ผมเปิดปากกว้างก่อนจะหุบปากลงอีกครั้ง มันเหมือนกับผมพยายามอย่างมากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา
จอมมารลำดับ 9 ที่หลงรักมนุษย์ยิ่งกว่าใครๆแล้วจบลงตรงที่ทรยศหักหลังเผ่าพันธุ์เดียวกัน
ตามความรู้ของผู้เล่น <Dungeon Attack> เธอเป็นตัวละครที่มีลักษณะนิสัยเหมือนยัยโสเภณีและไม่ก็หญิงสาวใสซื่อที่ช้ำรัก
หากมองในมุมของเผ่าปีศาจ เธอคือ ผู้ทรยศตัวแม่ นั่นเป็นภาพลักษณ์ที่ผมมีต่อไพมอนจนกระทั่งถึงตอนนี้
ความจริงที่ว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อตั้งบัตตาเวีย……สิ่งที่ไม่เคยระบุมาก่อนในเกม และไม่เคยปรากฏในรายละเอียดเนื้อเรื่องส่วนไหนมาก่อนด้วย!
ผมต้องรีบล้างคอให้ไวเลย
“หมายความว่ายังไง ที่บอกว่า สาธารณรัฐบัตตาเวียนั้นไม่ได้สร้างขึ้นโดยมนุษย์?”
“แหม ในที่สุดท่านก็แตกตื่นจนได้”
ไพมันป้องปากแล้วหัวเราะคิกคัก ผมเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมนี่ใครกัน? เป็นคนที่ผมไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อนจนถึงตอนนี้?
“การสร้างประเทศสาธารณรัฐนั้นมิใช่งานง่าย ทุกอย่างนั้นใหม่สำหรับเลดี้ผู้นี้ หากจะเป็นการกล่าวเกินจริงไปสักเล็กน้อยก็คงเป็นเรื่องที่เหมือนกับเป็นการสร้างโลกขึ้นมาใหม่หมด มีการลองผิดลองถูกเยอะมากๆ”
“…….”
“แต่ข้าก็ทำได้สำเร็จ”
ฉากเหตุการณ์รอบตัวเราเปลี่ยนไปกลายเป็นหมู่บ้าน
มันเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สันโดษออกมา มีเพียงหาดริมทะเล เรือ และกระท่อมโทรมๆกองรวมกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในทันทีที่ไพมอนสะบัดมือ
ชาวบ้านมาอยู่รวมกัน สร้างท่าเรือขึ้น ตามมาด้วยแนวชายหาด สิ่งก่อสร้างสูงๆผุดขึ้น และก่อสร้างกำแพงสีขาว จากนั้นก็กลายเป็นเมือง ทางเดินหินปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ที่เคยเป็นทุ่งหญ้าและเนินเลน
ทางน้ำมากมายไหลผ่านใจกลางเมือง ผู้คนต่างสัญจรไปมาผ่านคลองด้วยเรือกอนโดล่า
เสียงระฆังดังก้องมาจากวิหาร มันก้องไปทั่วทั้งเมืองท่า
“การสร้างเมืองหลวงของบัตตาเวีย เมืองอาร์มสเทล (Amstel) ใช้เวลาเกือบ 200 ปี”
“…….”
