บทที่ 286 – สงครามหุ่นเชิด (3)
* * *
“พอเจอหน้ากันแล้ว พวกนั้นไม่เคลื่อนไหวเลยรึ?”
อลิซาเบธคิ้วขมวด
ผ่านไปสิบห้าวันนับตั้งแต่กองกำลังทั้งสองฝ่ายตั้งทัพอยู่ในทุ่งราบกว้าง
กองกำลังฝ่ายมนุษย์และกองกำลังฝ่ายจอมมาร—โดยที่สาธารณชนคนทั่วไปรู้จักกันในนามของ ราชอาณาจักร และจักรวรรดิ, แต่อลิซาเบธกลับปฏิเสธการเรียกแบบนั้น—
ทั้งสองต่างขยับเคลื่อนทัพอย่างระวังขั้นสุด
เฮนริเอตต้ายักไหล่ข้างหนึ่งอยู่ในคริสตัลบอล
“ช่าย เอาจริงๆนะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นมันวางแผนอะไร”
มันไม่ใช่ความผิดของเธอที่ศัตรูไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เธอคิดอย่างนั้นด้วยซ้ำ
“ปรบมือให้ดังด้วยมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ได้
ข้าลองส่งจดหมายท้าดวลแล้ว แต่เจ้าพวกนั้นก็ปฏิเสธที่จะออกมาสู้
ทั้งที่จริงๆข้ามาที่นี่เพื่อหวังการรบเด็ดขาด แต่ตอนนี้กลายเป็นต้องมาปิดล้อมตรึงกำลังกันแทน”
“อืมม ช่างน่าประหลาด การยื้อเวลาแบบนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับกองทัพจอมมารเลยด้วยซ้ำ…….”
มันเป็นปกติที่ฝ่ายบุกจะเสียเปรียบหากสงครามยืดเยื้อออกไป เสบียงกรังทั้งหลายจะหดลงยามที่ต้องอยู่ในดินแดนต่างถิ่น การรักษาเส้นทางเสบียงที่ทั้งห่างไกลนั่นไม่ใช่งานง่ายๆ
ดังนั้นแล้วจึงมีวิธีการแก้ปัญหาสะดวกอยู่วิธีหนึ่ง อลิซาเบธหรี่ตามแล้วถามถึงวิธีนั้น
“พวกนั้นได้ปล้นชิงหรือเปล่า?”
อลิซาเบธถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก ดันทาเลี่ยนเป็นบุคคลผู้ยึดติดกับความชอบธรรมยิ่งกว่าใครๆทั้งนั้น จึงยากที่จะจินตนาการว่า เขาจะสั่งให้ทหารปล้นชิงไม่เลือกหน้าในฤดูที่เก็บเกี่ยวข้าวสาลีไม่ดีแบบนี้
หากพวกเขาทำอย่างนั้น ประชาชนก็ย่อมต้องชื่นชอบเฮนริเอตต้ามากขึ้นแน่ๆ เพราะถึงแม้เฮนริเอตต้าจะโหดร้ายต่อชนชั้นสูงและพวกนิยมสาธารณรัฐแต่เธอก็เอ็นดูประชาชน
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ พวกชาวบ้านผู้อ่อนโลกก็จะเชื่อว่า เทพีได้ประทานพระมเหสีดีๆให้กับจักรพรรดิแล้ว เธอไม่เคยรีดนาทาเร้นเค้นภาษีมากเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้น เฮนริเอตต้าก็คงส่ายหัว
“ไม่เลย เจ้าพวกนั้นไม่ได้ปล้นชิง แถมยังเรียกเอาส่วยค่าคุ้มครองด้วย
ข้าได้ยินว่า เจ้าพวกนั้นสัญญาว่า จะไม่ปล้นชิง หากได้รับสิบเปอร์เซ็นต์ของผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้”
“อ่ออย่างนั้นหรือ สิบเปอร์เซ็นต์?”
