ในที่สุดอีกฝ่ายก็เผยไพ่ในมือออกมาแล้ว อาร์คดยุคคาโคลารู้ตัวโดยสัญชาตญาณว่า ตอนนี้อยู่ตรงทางแยกที่จะตัดสินว่าจะแพ้หรือชนะ
‘ไพ่ที่เขาเล่นคือ การข่มขู่’
อาร์คดยุคคาโคลาคิดอย่างนั้น การข่มขู่นั้นเป็นสิ่งดูน่ากลัวจากภายนอก
……แต่ความจริงแล้วมันมิได้เป็นอะไรมากไปกว่าการเจรจา เขาต้องอยากได้อะไรสักอย่าง เขาอยากให้ข้ามอบอะไรให้แก่เขา
‘พูดอีกอย่างหนึ่ง―พวกเขามิได้ตั้งใจวางแผนจะยึดโลกปีศาจอยู่แล้ว’
หากเขาปรารถนาที่จะพิชิตโลกปีศาจจริงๆแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมาประกาศคุกคามเช่นนี้ จึงมีสองอย่างที่อาร์คดยุคคาโคลานึกออก
……หรืออีกฝ่ายมีกำลังกล้าแข็งพอจะพิชิตโลกปีศาจ?
นี่คือ สิ่งแรกที่ข้าคิด แต่หากเขาไม่มีกำลังพอจะทำมัน มันก็แค่บลัฟกันเท่านั้น
‘แต่ก็มีโอกาสอยู่เล็กน้อยที่เขาจะทำได้?’
แม้โอกาสจะมีแค่เล็กน้อย แต่ก็ควรจะระวัง ในสถานการณ์เช่นนั้นยากที่จะควบคุม
การที่อีกฝ่ายสามารถพิชิตโลกปีศาจได้แต่กลับไม่ลงมือทำ นั่นเพราะอะไรกัน? นั่นก็เพราะว่า มีอะไรบางอย่างที่คุ้มค่ามากกว่าการพิชิตโลกปีศาจอยู่
แล้วอะไรล่ะที่คุ้มค่ากว่า? สิ่งใดจะยิ่งใหญ่ให้ประโยชน์ยิ่งกว่าโลกปีศาจทั้งใบอีกล่ะ? ตรงนั้นเป็นจุดสำคัญ…….
หรือข้าควรจะทดสอบดูก่อนว่า อีกฝ่ายแค่จงใจโม้เพื่อบลัฟขึ้นมาเฉยๆดี?
อาร์คดยุคคาโคลาแสดงสีหน้ายิ้มกระอักกระอ่วน
“ฮ่าฮ่า ฝ่าบาท ท่านต้องล้อผู้น้อยเล่นแล้ว เรานั้นเทียบไม่ได้กับตำแหน่งของท่าน จึงได้แต่ตกใจที่ฝ่าบาทกล่าวเช่นนั้นออกมา”
“ทำไมข้าต้องล้อเจ้าเล่น อาร์คดยุค?”
“ถ้าอย่างนั้นท่านพูดจริงๆรึ?”
รอยยิ้มของดันทาเลี่ยนนั้นหายไป
เขาพยักหน้าจริงจัง
“อาร์คดยุค มีบางอย่างที่เจ้าควรรู้ไว้ ข้าไม่เคยโกหก”
“เราต้องขอประทานอภัย แต่ผู้น้อยไม่อาจเข้าใจได้”
เจ้าหน้าใหม่นี่พูดเก่งดี อาร์คดยุคคาโคลาคิดเช่นนั้น
หมอนี่มีทักษะในการควบคุมบรรยากาศรอบๆ หากชนชั้นสูงหน้าใหม่มาเจออย่างนี้เข้ามีหวังโดนหลอกในทันทีเป็นแน่
แต่ถึงอย่างนั้นบุคคลที่อยู่ตรงนี้นั้นเป็นถึง 26 อาร์คดยุคแห่งโลกปีศาจ บุคคลที่ไปถึงจุดสูงสุดของการเอาชีวิตรอดในการต่อสู้นับไม่ถ้วนที่เหมือนดั่งนรก เขาไม่เคยถูกหลอกหรือโดนต้มมาก่อน
ไฟในการเล่นการเมืองของอาร์คดยุคคาโคลานั้นลุกโชน จอมมารส่วนมากได้ตำแหน่งเพราะอาศัยโชคทั้งนั้น พวกเขาไม่เคยต้องสู้กับมอนสเตอร์มาก่อน
พวกแกรู้หรือ ว่าหมัดของออร์คนั้นน่ากลัวแค่ไหน? พวกแกรู้หรือว่า เขี้ยวของไลแคนโทรปน่ากลัวเพียงใด? พวกแกคิดว่า จะสามารถกำจัดใครคนหนึ่งเพื่อให้อยู่รอดในแต่ละวันไปได้อย่างไรกัน!?
