สีหน้าของลาพิสกลับเย็นชา
“ท่านดันทาเลี่ยนคะ”
“ข้ารู้ว่าเธอจะพูดว่าอะไร ข้ารู้ดี เธอจะบอกข้าว่า ข้าไม่ควรกู้ยืมโดยไม่ยั้งคิด ถูกไหม?”
ผมโบกมือ
นับตั้งแต่ที่ผมขอกู้ยืมจากลาพิสก็เกือบปีแล้ว ตอนนั้นผมพยายามระดมเงินให้มากเพื่อซื้อสมุนไพรดำ ลาพิสในตอนนั้นก็ปฏิเสธอย่างแข็งขัน เธอแนะนำให้ผมหาเงินช้าๆในระยะเวลาเป็นร้อยปี
แม้เธอจะเป็นพ่อค้า แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับเกลียดการกู้ยืม คงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการเป็นหนี้ แต่ไม่ใช่เลย ที่เธอระวังการเป็นหนี้เงินกู้เพราะเธอเป็นพ่อค้าต่างหาก เธอรู้ความน่ากลัวของมันดี
“ถูกต้องแล้วค่ะ จริงอยู่ที่เครดิตความน่าเชื่อถือทางการเงินของท่านดันทาเลี่ยนสูงขึ้นมาก แถมความจริงที่ว่า ท่านเป็นคนสนิทของฝ่าบาทบาร์บาทอสนั้นเพียงพอที่จะให้บริษัทปล่อยเงินกู้ให้ท่านยืม
แต่ถึงอย่างนั้น การเป็นหนี้โดยไม่มีแผนการนั้นเป็นหนทางสู่ความล่มจมค่ะ”
“เธอพูดถูกต้องเลย แต่ถึงอย่างนั้น หากมีความปรารถนาก็มีหนทางอยู่
หึหึ เอาล่ะ คอยดูก็แล้วกัน ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลมากเรื่องเงินก้อนนั้นน่ะนะ”
“เฮ่ออ”
ลาพิสมองผมด้วยความสงสัย เธอไม่ได้บ่นเรื่องเงินไปมากกว่านั้นอีก เพราะผมย้ำให้เธอแน่ใจแล้ว
ความจริงเธอค่อนข้างจะไว้ใจผม แม้จะชอบจับผิดผมบ่อย แต่เธอก็เป็นคนประเภทคนที่ช่างจับผิดที่ไว้ใจผมด้วย
ลอร่าจึงพูดขึ้น
“นายท่าน ฉันเข้าใจเรื่องที่ท่านอยากจะก่อสร้าง แต่ตามความเข้าใจของหญิงสาวผู้นี้ นายท่านไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่การปราบนักผจญภัย
ท่านบอกว่า ให้เน้นไปที่จำนวน แต่ท่านกลับดึงพวกมอนสเตอร์มาทั้งเผ่าแล้วสร้างบ้านให้พวกมัน
ตรงจุดนี้แทนที่จะเป็นปราสาทจอมมารดูเหมือนเรียกว่า เป็นเมืองน่าจะเหมาะกว่า”
อย่างที่คิดไว้จริงๆ แม้ลอร่าจะไม่ได้มีพรสวรรค์ทางการเมืองการปกครอง แต่สัญชาตญาณของเธอนี่ดีเลยล่ะ
“ยิ่งไปกว่านี้……นายท่านไม่คิดจะทำให้ปราสาทจอมมารกลายเป็นป้อมปราการ แต่ตั้งใจสร้างเป็นเมืองและคอยควบคุม หญิงสาวผู้นี้เข้าใจถูกต้องหรือไม่คะ?”
“ยอดเยี่ยม เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว ข้ามิได้จะเอามอนสเตอร์พวกนั้นมาเป็นลูกน้อง”
ระบบนิเวศวิทยาด้วยความสมัครใจ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ
ตัวอย่างเช่น หากฝูงมอนสเตอร์บุกเข้าโจมตีหมู่บ้านมนุษย์และหมู่บ้านนั้นไม่มีหัวหน้าหมู่บ้าน หรือตัวแทนผู้ทรงอำนาจที่ทำหน้าที่เป็นแกนนำ แสดงว่า มนุษย์จะไม่สู้กลับเพราะเหตุนี้ใช่ไหม?
