บทที่ 356 – ผลงานชิ้นโบว์แดงทางการทูต(1)
“ไม่มีการกวาดล้างครั้งอื่นเกิดขึ้นในจักรวรรดิอีกแล้วหรือ ?”
“ครับ ท่านผู้นำ กองกำลังคุ้มกันถอนกำลังออกจากเมืองหลวงแล้ว ”
“……สรุปว่า ความวุ่นวายเกิดขึ้นแค่เพียงสัปดาห์เดียว ?”
อลิซาเบธถอนใจออกมาเบาๆ
เคิร์ซ ชไลเออมาเคอร์ยิ้มชั่วร้ายขณะที่ลอบมองอยู่ด้านข้าง
คอนซูลอลิซาเบธเคร่งเครียดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวการลอบสังหารดันทาเลี่ยน
นับแต่นั้นเธอก็อยู่ข้ามวันข้ามคืนติดต่อกันเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับดันทาเลี่ยน
นั่นใช่การจัดฉากวางแผนไว้หรือไม่? หรือมันเป็นการลอบทำร้ายกันที่คาดไม่ถึง ……?
คอลซูล อลิซาเบธ มองว่าสิ่งนี้เป็นจุดเปลี่ยนอนาคตเบื้องหน้า ดูเหมือนตอนนี้เธอจะได้ข้อสรุปแล้ว
“เคิร์ซ, ทั้งหมดนี่เป็นแผนการที่วางเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็หาคำอธิบายอื่นไม่ได้อีกแล้ว ”
“ผมเห็นด้วยครับ ทุกอย่างมันเหมาะเจาะเกินกว่าที่จะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ”
“สมบูรณ์แบบเกินไป ”
อลิซาเบธพยักหน้า
เคิร์ซเองก็พยักตามเธอเช่นเดียวกัน
ใช่แล้ว มันเกินไป นั่นแหละที่เป็นประเด็นปัญหา
หากเกินการพยายามที่จะลอบสังหารดันทาเลี่ยนขึ้นจริง การเปิดเผยตัวผู้กระทำความผิดภายในสัปดาห์เดียวนั้นถือว่า เร็วเกินไปมาก
“เขาประกาศต่อสาธารณชนว่า ที่เขารอดชีวิตมาได้ก็เพราะมีหุ่นตัวตายตัวแทน แต่ข้าเชื่อว่านั่นเป็นคำลวง
ข้ายังแอบหวังอยู่เลยว่า เราอาจเคลื่อนไหวได้บ้างหาก เขาเปิดช่องสักเล็กน้อย แต่ดูเหมือนข้าจะหวังลมๆแล้งๆไปเองสินะ …….”
“เอ๋? ท่านดูใจเย็นทั้งที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดเลยนะครับ ท่านผู้นำ ”
เคิร์ซแกมหยอกเรื่องนั้น จริงๆเขาไม่ชอบให้บรรยากาศหนักอึ้งเคร่งตึงโดยไม่จำเป็นนัก
แต่เดิมแล้วทั้ง อลิซาเบธและเคิร์ซนั้นมั่นใจถึง 90%เลยว่า นี่น่าจะเป็นแผนการที่วางเอาไว้ ก่อนเฝ้าจับตาดูอย่างละเอียด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเผื่อใจหวังไว้ถึง 10% จึงอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง
อลิซาเบธพูดทื่อๆ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข้าควรจะดีใจด้วยซ้ำที่เขาไม่ถูกลอบสังหารจริงๆ ”
“อะไรนะครับ ท่าน?”
เคิร์ซไม่คิดว่า เธอจะพูดแบบนี้จึงเผลอหลุดท่าทางแบบนั้นออกไป
แม้แต่เคิร์ซเองก็ยังรู้เลยว่า ท่านคอนซูลอลิซาเบธมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ปรกตินักต่อดันทาเลี่ยน
เคิร์ซจึงแกล้งพูดหยอกล้อเธอ
“อย่าบอกนะครับ ว่าท่านผู้นำ รู้สึกแอบสนใจอยู่หน่อยๆในตัว …….”
“ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าคนด่วนสรุปไร้ยางอาย”
อลิซาเบธสบถออกมา
“สาธารณรัฐของพวกเราเสียเปรียบจักรวรรดิมาก แต่ถึงอย่างนั้นนายคิดว่า ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงไม่ยอมบุกประเทศพวกเราเสียทีล่ะ ?
สาเหตุก็เพราะดันทาเลี่ยนคอยคุมบังเหียนจอมมารตนอื่นๆอยู่ ”
“โอ้? นี่ท่านกำลังจะบอกว่า หากดันทาเลี่ยนตาย จอมมารทั้งหลายจะอาละวาดบุกเราทันทีหรือครับ ?”
แล้วนั่นจะหมายความว่า อย่างไรกันเนี่ย? เคิร์ซครุ่นคิดกับตัวเอง เขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อยอยู่ในที
แต่อลิซาเบธกลับมีท่าทีที่จริงจัง เธอประสานมือและดันคางตัวเอง
“จอมมารที่โดนกวาดล้างครั้งนี้อาจเป็นหนึ่งในพวกที่คุมไม่ได้
เขาเลยตั้งใจกำจัดพวกนั้นทิ้งไปก่อนที่จะก่อความวุ่นวายอีกในภายหลัง
เคิร์ซ, นายเข้าใจไหมว่า นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ?”
“ก็คงจะหมายความว่า ตอนนี้เขามีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือจักรวรรดิแล้ว ”
แค่เพียงภายในหนึ่งสัปดาห์
อีกฝ่ายนั้นทำการกวาดล้างกลุ่มที่ตั้งตัวเป็นศัตรูเป็นภัยคุกคามเขาในช่วงระยะเวลาที่สั้นมากๆ
เคิร์ซก็เลยสรุปว่า ตอนนี้จักรวรรดิก็แทบไม่ต่างจากของเล่นชิ้นหนึ่งที่อยู่ในอุ้งมือของดันทาเลี่ยนแล้ว
อลิซาเบธส่ายหน้า
“นั่นก็ถูก แต่ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสียทีเดียว ทำไมเขาถึงเลือกที่จะทำการกวาดล้างในเวลาแบบนี้ต่างหาก ที่เป็นจุดสำคัญของเรื่องนี้ ”
“……เอ ต้องขออภัยด้วยครับท่าน,แต่ผมตามไม่ทันจริงๆ ”
“หากข้าเป็นดันทาเลี่ยน ”
อลิซาเบธพูดเสียงต่ำ เมื่อใดก็ตามทีที่เธอพูดด้วยท่าทางแบบนั้นบรรยากาศรอบตัวเธอจะเย็นยะเยียบ
เคิร์ซนั้นถึงกับกระตุกขึ้นมาที่ไขสันหลังเมื่อเขามองไปที่ดวงตาของคอลซูล
“ข้าอาจจะเลือกเวลาที่เหมาะสมกว่านี้
เขาก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วด้วยซ้ำว่า ข้าอยากที่จะเขย่าจักรวรรดิจากภายใน ”
“……?”
“เขาสามารถฉวยโอกาสในตอนที่ข้าร้อนใจอดรนทนไม่ไหว
วางกับดักรอให้ข้าตกลงไปเอง ปกติวิธีการของเขาจะเป็นเช่นนั้น
การที่จัดการอะไรทุกอย่างหมดจดในคราวเดียวไม่ใช่วิธีการปรกติของดันทาเลี่ยน”
“อ่าครับ ท่านผู้นำครับ?”
เคิร์ซตั้งใจฟัง แต่เขากลับรู้สึกประหลาด เขายกมือขึ้นถามเหมือนนักเรียนในห้องเรียน
อลิซาเบธขมวดคิ้ว
“มีอะไรรึ ?”
“ต้องขอประทานอภัยด้วยครับ แต่จริงๆผมข้องใจมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
แล้วการที่ฝ่าบาทบอกว่า ตั้งใจจะเขย่าจักรวรรดิภายในนี้แล้ว ดันทาเลี่ยนจะไปรู้เรื่องนั้นได้ยังไงกันครับ ?
