* * *
“……มันฟังดูเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
เกือบหนึ่งชั่วโมงที่ผมได้อธิบายยาวเหยียดเกี่ยวกับอนาคตที่ผมวางไว้กับปราสาทจอมมารของตัวเอง
ลาพิสกับลอร่าเงียบไปอยู่สักพัก ก่อนที่ทั้งสองจะพูดขึ้น
“มันไร้สาระค่ะ”
“ฉันเห็นด้วย ออกจะฝันเฟื่องเลยค่ะ”
“ท่านคิดว่า จะต้องใช้เงินเท่าไหร่กันคะ? เป็นค่าซ่อมบำรุงถนนหลักฐานอย่างเดียว โดยมีขนาดที่ใหญ่อย่างนั้น…….”
“สำคัญกว่านั้น มันเป็นอันตรายเกินไปค่ะ แทนที่จะไปเข้าใกล้เหล่านักผจญภัย เราควรจะล่อพวกเขามามากกว่า เกิดผิดพลาดขึ้นมา ชีวิตของนายท่านจะตกอยู่ในอันตรายแทนนะคะ”
ผมยิ้ม
“แต่อย่างนั้นมันก็น่าสนใจไม่ใช่หรือ”
พอพวกเธอเริ่มใช้ความคิดก็เงียบลงอีกรอบ ลาพิสพูดขึ้นด้วยตั้งใจจะจัดระเบียบข้อมูลอย่างหนึ่ง
“วางเรื่องแผนการนั้นไร้สาระหรือไม่ไปก่อนค่ะ เรามาคุยกันเรื่องรายละเอียดที่ทำได้ก่อน
ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านตั้งใจที่จะปรับปรุงปราสาทจอมมารของท่านครั้งใหญ่ถูกไหมคะ”
“ถูกแล้ว”
ปราสาทจอมมารของผมนั้นโทรมจนเกินไป มันเป็นแค่ถ้ำ น่าขำสิ้นดี ไม่ใช่ว่าผมอยากจะการใหม่ให้มันเป็นวังหรือดูหรูหราหรอก อย่างน้อยผมแค่อยากสร้างสถาบันวิจัยหลายๆแบบขึ้นจะได้เป็นกำลังเสริมให้มอนสเตอร์ป้องกันดันเจี้ยนของผมได้
ซึ่งนั่นเป็นแผนปลายทางที่ผมวางไว้
“……แต่ การที่มี ชั้นใต้ดิน 10 ชั้น เป็นขนาดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”
เสียงลาพิสฟังดูเหนื่อยใจ
ดันเจี้ยนที่มีชั้นใต้ดินถึง 10 ชั้น!
ถ้ำที่อยู่ใต้ปราสาทจอมมารของผมนั้นกว้างขวางมาก ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะเดินจากปากทางเข้าถึงห้องจอมมารของผม
ด้วยขนาดเท่านั้น พวกเราก็ใช้เวลาส่วนใหญ่วนอยู่ใกล้ห้องจอมมาร ที่ๆไกลที่สุดที่เราไปคือ สระน้ำใต้ดินที่แยกจากมุมหนึ่งของถ้ำ
ผมต้องการจะยายไปให้เป็น 10 ชั้น จากมุมมองของลาพิส มันเป็นขนาดที่ใหญ่ผิดปกติเสียจนเธอพูดไม่ออก
“เป้าหมายสุดท้าย คือ 10 ชั้น แต่ก่อนอื่นเราต้องเตรียม ชั้นที่ 1 ก่อน ไม่ว่าจะยังไง ปราสาทจอมมารของผมก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าตอนนี้”
แผนการของผมนั้นง่ายมาก
ผมตั้งใจจะรับมอนสเตอร์จำนวนมากมาอยู่ในปราสาท
นับตั้งแต่มาที่โลกนี้ผมก็รู้แล้วว่า ปราสาทจอมมารเป็นดั่งสถานที่อันทรงเกียรติของเหล่ามอนสเตอร์ ไม่ใช่เพราะพวกมันได้อยู่เคียงข้างจอมมารหรอก
หากแต่เป็นเพียง การอยู่ในปราสาทจอมมารนั้นเป็นดั่งสวรรค์ในตัวอยู่แล้ว
สารที่อยู่ในร่างของนักรบสเกเลตั้นและซอมบี้ ยามที่ต้องสลายแล้วกลายเป็นกระดูกและก้อนเนื้อ ไม่ได้มีอย่างอื่นเลยนอกจากมานา