ไม่ใช่เลย นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องการสู้เพื่อปกป้องครอบครัว เพื่อนบ้าน และความเป็นผู้อันปกติ
……พวกเขาสมัครใจที่จะสู้เพื่อปกป้องสิ่งเหล่านั้น
มันไม่ใช่ความมีจริยธรรมอันสูงส่ง มันเป็นเพราะพวกเขาจะอยู่ต่อไปไม่ได้หากปล่อยให้หมู่บ้านถูกทำลายลงไป
การสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้านนั่นก็คือ ส่วนขยายของการสู้เพื่อปกป้องตนเองนั่นเอง
ใครสักคนจะหนีออกจากหมู่บ้านทันทีที่หมู่บ้านจะมีแนวโน้มถูกทำลายอย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากพวกเขาตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ต้องพึ่งพาหมู่บ้านแบบนั้น แสดงว่าพวกเขานั้นแยกความเป็นอยู่ในชีวิตตัวเองกับหมู่บ้านออกจากกัน
ในตอนที่ผมบุกเข้าไปในเขตพื้นที่ของมาร์คกราฟในฐานะกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ภาค 6 ผู้คนกลับยอมแพ้อย่างง่ายๆพอได้รับการยืนยันว่า จะรอดชีวิต
สาเหตุนั่นก็เป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นโรเซนเบิร์กหรือบาร์บาทอส ใครจะมานั่งตำแหน่งมาร์คกราฟก็ไม่สำคัญอยู่ดี
พูดอีกอย่างก็คือ มาร์คกราฟโรเซนเบิร์กนั้นโดนต่อต้านจวบจนวาระสุดท้าย เขาต้องการที่จะเอาชนะกองทัพพันธมิตรเพื่อทวงดินแดนคืน ทำไมกันล่ะ?
เพราะเขาเชื่อว่า ตัวเองไม่สามารถแยกชีวิตตัวเองออกจากคำนำหน้าว่า มาร์คกราฟได้…….
ประสิทธิภาพของระบบนิเวศในสังคมนั้นมันแบ่งแยกโดยขึ้นกับว่า สมาชิกในกลุ่มสังคมนั้นๆเต็มใจหรือไม่เต็มใจ โรเซนเบิร์กอาจเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่ใช่ลอร์ดผู้ปกครองผู้ยอดเยี่ยม
นักปกครองทั้งหลายในยุคนี้โดยมากก็เป็นเหมือนเขานั่นแหละ ผมต้องการให้มอนสเตอร์ปกป้องดันเจี้ยนด้วยความเต็มใจ สมัครใจ
ผมไม่อยากจะสั่งการให้พวกมันปกป้องดันเจี้ยน ผมจะปล่อยพวกมันไว้ อยากจะหนีก็หนีได้เลยตามสบาย
ผมต้องการมอนสเตอร์ที่พร้อมจะกางเขี้ยวเล็บใส่ทันทีที่เจอนักผจญภัญ
ผมจะสร้างสิ่งนั้นให้ตัวเอง
ผมจะอยู่ไปได้อีกกี่ปีอย่างนั้นหรือ?
จอมมารนั้นไม่มีอายุขัย ผิดกับมนุษย์ อาจจะเป็น หนึ่งร้อยปี หรือหนึ่งพันปี พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้เรื่อยๆแล้วแต่ดวง
นักผจญภัยนับไม่ถ้วน จะบุกเข้ามาในช่วงระยะเวลาอันยาวนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
คาดหวังให้ผมต้องมานั่งจัดการนักผจญภัยทุกครั้งที่พวกเขาบุกมาอย่างนั้นหรือ? ผมไม่ไปยุ่งกับงานจับกังอย่างนั้นหรอก
ผมจะปล่อยให้มอนสเตอร์ดูแลกันเอง ถ้าหากมีมอนสเตอร์ที่มีพรสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นมา ผมก็จะให้พวกเขาเข้ามาลึกกว่านั้น โดยปล่อยให้มันเข้ามาในพื้นที่ที่มีมานาหนาแน่น
แม้จะเป็นกรณีหายาก แต่หากเกิดคดีความขึ้น ผมก็จะทำตัวเป็นศาลหลวง ผ่านระบบให้รางวัลและลงโทษ ซึ่งนั่นเป็นงานหลัก
การบอกให้ผมทั้งปกครองมอนสเตอร์มากมายพวกนั้นด้วย ในขณะเดียวกันก็ทำที่ว่ามาทั้งหมดด้วย มันออกจะบ้าเกินไปหน่อย
การสันนิษฐานของลอร่านั้นถูกต้องเลย ผมไม่ได้ต้องการจะสร้างปราสาทจอมมาร ผมต้องการจะสร้างเมืองสำหรับมอนสเตอร์ เมืองที่แสนสุขสบายของผมเอง
และนั่น จะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
* * *
Ο
วันต่อมามีแขกมาเยือน
แขกคนนั้นคือ จอมมารลำดับ 12 สิตริ เธอได้รับเชิญจากลาพิสผู้ที่ออกไปหลังจากรับภารกิจลับจากผม ใช้เวลาเพียงไม่นานนักที่จะมาจะไปด้วยการใช้คัมภีร์เทเลพอร์ท
“เห นี่คือ ปราสาทของท่านเหรอ?”
