ผมหัวเราะออกมาเบาๆ
จะให้ผมพูดอะไรล่ะ? ก็ในเมื่อผมรู้สึกเหมือนกำลังเฝ้ามองกระต่ายที่พยายามแยกเขี้ยวตอนที่ไล่ต้อนไปอยู่ในมุม
เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธนั้นย่อมต้องตื่นตระหนกอย่างแน่นอน การปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่ายนั้นเป็นหนทางปกติในการพูดของเธอ
“มนุษย์จากทุกชาติ!”
เธอไม่สนใจการหัวเราะร่วนของผมแล้วยังพูดต่อ
“อย่าถูกหลอกโดยคำพูดของชายผู้นั้น พวกท่านมิได้สูญเสียพ่อแม่ พี่น้อง ผองเพื่อนและเหล่าสหายไปใต้คมเขี้ยวของพวกมอนสเตอร์พวกนั้นหรอกหรือ?
ชายคนนั้นเป็นจอมมาร ผู้ปกครองเหล่ามอนสเตอร์”
ผมเฝ้ารออย่างสบายๆ ผมสามารถที่จะพูดแทรกขึ้นมาเลยก็ได้ แต่แบบนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
พวกเราไม่ได้กำลังโต้เถียงกันอยู่ พวกเราแค่กำลังแลกเปลี่ยนบทสุนทรพจน์ ทัศนคติของผู้กล่าวปราศรัยนั้นไม่สำคัญมากกว่าเนื้อหาที่พูดออกมาเพื่อดึงความสนใจของผู้ฟัง
หากผมเที่ยวพูดแทรกอย่างนั้นเรื่อยๆก็รังแต่จะทำลายภาพลักษณ์ของตนเอง
ตั้งใจฟังอย่างสุภาพแล้วค่อยมารับชัยชนะในภายหลัง
…….นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่สมควรทำ
“เขากล่าวอ้างว่า กองทัพจอมมารนั้นจะไม่ฆ่าผู้คน แล้วจะมีคำโกหกใดใหญ่ไปกว่านี้อีก?
ใครกันคือผู้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องทวีปผืนนี้ในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา? ใครเป็นผู้ปกปักรักษาชีวิตของเหล่ามนุษยชาติใน 1,8000 ปีที่ผ่านมา?”
เจ้าหญิงจักรวรรดิเริ่มใช้เสน่ห์ของตนครอบงผู้คนทั่วทั้งทุ่งราบ ความงดงามของเธอ น้ำเสียงหนักแน่นสะท้อนก้องไปถึงท้องฟ้า เสียงของเธอนั้นไหลผ่านไประหว่างทหารแต่ละนายราวกับสายลม
“1,500 ปีที่ผ่านมา ใครกันที่อยู่ที่ปราสาทสการ์เล็ท แล้วกวัดแกว่งดาบจนกระทั่งเหลือคนสุดท้าย?
1,400 ปีที่ผ่านมา ใครกันที่พุ่งเข้าใส่ออเกอร์ 10,000 ตัว ที่ทุ่ง อูล์ม?
และในวันนี้ ใครกันที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ 100,000 ตัวในนามพระเจ้า เพื่อปกป้องครอบครัวและลูกๆของพวกเขา?”
