* * *
และแล้วผมกับพาร์ซิก็ได้คำตัดสินจากที่คุยกันก่อนหน้านี้
“มันเป็นเรื่องจริงที่เจ้านั้นละเลย ไม่ใส่ใจยามเมื่อเพื่อนบ้านของเจ้านั้นได้แสดงสัญญาณอันตรายในการก่อกบฏ แ
ละก็จริงอีกเช่นกันที่พวกเจ้านั้นได้กระทำไปโดยพลการโดยมิได้ขออนุญาตต่อข้าก่อนนั้นจัดเป็นการกระทำผิดอันร้ายแรงด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น การที่เจ้าสามารถจัดการกับผู้ทรยศได้รวดเร็วก็เห็นได้ชัดแล้วว่า พวกเจ้าทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาที่จะร่วมมือกันอย่างลับๆในการต่อต้านข้า
ดังนั้นข้าจะจัดการกับหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสามด้วยการริบทรัพย์เสีย”
ผมที่ได้ทำการยึดทรัพย์สินทั้งหมดของหัวหน้าหมู่บ้านทั้งสามคนนั้น ผมจึงไม่เอาส่วยที่ทางหมู่บ้านเตรียมไว้ให้ ชาวบ้านต่างสรรเสริญกับคำตัดสินของผมว่า ช่างมีกรุณายิ่ง
จากมุมมองชาวบ้านนั้นดูเหมือนหัวหน้าหมู่บ้านจะได้สละตนให้เพื่อหมู่บ้าน
แต่ก็เห็นกันอยู่แล้วนี่ว่า ส่วยที่ผมคืนกลับไปให้เขานั้นจะกลับไปอยู่ที่ไหน เรือล่มไหนหนองทองจะไปไหนเสียล่ะ
พอผลเป็นอย่างนั้นเข้าก็เป็นโชคที่ผมและหัวหน้าหมู่บ้านที่เหลือรักษาหน้าไว้ได้
ผมได้ส่งก็อบลินไปยังหมู่บ้านที่เหลือ
สามวันต่อมา มีทูตมาจากหมู่บ้านต่างๆมาถึงปราสาทจอมมารของผม พวกเขาหมอบกราบอยู่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนเพื่อขอร้อง พวกเขาวอนขอผมอภัยให้พวกเขา
พวกเขาได้ลิ้มรสชาติชีวิตสงบสุขที่ไม่มีมอนสเตอร์บุกแล้ว จึงสามารถที่จะมุ่งเป้าไปที่การทำฟาร์มโดยไม่ต้องกังวลอะไร พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะสร้างกองทหารอาสา จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้สถานการณ์กลับไปเป็นเหมือนเดิม
“คราวนี้ต้องเก็บภาษี 70%”
แม้จะเป็นปกติของยุคนี้ แต่ก็นับว่าเป็นอัตราภาษีที่หนักหนา ผู้เฒ่าจากหมู่บ้านพวกนั้นอาจขอบคุณในทีแรกที่ให้อภัยพวกเขา
แต่ความพึงพอใจพวกนั้นก็จะเหือดแห้งไปเมื่อเวลาผ่านไป
พวกเขาจะเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องจ่ายภาษี70%เพียงเพื่อคุ้มครองจากก็อบลินเท่านั้นล่ะ
ผมจะใช้ประโยชน์จากจุดนั้นแหละ
ยิ่งพวกเขาทำงานเบ็ดเตล็ดอย่างดูแลน้ำ ผมก็ยิ่งลดภาษีให้พวกเขา
“ข้าจะลดภาษีของพวกเจ้าลงตามงานที่พวกเจ้าทำได้ในดินแดนนี้ พวกเจ้าจงทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสิ่งรอบตัวเจ้าเองล่ะ”
อัตราภาษีสำหรับชาวบ้านที่ทำงานคือ 40% พวกเขาจ่ายแค่ 40% จากผลประโยชน์ที่เขาหามาได้
การเก็บภาษีเพียง 40% นั้นเพียงพอที่จะให้ชาวบ้านร้องเพลงสรรเสริญถึงคุณงามความดีของเจ้าของที่แล้ว
ผมผลักดันให้อัตราภาษีเหลือ 40% สำหรับคนทำงานสำหรับหมู่บ้านที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนั้น ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เหมาะสม
ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่ยื่นมือไปยุ่งกับการเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เล่ย์ รอบที่สองด้วย
โดยปกติแล้ว การทำการเกษตรจะมีช่วงการปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวสาลี และจากนั้นก็จะเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เล่ย์ จึงทำได้ 2 รอบต่อปี
ผมจะเก็บภาษีเฉพาะการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของพวกเขา
“เท่านี้ก็เพียงพอที่จะไม่ทำให้พวกเขาต้องหิวตายแล้วถูกไหม?”