ถึงผมจะทำงานอยู่ใต้ท่านอย่างลับๆก็เถอะ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ ”
เคิร์ซ ชไลเออมาเคอร์เป็นรองผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองลับ
จะพูดว่า ข้อมูลทั้งหมดที่จะส่งต่อไปให้อลิซาเบธต้องผ่านหูผ่านตาเคิร์ซด้วยกันทั้งนั้น
แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่อลิซาเบธพูดออกมานั้น แม้แต่เคิร์ซเองก็ยังไม่ตระหนักถึงด้วยซ้ำ
“นี่นายพูดอะไรของนายกันน่ะ ?”
อลิซาเบธมุ่ยคิ้วราวกับจะถามกลับไปว่า ทำไมถึงได้ถามอะไรที่มันเห็นกันอยู่โจ่งแจ้งขนาดนี้
“มันไม่มีทางเลยมิใช่หรือ ที่เราจะกดดันจักรวรรดิด้วยสงคราม หรือแม้แต่ทางการทูตเองเราก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ เราต้องสร้างพันธมิตรของฝ่ายเราในจักรวรรดิ ”
“……เอ่อ ต่อให้เรื่องนั้นมันจริงก็เถอะครับ แต่ท่านบอกว่า ดันทาเลี่ยนดำเนินแผนการการกวาดล้างครั้งนี้เพราะเขาตระหนักถึงเรื่องนั้นเนี่ยนะครับ?”
อลิซาเบธตอบกลับในทันที
“ถูกแล้ว ไม่มีทางที่ดันทาเลี่ยนจะไม่รู้ในสิ่งที่ข้ารู้หรอก ”
“…….”
หาาาา ?
เดี๋ยวสิ มันมีอะไรแปลกๆ
ความรู้สึกอันแสนผิดปรกติห่อหุ้มรอบกายเคิร์ซ เขาไม่อาจอธิบายมันออกมาเป็นถ้อยคำได้ แต่เขารู้สึกแล้วว่า มันมีอะไรบางอย่างไม่ธรรมดา
แต่ถึงอย่างนั้นอลิซาเบธก็ยังคงพูดต่อไป ปล่อยให้เขาควานหาเหตุผลหลังความรู้สึกดังกล่าว เคิร์ซจึงได้แต่ยอมพักเรื่องนั้นไว้ก่อน
(TTL : นายไม่เข้าใจคำว่า ใจถึงใจ ระหว่าง โอชิ กับ โอตะ ยังไงล่ะ! เคิร์ซเอ๋ย )
“เรื่องของเรื่องคือ ดันทาเลี่ยนบริหารจัดการความขัดแย้งภายในได้แทบจะในทันทีต่างหาก เคิร์ซ
แล้วนายคิดว่า อะไรทำให้คนแบบนั้นถึงต้องทำอะไรเร่งร้อนแบบนั้นกันล่ะ ?”
“หรือเป็นเพราะว่าพวกนั้นวางแผนจะไปที่ไหนไกลๆหรือครับ ?”
การที่ทำแบบนั้นจะมีโอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นยามที่บุคคลคนนั้นไม่อยู่ ดังนั้นจึงต้องการที่จะเก็บกวาดให้เรียบร้อยก่อนออกไป
เคิร์ซถึงกับอ๋อขึ้นมาทันที พอนึกถึงเรื่องนั้นได้
อลิซาเบธพยักหน้าเบาๆอย่างเห็นด้วย
“ผู้รักษาการณ์แทน บาร์บาทอส จะคอยปกป้องคุ้มครองจักรวรรดิในช่วงที่ดันทาเลี่ยนไม่อยู่
ดังนั้นไม่มีทางที่เสถียรภาพของจักรวรรดิจะสั่นคลอนตราบที่เธอยังอยู่ในเมืองหลวง แต่ถึงอย่างนั้นดันทาเลี่ยนกลับเลือกที่จะรีบร้อนทำการกวาดล้าง …….”
“…….”
“นั่นก็หมายความว่า แม้แต่บาร์บาทอสเองก็ออกจากจักรวรรดิไปกับดันทาเลี่ยนด้วย
และยังมีเหตุผลเพียงประการเดียวเท่านั้นที่บาร์บาทอสจะออกไปนอกจักรวรรดิกับดันทาเลี่ยน ”
“……!”
เคิร์ซถึงกับตื่นตัวขึ้นมาทันที พอเขารู้ว่า อลิซาเบธกำลังพูดถึงอะไร
“อย่าบอกนะครับว่า เป็นสงคราม !?”
“มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นแบบนั้น
การกวาดล้างเป็นเพียงมาตรการการป้องกันเมล็ดแห่งการรัฐประหารไว้ก่อนที่จะออกไปทำการศึกการสงคราม
ข้าเชื่อว่าแบบนั้นนะ ”
เคิร์ซถึงกับรีบดึงสติตัวเองกลับมา
“แต่นี่มันเพิ่งจบสงครามหุ่นเชิดไม่นานมานี้เองนี่ครับ
ผมสงสัยว่า แล้วจักรวรรดิจะมีทุนรอเพียงพอที่จะเตรียมไว้สำหรับการศึกหรือครับ”
“นายรู้ไหมว่า กลุ่มหนึ่งในพวกที่ถูกกวาดล้างเป็นใครกัน ?
ทั้งจอมมารและอาร์คยดคุ ที่พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าพวกนั้นก็ถือว่า เป็นแนวหน้าของพวกปีศาจ ถึงอย่างไรเสียพวกนั้นก็ต้องมั่งคั่งร่ำรวยอยู่แล้ว ”
เคิร์ซเผลอกลืนน้ำลายเอื้อก
“ท่านผู้นำกำลังจะบอกกับผมว่า การกวาดล้างในครั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อการระดมทุนเพื่อการสงครามหรือครับ …….?”
“ปัญหาจริงๆก็คือ ดันทาเลี่ยนตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ไหนกัน ”
ดวงตาของอลิซาเบธมิได้มองจ้องไปที่เคิร์ซอีกต่อไปแล้ว
ดวงตาอันมืดหม่นของเธอตอนนี้กำลังมองทอดไปที่ความว่างเปล่า
“มาถึงตอนนี้ ฟรานเคียก็ไม่ใช่เป้าหมายอีกต่อไปแล้ว
ทิวทันเองก็ให้ยศฐาบรรดาศักดิ์กับดันทาเลี่ยน จึงตัดออกไปได้
ตัวเลือกเดียวก็คงเป็น เครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์เนีย หรือไม่ก็ประเทศสาธารณรัฐของพวกเรา …….”
“นายท่าน ท่านคิดว่า พวกเขามุ่งเป้ามาที่เราหรือครับ ?”
“ไม่หรอก เครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์มีโอกาสสูงกว่าพวกเราด้วยซ้ำ
ทั้งจักรวรรดิและโพลิช-ลิทัวร์เนียเองก็มีความขัดแย้งเรื่องดินแดนกันอยู่
เรื่องนั้นมีน้ำหนักมากพอที่จะพัฒนาไปกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ”
แต่แล้วอลิซาเบธกลับพึมพัม
“ราชาผู้ยิ่งใหญบาโธรี่ก็ใช่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่ชะล่าใจได้
ต่อให้ดันทาเลี่ยนร่วมมือกับบาร์บาทอสแล้วก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้โดยง่าย
สงครามไม่อาจยืดเยื้อได้อย่างแน่นอน
เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้เผยจุดอ่อนจักรวรรดิและเราก็พร้อมที่จะแทงจุดอ่อนนั้นในทันที ”
“…….”
“นี่แหละ จึงเป็นสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ข้าถึงได้สงสัยว่า ทำไมดันทาเลี่ยนถึงได้พยายามออกรบทำสงครามทั้งที่รู้อยู่ว่า มันจะเป็นการเผยจุดอ่อนให้ข้าเห็น
ดันทาเลี่ยนไม่ใช่คนเช่นนั้น
…….จนถึงตอนนี้ข้ายังหาคำตอบที่น่าพอใจไม่ได้ ”
และแล้วคำถามของอลิซาเบธได้รับคำตอบหลังจากนั้น
ครบหนึ่งสัปดาห์พอดีเป๊ะหลังบทสนทนาที่ยังค้างคาใจของพวกเขา ทางการได้ประกาศความปรองดองกันระหว่างจักรวรรดิฮับบวร์กและเครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์เนีย
ฉนวนดินแดนระหว่างสองชาตินั้นประกาศให้เป็นกลาง และขอยกที่ดินให้กับเหล่าวิหารเทพี
เหล่าฝ่ายศาสนาเองก็ต่างสรรเสริญการตัดสินใจร่วมกันของทั้งสองชาติว่า เป็นไปเพื่อความสันติ
เคิร์ซเร่งฝีเท้าไปที่ออฟฟิศของท่านคอนซูล ทันทีที่ได้รับข่าวปรองดองกันระหว่างทั้งสอง
ดันทาเลี่ยนไม่ได้เล็งเป้าไปที่โพลิช-ลิทัวร์เนียแต่อย่างใด
เคิร์ซรีบรายงานในทันที มาตอนนี้กลายเป็นว่า เครือจักรภพเองก็แยกตัวออกจากกลุ่ม จึงเหลือแต่เพียงสาธารณรัฐของพวกเขาเท่านั้นที่ไม่เป็นมิตรและมีอาณาเขตติดกับพวกเขา!