เจ้าหญิงจักรววรดิอลิซาเบธยกมือขึ้นแล้วตะโกน
“ถูกต้องแล้ว! นั่นคือ พวกท่านยังไงล่ะ บุตรสาวบุตรชายแห่งทุกชนชาติ! โอ เหล่าผู้กล้าเอ๋ย ผู้คนมากมายที่ต้องตายจากพวกมอนสเตอร์เหล่านั้น
ิพวกมอนสเตอร์เหล่านั้นนั่นแหละที่รุกรานพวกท่าน เมื่อใดก็ตามที่ท่านได้เป็นเจ้าของท้องทุ่ง
ยามเมื่อชีวิตของพวกท่านกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่พ่อๆต่างยิ้มให้ลูกของตนด้วยความรัก ก็จะมีมอนสเตอร์โหดเหี้ยมไร้ความปรานีนั่นมาฆ่าล้างลูกๆของพวกเขา
และเมื่อพวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อาศัยอยู่ในท่วงทำนองเดียวกัน พวกมอนสเตอร์นั้นมันก็ถอยไปจากชีวิตของพวกเรา”
เธอกำหมัดแน่น
“มาตอนนี้ พวกเขากลับมาบอกว่า พวกเขาไม่เคยคุกคามผู้คนเลย ขอให้ตัวข้าได้ถามท่านทั้งหลายหน่อยเถิดว่า ―นั่นมันใช่เรื่องจริงหรือไม่?”
มีแต่เพียงความเงียบ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิหันหน้ามองไปยังบางส่วนของกองกำลังมนุษย์
“โอ ชาวโบวเทีย(Boeotians)ทั้งหลาย!
ข้าจำได้ว่า 500 ปีที่แล้ว ภูเขาในแถบออลิส พวกท่านได้เผชิญหน้ากับออร์ค 20,000 ตัว และปกป้องแนวรับของมนุษยชาตินานเกินกว่า 4 วัน ข้ารู้จักเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ เพเนลีออส (Peneleos) ผู้นำทัพของพวกท่าน ผู้พักพิงอยู่ใต้เขานั้นกับคนของเขา”
จากนั้นเธอก็หันไปทางหน่วยอื่น
“โอ ชาวนามี(Nemeans)ทั้งหลาย!
ข้าจำได้ว่า 200 ปีที่แล้ว ณ ดินแดนแห่งนกพิราบ ทิสไบ พวกท่านได้ปกป้องเมืองจากกองทัพ ก็อบลิน 30,000 ตัวด้วยกองกำลังเพียง 500 นาย ทั้งเจ้าเมือง ชนชั้นสูง สามัญชน และทาสต่างร่วมสู้ เป็นหนึ่งเดียวกันในการรบกับพวกมอนสเตอร์เหล่านั้น มนุษยชาติไม่มีวันลืมความพยายามของพวกท่าน”
เจ้าหญิงจักรวรรดิหันไปอีกครั้ง
“โอ ชาวแอสพลีโดน(Aspledonians)!
พวกเราจะลืมการต่อสู้ที่เป็นตำนานที่ท่านแสดงให้พวกเราเห็นเมื่อ 700 ปีที่ผ่านมาได้อย่างไร!?”
ในตอนนั้นเองที่หน่วยที่มาจากชนพื้นเมืองและจากเมืองต่างๆที่เจ้าหญิงเรียกชื่อขึ้นตะโกนร้องเชียร์ขึ้นมา
“โอ ผู้คนจากโลคริส(Locris)!
คนผู้มีเกียรติศผู้อาศัยอยู่ริมน้ำเซฟิซัส!
1,700 ปีก่อน คนของพวกท่านเอาชนะมังกรไม่ต่ำกว่า 2 ตัวบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของยูโบเอีย
แม้แต่เทพียังต้องสั่นสะเทือนจากความสำเร็จยิ่งใหญ่ของพวกท่าน!”
หน่วยพวกนั้นที่เปล่งเสียงเชียร์ออกมาบอกให้รู้ว่า พวกเขาคือ คนจากโลคริส
“โอ ผู้คนจากอแบนทิส(Abantis)และอัลเฟลอิออส(Alpheios)!