ผมถามลอร่าในขณะที่ปรึกษาเธอเรื่องนี้ ลอร่านั้นเป็นลูกสาวของดยุคผู้มีชื่อเสียง
ผมถามเธอเนื่องจากคิดไว้ว่า เธอน่าจะมีความสามารถเรื่องการจัดเก็บภาษีอยู่บ้าง แต่ทว่า
“ต้องขออภัยค่ะ นายท่าน แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่มีความรู้เรื่อง การบริหารจัดการดินแดนโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ”
พอมาคิดๆดูแล้ว ลอร่าก็โดนขับไล่ออกจากตระกูลนี่นะ เธอคงไม่ได้รับการศึกษาอย่างที่ผู้สืบทอดจะได้รับ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เธอจะรู้เรื่องยากๆอย่างการบริหารจัดการดินแดน คงหวังพึ่งเธอไม่ได้จริงๆนั่นแหละ…….
“ช่างน่าผิดหวังเสียจริงที่รู้ว่า ข้ารับใช้หนึ่งเดียวของข้าแต่ในนามนั้นช่างไร้ความสามารถ”
“อั่ก……. หยะ-หญิงสาวผู้นี้สามารถช่วยเรื่องการรบการศึกได้ แค่นั้นไม่พอหรือคะ!?”
ใบหน้าของลอร่าแดงก่ำขณะที่โต้แย้ง
แต่เดิมเธอน่ะ จะได้กลายเป็นตัวตนที่ทรงอิทธิพลที่สุดที่อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบริททานี่ เลยรู้ไหม?
แล้วการเป็นรัฐมนตรีระดับชาติเนี่ยจะมีแต่ประสบการณ์ทางการทหาร แต่ไม่มีความรู้เรื่องการเมือง การบริหารจัดการเลยได้อย่างไร?
ผมชักเป็นห่วงอนาคตของชาติ อ่า ราชอาณาจักรบริททานี่ที่จะล่มสลายใน<Dungeon Attack> นี่คงอธิบายการล่มสลายของชาติพวกเขาได้ดีเลยล่ะ
“การศึกการรบไม่ใช่สิ่งจำเป็นในตอนนี้ มันอีกนานเลยกว่าพวกเราจะได้เข้าสู่สงครามอื่นอีก
นั่นหมายความว่า เธอจะไร้ประโยชน์ไปอีกน้านนานเลยล่ะ ช่างเป็นคนช่างเอาเปรียบที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้นะ”
“อูอู้วววว”
ลอร่ามองผมด้วยความขัดใจ ช่างน่ารักเสียจริง
ผมยักไหล่
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอทำได้แล้วล่ะ ลอร่า”
“มีอะไรหรือคะ? นายท่าน ได้โปรดบอกมา หญิงสาวผู้นี้จะพยายามเต็มที่”
“ถ้าหัวของลอร่ามันใช้การไม่ได้ ก็มีแต่ร่างกายของเธอแล้วนี่แหละ”
สีหน้าของลอร่ากลับว่างเปล่า มันเป็นใบหน้าของนักปราชญ์ผู้สิ้นชาติ
“มะ-ไม่มีทาง”
“หันก้นมาทางนี้สิ”
“ม่ายยย! ฉันบอกไปแล้วไงคะว่า จะไม่ทำอีกแล้ว นายท่าน! อู้ว ฮิก!”
ลอร่าพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็กลายเป็นอาหารจานหนึ่งไปในที่สุด เสียงอันน่าพึงพอใจดังขึ้นในหูผมตอนนั้นเอง
「เลเวลอาชีพของลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ (ทาสกาม) เพิ่มขึ้น!」
อาชีพทาสกามของลอร่านั้นเพิ่มจาก C ไปเป็น B มันเป็นอาชีพที่ไม่มีประโยชน์เลยนอกจากจะลดค่าสแตทไหวพริบและเสน่ห์ลง
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพบประโยชน์ลับๆจากอาชีพทาสกามนะ
ก็คือ……ทาสกามเลเวลที่สูงขึ้นจะเพิ่มคุณภาพเซ็กส์ได้ ยิ่งเลเวลสูงเท่าไหร่คุณก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น!