เคิร์ซผลักประตูออฟฟิศ ในฐานะที่เขาเองเป็นหัวหน้าองค์รักษ์จึงมีสิทธิ์ที่จะพบคอลซูลเมื่อไหร่ก็ได้
อลิซาเบธเองก็คงรอการมาของเขาอยู่แล้ว จึงหันหน้าหาเขาในทันที
“ท่านครับ !”
“ซาร์ดิเนียต่างหากล่ะ เคิร์ซ ราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย !”
อยู่ๆเธอก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เคิร์ซอึ้งไปชั่วครู่กับถ้อยคำที่ไม่คาดคิด
“ราชอาณาจักรซาร์ดีเนียหรือครับ?”
“สหพันธ์เฮลเวติก้าไม่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิ อย่างนั้นสินะ?
คราวนี้ พวกนั้นได้เส้นทางเดินทัพใหม่แล้ว ดันทาเลี่ยนตั้งใจจะข้ามเขาแอลป์ แล้วจู่โจมซาร์ดิเนีย !”
“……!”
เคิร์ซถึงกับเปล่งเสียงอ๋อออกมาทันทีที่เข้าใจเรื่องนั้น
“หากซาร์ดิเนียล่มสลายแล้ว จะกลายเป็นว่า เราโดนกระหนาบล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน !”
“ถูกต้อง”
อลิซาเบธมองเคิร์ซด้วยแววตาเย็นชา
“ซาร์ดิเนียเป็นชาติพันธมิตรเพียงชาติเดียวของพวกเรา
และเศรษฐกิจบ้านเมืองเราจะพังพินาศทันทีที่ซาร์ดิเนียตัดขาดการสนับสนุนเรา
ดันทาเลี่ยนตั้งใจจะค่อยๆเค้นบีบเราให้แห้งตาย ผ่านการคุกคามซาร์ดิเนียและทำให้พวกนั้นยอมจำนน …….”
จักรวรรดิฮับบวร์กอยู่ทางเหนือ ฟรานเคียอยู่ทางตะวันตก และโพลิชลิทัวร์เนียเองก็อยู่ทางตะวันออก นี่ก็หมายความว่า เส้นทางทั้งสามทิศโดนผนึกแล้ว
ตอนนี้พวกเขาหลงเหลือทางออกแค่เส้นทางผ่านราชอาณาจักรซาร์ดิเนียทางใต้เท่านั้น
หากดันทาเลี่ยนสามารถแพร่อิทธิพลกับพวกนั้นได้ก็จะกลายเป็น สาธารณรัฐเองก็จะโดนปิดล้อมทั้งสี่ด้าน
ความรู้สึกหวาดผวาจนชวนให้เคิร์ซหนาวเหน็บถึงไขสันหลังเกิดขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงอนาคตเช่นนั้น
แต่ถึงกระนั้นเขาเองกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
หากดันทาเลี่ยนตั้งใจมุ่งเป้าไปที่ซาร์ดิเนียจริง หากเป็นเช่นนี้แล้วพวกเรานี่แหละที่เป็นกลุ่มบุคคลแรกๆในโลกที่มองแผนการของดันทาเลี่ยนออก !
พวกเขาสามารถอ่านเจตนาของดันทาเลี่ยนออกได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำการเดินทัพ
“ท่านสุดยอดมากเลยครับ ท่านผู้นำ
ใครจะล่วงรู้ได้ถึงแผนการของชายคนนั้นได้อีก ?