การต่อสู้อันทรงเกียรติที่สลักไว้ในอิฐทุกก้อนของป้อมปราการในช่วงสาธารณะโบราณ
เมื่อข้าอายุได้ 16 ปี ข้าได้สัมผัสป้อมปราการแห่งนั้น ข้าสาบานว่าจะจำจดทหารผู้กล้าหาญทุกนาม
อดรานทอส,เมเนธีอุส,เอลพนอร์,สตูร่า,โอฟัส,สการ์เป้,ออกี,ทาร์เพีย―”
เธอพูดชื่อทุกชื่อจนถึงชื่อสุดท้าย เสียงของเธอกลับยิ่งดังขึ้นดังขึ้น จนพอพูดครบสิบชื่อ หน่วยหนึ่งของกองทัพมนุษย์ก็ส่งเสียงเชียร์
พอเธอไล่ชื่อไปเกินยี่สิบชื่อ ทหารจักรวรรดิฮับบวร์กก็ส่งเสียงเชียร์ พอเธอไล่ชื่อไปราวสามสิบสี่สิบชื่อ ―ทั้งกองกำลังฝ่ายมนุษย์ก็ส่งเสียงเชียร์
“มนุษยชาติ!”
เจ้าหญิงจักรวรรดิตะโกน
“พวกท่านทั้งหลาย อาจได้เคยถูกเรียกด้วยนามอันหลากหลาย แต่ที่มายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ในฐานะ ชาวฮับบวร์ก,แฟร้ง,บรีตอน,บัทตาเวีย,ทิวทัน ,แคสทิเลีย,ซาร์ดิเนีย,อนาโตเลีย,มอนโคว,คัลมาร์ และ เบอนิเชีย
ถึงอย่างนั้น พวกเรารู้ พวกเรารู้ดีว่าพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน!”
แล้วเธอก็หันหลังกลับ เธอมิได้พูดกับกองทัพจอมมารหากแต่หันไปพูดกับกองกำลังฝ่ายมนุษย์
“ช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเราแบ่งแยกกัน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ฆ่ากันเอง แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็กลับมารวมเป็นหนึ่งเสมอ เมื่อใดก็ตามที่มอนสเตอร์เหยียบย่างเข้ามาในดินแดนที่พวกเรารักและหวงแหน เข่นฆ่าพ้องเพื่อนและครอบครัว พวกเราจะร่วมกัน แล้วสู้ไปด้วยกัน!
แม้จะโดนเกลียดชังหรือโดนดูถูกดูแคลนก็ไม่อาจหยุดยั้งพวกเราได้ แม้ฟันหยาบๆของออเกอร์ก็ไม่อาจหยุดพวกเราได้!
ถูกแล้ว นี่เป็นเพราะพวกเรานั้นเป็นมนุษย์ พวกเราเป็นมนุษย์นับตั้งแต่วันที่เกิด และพวกเราจะตายอย่างพึงพอใจในฐานะมนุษย์!”
เจ้าหญิงจักรวรรดิดึงดาบออกจากปลอก เรเปียเล่มงามระยับใต้แสงแดด
“สำหรับ 2,000 ปี ที่ผ่านมา มอนสเตอร์นั่นพยายามแบ่งแยกพวกเราด้วยลูกเล่นนาๆ แต่ถึงอย่างนั้น ขอให้จดจำไว้ว่า พวกเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน!”
มนุษย์นับแสนชูดาบขึ้นฟ้าแล้วตะโกนร้อง
“พวกมันพยายามที่จะแบ่งแยกพวกเราอีกครั้ง แต่พวกท่านก็ทราบดี พวกท่านก็ทราบดีว่า วันนี้พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน!
อนุชนรุ่นหลังจะจดจำพวกเราไว้ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกสัก สองพันปีต่อจากนี้ มนุษยชาติจะดำรงอยู่ในฐานะเผ่าพันธุ์เดียวกัน!”
เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิใช้ปลายดาบเรเปียคมๆหันใส่ผมของเธอ เธอตัดผมสีเงินสวยๆของเธอแล้วถือไว้ในมือซ้าย จากนั้นตะโกนออกมา
“ตัวข้า อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก ขอสาบานต่อหน้าสนามรบในวันนี้ หากพวกท่านคุกเข่าเพื่อขอความเมตตาจากมอนสเตอร์ ท่านจะได้เห็นข้ายืนอยู่หน้าพวกท่าน
เมื่อท่านลังเลสงสัยในพลังแห่งมนุษยชาติจนทำดาบตก ข้าจะอยู่เคียงข้างคอยสนับสนุนพวกท่าน”
เธอกางมือซ้ายออกแล้วปล่อยให้ผมสีเงินของเธอกระจายไปในอากาศ
“ในวันนี้ พวกท่านบางคนอาจตาย พวกท่านบางคนอาจรอด เลือดของมนุษย์จะชุ่มโชก ณ ที่ราบบรูโน่
ถึงกระนั้นพวกท่านก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป เหล่าทหารของทุกชาติ!
ลูกหลานแห่งเหล่าบรรพบุรุษผู้น่าภาคภูมิใจทั้งหลาย!
พวกท่านจะ―ร่วมกันกับข้าเพื่อแสดงให้มอนสเตอร์ดุร้ายพวกนั้นเห็นว่า พวกเราคือมนุษย์หรือไม่!?
พวกท่านจะมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่แห่งทวีปผืนนี้อีกครั้งด้วยกันหรือไม่!?”
เสียงเชียร์ดังก้องไปทั่วทั้งทุ่งราบ มนุษย์นั้นตีกลองกันอย่างอึกทึกครึกโครม พวกเขาไม่ต้องการท่วงทำนองหรือจังหวะใด เสียงที่ออกมาจากปอดนั้นพร้อมเพรียงและทรงพลัง
“…….”
ผมต้องกลับมาคิดใหม่
เจ้าหญิงจักรวรรดิ มิใช่กระต่าย จะเป็นอลิซาเบธอายุ 27 ปี หรือจะเป็นอลิซาเบธอายุ 17 ปี
……เธอก็ยังเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจในการบัญชากำลังพลทั้งทวีป
เธอนั้นฉลาด เธอไม่ได้พยายามหักล้างทุกสิ่งที่ผมพูดไป เธอรู้ดีว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเหตุผล แต่เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ ดังนั้นเธอจึงนำอุดมคติขึ้นมาชูเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของเหล่ามนุษย์ และที่สูงสุดเลยคือ ความเป็นผู้กล้า
ด้วยการขานชื่อของกองกำลังแต่ละฝ่ายของกองทัพมนุษย์ ก็ได้นำความภาคภูมิใจกลับมาสู่บ้านเมืองพวกเขา ที่ยุคสมัยที่มนุษย์มิได้อยู่โดดเดี่ยว หากแต่เป็นสมาชิกของชุมชน
ไม่มีอะไรที่เหนียวแน่นเท่ากับความภาคภูมิใจในบ้านเกิด เจ้าหญิงจักรวรรดิใช้สิ่งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ
เธอนั้นได้โฆษณาตัวเอง แล้วยังแสดงออกเล็กๆน้อยๆด้วยการตัดผมสีเงิน
เธอถามผู้คนทั้งหลายว่า ‘พวกท่านจะมุ่งหน้าไปกับข้าหรือไม่?’ เธอไม่ได้ถามแค่กับชนชั้นสูง เธอถามกับทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้กับเธอ อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก ทหารก็ตอบรับด้วยการส่งเสียงเชียร์ตะโกน…….