สิตริมองไปรอบห้องของผม ดวงตาเปล่งประกายในทีแรก แต่ความประกายก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ห้องจอมมารของผมนั้นทั้งไม่มีอะไรแถมยังดูโทรม มันคงจะดูไม่สวยงามถูกรสนิยมในเมื่อเธอมีปราสาทหรูหราอยู่แล้ว
ผมยิ้มอย่างฝืนๆออกมา
“โทรมสุดๆเลยใช่ไหม?”
“ใช่ ข้าคิดว่า ท่านจะอยู่แบบคุณชายชนชั้นสูงเสียอีก ทำเอาแปลกใจเลย”
“คงไม่มีจอมมารคนไหนห่างไกลคำว่า คุณชายชนชั้นสูงมากกว่าไปข้าอีกแล้วล่ะ”
ผมล้อเลียนตัวเองแทนเพื่อเรียกความมั่นใจ
สิตริ รำพันออกมาว่า ‘อย่างนี้นี่เอง?’ พลางส่ายหน้า
“ว่าแต่ ทำไมท่านถึงเรียกข้ามาล่ะ? โทษทีนะ แต่พวกเราอยู่ระหว่างการรบอยู่ แต่ข้ามาเพราะท่านเป็นคนเรียกข้า ข้าอยู่ได้ไม่เกินชั่วโมงนึง”
ดูเธอรู้สึกอยากขอโทษจริงๆ
“หากท่านเรียกข้ามาเพราะอยากมีเซ็กส์ ข้าแนะนำว่าให้จัดตารางใหม่ดีกว่า พวกเราต้องการอย่างน้อย 4 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด…….”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้นอยู่แล้วน่า! ที่คิดว่า ข้าเป็นม้าพ่อพันธุ์ที่เที่ยวเชิญคนอื่นมามีเซ็กส์ด้วยระหว่างที่พวกเขากำลังรบอยู่ในสงครามเรอะ!?”
“เอ๋? ถ้าอย่างนั้นท่านเรียกข้ามาทำไมล่ะ?”
ดวงตาสิตริเบิกกว้าง
“ข้าออกจะแน่ใจมากเลยนะว่า คำขอแบบนั้นแหละถึงได้เรียกข้ามาโดยด่วน”
“ข้าชักสงสัยแล้วว่า ท่านสิตริมีภาพลักษณ์ของข้าแบบไหนในหัวกันเนี่ย”
มุมปากผมกระตุก
“อืม แต่……ข่าวลือที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับท่านนี่ออกจะดีนะ”
“ข่าวลือ? ข่าวลือออออ? มีข่าวลืออะไรที่เกี่ยวกับข้าเรื่องเซ็กส์กัน?”
“ช่ายย บาร์บาทอสน่ะเอาแต่โม้ให้จอมมารผู้หญิงคนอื่นฟัง”
ผมเพิ่งเคยได้ยินก็วันนี้แหละ
“เขาน่ะ ทำให้เจ้าถึงจุดสุดยอดได้นับร้อยครั้งต่อวันเลยล่ะ เขารู้ตำแหน่งทุกจุดดังนั้นปล่อยให้เขาเล่นไปเถอะ มันสนุกสุดๆ แถมหมอนั่นยังเรียนรู้เร็ว ยิ่งสอนก็ยิ่งสนุก แต่ถึงอย่างนั้นการโม้ของนางก็ทำให้คนรักของนางดูโง่อยู่ดี”
บาร์บาทอสสสสสสสสสส!
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมเห็นภาพที่บาร์บาทอสเที่ยวไปเล่าเรื่องลามกกับจอมมารหญิงตนอื่นๆทั้งยังยิ้มหื่นๆเหมือนตาลุงบ้ากาม
แม่นั่นคงทำนิ้วทำมือประกอบไปด้วยขณะที่พูดถึงความพึงพอใจที่ได้ในวันนั้น
นังโลลิหื่นเอ๊ย!