―โอ เจ้าจอมมารผู้อ่อนแอที่สุดเอ๋ย เรามาสู้กันโดยไม่ใช้อาวุธกันเถอะ!
อาร์คดยุคคาโคลาประสานมือขึ้นขณะที่พูด
“ถึงกองทัพพันธมิตรตอนนี้จะได้เปรียบ แต่ก็ยังคงเป็นช่วงแรกของสงคราม พวกเขานั้นเอาชนะได้แต่ฮับบวร์ก
อย่าว่าแต่ครึ่งทวีปเลย กองทัพพันธมิตรยังพิชิตได้ไม่ถึง หนึ่งในสี่ด้วยซ้ำ การที่มาพูดถึงการยึดโลกปีศาจในตอนนี้…….
เราต้องขอประทานอภัยจริงๆ แต่มันฟังดูไม่น่าเชื่อเลย”
อาร์คดยุคคาโคลานั้นมั่นใจ
มนุษย์กับปีศาจนั้นเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่กำเนิดและไม่มีทางที่ปีศาจและมนุษย์จะนับถือกันได้เพียงเพราะบางดินแดนจะถูกยึดไป
ฝ่ายมนุษย์เองก็จะมีการต่อต้านอย่างรุนแรง จนยากที่จะสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคหลังจากทำการยึดครอง
กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นตอนนี้มิได้ยึดครองดินแดนใดเลย ความได้เปรียบนั้นไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะสบายๆได้
อยู่ๆมาพูดว่า พวกเขาจะพิชิตโลกปีศาจในสถานการณ์แบบนี้มันช่างเป็นเรื่องน่าขำเสียด้วยซ้ำ
ดันทาเลี่ยนตรวจสอบสีหน้าของอาร์คดยุคคาโคลาก่อนจะหัวเราะก๊ากขึ้น
“แล้วทำไมกองทัพจอมมารของพวกเราต้องรอให้พิชิตทั้งทวัปก่อนล่ะ?”
“……อะไรนะ?”
อาร์คดยุคขมวดคิ้ว
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“โอ้ แหม แหม ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่เชียวนะ”
ดันทาเลี่ยนหัวเราะออกมาทันทีเมื่อพบว่า มันน่าขำ
“กองทัพจอมมารนั้นไม่ใช่ตัวตนหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว ท่านไม่ได้รับรู้ความจริงเรื่องนั้นจริงๆหรือ อาร์คดยุคเอ๋ย?”
“หากท่านจะหมายถึง ฝ่ายที่ราบและฝ่ายภูเขาแล้ว ผู้น้อยนั้นตระหนักเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับพวกเรา…….”
“ข้าไม่ได้หมายถึง ฝักฝ่ายพวกนั้น อาร์คดยุค มันเป็นอะไรที่พื้นฐานของพื้นฐานยิ่งกว่านั้น มันมีทั้งจอมมารระดับสูงและจอมมารระดับต่ำในกองทัพจอมมารด้วยถูกไหม? ”
แววตาของดันทาเลี่ยนนั้นมองราวกับกำลังทดสอบอาร์คดยุค ดูซิว่า เจ้าจะรู้ลึกแค่ไหนกัน? นั่นเหมือนสิ่งที่เขากำลังจะทดสอบ
อาร์คดยุคคาโคลานั้นรู้สึกแย่แต่ก็ยอมผงกหัวรับ
“พวกเราได้ข้อสรุปกันว่า สาเหตุที่กองทัพพันธมิตรล้มเหลวต่อเนื่องถึง 2,000 ปีนั่นก็เพราะจอมมารระดับต่ำพวกนั้น แล้วเจ้าจะพูดได้หรือว่ามันไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยล่ะ อาร์คดยุคแห่งนรก? ”
อาร์คดยุคนิ่งไปชั่วขณะ อย่าบอกนะว่า ชายคนนี้?