ตำแหน่งทางการเมืองของเจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธสูงขึ้นในชั่วพริบตา ไม่มีใครจะปฏิเสธได้ว่า เธอนั้นมีคุณสมบัติคู่ควรกับการสืบทอดราชบัลลังค์แห่งฮับบวร์ก
แม้ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นหลังสงครามกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราจะจบลง แต่เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็จะไม่เสียการสนับสนุนจากผู้คน
ดังนั้นเธอก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้นตรงข้ามกับเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลาย ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าประทับใจยิ่ง
สามารถล่วงรู้ได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการสุนทรพจน์คืออะไร
จู่โจมหัวใจผู้ฟังได้อย่างแม่นยำเพื่อครอบครองและทำเป้าหมายสำคัญจนสำเร็จ
และสุดท้าย เธอยังสามารถยกตำแหน่งของตัวเองขึ้นได้ด้วย
เพียงเวลาไม่กี่นาที ภายในกรอบเวลาอันแสนสั้น เธออาจจะเริ่มพูดหลังการปราศรัยของผม แต่อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์กก็สามารถที่จะหาหนทางทำสามสิ่งนั้นได้สำเร็จลุล่วงไปได้
อัจฉริยะ
นับว่าเธอเป็นอัจฉริยะโดยแท้ เธอเกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดินีและโตขึ้นมาเป็นสุดยอดผู้ปกครอง มันไม่ได้เป็นเพราะฮีโร่เอาชนะกองทัพจอมมารได้ใน <Dungeon Attack>หรอก มันเป็นเพราะตัวเอกน่ะมีเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอยู่ต่างหาก
เจ้าหญิงอลิซาเบธนั้นเป็นตัวตนที่สุดยอด ยิ่งใหญ่ ร้ายกาจและศัตรูที่เลวร้ายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
– แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังสะท้อนไปทั่งทุ่งราบ มันเป็นเสียงที่ดังฟังชัด
ผู้คนหันมามองตามเสียงนั้น มีชายคนหนึ่งปรบมือและแสดงสีหน้าราวกับกำลังซาบซึ้งกินใจ เอาล่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปกปิดไว้นี่
คนๆนั้นคือผมเองเนี่ยแหละ
“ยอดเยี่ยม เป็นดั่งที่คาดไว้เลยจริงๆ อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก ฮีโร่คนสุดท้ายที่เกิดในจักรวรรดิ”
“……หากเจ้าต้องการจะเย้ยหยันข้า ขอบอกว่า มันไร้ประโยชน์ จอมมาร ความแน่วแน่ของพวกเรานั้นไม่สั่นคลอน”
“เย้ยหยันเนี่ยนะ!?”
ผมถึงกับประหลาดใจกับเจ้าหญิงอลิซาเบธ ผมพูดจริงนะเนี่ย
หากผมเป็นเธอ ผมคงไม่สามารถที่จะพูดได้แบบนั้นแน่ ผมคงจะตื่นตระหนกจนติดอ่าง หรือทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้า คน 200,000 คน
นั่นคือ เหตุผลที่ว่า ทำไมผมถึงพูดได้นานนัก ก็ในเมื่อมันมีเขียนไว้บนโฮโลแกรมตรงหน้าผม
ในขณะที่เจ้าหญิงจักรวรรดิไม่ได้ใช้อะไรช่วยเลยในตอนที่พูดสุนทรพจน์ เธอนี่ช่างน่าประทับใจยิ่ง
แต่โชคร้ายหน่อยนะ เจ้าหญิงอลิซาเบธ
หากไม่ใช่ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอก็คงได้รับชื่อเสียงเป็นของตัวเองไปหมดแล้ว
ผมยิ้มออกมา
“นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของข้า พี่สาวอลิเซ่”
“พี่สาว……?”
เธอขมวดคิ้ว
“เจ้ายกเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาพูด ตั้งใจจะยั่วโมโหข้าหรือ?”
แหม ที่รัก ดูเหมือนเธอจะจำไม่ได้แล้ว
แต่ก็ใช่ว่า ความหวังจะสูญสิ้นไปทั้งหมดหรอก ความทรงจำที่ยอดเยี่ยมของเธอนั้นสามารถจำได้แม้กระทั่งประวัติศาสตร์ทั้งหมดของทวีปนี้ เธอก็ควรจะนึกมันออกได้ด้วยหากผมให้เบาะแสสักเล็กน้อย
“มีเด็กชายคนหนึ่ง เคยเรียกเธอว่า อลิเซ เมื่อนานมากแล้ว ……เธอจำไม่ได้หรืออย่างไรกัน?”