มานานั้นไหลทั่วไปตามธรรมชาติ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีมานามากเพียงพอที่จะรักษาร่างเนื้อไว้ ดังนั้นจึงต้องกินสัตว์ ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงของห่วงโซ่อาหารมากเท่าใด ก็ยิ่งมีมานาไหลเวียนในร่างมากเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมมนุษย์จึงเป็นเหยื่อที่เอร็ดอร่อยนักสำหรับมอนสเตอร์
มนุษย์นั้นมีชีวิตอยู่ด้วยการกินสัตว์ทุกๆประเภท พวกเขาจึงเป็นก้อนมานาขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับเผ่านอื่น
มนุษย์สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องมีมานา ในขณะเดียวกันมอนสเตอร์ทั้งหลายกลับต้องกลืนกินมานาเพื่อดำรงชีวิตอยู่……. นั่นทำให้ทั้งสองเผ่าต้องฆ่ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับมอนสเตอร์ในปราสาทจอมมารล่ะ?
ปราสาทจอมมารนั้นเป็นแหล่งที่มีมานาไหลท่วมท้วนตลอดทั้งปี มันเป็นสถานที่ที่ขุดถ้ำก็เจอหินเวทย์มนตร์
โดยพื้นฐานแล้ว มอนสเตอร์แทบไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตล่ามนุษย์เลย
หากอยู่ในปราสาทจอมมาร แค่หายใจไปวันๆก็เพียงพอต่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!
หากจอมมารไม่ได้มีพลังในการบังคับบัญชามอนสเตอร์โดยสมบูรณ์ พวกมันก็คงจะบุกเข้ามายึดครองปราสาทจอมมารไปนานแล้ว สถานที่ที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น
―ดังนั้นผมจึงตั้งใจเปิดบ้านให้พวกมัน
โดยไม่ต้องสนเลยว่าจะเป็น ก็อบลิน,ออร์ค,มนุษย์กิ้งก่า หรือซอมบี้ จะมาอยู่ด้วย
ผมวางแผนที่จะรับมอนสเตอร์ทุกตัวที่เข้ามาอยู่ในดันเจี้ยนของผมโดยไม่แบ่งแยก
แล้วไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบประเมินกันด้วย
พวกมันไม่จำเป็นต้องมาเป็นลูกน้องผมด้วยเช่นกัน
ก็แค่เอาตัวมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน
“จอมมารแทนทุกตนต่างพยายามสร้างทหารระดับสูง ปราสาทจอมมารนั้นเป็นดั่งแหล่งเก็บกักมานา
ดังนั้นจึงมีพวกที่มีอบิลิตี้ดีๆเท่านั้นที่อนุญาตให้อยู่ในที่ที่เป็นเหมือนขุมสมบัติ
……ถึงแม้ตรรกะแบบนั้นจะฟังดูเข้าท่า แต่ข้าจะไม่ใช้ปราสาทจอมมารของข้าทำแบบนั้น”
ผมประกบมือแล้วฉีกยิ้ม
“พวกเราจะเน้นไปที่จำนวน พวกเราจะเอาชนะศัตรูด้วยจำนวนกัน”
พวกเราจะสร้างดันเจี้ยนอันยอมเยี่ยมที่มี 10 ชั้น แต่ละชั้นนั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ ผมจะไปพักอยู่ที่ชั้น 10 โดยวางห้องจอมมารอยู่ที่ชั้นล่างสุด
ผมก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอย่างสันติ
หากไม่นับเรื่องเงินจำนวนมากที่ต้องใช้จ่ายแล้วล่ะก็ มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่สุดยอดไปเลยล่ะ
ลาพิสคร่ำครวญออกมา
“ความภาคภูมิใจในฐานะปราสาทจอมมาร…….”