เป็นที่แน่นอนว่า สัมผัสที่โอบหุ้มรอบเจ้าน้องชายผมกลับแน่นขึ้นตามเลเวลที่เพิ่มขึ้น มันเหมือนกับสไลม์ร้อนๆชั้นเยี่ยมที่บีบรัดผม
พวกเราทำกับเกือบ 6 ชั่วโมงเลยในวันนั้น
“…….”
ลอร่านั้นตายในหน้าที่ เธอล้มลงอยู่ในมุมหนึ่งของเตียง ช่วงเวลาสุดท้ายของเธอนั้นช่างรุ่งโรจน์นัก
“ฟู่วว ข้าจัดการกับนายพลศัตรูได้แล้ว”
“…….”
ผมพูดขึ้นมาอย่างพออกพอใจ แต่ลอร่าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอคงสลบไปแล้วนั่นแหละ ผมมีกำลังเหลือพอที่จะทำให้เด็กสาวอายุ 17 สลบไป ผมวักน้ำในถ้วยมาดื่มด้วยความรู้สึกที่ได้พิชิตบางอย่าง
หลังจากกามราคะของผมหายไปจากร่างกายแล้ว มีเพียงความกังวลที่ยังคงอยู่ ผมจะจัดการกับดินแดนของผมยังไงดีล่ะเนี่ย?
“อืมม”
มันก็จริงแหละที่ผมมีภาพใหญ่ไว้อยู่แล้ว แต่ผมไม่แน่ใจว่า ควรจะทำมันตอนไหนดี
มันไม่เหมือนดินแดนของมาร์คกราฟโรเซนเบิร์ก ที่มีอัตราภาษีตายตัวอยู่แล้วเป็นสิ่งที่สืบๆกันต่อมานับร้อยปี ทั้งหมดที่ผมทำก็แค่เซ็นเอกสารยืนยัน
ในขณะที่สถานการณ์ในหมู่บ้านชาวภูเขารอบปราสาทจอมมารนั้นต่างไปสิ้นเชิง หมู่บ้านเล่านั้นสร้างขึ้นมาหลังจากหนีลอร์ดที่สุดจะโหดเหี้ยมคนเก่า และอยู่ท่ามกลางการบุกโจมตีของมอนสเตอร์
ดินแดนที่ลอร์ดพวกนั้นเอื้อมไปไม่ถึง แถมยังมีก็อบลินอีก มันเป็นภูมิประเทศที่ยอดเยี่ยมที่ยากจะมีใครมาพบ
และเมื่ออยู่ๆผมโผล่ขึ้นมา ผมก็ต้องจัดระบบภาษีตั้งแต่ศูนย์ เช่นเดียวกับที่บอกกันเสมอว่า เริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แล้วเราจะทำให้ภาพใหญ่ของดินแดนในฝันของผมในอนาคตเป็นจริงได้อย่างไร ผมนี่ไม่รู้เลยจริงๆ
และตอนนั้นเอง พระผู้ช่วยก็ได้มาถึง
ผ่านไปสามสัปดาห์ หลังจากที่ผมแอบหนีมาจากสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรามาได้ ซาคิวบัสผมสีชมพูก็ได้มาพบผมที่ปราสาทจอมมาร
“ดิฉันต้องขอประทานอภัยค่ะ งานโลจีสติกนั้นมีมากเหลือเกิน ทำให้ดิฉันพึ่งออกมาได้ก็ตอนนี้”
ลาพิสโค้งให้อย่างเคารพขณะพูด
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ดิฉันจะกลับมาทำงานในฐานะของพ่อค้าคนสำคัญของฝ่าบาทดันทาเลี่ยนอีกครั้ง ได้โปรดให้ความกรุณา…….”
“ลาพิสสสสสส!”
“คุณลาพิสคร้าบบบบ―!”
ลอร่ากับผมวิ่งไปหาเธอพร้อมๆกัน พวกเราทั้งดึงกระโปรงดึงขาแล้วตะโกนออกมา
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ที่ไหน ลาพิสต่างแสดงสีหน้าเรียบเฉยและไม่สนใจใยดีตลอดเวลา แม้จะมีเจ้านายลูกน้องต่างมาร้องไห้อยู่ข้างๆกันก็ตาม
―ทั้งสองต่างเปลือยอยู่
―เธอไม่ได้แสดงสีหน้ากังวลอะไร เธอเพียงแค่เลิกคิ้วก่อนจะมองมาที่พวกเรา
“……เกิดอะไรขึ้นกันคะ?”
“ดินแดนของข้า! ระบบภาษี! กฏหมาย! ข้าไม่รู้เลยว่า ต้องเริ่มต้นยังไง!”