“……!?”
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง อย่างที่คาดไว้จริงๆไม่เคยทรยศความคาดหวัง ผมนั้นดีใจ ผมจึงเลียนแบบทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของเด็กชายคนนั้นต่อ
“พี่สาวอลิเซ่ วันนี้พวกเราจะไปเล่นกันที่ไหน? ลานล่าสัตว์ดำ? ว้าว ผมตื่นเต้นมากๆเลย! ผมจะขี่ม้าไปด้วยใช่ไหม? ไม่เหรอ? แต่ผมอยากขี่มันจริงๆนะ…….ผมไม่บ่นก็ได้ แล้วพี่ใหญ่รูดอล์ฟจะมาเล่นกับพวกเราไหม?”
“อะไร…….”
ดวงตาของเจ้าหญิงจักรวรรดินั้นเริ่มสั่นสะเทือน มันเหมือนป้อมปราการที่ไม่มีวันเจาะเข้ากลับค่อยๆพังครืนลงมาอย่างช้าๆ
บุคลิกที่แข็งแกร่งของเธอนั้นค่อยๆถูกลอกออก หากให้ผมวิจารณ์ล่ะก็ ก็คงเป็นความจริงที่ว่า การที่เธอไม่ร้องออกมาจากริมฝีปากน่ารักนั่นก็ถือว่า น่าชื่นชมแล้ว
นางเอกเกมที่ไม่มีจุดอ่อนใดแม้สักอย่างเดียว หากจะมีก็มีแค่ความทรงจำหนึ่งเดียวที่เป็นดั่งแผลในใจ―ในตอนที่เธอต้องฆ่าน้องชายร่วมสายเลือดตัวเองด้วยสองมือตั้งแต่ยังเด็ก
หนึ่งในสองน้องชายที่เธอฆ่าไป มีคนหนึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของเธอ เจ้าชายลำดับ 4 ถูกฆ่าเพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งที่เขายังเด็กและใสซื่อ
เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกผิดนั้นไปจวบจนอายุถึงสามสิบ เธอก็ยังคงตื่นขึ้นช่วงหัวรุ่งพร้อมเหงื่อเย็นๆ เพราะถูกทรมานจากฝันร้ายที่น้องชายปรากฏในฝัน
วันนั้นคือวันที่เธออายุ 29ปี ตัวเอกหลับอยู่ข้างกายเธอ นั่นเป็นคืนแรกที่เธอหลับลงได้โดยไม่ฝันร้าย
ในโลกใบนี้ ผมเป็นคนเดียวที่รู้จุดอ่อนนี้ของเธอ
“หา พี่? ทางนั้นไม่ใช่ทางไปลานล่าสัตว์นี่
เอ๋? พี่เจอลานล่าสัตว์แห่งใหม่เหรอ? ว้าว! พี่เจอได้ยังไงกันน่ะ? หมูป่าเหรอ? อย่าบอกนะว่า ยูนิคอร์น! โอเค เรารีบไปล่ากันเลย!
……เป็นยังไงบ้างล่ะ? ยังคงจำไม่ได้อยู่อีกอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของเจ้าหญิงจักรวรรดินั้นซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
ผมก็เห็นมัน แต่ไม่ใช่ดวงตาผมหรอกนะ ผมเห็นมันได้ด้วยใจผมเลย
ทหารของมนุษยชาติกำลังมองไปยังเจ้าหญิงจักรวรรดิด้วยความงุนงงสงสัย ไม่เพียงแต่ทหารเท่านั้นแต่ชนชั้นสูงทั้งหลายก็ตัวสั่นด้วยเช่นกัน
ผมพยายามใช้คำว่า ‘พี่รูดอล์ฟ’ มีเด็กชายเพียงคนเดียวที่จะเรียก เจ้าหญิงอลิซาเบธว่าเป็นพี่สาว และเรียกมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟว่าเป็นพี่ชาย
ผู้ที่ตายไปอย่างปริศนาเมื่อ 4 ปีก่อนในป่า
ชนชั้นสูงที่รุ็ถึงเหตุการณ์นี้รู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมจากเจ้าหญิงจักรวรรดิ
ผมยิ้มอย่างสุภาพ
“แหม ที่รัก ดูเหมือนเธอจะยังนึกไม่ออกสินะ ดีเลยดีเลย ข้าจะมอบความปราณีให้ ……อลิซาเบธ เอ๋ย มันเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนเจ้าจำได้หรือไม่?