“ข้าใช้ทั้งเงิน เครือข่ายส่วนตัวและกำลังทหาร ร่วมกันในช่วงเวลานั้นเพื่อสร้างสงครามเพื่อแยกตัวออกมา ใช้เวลาเกือบ 50 ปี
ตามมาด้วยสงครามปฏิวัติ โดยใช้ข้ออ้างว่าจะสืบทอดอุดมการณ์จาก สาธารณรัฐโบราณขึ้นมา ใช้เวลาอีก 60ปี
สุดท้าย สงครามเพื่ออิสระภาพก็เป็นเหตุจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ พวกเราเข้าร่วมทัพพันธมิตรครั้งที่ 4 ใช้เวลาอีก 60 ปี”
ไพมอนลุกขึ้น
เธอกางแขนออกราวกับเธอไม่อาจทนที่จะไม่แสดงความรักต่อภาพฉากตรงหน้าเธอได้
กองเรือขนาดใหญ่แล่นข้ามทะเลอาร์มสเทล
“ในที่สุด หลังจากนั้น 400 ปี เลดี้ผู้นี้ได้สร้างกลุ่มเมืองของทั้ง 13 เมือง เป็นสมาพันธรัฐบัตตาเวียขึ้น”
เธอเงียบขณะที่เฝ้าดูภาพเหตุการณ์ที่เธอสร้างขึ้นชั่วขณะ ไพมอนทำเอาผมต้องเงียบตาม
บุคคลที่ยืนตรงหน้าผมไม่ใช่นักอุดมคติ นักอุดมคติจะหยุดแค่หลงผิด ในขณะที่เธอตรงหน้ามีพลังในการทำให้มันเกิดขึ้นได้
แจ็ค โอแลนด์ไม่มีทางเทียบได้ ไพมอนเป็นนักอุดมคติก็จริงแต่เธอก็รู้เรื่องนั้นดี และเธอพยายามทำให้มันสำเร็จขึ้นมาได้
ในยุคกลางที่มีราชามากมายและเหล่าอัศวินคลุ้มคลั่ง―เธอผู้เดียวเท่านั้นที่สร้างชาติที่เป็นสาธารณรัฐขึ้นมาได้
มันเป็นความสำเร็จ
หากจะพูดถึงสิ่งที่เธอทำว่า ยิ่งใหญ่ มันก็ยังไม่พอ สำหรับบุคคลที่เรียนประวัติศาสตร์มือสองมาอีกที ผมรู้ดีว่า ไอ้เรื่องแบบนี้มันเป็นเหมือนการหลงผิดและไร้สาระเพียงใด แต่ไพมอนทำมันจนสำเร็จ
‘……!’
ตอนนั้นเองที่ อะไรบางอย่างแวบเข้ามาในหัวผม ทฤษฏีที่ฟังดูบ้าบอแต่กลับดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
จอมมารลำดับที่ 1 บาอัล ทำไมถึงปล่อยให้ราชอาณาจักรทิวทันและสาธารณรัฐบัตตาเวียเป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 1 ของไพมอน?
ทฤษฏีที่น่าขนลุก ทฤษฏีที่จะเขย่าขวัญยิ่งกว่าทุกทฤษฏีที่ผมเคยมีมาในหัวผม
ลำคอผมแห้งผาก ผมดื่มชาลงไป กระดกอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่ทำแล้ว แล้วฝืนพูด
“ความสัมพันธ์แบบใด……ที่ท่านมีกับจอมมารผู้ยิ่งใหญ่บาอัล?”
ไพมอนหันกลับมาจากทะเลมาหาผม แสดงทำหน้าอึ้ง
“อย่างที่คิดไว้ ท่านช่างน่าประทับใจ น่าตกใจจริงๆ แต่ ก็ใช่ ”
เธอยิ้มแบบเขินอาย
“เลดี้ผู้นี้ไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดเรื่องนั้นได้”
การตอบกลับเช่นนั้นก็เพียงพอที่จะเป็นคำตอบให้กับทุกสิ่งแล้ว
“…….”
ผมพยายามสุดกำลังที่จะรักษาท่าทางของตัวเองไว้ ราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในกองทัพจอมมาร จอมมารลำดับ 1 บาอัล
และราชาผู้มีกองทัพฝ่ายที่เข้มแข็งที่สุดในทัพจอมมาร จอมมารลำดับ 9 ไพมอน ทั้งสองต่างเป็นพันธมิตรกัน
‘แม่งเอ๊ย บาร์บาทอส ยัยนั่นรู้เรื่องนี้ไหมนี่?’
