิ ผู้ปกครองภาคเหนือ,บาร์บาทอส
ผู้นำของสาธารณรัฐ ผู้ปกครองภาคใต้,อลิซาเบธ
ฮับบวร์กได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายนั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครทำนายได้มาก่อน
“นังเด็กนั่่น……มันพยายามจะผูกขาดโลกมนุษย์ไว้เป็นของตัวเองคนเดียว คิดว่าพวกข้าจะยอมให้อย่างนั้นล่ะ ห้ะ?”
“ตะกละมาก เดี๋ยวสำลักเองนั่นแหละ ฮี่ฮี่ ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเหมือนกันนะ หากแม่นั่นลืมว่า พวกเราเคยช่วยนางไว้จากไพมอน”
จอมมารส่วนมากต่างโกรธที่ฝ่ายที่ราบนั้นยึดโลกมนุษย์ไว้เป็นของพวกตัวเองกลุ่มเดียว พวกเขาต่างยกกองกำลังไปบังคับยึดที่ต่างๆในแดนเหนือของฮับบวร์ก
ราชวงศ์อื่นของฝ่ายมนุษยชาติเองก็มาพร้อมข้อสรุปว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการสนับสนุนสาธารณรัฐฮับบวร์กดังนั้นจึงได้ส่งการช่วยเหลือต่างๆไปยังสาธารณรัฐภายใต้ข้ออ้างที่ว่า เพื่อปราบปรามกองทัพจอมมาร
แต่ถึงอย่างนั้น เหล่าผู้ปกครองมนุษย์ต่างต้องตกใจเมื่อพวกเขาพบว่า จอมมารที่พวกเขาคิดว่า น่าจะหวังแต่ทำลายล้างโลกมนุษย์กลับประกาศตัวเป็นผู้สำเร็จราชการแทนของจักรวรรดิ
พวกเขาเริ่มสงสัยกันแล้วว่า หรือพวกจอมมารจะรู้จักการเล่นการเมืองมากกว่าที่คาดคิดไว้…….
โรคระบาดและความอดอยาก , สงครามและการปล้นชิง ,ความเป็นหนึ่งเดียวกันและการแบ่งแยก
ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นทั้งทวีปต่างตกลงอยู่ความวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตัวตนแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังความอลหม่านนี้―จอมมารดันทาเลี่ยนยังคงขยับแก้วไวน์อย่างเงียบๆ
* * *
ขั้นตอนการสลักตราทาสลงไปยังเดซี่เริ่มขึ้น
โชคยังดีที่มีใครบางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องตราทาส ผู้นั้นคือ หัวหน้ากลุ่มมือสังหารเจเรมิ
เธอนั้นได้รับการสลักตราทาสเมื่อเธอยังเด็ก และต่อมาก็เธอมอบการสลักตราทาสนั้นให้แก่ผู้คนมากมาย
ถึงจะอย่างนั้น ขั้นตอนดังกล่าวก็เจ็บปวดเหลือแสน
ตราทาสที่สลักลงไปที่หัวใจ
หัวใจนั้นเป็นศูนย์กลางของมานา ตรงจุดนั้นเองที่ทำให้ที่ทำให้ทาสไม่สามารถต่อต้านคำสั่งของเจ้านายได้
เจเรมิหัวเราะออกมาเบาๆขณะอธิบาย
“พวกเขาจะไม่สามารถเป็นภัยคุกคามเจ้านายได้ และยังต้องรับประสบการณ์เจ็บปวดอย่างรุนแรงเพียงแค่คิดที่จะฆ่าเจ้านาย ฟุฟุ”
เจเรมิวางใบมีดแช่น้ำร้อนไว้ เธอกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการขั้นตอนนั้น
“โดยมากแรกๆ ทาสทุกคนต่างก็ต่อต้านนั่นแหละ
ข้าจะฆ่าเจ้านาย ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเขาจะตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความขุ่นเคืองใจแบบนั้นแทนที่จะนอนหลับฝัน
แต่อย่างไรก็ดีหลังจากผ่านประสบการณ์เจ็บปวดจนเหมือนหัวใจถูกฉีกเป็นชิ้นๆในทุกครั้งที่คิดแบบนั้น……
ฟุฟุ ไม่นานนัก จิตวิญญาณของนักต่อต้านก็หายวับไป”
“…….”