โอกาสกลับมาถึงเราอีกครั้งแล้ว ”
เคิร์ซตื่นเต้นดีใจเพราะการที่พวกเขาสามารถพยากรณ์อนาคตได้
เขาประทับใจในเรื่องนี้สุดๆ
อย่างที่คิดไว้จริงๆผู้หญิงตรงหน้าเขานี่คือ ยอดคน โดยแท้
การอุทิศชีวิตของเขาเพื่อบุคคลนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ผิดเลย …….
อลิซาเบธพยักหน้า
“ไปติดต่อกับราชอาณาจักรซาร์ดิเนียทันที
เร็วๆมานี้ ซาร์ดิเนียเองก็หย่อนยานการดูแลเขตชายแดน
เขาปกป้องชาติด้วยกำลังสนับสนุนทางการทหารของฝ่ายเรา
ดังนั้นแล้วอำนาจการทางส่วนประเทศของพวกนั้นเลยอ่อนยวบยาบ …….พวกนั้นต้องเตรียมแผนรับมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ !”
“รับทราบครับ ผมจะรีบแจ้งไปยังเจ้ากระทรวงการต่างประเทศทันที”
เคิร์ซออกจากออฟฟิศไป
เขารู้แล้วว่า ความรู้สึกแปลกๆเมื่อหลายวันก่อนมันมาจากไหนกัน
ที่ผ่านมานั้น อลิซาเบธมักจัดการเรื่องทวีป ก่อนจัดการกันดันทาเลี่ยนเสมอ
โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของทวีปเป็นอันดับ 1 เรื่องของดันทาเลี่ยนเป็นอันดับ 2
พูดง่ายๆก็คือ ดันทาเลี่ยนเป็นเพียงอุปสรรคกีดขวาง
แต่มาคราวนี้ลำดับความสำคัญสลับกัน
ไม่สิ พูดว่า มุมมองของเธอเปลี่ยนไปน่าจะดีกว่า
เธอไม่จับตามองทวีป ระหว่างคอยจัดการดันทาเลี่ยนแล้ว
เธอจับตามองดันทาเลี่ยน พลางคอยจัดการทวีปต่างหาก
นี่แหละเป็นที่มาของความรู้สึกแปลกๆของเคิร์ซ …….
แล้วมันจะไปสำคัญตรงไหนกันล่ะ ?
‘ไม่เห็นสลักสำคัญตรงไหนเลยนี่นา ’
เคิร์ซส่ายหัว
(TTL : เขายกระดับความสัมพันธ์(ฝ่ายเดียว)จนอลิซาเบธยกให้พรี่ดันเป็น เมนโอชิ แล้ว แต่แกก็ยังไม่ยอมช่วยพายเรือคู่นี้เลยนะ เคิร์ซคุง!)
นี่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ดันทาเลี่ยนเป็นภัยอันตรายคุกคามสาธารณรัฐมากมายเพียงใด
การกระทำทั้งหมดจึงบ่งบอกถึงความหมายที่ว่า
ต้องจัดการดันทาเลี่ยนก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องทวีปอีกที
สิ่งที่เคิร์ซเป็นห่วงตอนนี้ก็คือ เรื่องที่พวกเขาจะไปโน้มน้าวซาร์ดิเนียอย่างไรดี
มันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวราชอาณาจักรที่เต็มไปด้วยชนชั้นสูงที่หยิ่งผยอง
เคิร์ซกำลังคิดถึงเรื่องนั้นไปพลางขณะที่กำลังออกจากออฟฟิศของท่านคอลซูลและมุ่งตรงไปรายงานกับเจ้ากระทรวงการต่างประเทศ …….
ส่งท้ายจากผู้เขียน
ดันทาเลี่ยน : เฮ้ย หยุดใช้สูตรโกงได้แล้ว
อลิซาเบธ : ………….
แผนที่ที่ปรากฏ จะแสดงสถานการณ์รอบพื้นที่จักรวรรดิฮับบวร์ก ถูกอัพโหลดขึ้นแสดงในส่วนของหน้าต่างเนื้อเรื่อง
(TTL : จอมมารสายฮาร์ดคอร์เกม ก็ต้องเจอกับท่านคอนซูลสายกดสูตรโกง 5555)
MANGA DISCUSSION