ไม่ บาร์บาทอสคงจะไม่รู้เรื่องนี้แน่ เธอนับถือบาอัล และเธอเรียกเขาด้วยความเคารพรักว่า ตาแก่
ทัศนคติที่บาร์บาทอสมีบาอัลคงเปลี่ยนไปทันที หากรู้ว่า ไพมอนกับบาอัลนั้นสมรู้ร่วมคิดกัน
ฝ่ายที่ราบไม่รู้แม้แต่เรื่องที่ทั้งสองเป็นพันธมิตรกัน
…….แม้แต่จอมมารในฝ่ายภูเขาเองก็อาจไม่รู้ด้วยเช่นกัน
นี่จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย
มันไม่สำคัญแล้วว่า ไพมอนมีอุดมคติอะไรจนถึงตอนนี้
ไพมอนนั้นได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่เธอเป็นผู้นำฝ่ายภูเขา แต่เธอยังควบคุมประเทศชาติในโลกมนุษย์อยู่หลังม่าน
อิทธพลของเธอนั้นแพร่ไปทั่วสาธารณรัฐบัตตาเวียและยังมีผลไปถึงสาธารณรัฐอื่นๆทั่วทั้งทวีป
เพิ่มเข้าไปอีก……แม้ผมจะไม่รู้รายละเอียดความสัมพันธ์ แต่จอมมารบาอัลนั้นให้การสนับสนุนไพมอนเป็นอย่างดี
‘ตอนนั้นมันไม่ใช่การถามตอบ ใช่หรือไม่ใช่แล้ว’
ผมกลืนน้ำลาย
‘ผมต้องใช้ทุกอย่างเพื่อที่จะร่วมมือกับเธอให้ได้’
ผมจะหาประโยชน์จากสิ่งนี้ แนวคิดของเธอมันไม่ได้จูงใจผมเหรอ?
มันไม่สำคัญแล้ว ตัวตนที่ทรงอำนาจที่มีอิทธิพลต่อทั้งกองทัพจอมมาร และกองทัพมนุษย์ยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
ผมต้องทำให้เธอมองผมดีๆและไว้ใจผม เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผมในทางใดทางหนึ่ง
ผมตัดสินใจที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีสนิทสนมกับไพมอนแล้ว
(TTL : เห็นสาวมีอำนาจแล้ว อดจีบไม่ได้เลยนะพรี่ดัน )
“ดันทาเลี่ยน ท่านถามเลดี้ผู้นี้ก่อนหน้าว่า สาธารณรัฐนั้นสามารถมีขึ้นได้ในโลกปีศาจหรือไม่ และผลก็ออกมาเป็นเช่นนี้
สาธารณรัฐที่มนุษย์และปีศาจอยู่ร่วมกันเป็นไปได้หรือไม่
นี่คือคำตอบของข้า”
เธอกางแขนออกแล้วชี้ไปที่เมือง
“ใช่แล้ว มันเป็นไปได้”
ไพมอนยืนยันหนักแน่นกับผม
“ในสาธารณรัฐบัตตาเวีย พวกเรายอมรับเผ่าพันธุ์อื่นๆเป็นพลเมือง เอลฟ์ 20,000 ตน และคนแคระ 30,000 ตน นั้นอาศัยอยู่กับมนุษย์ในเมืองนี้
2,000 ปีที่ผ่านมา เอลฟ์และคนแคระนั้นถูกปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับปีศาจ แต่ไม่ใช่วันนี้ ดันทาเลี่ยน
สิ่งที่เป็นความจริงในวันนี้แทบไม่ต่างอะไรเลยจากภาพฝันในอดีต”
เธอพูดด้วยโทนเสียงประหลาด
“เลดี้ผู้นี้สามารถบอกได้เลยสำหรับบุคคลที่อยู่มานานกว่า 2,000 ปี
กาลเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าบางครั้งนั้นก็เป็นการหลอกตา
มันยังคงเดินต่อไปข้างหน้าแม้ตอนนี้ก็ตาม บางคนเรียกมันว่า การเลื่อนไหลของประวัติศาสตร์ บางคนก็เชิดชูว่ามันเป็นโชคชะตาที่เทพธิดากำหนดไว้แล้ว”
ไพมอนนั้นยิ้มแต่พองาม
“เลดี้ผู้นี้หมายถึงการตระหนักในความฝัน ชีวิตนั้นโหดร้ายและน่าสังเวช ทั้งยังทำให้เราผิดหวังอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ท่านและข้า รวมถึงมนุษย์และปีศาจทุกตนก็ได้ผิดหวังมากเสียจนวันหนึ่งก็หยุดฝันโดยสิ้นเชิง
แต่ถึงอย่างนั้น มันไม่ใช่วันนี้
ในวันหนึ่งอุดมคติเป็นเพียงเรื่องตลกโง่ๆ
อีกวันหนึ่งมันก็กลายเป็นสิ่งที่เราไม่รู้แน่แล้วว่ามันผิดหรือถูกกันแน่”
เธอมองมาที่ผม
“ถึงอย่างนั้น วันที่ว่านั้นก็มิใช่วันนี้”
“…….”