ยามที่เจ้ายังอายุเพิ่ง 13 ฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่น เจ้าแนะนำให้เด็กชายผู้หนึ่งขึ้นหลังม้าไปเที่ยวป่าด้วยกัน”
เด็กชายนั้นเชื่อใจพี่สาวยิ่งกว่าใครๆ เขาติดตามเธอไปในป่าโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
“แต่ถึงกระนั้น เป้าหมายของเธอก็ไม่ใช่การออกล่าสัตว์ใช่ไหมล่ะ หืม?
ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกรึ? ไม่หรอก อาจจะเรียกว่า เป็นการล่าอย่างหนึ่งก็ได้ สุดท้ายแล้วเป้าหมายของเธอก็เป็นการล่าอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่ดี
สุดท้ายแล้วในฐานะของเหยื่อนั้น ก็ไม่มีอะไรเทียบกับสิ่งนี้ได้ด้วยซ้ำ”
“……หยุด”
“ในป่านั้นเต็มไปด้วยดอกซากุระบาน”
ใบหน้าของเจ้าหญิงจักรวรรดิกลับแข็งทื่อ
“เด็กชายลงจากม้าแล้วตะโกนด้วยความตื่นตะลึง
พี่ฮะ! ที่นี่มันสวยมากเลย! พี่พาผมมาดูนี่เหรอ
โอ้โห! ว้าว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอะไรที่สวยงามอย่างนี้เลย!”
“หยุด……ข้าจะไม่อยู่เฉยให้แกเย้ยหยันข้า…….”
“ฟังข้าสิวะ!”
ผมตะโกนออกมา เจ้าหญิงจักรวรรดิชะงักไปทันที
“เด็กชายหันหน้ากลับมาอย่างเชื่องช้า เธอจำได้ไหม? เธอคงตั้งใจจะไม่จำเองสินะ? แล้วตัวตนผู้พูดปราศรัยอย่างภาคภูมิใจคนนั้นหายไปไหนแล้ว?
หากจะมีสิ่งใดที่ต้องจดจำไปตลอดกาล
ฮ่าช์ สิ่งนี้ไม่ใช่หรือที่สมควรจะจำไว้ไม่มีวันลืมเลือนน่ะ? วิวทิวทัศน์ที่มีแค่เธอเท่านั้นรู้ เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
“อา อา…….”
“ถูกต้องแล้วล่ะ เด็กชายหันกลับมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเบาเปิดกว้าง ……
พี่ครับ? นั่นพี่กำลังทำอะไร? ดวงตาของเด็กชายกำลังมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ตอนนั้นเองที่เธอออกแรงบีบจนแน่น บีบด้วยมือทั้งสองข้าง แค่นั้นยังไม่พอ
เธอยังใช้แม้แต่ออร่าตัวเอง! ออร่าสีฟ้าแบบเดียวกันกับเด็กชายคนนั้น ที่ได้รับการชมเชยว่า มันสุดยอดและงดงาม!”