“นายท่านน่ะเป็นปีศาจบ้ากาม! เขาพยายามที่จะลากหญิงสาวผู้นี้ไปนับร้อยครั้งต่อวัน ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว คุณลาพิส หยุดความบ้ากามของนายท่านให้ที!”
ลาพิสถอนใจออกมา
“กรุณาพูดทีละคนด้วยค่ะ”
ลาพิสนั้นถือว่ามีประสบการณ์มากในการบริหารจัดการดินแดน
เธอได้ฟังแนวคิด ที่ผมเตรียมจะวางไว้สำหรับหมู่บ้าน ลาพิสตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูดอย่างสุขุมโดยพยักหน้าตอบ
“แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ แต่มีบางอย่างที่ต้องแก้ไข”
“ข้าคิดไว้แล้ว”
ผมหัวเราะ
“ก่อนอื่น ปัญหาเรื่องการลดภาษี การลดภาษีการบังคับใช้แรงงานนับเป็นเรื่องดี
ถึงอย่างนั้นท่านตั้งใจที่จะตรวจสอบการทำงานเป็นรายบุคคลอย่างนั้นหรือคะ?
ท่านไม่สามารถเปลี่ยนคนเฝ้าไม่ซ้ำกันทุกวันแล้วสั่งให้เขารายงานได้หรอกค่ะ”
“อ่าา”
เธอพูดถูก
งานที่ต้องบังคับนั้นก็เป็นแค่งานใช้แรงงานธรรมดาทั่วไป หากบอกพวกเขาให้มาสร้างอ่างเก็บน้ำชาวบ้านก็จะมาร่วมกันทำงาน
ในสถานการณ์อย่างนั้น ผมจะคำนวนคนที่มาลงแรงทำงานได้ยังไงกันนะ? ผมได้แต่เสี่ยงเดาเอาอย่างเดียว
“ให้เป็นหน้าที่หัวหน้าหมู่บ้านไปเสีย……อาจไม่มีปัญหาก็ได้”
“ถูกต้องแล้วค่ะ ท่านควรจะแบ่งอำนาจบางส่วนบ้าง”
หากผมให้งานนี้กับหัวหน้าหมู่บ้านไป อำนาจของหัวหน้าหมู่บ้านก็จะเพิ่มขึ้นมาก
ชาวบ้านก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอาอกเอาใจหัวหน้าหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็จะตั้งใจทำเงินแล้วรายงานหัวหน้าถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ได้ลดภาษีมากกว่าคนอื่นๆด้วย แล้วพอภาษีลดลงแล้วจะทำยังไงกันต่อ?
พวกเขาก็จะมอบส่วนนั้นให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน
สุดท้ายแล้วไม่เพียงเจ้าของบ้านจะได้ทุกอย่างไปแต่หัวหน้าหมู่บ้านก็จะกลายเป็นผู้ครอบครองความมั่งคั่งทั้งหมดด้วย
ถ้าเป็นอย่างนี้จะกลายเป็นว่า ที่ผมทำไปทั้งหมดนั้นมากมายนั้นกลายเป็นผลกำไรของหัวหน้าหมู่บ้านเสียแต่ผู้เดียว
“ข้าควรทำอย่างไร?”
“มีวิธีแก้ที่เรียบง่ายและทรงประสิทธิภาพค่ะ ลดอัตราภาษีทั้งหมู่บ้านไม่ใช่แค่กับคนใดคนหนึ่งค่ะ ท่านจะสามารถลดภาษีได้ทั้งหมู่บ้านไปเลยค่ะ”
“อะฮ่า!”
ดวงตาของผมเบิกกว้าง ช่างเป็นวิธีการที่ดีเสียนี่กระไร
พูดง่ายๆคือ ผมสั่งให้พวกเขาสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นด้วยการลดภาษีลงถ้าทำงานนี้เสร็จ จะได้ไม่ต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากซับซ้อน แถมยัง
“ยิ่งไปกว่านั้นท่านไม่ต้องกังวลเรื่อง คนขี้เกียจด้วย”
“ผู้เกียจคร้านจะถูกทุกคนในหมู่บ้านตำหนิดังนั้นพวกเขาจะพยายามช่วยกันทำค่ะ!”