“วันหนึ่ง ธงทุกชาติที่ยิ่งใหญ่ก็ร่วงหล่นเคียงข้างนักรบคนสุดท้าย
พระเจ้าจะทอดทิ้งดินแดนนี้ไว้เบื้องหลัง เหลือเพียงการล้างแค้นและการลวงหลอกที่เร่ร่อนไปทั่วทวีปเหมือนดั่งภูตวิญญาณ
ภูเขากลับยิ่งสูงชันขึ้น และหุบเหวลึกยิ่งขึ้น
และในที่สุดเหล่ามนุษย์ชาติทั้งหลายก็จะกลายเป็นทาส
แต่วันนั้น มิใช่วันนี้ วันแห่งการล่มสลายนั้นมิใช่วันนี้
พวกเราต้องก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวในตอนนี้โดยเชื่อแน่ว่า จะไม่มีวันพรุ่งนี้เช่นเดียวกัน”
ไพมอนผายมือมาทางผม
“สองเท้าของเรามีไว้เพื่อไปไหนสักแห่ง มือของเรามีไว้เพื่อยึดจับบางสิ่ง
นี่คือ สิ่งที่เลดี้ผู้นี้เชื่อ แต่หากไม่มีสิ่งเหล่านั้นแล้ว จอมมารจะมีมือเท้าไปทำไมกันเล่า เมื่อพวกเรานั้นไม่มีทั้งมนุษย์และปีศาจ”
“…….”
“ดันทาเลี่ยน ได้โปรดเดินไปด้วยกันกับเลดี้ผู้นี้แล้วไขว่คว้าวันพรุ่งนี้ไว้”
ผมมองดูมือสีขาวของเธออย่างเงียบๆ
เผ่าแมร์นั้น(Mare) เป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถควบคุมความฝันของผู้คนได้อย่างอิสระ
พวกมันนั้นทั้งยั่วล้อและทำให้ผู็คนพึงพอใจด้วยวิธีการที่หลากหลายในความฝันของพวกเขา ทำให้พวกเขานั้นมีความสุขไปตลอดกาล
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงตรงหน้าผมมิได้อยากจะอยู่แต่ในความฝัน เธอยังปรารถนาที่จะก้าวออกมาสู่ความจริง ด้วยการเปลี่ยนโลกความจริงให้กลายเป็นโลกความฝัน
(TTL : หมายถึง โลกความจริง(แบ่งแยก กดขี่ข่มเหง โหดร้าย) ให้กลายเป็นโลกความฝัน(ปรองดอง สันติสุข เสมอภาค) )
ดังนั้นสมควรแล้วที่เธอจะถูกระบุว่า เป็นราชินีแห่งเหล่าซัคคิวบิ
“ข้ามี……คำถามหนึ่ง”
มีคำถามหนึ่งที่กวนใจผมมาเสมอ ผมเปิดปากถามเพื่อจะคลี่คลายความสงสัย
ใน <Dungeon Attack> ไพมอนทรยศเผ่าปีศาจ ทำไมเธอทำแบบนั้น? ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
“ถามได้ทุกอย่างตามสบายเลยค่ะ”
“มันออกจะเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกประหลาดสักหน่อย……. การที่ข้าถามอาจทำให้ท่านไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงถามคำถามพรรค์นี้ แต่มันก็ไม่อาจเปลี่ยนเรื่องที่ว่า คำถามนี้เป็นถามคำถามที่สำคัญไปได้ หากเป็นไปได้ ข้าอยากให้ท่านตอบข้ามาอย่างจริงใจ”
สีหน้าของไพมอนจริงจังขึ้นมาทันที เธอผงกหัวให้อย่างซีเรียส ผมเลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวังขณะพูด
“ยกตัวอย่างเช่น……หากข้าบอกว่า มีมนุษย์ที่ทรงพลังอยู่”
“ทรงพลังขนาดไหนกันคะ?”