หากจะเทียบกับการต้องยอมแลกสามสิบเปอร์เซ็นต์ของเสบียงที่เก็บไว้ แลกกับการที่จะไม่โดนปล้นก็ยังคุ้ม
การยอมจ่ายเพื่อแลกความปลอดภัยในทั้งชานเมืองและย่านเมือง แค่สิบเปอเซ็นต์ถือว่า เมตตามาก
มันไม่ใช่แค่เพียงสัญญาลมปาก หากแต่ยังรักษาสัญญานั้นอย่างเข้มงวดด้วยซ้ำ
อย่างที่คิดไว้จริงๆ ดันทาเลี่ยนมุ่งเป้าไปที่การได้รับการสนับสนุนจากผู้คน
“……แบบนั้นก็ยิ่งแปลกแล้วล่ะ เฮนริเอตต้า
อย่าบอกข้านะว่า เธอจะปล่อยให้พวกนั้นเอาเสบียงพวกนั้นไป”
“ข้าไม่ให้อยู่แล้ว จะให้เจ้าพวกนั้นไปเพื่ออะไรกัน?”
เฮนริเอตต้าทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ
“ข้าได้ส่งหน่วยอัศวินตามไปแล้ว และได้ชิงเสบียงจากพวกนั้นทันทีที่เห็นกองส่งเสบียง
พวกนั้นพยายามทำให้เส้นทางขนส่งเสบียงดูยุ่งยากเพื่อป้องกันการโดนปล้น แต่ถึงอย่างไรเจ้าพวกนั้นมันก็เป็นคนนอกที่ไม่รู้จักพื้นที่ ไม่รู้ดีเท่าพวกเราหรอก”
ถูกต้องแล้ว เสบียงอาหารเป็นปัญหาใหญ่
เฮนริเอตต้าไม่ได้ตั้งใจตัดทางถอยตัวเองเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารอย่างเดียวหรอก
เธอเรียนรู้จาก รองผู้บัญชาการของกองทัพจอมมารที่บุกยึดไฮเดลเบิร์ก
เด็กสาวที่ยึดแม่น้ำไว้แล้วตัดเสบียงของป้อมปราการ
ดังนั้นแล้วการที่เธอวางทัพโดยแม่น้ำอยู่ข้างหลังทำให้ศัตรูไม่สามารถยึดแม่น้ำที่เป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงได้ นั่นคือ วิธีการแก้ลำของเฮนริเอตต้า
การที่หลังชนแม่น้ำอาจทำให้แผนการรบเป็นภาระอยู่บ้าง แต่ก็สามารถแก้ปัญหาการส่งเสบียงได้โดยง่าย
เรือขนส่งสามารถไหลผ่านลำน้ำแล้วส่งเสบียงมาได้โดยสะดวก
ในขณะที่ฝ่ายกองทัพจอมมารจะมีปัญหาในการรับเสบียง
แถมยังจำกัดตัวเองด้วยการไม่ปล้นชิงเพื่อความชอบธรรมอีก
แถมตอนนี้เสบียงพวกนั้นยังถูกปล้นชิงไปด้วยกองหน่วยย่อยของบริททานี่เพราะเจ้าพวกนั้นไม่รู้ที่รู้ทางดีพอ
“นั่นเป็นสาเหตุที่ข้าปรึกษากับเธอยังไง,อลิเซ
ข้าก็บอกเธอแล้วมิใช่หรือ?
ถ้าหากเจ้ารองผู้บัญชาการคนนั้นมันผิดปกติจริงๆ ทำไมถึงไม่ยอมเคลื่อนไหวอะไรเลยล่ะ?”
“…….”
ยิ่งนานไป กองทัพบริททานี่ก็ยิ่งได้เปรียบ ไม่มีทางที่กองทัพจอมมารจะไม่ทราบเรื่องนี้
อลิซาเบธพึมพัม
“……มีความเป็นไปได้ไหมที่เจ้าพวกนั้นจะล่อให้เธอบุกโหมเข้าไปเพียงเพราะความสงสัย?”
“อ่าาา ข้าก็คิดอย่างนั้นแหละ”
เฮนริเอตต้าถอนใจอย่างไม่พอใจนัก
“พวกนั้นมีทั้งดันทาเลี่ยน ใช่ไหม? แถมยังมีบาร์บาทอสด้วย อืมมม จะให้ข้าพูดยังไงดีล่ะ?”