สัญชาตญาณของอาร์คดยุคที่ฝึกฝนมากว่าร้อยปีกำลังกรีดร้องเตือน
ชายตรงหน้านี่เขารู้ไปถึงขนาดไหนกันนะ? เขาได้ข้อสรุปรวดเร็วอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ? หรือเขาพยายามเจาะความคิดของข้า?
หากไม่อย่างนั้น…….บ้าเอ๊ย ไม่สิ หรือเขาสาวตัวมาถึงข้าแล้ว?
อาร์คดยุคคาโคลาตั้งใจจดจ่อเพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงความลังเลออกมา จึงตอบกลับไป
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจนักกับสิ่งที่ฝ่าบาทพูดออกมา เหตุผลที่กองทัพพันธมิตรล้มเหลวนั้นมิใช่เพราะจอมมารเองหรอกรึ?”
“โอ้? แหม เอาอย่างนี้ก็ได้ เจ้าเชิญข้ามางานสุดหรูในวันนี้ ข้าจะให้อภัยกับความหยาบคายของเจ้าก็ได้ เห็นแก่เลดี้น่ารักๆทั้งหลายก็แล้วกัน”
น้ำเสียงดันทาเลี่ยนนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
“มักพูดกันอยู่บ่อยๆนะว่า การพิชิตโลกมนุษย์ได้นั้นเป็นความปรารถนาของเหล่าปีศาจ
……ว่าแต่ปีศาจที่ไม่ปรารถนาที่จะพิชิตโลกมนุษย์นั้นก็มีอยู่นี่ พอเดาได้ไหมว่าเป็นพวกไหนกัน อาร์คดยุค? ไม่ต้องตอบก็ได้นะคำถามนี้นะ ข้าน่ะเข้าใจจุดยืนของเจ้าพอสมควรอยู่แล้ว”
“…….”
“นั่นคือ จอมมารระดับล่าง และอาร์คดยุคจากนรก”
เหงื่อไหลออกที่มือของอาร์คดยุคคาโคลา
“หากทวีปมนุษย์ถูกพิชิตแล้ว ก็จะไม่มีที่ให้นักปกครองมนุษย์อยู่ แต่การที่จอมมารกลับกลายเป็นราชันย์ผู้ปกครองเสียเอง จำนวน 72 ตนก็ถือว่ามีมากไปอยู่ดี
เหล่าจอมมารที่เคยร่วมมือกัน พอมาตอนนี้ก็ต่างมีอำนาจเสมอกันทั้งนั้น ดังนั้นก็ต้องฟาดฟันกันเอง
สุดท้ายผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างจอมมารระดับสูงก็จะอยู่รอดต่อไปได้”
เจ้าเข้าใจหรือเปล่า ดันทาเลี่ยนถาม
“จอมมารระดับต่ำๆนั้นไม่ปรารถนาจะพิชิตทวีปด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน จอมมารก็ยังมีค่า ดำรงชีวิต มีตำแหน่งอยู่ได้หากโลกมนุษย์ยังคงอยู่
เอาล่ะ ข้าน่ะเป็นจอมมารที่อ่อนแอที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีใครน่าเชื่อไปกว่าข้าอีกแล้วเจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่”
“…….”
ใบหน้าอาร์คดยุคคาโคลาตึงเคร่ง อีกฝ่ายนั้นปฏิเสธการมีตัวตนอยู่ของจอมมารด้วยตัวเอง ด้วยการทำแบบนั้น เขาก็ปิดการโต้แย้งของอาร์คดยุคไปในตัว
……นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่ข้าไม่สามารถเข้าใจเจตนาของเขาได้หรือ?
อาร์คดยุคคาโคลาเริ่มวิตก
“ท่านช่างถ่อมตนเหลือเกิน ผู้น้อยนี้รู้ดีกว่าใครว่า จอมมารนั้นอุทิศตนเพื่อกองทัพพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นลำดับไหน”
“อุทิศตน? อุทิศตนให้ตัวเองน่ะรึ?”