เดซี่ยังคงปิดปากเงียบไม่ตอบอะไร
เด็กสาวอายุ 10 ปี นอนเปลือยอยู่บนเตียงไม้
แขนและขาของเธอถูกมัดแน่น แม้แต่คอ,สะโพก,และต้นขา ก็ถูกมัดตรึงเอาไว้จนกระทั่งหายชา มันคงแย่หากเธอขยับตัวในระหว่างที่รับความเจ็บปวดจากการผ่าตัด
ขั้นตอนในการสลักตราลงไปที่หัวใจนั้นเรียบง่ายและป่าเถื่อน
คุณต้องตัดเฉือนเนื้อหัวใจในขณะเดียวกันก็เทโพชั่นเพื่อประคองไม่ให้คนไข้ตาย จึงมีโพชั่นมากมายเตรียมเอาไว้บนโต๊ะ
เจเรมิยิ้ม
“ลองคิดดูว่านี่เป็นเกียรติเหลือเกินนะ เจ้าได้รับการผ่าตัดที่ใช้เงินหลายร้อยโกลด์ เจ้านายของเจ้าน่ะให้คุณค่ากับเจ้าไว้สูงเลยล่ะ ไม่มีเกียรติใดยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ในฐานะทาสแล้ว ไม่คิดอย่างนั้นหรือไง?”
“…….”
เดซี่ยังคงเงียบอยู่ เธอมองเจเรมิด้วยดวงตาไร้อารมณ์ เธอไม่ได้แสดงความกลัวหรือลังเลออกมาแม้อกของเธอจะถูกผ่าเปิดออก เจเรมิดูจะพอใจจึงยังคงหัวเราะหึต่อ
“เป็นไปได้อย่างไรกันนะ ที่มีคนที่เหมือนตัวฉันเมื่อยังเด็กอยู่ด้วย?”
“…….”
“เอาล่ะตอนนี้เปิดปากออก แกต้องดื่มโพชั่นจำนวนมากเข้าไป”
เดซี่เปิดปากเล็กๆออก เจเรมิหยิบขวดโพชั่นมาแล้วกดกรอกลงในปากของเด็กสาว ของเหลวสีแดงไหลผ่านลงลำคอเธออย่างรวดเร็ว
“อีกขวด”
เจเรมิวางขวดเปล่าไว้ข้างๆแล้วหยิบอีกขวดขึ้นมา
ลำคอของเดซี่ยังคงขยับกระดกตาม พอขวดนั้นว่างเจเรมิก็หยิบอีกขวด
“และอีกขวด”
เพียงไม่นานก็หมดไป ห้าขวด คิ้วของเดซี่เริ่มกระตุกเมื่อเข้าสู่ขวดที่หก
ความเร็วในการดื่มโพชั่นของเธอลดลงอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวเริ่มครางด้วยความทุกข์ทรมาน
“อุบ……อุบอุบ…….”
เจเรมิดุเธอ
“โพชั่นจะหมดประสิทธิภาพตามเวลาที่ผ่านไป หากยังดื่มช้าขนาดนี้ แกได้ตายระหว่างการผ่าตัดแน่ เข้าใจไหม? เอ้า อีกขวด”
“อุบอุบ……! ฮ่าห์ ฟู่ว……!”
“เงียบๆแล้วดื่มต่อ”
ขวดแล้วขวดเล่า
“……อุบ, อุบ! ฮ่าช์ ! อุบ…….”
พอจำนวนขวดเปล่าเกิน 10 ขวด ใบหน้าเดซี่เริ่มแสดงความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนเธอพยายามฝืนทนไม่อ้วกออกมา แต่ก็มีของเหลวของโพชั่นจำนวนมากที่กลืนเข้าไปไม่ลง รั่วไหลออกมาริมปาก
แต่ถึงอย่างนั้นเจเรมิก็ไม่สนใจและหยิบขวดต่อไปออกมา
“อย่าทำหก นั่นเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น”
“ฮ่าาา อุ…….”
“แกเทียบไม่ได้กับราคาของโพชั่นพวกนี้ด้วยซ้ำ รีบดื่มเข้าไป เอ้าเปิดปาก”
ในที่สุดมันก็จบลงตรงที่ขวดเปล่าทั้งสิบสองขวด
สีหน้าของเดซี่บิดเบี้ยวเหมือนเธออยากจะอ้วกออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามรักษาความเยือกเย็นอยู่ แม้ปากจะสั่นใบหน้าจะเบี้ยว แต่เดซี่ยังคงจ้องมาอีกอย่างด้วยดวงตาที่ไร้อารมณ์สิ้นเชิง
ผมนั่งอยู่ในมุมห้องแล้วเฝ้าดู
“ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะไม่เสียใจกับการตัดสินใจนี้?”
ผมถามเธอ
“เจ้าจะกลายเป็นตุ๊กตาที่ได้แต่รับฟังคำสั่งของข้าไปตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นแต่จิตใจของเจ้าจะตกเป็นทาสของข้า
ชีวิตที่ไม่มีอิสรเสรีใดรอเจ้าอยู่ เจ้าแน่ใจนะว่า จะไม่เสียใจภายหลัง?”
“…….”
ไม่มีคำตอบใด
เธออาจยังคงเงียบเพราะกลัวว่า ถ้าพูดออกมา อาจทำให้อ้วก แต่ถึงอย่างนั้น ผมรู้ได้จากสายตาของเดซี่ ซึ่งนั่นก็เป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว ผมผงกหัวและหันหน้าไปหาเจเรมิ
“ทำต่อเลย เจเรมิ”
MANGA DISCUSSION