“ความภาคภูมิใจอะไรกันล่ะ? ถ้ามัวแต่หาอะไรแบบนั้นอยู่มีหวังได้ตายในฐานะจอมมารลำดับ 71 ”
“นายท่าน ถึงท่านจะบอกว่า ศัตรูพวกเราจะต้องเจอกับจำนวนมากก็ตามแต่แผนนี้ยังมีจุดตายอยู่”
ดูเหมือนลอร่าจะพยายามหยุดแผนของผมไว้
เธอนั้นชอบที่จะควบคุมกองทหารชั้นนำเล็กๆมากกว่าที่จะคุมกองทัพคุณภาพต่ำจำนวนมาก
โอ้ ที่รัก นี่แหละน้า เหตุผลที่ว่าทำไม พวกนักกลยุทธถึงมักจะเป็นปัญหา เพราะพวกเขาเอาแต่เฝ้าฝันหวานอยู่แต่กับกองทัพสุดยอดทหารกองน้อยๆในยุคนี้นี่แหละ
“พูดได้”
“ถ้าพวกเราเน้นจำนวนแล้ว คนธรรมดาจะไม่สามารถเข้ามาบุกได้ก็จริงแต่ถึงอย่างนั้น แล้วท่านจะทำอย่างไรหากมีกลุ่มนักผจญภัยกลุ่มเล็กที่เก่งๆเข้ามาล่ะ?”
ลอร่าพูดออกมาอย่างมั่นใจ ราวกับว่า คำพูดของเธอนั้นแทงเข้าจุดตายของแผนการ
“พวกเขาน่ะไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวกำจัดมอนสเตอร์ทุกตัวในปราสาทจอมมาร แถมยังสามารถทะลวงไปยังเส้นทางที่สั้นที่สุดได้ด้วย……
จากทางเข้าตรงดิ่งไปยังห้องจอมมารของท่าน พวกเขาจะใช้แผนบลิสท์เคร็ก (blitzkrieg : การโจมตีเพื่อหาทางเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว) หรือพูดอีกอย่างหนึ่งกำลังฝ่ายพวกเราก็เป็นแค่ฝูงม็อบที่วุ่นวายเท่านั้น
เห็นกันชัดๆเลยว่า พวกมอนสเตอร์จะวิ่งหนีทันทีที่เห็นศัตรูเก่งๆ ดังนั้นปราสาทจอมมารจะโดนยึดได้ง่ายๆ”
“ฮุฮุ”
ผมหัวเราะออกมา
“นี่แหละ ลอร่า นี่แหละคือ เหตุผลที่ว่า ทำไมพวกเราจึงต้องการการก่อสร้างขนาดใหญ่”
“หืมมม?”
“ข้าตั้งใจที่จะทำให้ทั้งปราสาทจอมมารกลายเป็นเขาวงกตขนาดยักษ์”
ลอร่าส่ายหน้า จากมุมมองของเธอ เธอกำลังพูดถึงประสิทธิภาพของปราสาทจอมมาร แต่จู่ๆผมก็โพล่งเรื่องเขาวงกตขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเหตุที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนดันเจี้ยนตัวเองให้กลายเป็นเขาวงกต
นั่นก็เพื่อจำกัดเส้นทางการเดินของนักผจญภัย
“แต่เดิมแล้ว เส้นทางจะเป็นอย่างนี้”
ผมวาดแผนผังของเขาวกกดลงบนพื้นด้วยชอร์ก
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ทางเข้าดันเจี้ยน (ชั้นแรก)━━ทางเข้า B1 ━━ทางเข้า B2 ━━ ทางเข้า B3 … ทางเข้า B10━━ ห้องจอมมาร
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
“แล้วทีนี้ เราจะล้อมเส้นทางทั้งสองข้างด้วยกำแพงแข็งๆหนาๆ”
“อ้อ นี่สินะ ทำไมท่านถึงได้เรียกว่าเป็นเขาวงกต?”