ดันทาเลี่ยนหัวเราะเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แหละ พวกเขาอุทิศตนแน่ๆ”
ดันทาเลี่ยนเงียบไปพักหนึ่ง ความเงียบกดดันอาร์คดยุคคาโคลาให้ประหม่า
อาร์คดยุคนั้นได้ตระหนักว่า การพูดของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ระดับที่เรียกว่า ‘นักหลอกลวงมือใหม่’ เขาไม่ได้โต้แย้งในทุกโอกาส เขารู้ว่า บางทีการไม่ตอบกลับนั้นได้ผลกว่า
หากดันทาเลี่ยนปฏิเสธถ้อยคำของอาร์คดยุคแล้ว
อาร์คดยุคจะสามารถพูดถึงชื่อของจอมมารระดับต่ำๆที่อุทิศตนให้กับพันธมิตรเสี้ยวจันทราในประวัติศาสตร์
ซึ่งนั่นจะทำให้สิ่งที่ดันทาเลี่ยนพูดนั้นตกไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทลายกระแสนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นดันทาเลี่ยนก็รู้ว่าควรรับมืออย่างไร
“มันเป็นเรื่องจริง หากจะย้อนดูในการระดมกำลังกองทัพพันธมิตรครั้งที่ 2 …….”
“นี่เจ้าจะมาสอนประวัติศาสตร์หรือยังไงกัน? หยุดเถอะ
ข้าต้องการพูดถึงแค่สถานการณ์ปัจจุบันกับเจ้าเท่านั้น”
เมื่อเป็นดังนั้น อาร์คดยุคก็ไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจไปจากบทสนทนาได้
ฝ่ามือของอาร์คดยุคคาโคลานั้นชุ่มด้วยเหงื่อ
“ปัญหาไม่ใช่แค่เพียง จอมมารระดับต่ำเท่านั้น แต่อาร์คดยุคที่ปกครองโลกปีศาจก็ด้วย
……หากโลกมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวใต้การปกครองของจอมมารแล้ว ก็จะเป็นปัญหากับพวกเจ้าด้วยเช่นกัน
จอมมารที่อยู่ในโลกมนุษย์จนถึงตอนนี้ด้วยข้ออ้างว่าพิชิตทั้งทวีปน่ะ แล้วจะทำยังไงกันต่อหากมนุษย์โดนกวาดล้างไปจนสิ้นแล้ว?”
“…….”
“เหล่าจอมมารก็จะกลับมามองยังโลกปีศาจ ไม่ช้าก็เร็ว บทบาทหน้าที่นักปกครองอย่างเจ้าก็ต้องมาถึงจุดสิ้นสุดอยู่ดี ข้าพูดถูกไหม?”
“หากฝ่าบาทคิดเช่นนั้นแล้ว…….”
อาร์คดยุคหุบปากลงอย่างช้าๆ
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาพูดได้
หากอาร์คดยุคเห็นด้วย ก็จะเปิดช่องให้เหล่าจอมมารมีอำนาจในดินแดนของเขา
หากอาร์คดยุคปฏิเสธ ก็จะถือว่า ตัวเขานั้นคิดคดคิดกบฏต่อจอมมาร
เขานึกถึงสำนวน กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา
“ทั้งจอมมารระดับต่ำ และเหล่าผู้มีอิทธิพลในโลกปีศาจนั้นไม่ปรารถนาที่จะให้ครองโลกมนุษย์สำเร็จ ซึ่งนั่นก็สมเหตุสมผลดีกับการที่กองทัพจอมมารติดแหง่กมากว่า 2,000 ปี น่ารังเกียจชะมัด”
ดันทาเลี่ยนยักไหล่
“แต่ถึงอย่างนั้น จอมมารระดับสูงๆก็ไม่ได้โง่ หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 2,000 ปีอย่างนี้ ก็ต้องปะติดปะต่อเรื่องราวได้อยู่แล้ว
พวกเขารู้แล้วว่า มีบางกลุ่มที่ต่อต้านกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราอย่างลับๆ”
“…….”
“เอาล่ะ เอาล่ะข้าจะไม่ระบุนะว่ากลุ่มไหน แต่ข้าก็แค่พูดความจริงเฉยๆด้วยความใจกว้างล้วนๆ
อ่าห์ ข้าคอแห้งเหลือเกิน”
ดันทาเลี่ยนหยิบกระติกน้ำส่วนตัวออกมาดื่ม เขาพกกระติกน้ำมาด้วยทั้งที่รู้ว่าจะมางานเลี้ยง นั่นหมายถึงว่า เขาระวังการวางยาพิษไว้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาแสดงกระติกน้ำให้เห็นตลอดนั่นหมายความว่าอย่างไร? การแสดงออกของเขานั้นบ่งบอกว่า เขาสงสัยว่า จะมีความเป็นไปได้ที่อาร์คดยุคจะแอบลอบวางยาเขา
เขาแอบประณามอาร์คดยุคด้วยการเป็นเหตุให้กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลำคอของอาร์คดยุคคาโคลาแห้งเผือด นี่ใช่ชายบ้าตัณหาคนนั้นแน่รึ?