“หากมีใครสักคนหนึ่งทำผิดพลาด คนทั้งหมู่บ้านต่างเสียประโยชน์กันหมด สิ่งนี้จะสร้างบรรยากาศให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันค่ะ”
ไม่เพียงแต่ทำให้การคำนวนนั้นง่ายขึ้น แต่ยังลดโอกาสของการแอบอู้ ขี้เกียจไปได้ด้วย เป็นการยิงนัดเดียวได้นกสองตัว ผมได้แต่อึ้งกับกลวิธีนี้
“สุดยอดไปเลยนะ นี่เธอคิดวิธีแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“ดิฉันไม่สมควรได้รับคำชมเชยเช่นนั้น วิธีการนี้มิได้น่าประทับใจเลยค่ะ”
ลาพิสตอบกลับมาอย่างเฉยเมย เธอคงเชื่อจริงๆแหละว่ามันไม่ได้น่าประทับใจขนาดนั้น
แต่ถึงอย่างนั้น ลาพิสก็ช่วยป้องกันเหตุการณ์แย่ๆไม่ให้เกิดขึ้นจากด้วยการเปลี่ยนนโยบายของผมไปเพียงเล็กๆน้อยๆ มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะสามารถทำกันได้
……หากผมกับพาร์ซินั้นเป็นตัวแทนการเมืองฝ่ายชั่วร้าย ลาพิสก็เป็นตัวแทนของฝ่ายการเมืองที่แท้จริง
‘สเตตัส’
ผมเช็คสแตทของลาพิส
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่อ: ลาพิส ลาซูลิ
เผ่า: ลูกครึ่งซัคคิวบัส ฝ่าย: บริษัท เคียนคุสก้า
สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-10)
เลเวล: 25 ชื่อเสียง: 194
อาชีพ: พ่อค้า(A-), แม่มด(B), นักดาบ(D)
ความเป็นผู้นำ: 59 อำนาจ: 32 ความฉลาด: 57
ไหวพริบ: 76 เสน่ห์: 50 เทคนิค: 2
ค่าความชอบ: 50
ค่าความจงรักภักดี: 82
*ฉายา: 1. เร่ร่อนสู่ร่ำรวย 2. พ่อค้าแห่งเคียนคุสก้า
*อบิลิตี้: การค้าขาย(B+), การบัญชี(B+), การคิดเลข(B), การหว่านเสน่ห์(C), ความชำนาญดาบ(D)
*สกิล : –
ความคิดตอนนี้: ‘……เขาชมฉัน’
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
[ฉายา]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ค่าไหวพริบทางการเมืองของเธอเกิน 70 ไปแล้ว มันเป็นตัวเลขที่เปล่งประกายมากเมื่อเทียบกับค่านั้นของลอร่าที่มีแค่ 10
ค่าไหวพริบของลาพิสนั้นจดจ่อไปในการทำงานจริงในขณะที่ผมมีความถนัดเป็นพิเศษในเรื่อง การวางแผนและกลอุบาย
ถึงแม้คนสองคนจะมีค่า ไหวพริบถึง 70 แต่มีรายละเอียดในเรื่องความชำนาญที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น ตามสมมุติฐานนะ ค่าไหวพริบที่สูงสุดของบาร์บาทอสนั้นมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการจัดการฝ่ายที่ราบ
เธอนั้นเป็นทหารผ่านศึกที่ต้องจัดการกับความขัดแย้งระหว่างฝ่าย และไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ ถึงอย่างนั้นเธออาจจะไม่รู้เรื่องการจัดการดินแดนเลยก็ได้
‘ผมดีใจที่ดึงลาพิสมาอยู่ฝ่ายผมตั้งแต่เนิ่นๆ สายตาที่แยกแยะคนได้ของผมเนี่ยไม่ผิดเลยจริงๆ’
ลาพิสพูดอย่างระวังในขณะที่ผมกำลังพอใจอย่างมาก เธอทำท่าทางระวังอย่างที่ไม่เคยมาก่อน
“ท่านดันทาเลี่ยนคะ สิ่งที่ดิฉันบอกท่านไม่ได้น่าประทับใจเป็นพิเศษจริงๆนะคะ”
“หืมม ไม่หรอกน่า มันสุดยอดจริงๆ ทำได้ดีมากๆ เอาล่ะๆ ข้าหายใจหายคอได้คล่องเลยจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น จะเป็นอะไรไหมคะ หากดิฉันจะขอรางวัลเล็กๆน้อยๆบ้าง?”
ผมพยักหน้า
“แน่นอน! บอกสิ่งที่อยากได้มาเลย! ข้าจะให้ทุกอย่างเลย”
“……ทุกอย่างหรือคะ?”
ตอนนั้นเองที่ ดวงตาของลาพิสเปล่งประกาย
MANGA DISCUSSION