ผมพยักหน้า
“พวกเราจะสร้างให้กำแพงนั้นหนามากและแข็งมากทำให้นักผจญภัยไม่สามารถทำลายมันได้ เงื่อนไขตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ระยะไปถึงทางเข้านั้นกลายเป็นทางยาว ตัวอย่างก็เช่น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ทางเข้า B1━━━━━━━━━━━━ทางเข้า B2
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
“ถ้านักผจญภัยนั้นฝืนที่จะเดินทางที่ยาวเหยียดในชั้นแรกเพราะเขาวงกตนั้นคดเคี้ยวเป็นอย่างมาก สุดท้ายพวกเขาก็จะรู้ว่า การทำลายกำแพงนั้นเป็นวิธีการที่ดีกว่า
แต่การทำลายกำแพงทุกกำแพงนั้น ใช้เวลามากมายหลายวัน
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องค่อยๆเริ่มทำลายไปทีละน้อยจากทางเข้า
ซึ่งพวกเราจะไม่ยอมให้พวกเขาทำแบบนั้น”
ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ทางนั้นสั้นเกินไป นักผจญภัยก็จะเสียหายหนักเกิน
และไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ทางนั้นยาวเกินไป กำแพงที่เราเสียเงินจ่ายมาก็จะถูกนักผจญภัยทำลายทิ้งหมด
“ระยะความยาวควรจะพอดีๆเพื่อให้รู้สึกว่า ยาวระดับหนึ่งก็ไม่ยาวมากจนรู้สึกว่าเสียเวลา เปลืองแรงเปล่าที่จะทับทำลายทิ้งเพื่อข้ามไป
และพวกเรายังต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มอนสเตอร์อาศัยอยู่ด้วย”
“แล้วมอนสเตอร์ไม่ได้อยู่ในเส้นทางของเขาวงกตหรือคะ?”
ผมส่ายหัว
“ข้าตั้งใจทำเส้นทางเดินให้เป็นถนนแคบ โดยมีขนาดต่างๆกันขึ้นกับพื้นที่ ในกรณีนี้ มอนสเตอร์จำนวนมากไม่สามารถอยู่ได้หากเส้นทางนั้นแคบเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้นก็จะมีพื้นที่ให้มอนสเตอร์อยู่อาศัยที่เตรียมไว้อยู่หลังกำแพงเขาวงกต”
ผมวางภาพเพิ่มเติมเข้าไป
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□
■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■
ทางเข้า B1━━━━━━━ทางเข้า B2
■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■
□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□
■: กำแพงเขาวงกต
□: พื้นที่ที่มอนสเตอร์อยู่อาศัย
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ลอร่ามองแผนผังชั่วขณะก่อนที่จะส่ายหัวด้วยความไม่เห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นนักผจญภัยก็จะแยกห่างจากมอนสเตอร์โดยสมบูรณ์! มันจะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้นหรอกค่ะ”
“ลอร่า เจ้าทำให้ข้าอยากตาย
ที่วาดมาเนี่ยมันเป็นแค่ตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้สะดวกเท่านั้นเอง พวกเราจะเปิดพื้นที่ที่เหมาะสม โดยให้พวกเขาผ่านเข้าไปในพื้นที่ที่มอนสเตอร์ต้องการจะปกป้อง”
“หืมมมม”
หากพวกเราทำอย่างนั้น การต่อสู้ก็จะเกิดขึ้นเฉพาะจุดบรรจบกันของเส้นทาง
ผมเพิ่มเติมรายลงไป
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□
■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■
ทางเข้า B1━━━ (☆) ━━━ทางเข้า B2