จะไร้สาระก็ให้มีขอบเขตกันหน่อย ชายคนนี้มันนักรบ นักรบที่วางดาบไว้ใต้หมอนแม้ยามหลับอยู่บ้าน
“นี่คือ สาเหตุที่ว่า ทำไมเราถึงได้ตัดสินใจที่จะพักการจู่โจมโลกมนุษย์เอาไว้ก่อน พวกเราควรจะกลับมาจัดหลังบ้านก่อน”
หลังพูดไปมากมายขนาดนั้น ดันทาเลี่ยนกลับหัวเราะออกมาราวกับกลั้นไว้ไม่ไหว
“นี่มันไม่ตลกหรือยังไงกันล่ะ?
นอกจากจะต้องแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายเพื่อเผชิญหน้ามนุษย์,ศัตรูทางธรรมชาติของพวกเรา พวกเราก็ต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเพื่อเผชิญหน้ากับจอมมารและปีศาจด้วยกันเองอีก
แหม ดูเหมือนท่านเทพธิดาจะรู้จักเล่นตลกเหมือนกันนะเนี่ย”
“……ที่ฝ่าบาทพูดว่า ‘พวกเรา’ มาสักพักนั้น ท่านหมายถึง ใครกันหรือครับ?”
อาร์คดยุคคาโคลาไม่อาจระงับความอยากรู้อยากเห็นได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจถามออกมา เขารู้อยู่ในใจแล้วว่า คำถามนั้นไม่ควรจะถามแต่ก็อดไม่ได้
ดันทาเลี่ยนจ้องไปตรงๆในดวงตาอาร์คดยุค อาร์คดยุคเย็นวาบถึงไขสันหลัง
“บาอัล บาร์บาทอส ไพมอน มาร์บาส และ กามิกิน พวกนี้เป็นตัวตนที่สำคัญในการร่วมมือกัน”
อาร์คดยุคคาโคลากลืนน้ำลาย
นี่มันเป็นไปไม่ได้! นี่จะบอกข้าว่า จอมมารลำดับ 1 ,หัวหน้าฝ่ายที่ราบ,ฝ่ายภูเขา และฝ่ายเป็นกลาง รวมถึงจอมมารระดับสูงที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนั้น
―กำลังจะบอกข้าว่า พวกเขาร่วมมือกันอย่งนั้นรึ!?
สิ่งนี้เป็นเหมือนการโยนโครมเข้าใส่กลางวงสนทนา สรุปง่ายๆคือ จอมมารระดับสูงกำลังผนึกรวมกำลังกัน!
“ว่ายังไง? ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ?”
ดันทาเลี่ยนยิ้มอย่างขมขื่น
“ดูไม่อาจเข้าใจได้ใช่ไหม พวกเขานั้นต่างแยกกันสู้มาโดยตลอด แต่ลองคิดดูดีๆสิ
พวกเขาจะโกรธกันขนาดไหนที่ได้เพิ่งมาค้นพบว่า การที่ต้องสู้อย่างสิ้นหวังแล้วพ่ายแพ้มาตลอดนั้นมีสาเหตุมาจากมือที่สามน่ะ?”
อาร์คดยุคคาโคลาปฏิเสธสิ่งที่คิดในหัว นี่มันเรื่องโกหก เขาไม่มีหลักฐาน มันไม่มีอะไรที่เป็นภัยคุกคามหรอก
“คงคิดว่า ข้าไม่มีหลักฐานใช่ไหม?”
“……!”
ดันทาเลี่ยนฉีกยิ้ม
“เจ้าคงได้ยินข่าวเรื่อง ไพมอนเสียเวทย์มนตร์ทั้งหมดเพื่อช่วยข้าเมื่อครึ่งปีที่แล้วนี่ ผู้นำฝ่ายภูเขากลับเสียสละตนเพื่อปกป้องจอมมารระดับต่ำของฝ่ายที่ราบ เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยหรืออย่างไร?”