“กลยุทธแบบนี้ไม่ค่อยเหมือนกับคนอย่างพวกนั้นเลย…….”
“นั่นสิ เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง”
สองผู้ปกครองต่างครุ่นคิด ไม่อาจเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายได้ทั้งคู่
อลิซาเบธถอนใจออกมา
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ขอโทษทีที่เป็นที่ปรึกษาที่แย่”
“เอาจริงๆนะไม่เป็นไรหรอก หากเธอนึกออกแต่ข้านึกไม่ออกนี่ ข้าคงนอนไม่หลับไปสองวันเลยล่ะ”
เฮนริเอตต้ายิ้มกรุ้มกริ่ม
นิสัยของเธอค่อนข้างจะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นซึ่งเป็นด้านที่ทำให้อลิซาเบธชอบเธอ
“แต่นี่ก็เป็นความเห็นของข้านะ มีโอกาสสูงมากที่ดันทาเลี่ยนจะเป็นพันธมิตรลับๆกับเหล่าชนชั้นสูงของฟรานเคีย
เจ้าพวกนั้นอาจกำลังวางแผนปฏิวัติในปารีสในขณะที่กองทัพจอมมารกำลังบุก”
“อืมมมม…….”
“เจ้าพวกนั้นอาจตั้งใจเข้าตีทั้งจากภายนอกและภายใจพร้อมๆกันเพื่อปราบพวกเราแต่แผนนั้นก็พังพาบไปเพราะข้ากวาดล้างชนชั้นสูงพวกนั้นจนหมดแล้ว
มันก็เหมือนกับไก่ไร้หัวนั่นแหละ
กองทัพจอมมารได้แต่รอแผนใหม่เพราะไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น”
มันเป็นการคาดเดาที่ฟังดูมีเหตุผล ไม่สิ ไม่มีคำตอบใดเข้าในในสมองที่จะเป็นไปเพื่ออธิบายการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลของกองทัพจอมมารได้อีกแล้ว
“……มันอาจจะเป็นในกรณีนั้น”
มันไม่อาจจะสร้างความกระจ่างให้กับอลิซาเบธได้
หากมันเป็นไปตามคาดอย่างนั้นจริง เหตุใดกันดันทาเลี่ยนถึงปล่อยตัวแปรความสำเร็จของแผนให้ไปอยู่ในมือกับชนชั้นสูงฟรานเคียทั้งหมด
ดันทาเลี่ยนตั้งใจทำแบบนั้นจริงๆหรือ?
อลิซาเบธกดข่มความสงสัยแล้วพูดขึ้น
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าจะรีบไปร่วมกับเธอให้เร็วที่สุด”
จากมุมมองคนนอก ผู้คนต่างเชื่อว่า อลิซาเบธนั้นกำลังดูกระแสเสียงของประชาชนอยู่
แต่อันที่จริงเธอได้สร้างหน่วยอัศวินซ่อนไว้ โดยแอบรวมหน่วยอัศวินทุกหน่วยในประเทศ
รวมกองกำลังหน่วยย่อยๆแล้วก็มีทหารม้าราว 1,500 นาย
ทหารม้า 1,500 นาย อาจดูไม่เยอะในสงครามที่มีทหารนับหมื่นนาย;
แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย อลิซาเบธสัญญาไว้ว่า จะส่งหน่วยนั้นไปช่วยเหลือเฮนริเอตต้า แม้จะช่วยได้ไม่มากก็ตามที
อลิซาเบธตั้งใจลอบโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจากแนวหลังของศัตรูขณะทีอีกฝ่ายวุ่นยุ่งอยู่กับการรบกับเฮนริเอตต้า ศัตรูย่อมต้องตกใจที่อยู่ๆโดนบุกอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัวไปกว่าอยู่ๆเกิดความอลหม่านขึ้นจากแนวหลังการรบอีกแล้ว
จึงต้องใช้เวลาในการสวมเกราะเปลี่ยนธงปลอมเป็นกองทัพบริททานี่ การเตรียมการทั้งหมดจะเสร็จในวันนี้
ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่า สาธารณรัฐฮับบวร์กจะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วย
“อืมฮึ เอาล่ะๆ การรบอาจจะเริ่มไปแล้ว แต่ขอฝากด้วยล่ะ”
“แน่นอน ข้าจะระวังไม่ให้ไปสาย”
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่า การสู้รบเริ่มต้นขึ้นไปเมื่อไหร่ ก็สมควรที่จะไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อลิซาเบธปิดการสื่อสารแล้วนำหน้าไปพร้อมหน่วยทัพม้า
* * *
“วันนี้พวกนั้นก็ยังเอาแต่สร้างรั้วกันอีกแล้วหรือ?”