เจ้าหญิงจักรวรรดิปิดหูตัวเองแล้วก้มหน้าลงต่ำ ไหล่ของเธอสั่นเทิ้ม
ในเวลานั้นเองภาพจากสามมิติกลับตัดไป ผมสงสัยว่า นักเวทย์จากฝั่งมนุษย์นั้นจะยกเลิกเวทย์มนตร์ของตัวเอง
มันไม่สำคัญแล้วล่ะ เธอต้องจบลงที่นี่ แต่ผมไม่นะ นี่คือสงคราม ดังนั้นจะมาเลิกกันง่ายๆเพราะเธออยาก มันเป็นไปไม่ได้
“เด็กชายร้องขอเธอ! ด้วยถ้อยคำที่อู้อี้เพราะคอถูกบีบ เขาพยายามอย่างมากที่จะหายใจออกมาให้ได้!
มันเจ็บ―พี่, มันเจ็บ―ทำไม―ทำไม
…….ทำไมกันล่ะ?”
ผมหยุดรอ 5 วินาที ก่อนจะพูดออกมาอย่างน่าผิดหวัง
“นั่นคือ ลมหายใจสุดท้ายของเด็กชาย
ทำไมกันล่ะ?
เขาไม่ได้โกรธแค้นหรือขุ่นเคืองต่อผู้ที่ฆ่าเขาเลยด้วยซ้ำ
……. เขาแค่สงสัยว่า ทำไม เด็กชายนั้นไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าทำไม พี่สาวผู้เป็นที่รักของเขานั้นถึงได้ฆ่าเขา เด็กชายคนนั้นรักพี่สาวของเขาจากใจจริง”
เธอเข้าใจใช่ไหม อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก?
“เธอน่ะมันเลวทราม น่าขยะแขยง เป็นเศษขยะที่ชื่อว่าฆาตกร”
เงียบ
ทั้งทุ่งราบพลันเงียบลงอีกครั้ง ไม่มีมนุษย์คนใดส่งเสียงเชียร์หรือให้การปรบมือกับเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ พวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสับสนและงุนงง
ด้วยเหตุนี้ ชื่อเสียง ตำแหน่งอำนาจของเจ้าหญิงอลิซาเบธนั้นจะดิ่งลงอย่างหนัก
พูดอีกอย่างก็คือ กำแพงที่จะคอยขัดขวางการเอาชีวิตรอดของผมนั้นอ่อนลงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ผมลงทุนลงแรงอย่างหนักเพื่อที่จะทำให้มนุษยชาติอ่อนแอลง แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งไปเพิ่มขุมกำลังให้กับเจ้าหญิงจักรวรรดิให้กล้าแข็งมากขึ้นอีก
แต่โอกาส ณ ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเหยียบกล้าหน่ออ่อน ที่แม้แต่ผมยังต้องฝืนใจตัวเอง มันเป็นโชคไม่ดีที่ผมนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ชื่นชอบเธอที่มาจาก <Dungeon Attack>ด้วยเช่นกัน
……แต่ก็นั่นแหละ คิดเสียว่ามันเป็นโชคชะตาก็แล้วกัน
ผมพูดกับกองทัพของมนุษย์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“โอ มนุษย์ชาติ โอ ผู้คนทั้งหลาย พวกเจ้าได้ตระหนักถึงแล้วหรือยังล่ะ?
นั่นแหละใบหน้าเปลือยเปล่าของชนชั้นสูงที่พวกเจ้าได้เชียร์นักเชียร์หนา พวกมันบังคับให้เจ้าเข้าสมรภูมิ แถมยังฆ่าน้องชายร่วมสายเลือดจากข้างหลัง”
เสียงของผมยังคงก้องไปทั่วที่ราบบรูโน่
“ความโหดเหี้ยมที่มีต่อมนุษยชาติจนไม่อาจให้อภัยได้ แม้แต่ทาสยังรักพ่อแม่ตน สัตว์ก็ยังดูแลลูกหลานของมัน แล้วผู้ป่าเถื่อนนั่นกลับเข่นฆ่ามนุษยชาติผู้ร่วมสายเลือดได้อย่างไรกัน……?”
MANGA DISCUSSION