“นั่นมัน…….”
“แล้วทำไมฝ่ายต่างๆที่แยกกันสู้ อยู่ๆกลับมารวมกันอยู่ที่จักรวรรดิฮับบวร์กได้ล่ะ?
ลองไปตรวจดูเรื่อง ฝ่ายภูเขาดูหรือยัง? ว่าทำไมฝ่ายภูเขาถึงไม่ได้รับการลงโทษใดๆเลย
ไม่เข้าใจอีกหรือว่าทำไมบาร์บาทอส บุคคลที่จงเกลียดจงชังฝ่ายภูเขาที่สุดน่ะถึงได้ยอมอ่อนให้กันนะ?”
ดันทาเลี่ยนยิ้มเยาะ
“อ่อนเสียเหลือเกิน
โธ่เอ๋ย!อาร์คดยุคคาโคลาช่างอ่อนด้อยเสียเหลือเกิน
เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งเหตุผลที่ว่าทำไม จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ลำดับ 1 บาอัลนั้น บัดนี้จึงได้เข้าร่วมเต็มกำลังกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา”
อาร์คดยุคคาโคลาปิดบังความกังวลต่อไปไม่ได้ นี่เขาพูดเรื่องอะไรกัน? จอมมารผู้ยิ่งใหญ่บาอัลควรจะไปรับมือกับจักรวรรดิแฟร้งอยู่ เขาไม่ควรที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังจักรวรรดิฮับบวร์กที่โดนกวาดล้างไประดับหนึ่งแล้วนี่
แต่ถึงอย่างนั้น หากคิดดูอีกที……กองทัพหลวงของฟราเซียเองตอนนี้ก็กำลังร่วมรบกับฮับบวร์ก มันอาจไม่แปลกที่บาอัลเคลื่อนไหว แต่มันมีจุดประสงค์อื่นซ่อนอยู่หรือเปล่า? จุดมุ่งหมายที่อาร์คดยุคตกหล่นไป?
คำพูดของดันทาเลี่ยนเป็นเหมือนดั่งฟ้าผ่า สร้างความตระหนกให้กับอาร์คดยุคคาโคลา
“นั่นก็เพื่อถนอมรักษากองกำลังของพวกเรา กองกำลังของพวกเราจะกำจัดเจ้า
เหล่าอาร์คดยุค ผู้ปกครองโลกปีศาจเอ๋ย”
การกวาดล้างแห่งโลกปีศาจ
พวกเขาต้องจัดการทำความสะอาดบ้านตัวเองก่อนจะหวังไปพิชิตโลก บาอัลเตรียมการเพื่อสิ่งนี้ ไม่ใช่แต่บาอัลเท่านั้น ทั้งกลุ่มที่รับมือกับฮับบวร์กอย่างฝ่ายที่ราบ ฝ่ายภูเขา ฝ่ายเป็นกลาง และจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็ยังเข้าร่วมด้วย
‘นี่มันไม่ใช่การบลัฟที่ไม่มีมูลแล้ว……!’
จอมมารระดับสูงนั้นตั้งใจเตรียมการที่จะพิชิตโลกปีศาจจริง
– อย่าประเมินเขาต่ำไปนัก
ตอนนั้นเองที่อาร์คดยุคคาโคลาตระหนักได้ว่า สิ่งที่อาร์คดยุคคนอื่นตักเตือน อาร์คดยุคคนอื่นมิได้ประมาท
พวกเขาได้เตรียมตัวรับมือเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาไม่ใช่ผู้เล่น ในกระดาน ไม่สิ พวกเขากำลังถูกล่า
ปัญหามันไม่ใช่ที่ว่า ประมาทหรือไม่ประมาท มันเป็นเรื่องระหว่างผู้ล่ากับผู้ถูกล่า……อีกฝ่ายนั้นเตรียมการเรียบร้อยแล้วที่จะฉีกทึ้งให้เป็นชิ้น อย่าประเมินเขาต่ำไป อย่าคิดแม้สักเสี้ยววินาทีว่าตัวเองอยู่ระดับเดียวกันกับอีกฝ่าย
นั่นคือสิ่งที่อาร์คดยุคคนอื่นกำลังจะบอกเขา!
อาร์คดยุคคาโคลารู้สึกว่า ดวงตาของตัวเองพร่ามัวไปหมด
MANGA DISCUSSION