“ครับ กองทัพศํตรูตอนนี้ยังคงเอาแต่ตัดไม้ในป่าใกล้ๆนี่”
เฮนริเอตต้าถอนใจหลังได้รับการรายงานมาจากหน่วยสอดแนม
เธอบอกกับเพื่อนของเธอว่า พร้อมจะรบได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้แม้แต่ตัวเฮนริเอตต้าก็ชักเริ่มสงสัยแล้ว
ดูเหมือนกองทัพจอมมารมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนการรบในที่เปิดให้กลายเป็นการรบแบบยื้อเวลา
ในทุกวันที่ผ่านไปหอสังเกตการณ์และรั้วไม้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น
“พวกนั้นเริ่มสร้างบนแนวเทือกเขาด้วยแล้ว”
“นี่เจ้าพวกนั้นตั้งใจจะสู้รบไปเป็นปีเลยอย่างนั้นรึ?
แต่หากเป็นอย่างนั้นเจ้าพวกนั้นก็คงจำนวนทหารแบบนี้ต่อไปไม่ได้
ช่างประหลาดเสียจริง”
นักบุญหญิงลองวี่ทำหน้าไม่พอใจนัก
เหล่านายพลต่างพยักหน้าด้วยความเห็นด้วยกับนักบุญหญิง
หากมีกองทหารจำนวนมหาศาลขนาด 50,000 นายแล้ว ไม่มีทางที่จะรักษาเสบียงไว้ด้วยเงื่อนไขเท่านี้หรอก
ถึงอย่างไรก็ต้องปล้นชิงหรือไม่ก็แบ่งกองกำลังเล็กย่อยลงไป เพื่อถนอมเสบียงไว้
เหมือนกับรอวันที่จะให้บริททานี่ได้รับชัยชนะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำสำหรับการเฝ้ายื้อดึงเวลา กองทหารศัตรูทำเรื่องสูญเปล่าอย่างการสร้างป้อมปราการ หนุนแนวรับเนื่องจากคาดหวังว่าจะเป็นการรบยื้อเวลา
เจ้าพวกนั้นทำแบบนี้ไปทำไมกันนะ……?
สุดท้ายแล้ว ถ้อยคำที่เฮนริเอตต้าพูดกับอลิซาเบธเพื่อนของเธอมิใช่คำโกหก
กลางดึกคืนหนึ่งเฮนริเอตต้าตื่นขึ้นมาเนื่องจากมีรายงานเร่งด่วนมาจากนายพล
“ฝ่าบาท! ศัตรูกำลังข้ามแม่น้ำ!”
เฮนริเอตต้าดันตัวเองขึ้นด้วยความงัวเงีย เธอนวดรอบดวงตาก่อนตอบกลับไป
“……ข้ามแม่น้ำ? เจ้าพูดถึงอะไรกันอยู่”
“มีรายงานด่วนมาจากหน่วยสอดแนมขอรับ ฝ่าบาท,
ฝ่ายศัตรูกำลังใช้สะพานรอยน้ำและท่าเรือไม้ข้ามแม่น้ำมาเน่”
หัวสมองของเฮนริเอตต้าโล่งขึ้นมาทันที คำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบมาจนถึงตอนนี้ถูกไขโดยพลัน
เฮนริเอตต้าลุกขึ้นโดยไม่มีชุดนอนและตะโกน
“ให้ตายเถอะ, เจ้าพวกนั้นมันไม่คิดจะรบกับพวกเราแต่แรกแล้ว!”