“ทรงพลังเป็นอย่างมาก อาจจะสิบ ไม่สิ นับร้อยเท่ายิ่งกว่าพวกเรา เป็นตัวตนที่เป็นนักสู้ของจักรวรรดิ ผู้ชำนาญดาบไม่อาจเอาชนะเขาได้ มีเพียงซากศพที่กองเรียงรายอยู่บนเส้นทางของมนุษย์ผู้นั้น แม้แต่จอมมารบาอัลยังไม่อาจเอาชนะได้โดยลำพัง”
ไพมอนดูเหมือนจะไม่เข้าใจดีนัก เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอตอบรับคำขอที่ว่า ให้จริงจังกับคำถามนี้
อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ สักเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้น ฮีโร่ก็จะถือกำเนิดขึ้นในโลกของ<Dungeon Attack> อยู่ดี
นายพลเซปาร์จะตายใต้คมดาบของพวกเรา และพี่ชายเบเลธก็ตายในการรบ บาร์บาทอสจะถูกตัดหัว และไพมอน เธอจะตายอย่างเลือดเย็น
กองทัพจอมมารทั้งหมดจะถูกไล่ต้อนไปจนสุดทวีป
“มนุษย์ผู้นั้นจะเผชิญหน้าอย่างชาญฉลาดกับจอมมารอย่างพวกเราทีละคน พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นใดเลยนอกจากค่อยๆล้มตายไปทีละ ตอนนั้นเอง ที่จอมมารทุกๆตัวจะจบลงที่ความตาย ในสถานการณ์เช่นนั้น ท่านไพมอน
……หากท่านอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ท่านจะทำอย่างไร?”
“…….”
ไพมอนเอามือท้าวคาง เธอส่ายหัวสองครั้ง
“เรียกกองกำลังจอมมารมารวมกันแล้วโจมตีพร้อมกันไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ พวกเราทำไม่ได้ พวกเขาไม่ได้รวมกองกำลังมา พวกเขาแยกกันทำงานเป็นกลุ่มเล็กๆราวๆ 15 คน เพื่อจู่โจมเรา”
“ถ้าอย่างนั้น……เป็นกลุ่มที่สามารถจัดการพวกเราได้ทีละคนโดยใช้ คนแค่ 15 คน ท่านกำลังจะบอกให้ข้าจินตนาการถึงกลุ่มคนพวกนั้นสินะ”
ผมผงกหัว แล้วไพม่อนก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
“พวกเราสามารถกำจัดเขาด้วยวิธีทางการเมืองได้ไหม?”
“พวกราชวงศ์ที่แข็งแกร่งทั้งหลายของโลกมนุษย์ต่างเชื่อมั่นในตัวพวกเขาโดยสมบูรณ์”
“อืมม แสดงว่า โลกมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกันในสถานการณ์แบบนี้?”
ผมส่ายหัว
“ไม่ใช่”
“ถ้าหากเป็นสถานการณ์ที่ท่านว่า ชาติไหนจะเป็นชาติที่เข้มแข็งที่สุดล่ะ? ใช่จักรวรรดิฮับบวร์กหรือเปล่า? หรืออาจจะเป็น จักรวรรดิอนาโตเลีย?”
“……จักรวรรดิฮับบวร์ก ไม่ใช่จักรวรรดิที่ตอนนี้พ่ายแพ้โดยฝีมือกองทัพพันธมิตร แต่เป็นจักรวรรดิที่เติบโตขึ้นมาเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่”
มุมปากของไพมอนบิดเบี้ยวเนื่องจากเธอกำลังส่งเสียงอืมขณะคิดไตร่ตรอง
“ถ้าอย่างนั้นเลดี้ผู้นี้จะแบ่งโลกมนุษย์เป็นฝักฝ่าย”
“…….”