“อ้าใช่ ข้าได้ยินว่า ท่านเปิดประตูสู่วงการ BDSM ด้วย”
โอเค ผมตัดสินใจได้ละ สักวันผมต้องฆ่านังโลลินั่นทิ้ง
ผมจะมัดนางไว้แล้วจั้กจี้จนตาย จั้กจี้รักแร้ให้เหงื่อเม็ดเป้งไหลออกมา
แต่ถึงอย่างนั้น สิตริก็ยังพูดต่อไม่จบไม่สิ้น
“ข้าน่ะประหลาดใจมากเลยล่ะ ใครจะไปรู้ว่า บาร์บาทอสนั้นจะรับบทมาโซคิสม์ด้วย ข้าแน่ใจว่า นางจะต้องรับบท ซาดิสม์มาตลอดชีวิต แม้แต่ตัวบาร์บาทอสเองก็ดูประหลาดใจเลย!
นางพูดว่าอะไรนะ? การโดนไอ้ขยะระยำทำเนี่ย มันรู้สึกเหมือนนางต่ำกว่าขยะเสียอีก ทำให้ความรู้สึกพึงพอใจมันเอ่อท้นสุดๆ”
“…….”
นังเด็กปากสว่างนั่น กล้าดียังไงมาเปิดเผยเฟติชท์เพลย์ให้คนอื่นฟังฟะ?
พอมาคิดๆดูแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมไปเที่ยวบอกจอมมารคนอื่นว่า บาร์บาทอสขอร้องผมขณะที่ร้องไห้?
แหงล่ะ วันต่อมา บาร์บาทอสน่าจะโผล่มาแล้วหวดแส้ผมจนตายแน่ๆ
มันรู้สึกยอดมากเพราะรู้สึกเหมือนเป็นขยะอย่างนั้นรึ?
โอเค นังระยำเอ๊ย ผมจะสนองตามที่ต้องการเลย ไว้เจอกันคราวหน้าจะไม่ยอมจนกว่าก้นเธอจะแดงเลยล่ะ
ผมได้พัฒนา <คอร์สขยะขั้นพิเศษ> ในหัว ระหว่างที่คิดเรื่องนั้นสิตริก็นั่งบนเก้าอี้
ตอนนั้นเองที่ผมได้สังเกตเห็นเลือดอยู่บนเกราะที่เธอใส่ นั่นหมายถึง พันธมิตรเสี้ยวจันทรากำลังเผชิญหน้ากับศึกที่สำคัญจนจอมมารเองไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะทำความสะอาดเกราะดีๆ
แม้สิตริจะเป็นกันเองต่อหน้าผม……แต่เธอก็ยังคงแสดงความยิ่งใหญ่อยู่ออกมาอยู่ดี
เอาล่ะ มันก็ไม่น่าแปลกใจหรอก สิตรินั้นเป็นหัวหอกแม่ทัพของฝ่ายภูเขา ไพมอนตอนนี้ก็บาดเจ็บอยู ดังนั้นในทางเทคนิคแล้ว ตอนนี้สิตรินั้นเป็นหัวหน้าของฝ่ายภูเขา
ฝ่ายภูเขานั้นได้รับหน้าที่เป็นแนวหน้า ดังนั้นภารกิจหลักที่ต้องรับมือยิ่งหนักหนากว่าใครๆทั้งนั้น ผมได้เรียกตัวจอมมารที่วุ่นยุ่งที่สุดมาแล้ว
“ถ้าไม่ใช่เรื่องเซ็กส์ ท่านเรียกข้ามาทำไม?”
“พูดกันตรงๆเลยแล้วกัน ข้าต้องการเงิน”
“แน่นอน”
สิตริตอบกลับมาทันทีโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เธอใช้มือแตะคางตัวเองและพูดออกมา
“ทั้งหมดข้ามีอยู่ 600,000 โกลด์ ซึ่งนั่นเป็นเงินที่มากที่สุดที่ข้าเก็บได้เมื่อ 200 ปีก่อน ประมาณๆนี้แหละ
หากนับรวมข้าวของแล้วก็ราวๆ 1,500,000 โกลด์ ……หากนับพวกอัญมณีในโกดังด้วย…….ก็ราวๆ 1,600,000 โกลด์”
หลังจากที่เธอคำนวนเสร็จเธอก็หันกลับมาพร้อมฉีกยิ้ม
“แล้ว ท่านต้องการเท่าไหร่ล่ะ? แค่บอกมา ข้าให้ได้ถึง 1,600,000 โกลด์”
“…….”
ผมควรจะตอบไปยังไงดี?