■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■
□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□
■: กำแพงเขาวงกต
□: พื้นที่ที่มอนสเตอร์อยู่อาศัย
☆: จุดปะทะ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
พวกนักผจญภัยทั้งหลายจะต้องต่อสู้เสมอที่ผ่านจุดนี้ จากมุมมองของพวกเขา มันจะดูเหมือนมอนสเตอร์อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาบนเส้นทางโล่ง
แน่นอนว่า พวกเราได้เตรียมอุปกรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขารู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว
พูดง่ายๆว่า ตรงจุดนั้น คือ พื้นที่จุดเกิดของมอนสเตอร์
“ตัวอย่างก็เช่น เราอาจจะปลูกเห็ดจำนวนมากที่ห้องนี้ โดยเห็ดนั้นจะดูดซับมานาในดันเจี้ยนแล้วก็โตขึ้นโตขึ้น
พอมานาในอากาศลดลง มอนสเตอร์ก็ต้องกินเห็ดเป็นอาหารแทน
สำหรับนักผจญภัยแล้ว เห็ดที่เต็มไปด้วยมานานั้นมีราคาสูงอย่างมาก ……สองกลุ่มก็จะมาปะทะกัน
นั่นคือระหว่างมอนสเตอร์ที่ต้องการจะปกป้องพื้นที่ตรงนั้นกับนักผจญภัยที่ต้องการจะยึดจุดนั้น”
ผมแต่ผมเองก็ยังคิดว่า มันช่างชั่วร้ายเสียเหลือเกิน
อันที่จริงหากปล่อยไว้ แค่มอนสเตอร์ใช้ชีวิตอยู่เฉยๆก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนัก
แต่พอมีเห็ดโตขึ้น มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วที่พวกมอนสเตอร์จะต้องสู้กับนักผจญภัย
“ตรงจุดนี้ พวกเขาในฐานะนักผจญภัย พวกเขาจะเลือกอยู่ในป่าต่อเพื่อปล้นหมู่บ้านหรือจะอยู่ในปราสาทจอมมาร ยังไงก็ต้องมาแก่งแย่งกับนักผจญภัยอื่นๆนับแต่นี้เป็นต้นไปอยู่ดี ข้าจะเฝ้าดูว่า พวกเขาเลือกทางไหน”
ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้เพิ่มเติมบางสิ่งเข้าไป
“ในแต่ละชั้นจะมีความหนาแน่นของมานาแตกต่างกัน มานายิ่งหนาแน่นขึ้นเมื่อลึกเข้าไปในถ้ำ พวกเราจะให้มอนสเตอร์สู้กับนักผจญภัยพวกนั้นในที่ที่เหมาะสม
หากอยากมีความเป็นอยู่ดี ก็ต้องตั้งใจสู้ให้ดี แบบนั้นไม่นับว่า เป็นแรงจูงใจชั้นเลิศเลยหรือ?”
“…….”
ลอร่าเหมือนบ่นอะไรออกมาอย่างไม่พอใจก่อนที่จะผงกหัวยอมรับ
“ซึ่งจะมีมอนสเตอร์ระดับแนวหน้าอยู่เฉพาะที่ชั้น 10”
“นั่นเป็นอนาคตอันไกล พวกเราต้องเริ่มจากใต้ดิน ชั้นแรกก่อน พูดอีกอย่างก็คือ พวกเราต้องทดสอบอะไรต่อมิอะไรในแผนของข้าที่ชั้นแรก”
ลาพิสพูดขึ้นมา ณ ตอนนั้นเอง
“ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านต้องแก้ปัญหาหนึ่งก่อนค่ะ”
“หืมม ปัญหาอะไร?”
“เรื่องเงินค่ะ”
ลาพิสพูดด้วยเสียงเข้ม
“ในเมื่อท่านตั้งใจจะสร้างกำแพง มันจึงมีงานที่ต้องสร้างให้เหมือนเขาวงกตผ่านพื้นที่ที่แย่ขนาดนี้ การก่อสร้างต้องใหญ่โตมากเลยค่ะ เหรียญทองไม่กี่โกลด์ไม่เพียงพอหรอกนะคะ แล้วท่านตั้งใจจะหาเงินนั่นมาไหนกันคะ?”
“โอ้ เรื่องนั้นเองน่ะรึ?”
ผมตอบอย่างสบายๆ
“ผมตั้งใจจะยืมมาไง”
“……อะไรนะคะ?”
“ได้ยินไม่ใช่เหรอ กู้ยืมไง? ข้าจะเล่นใหญ่เลยล่ะ”
(TTL : จอมมารเงินเชื่อจริงๆเลย พรี่ดัน)
MANGA DISCUSSION