“จักรวรรดิฮับบวร์กนั้นตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของทวีป หากพวกเขาทรงพลังมากดังนั้นอำนาจของพวกเขาก็น่าจะไปถึงยังสุดขอบทวีปได้ นั่นก็หมายถึง พวกเขาต้องมีศัตรูล้อมอยู่มากมายด้วย
ใช่แล้วล่ะ เลดี้ผู้นี้จะกระตุ้นให้จักรวรรดิแฟร้งและราชอาณาจักรบริทแทนนี่ลงมือ”
ผมได้แต่นิ่งอึ้ง
ไพมอนตอนนี้จดจ่อไปกับสมมุติฐานที่ผมสร้างขึ้นแล้วยังคงพูดต่อ
“มันจะเป็นอันตรายที่จะปล่อยให้จักรวรรดิฮับบวร์กโตมากไปกว่านี้ หนึ่งในสองชาตินั้นต้องงับเหยื่อโดยไม่ต้องสงสัยแน่
หากเลดี้ผู้นี้โชคดีก็อาจจะสามารถชี้นำชาติทั้งสองมาเป็นพันธมิตรกันก็ได้
พอเป็นแบบนี้แล้ว ข้าก็จะสามารถชักนำให้พวกมนุษย์รบกันเองได้
เลดี้ผู้นี้จะใช้โอกาสนี้ที่โลกมนุษย์ที่อลหม่านวุ่นวายเพื่อกำจัดมนุษย์ที่ทรงพลังผู้นั้น”
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
นี่เธออยู่เบื้องหลังการแบ่งแยกของฝ่ายโลกมนุษย์ใน <Dungeon Attack> เองเรอะ?
ขณะที่จอมมารส่วนใหญ่ทำอะไรไม่ได้ แล้วโดนฮีโร่ฆ่า
“เป็นยังไง ดันทาเลี่ยน? สิ่งนี้พอจะเป็นไปได้ไหม?”
ไพมอน
เธอได้วางแผนเพื่อฆ่าฮีโร่ด้วยวิธีทางการเมืองให้ตายได้จริงจังยิ่งกว่าใครๆอีกนะ
“……แน่นอนว่า นั่นเป็นสุดยอดไอเดียเลยล่ะ แต่น่าเสียดายนะ แม้แต่วิธีการนั้นก็ล้มเหลว ราชสกุลที่ปกครองฮับบวร์กนั้นเก่งฉกาจจึงทำให้ทั้งจักรวรรดิแฟร้งและราชอาณาจักรบริททานี่ย์ล่มสลายลง”
“……ดันทาเลี่ยน”
ไพมองจ้องผม
“นักปกครองผู้นั้นจะมีได้อย่างไรกัน? สมมุติฐานที่ว่าตัวตนของมนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่าบาอัลนั้นก็ยากจะเชื่อ แต่การที่มีนักปกครองที่ยอดเยี่ยมขนาดที่สามารถทำให้ทั้งทวีปเป็นหนึ่งเดียวเนี่ยน่ะหรือ?
เป็นไปไม่ได้ ในสถานการณ์เช่นนั้น หากพวกเราสามารถฆ่ามนุษย์สุดแกร่งผู้นั้นได้ แล้วผู้ปกครองผู้นั้นจะไม่กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นหรอกหรือ?
มันก็ยังคงมีปัญหาอยู่ดีต่อให้มนุษย์สุดแกร่งผู้นั้นตายลง”
“ได้โปรดยอมรับความเป็นไปไม่ได้ที่ว่านั่น เป็นส่วนหนึ่งของสมมุติฐานด้วย”
“อืมมม”
ไพมอนร้องออกมาเบาๆออกมาระหว่างกำลังคิดใคร่ครวญ
ผมไม่รู้ว่ามันผ่านไปกี่นาที เธอถอนใจออกมาและหัวเราะอย่างอ่อนแรง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเลดี้ผู้นี้จะขายร่างกายตน”
“…….”
“โดยไม่สนเพศของมนุษย์ผู้นั้น เลดี้ผู้นี้เป็นราชินีซัคคิวบิ ข้ามั่นใจในความสามารถว่าจะจัดการมนุษย์ผู้หนึ่งได้
ข้าจะแกล้งทำเป็นหลงรักมนุษย์ผู้นั้นเพื่อหาประโยชน์จากความไว้เนื้อเชื่อใจ
แล้วจากนั้นข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขารักข้า”
แบบนี้นี่เอง
“หากวิธีนี้มันไม่ได้ผลแล้ว ข้าก็ขอยอมแพ้ ฮุฮุ เลดี้ผู้นี้คิดวิธีการอื่นไม่ออกแล้ว”
ทุกคำถามของผมได้รับคำตอบแล้ว
MANGA DISCUSSION