เหมือนกับอยู่ๆกระแสความคิดของผมก็กว้างขึ้นเล็กน้อย
คุณไม่มีทางที่จะได้ตำแหน่งจอมมารลำดับ 12 เพียงเพราะเล่นไพ่ชนะ
มันต้องมีอะไรหลายต่อหลายอย่างสะสมมาต่อเนื่อง ทั้งความแข็งแกร่ง ความสามารถในการแก้ปัญหา และโชคดีเล็กน้อย แต่หากคุณต้องที่จะตกต่ำจริงๆ คุณก็สามารถตกต่ำถึงนรกได้ง่ายๆ
เธอสัญญากับผมว่า จะให้ทุกอย่างที่ผมร้องขอ ดังนั้น เธอจึงยอมทำตามโดยไม่อิดออด นั่นเป็นกระบวนการความคิดของเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นจะมีสักกี่คนบนโลกที่ พูดว่า ‘เอาเท่าไหร่ดีล่ะ’ แบบนั้นได้? แม้แต่ตัวตนสำคัญๆในหมู่กองทัพจอมมารด้วยกันก็ตาม…….
ผมทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ในปีที่ผ่านมา แค่ปีเดียวเอง สิตรินั้นสามารถคงความใสซื่อระดับนั้นได้ทั้งที่อยู่มานับร้อยปี
นี่เธอไม่คิดจะปิดอะไรเป็นความลับเพราะเธอมีพลังที่มากพอ?
หรือเธอกำลังถลำลงสู่เส้นทางที่ถูกต้องทั้งที่ยังมีโอกาสจะเข้าสู่ด้านมืด?
หรือไม่อย่างนั้น เธอก็คงโง่พอจนแยกไม่ออกระหว่างความใสซื่อ กับการตกต่ำ?
ไม่มีทางที่จะรู้เลยว่า อันไหนจะเป็นความจริงกันแน่ ถึงอย่างนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนแปลกๆที่ยังรักษาตำแหน่งไว้ได้จนถึงทุกวันนี้
คงไม่ต่างจากคนที่เห็นความงามของงานภาพระดับโลกแต่ไม่รู้วิธีการวาดให้ได้อย่างนั้น
การที่ได้แต่อึ้งกับพฤติกรรมของสิตริตอนนี้ ไม่ได้แปลว่า ผมจะรู้จักชีวิตและความเป็นอยู่ของเธอทั้งหมดเสียที่ไหน
“โปรดให้ข้ายืมเงิน 1,000,000 โกลด์”
“ได้แน่นอน อืมมม แต่มีปัญหาเล็กน้อยนะ เงินข้าเนี่ยอยู่ในปราสาทจอมมาร ดังนั้นเอาให้ท่านตอนนี้ไม่ได้”
เธอทำหน้าบูด
“โทษทีนะ แต่ไว้ข้าให้เงินท่านหลังสงครามจบได้ไหม?”
ผมยิ้มอย่างขมขื่น เป็นแบบนี้สินะ
“ดูเหมือนท่านจะเข้าใจผิดไปนะ ข้ามิได้ขอเงินจากท่าน ข้าขอยืมเงินจากท่านต่างหาก”
“……ห้ะ?”
“ข้าปรารารถนาที่จะยืมเงินท่าน 1,000,000 โกลด์ แล้วข้าจะจ่ายคืนให้ท่านในวันหนึ่ง”
สิตริขมวดคิ้ว
“แต่ข้าก็แค่ให้ท่านก็ได้นี่?”
“ข้ายินดีกับความคิดนั่นนะ แต่ทว่าหากท่านทำอย่างนั้น ข้าก็ไม่อาจพูดว่า ข้าอยู่ในฐานะเดียวกันกับท่านนะ ท่านสิตริ ข้าไม่ปรารถนาความสัมพันธ์อย่างนั้น”
ผมต้องการความไว้เนื้อเชื่อใจจากสิตริ ผมไม่ต้องการความสัมพันธ์แบบที่เราหลอกใช้กันและกัน
ผมต้องการสหายศึกที่แท้จริง โลกใบนี้มันเต็มไปด้วยอันตราบ ผมอยากให้แน่ใจว่า จอมมารที่จิตใจใสซื่อของสิตริจะอยู่ฝ่ายผม
ผมคว้ามือขวาของสิตริด้วยมือทั้งสองข้าง
“อะ-เอ๋?”
“ท่านสิตริครับ ข้าปราราถนาที่จะอยู่กับท่านไปตลอดกาล”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง แก้มของสิตริกลับแดงขึ้น
(TTL : คิด<คอร์สขยะขั้นพิเศษ> เพื่อจะถวายให้กับบาร์บาทอสไม่ทันไร ก็จะหันมาล่อสิตริต่อเลยนะเฮ่ย พรี่ดัน!)
MANGA DISCUSSION