เฮนริเอตต้าเร่งรีบสวมผ้าคลุมห่มร่างเปลือย
ข้ารับใช้แตกตื่นและขอให้อย่างน้อยๆเธอก็ช่วยสวมเกราะก็ยังดี แต่เฮนริเอตต้าไม่ใส่ใจพวกนั้น
เรือนร่างของเธอคงจะเห็นได้ชัดเจนหากเป็นเวลากลางวัน แต่ตอนนี้มันกลางดึกสงัด
เฮนริเอตต้ามองไปบนฟ้า ราตรีนี้มีเมฆมาก
“นี่เป็นค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ เจ้าพวกนั้นรอจังหวะนี้อยู่แล้ว”
เฮนริเอตต้าไปยังเต๊นท์เพื่อประชุมกลยุทธ นายพลทุกหน่วยทุกคนต่างอยู่กันพร้อม
เฮนริเอตต้ามองไปยังนายพลทุกคน พวกเขาต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพ เธอโบกมือให้ทุกคนทราบว่า เรื่องพิธีกรรมพิธีการข้ามๆไปก่อน
ราชินีเฮนริเอตต้านั่งทำหัวโต๊ะ
“รายงานมา”
“ครับ หนึ่งในสายลับรายงานว่า สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ ทหารศัตรูกำลังข้ามแม่น้ำมาเน่
เนื่องจากมันมืดจึงมองเห็นอะไรไม่ชัด แต่พวกเขาก็ยืนยันว่า จำนวนทหารมากกว่า 30,000 นาย”
“แล้วโอกาสที่จะเป็นกลอุบายล่ะ?”
“แทบจะไม่เลยครับ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ส่งไปอีกหน่วยเพื่อยืนยันแล้ว”
หินมานาฉายส่องสว่างอยู่ในเต๊นท์
เผยเห็นเรือนร่างเปลือยของราชินีที่อยู่ระหว่างช่องว่างของผ้าคลุม หากแต่ไม่มีนายพลคนใดสนใจเรื่องนั้น
นายพลของบริททานี่รู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีว่า การเข้าปะทะใกล้จะมาถึงแล้ว
เฮนริเอตต้าพ่นลมหึ
“นายเหนือพวกเจ้าจะมอบคำสั่งเอง ไม่จำเป็นต้องมีการประชุมใด
ส่งทหารออกไปเดี๋ยวนี้
พวกเราต้องโจมตีพวกนั้นก่อนที่จะข้ามแม่น้ำได้สำเร็จ”
“รับทราบ!”
เหล่านายพลลุกขึ้นและออกจากเต๊นท์มีเพียงนักบุญหญิงลองวี่ที่พูดด้วยน้ำเสียงกังวลขณะอยู่ข้างราชินี
“ฝ่าบาท, ท่านคิดว่า เจตนาจริงของพวกเขาคืออะไร?”
“สร้างรั้วและหอเฝ้าระวังทั้งหมดนั่นเป็นแค่กลลวง สิ่งที่พวกเขาตั้งใจจะสร้างก็คือ สะพานและท่าเรือ
ชิ ข้าไม่คิดเลยว่า เจ้าพวกนั้นจะเลี่ยงการปะทะ”
เหล่าข้ารับใช้ต่างรีบเร่งนำเกราะมาให้เฮนริเอตต้าสวม
เฮตริเอตต้าเกร็งหัวคิ้วตลอดเวลา
“เป้าหมายเจ้าพวกนั้นมิใช่เพื่อสู้รบกับพวกเรา หากแต่ตั้งใจจะยึดปารีส
การเตรียมการที่ดูเหมือนว่าตั้งใจจะตั้งรับนั้น ทั้งหมดเป็นเพียงการลวง”
“ปารีสอย่างนั้นหรือ…….”
นักบุญหญิงลองวี่ยังดูงุนงงสงสัย
“แต่ทำแบบนั้นไปพวกเขาจะได้อะไร?”
“พวกนั้นคงตั้งใจจะปลดปล่อยให้จักรพรรดินีโดวาเจอร์เป็นอิสระ แล้วให้มาเป็นพวกกัน
อาจจะยังคงมีพวกรักชาติหลงเหลืออยู่ในฟรานเคียอยู่
พวกนั้นอาจร่วมมือกับกองทัพจอมมารเพื่อเปิดประตูให้เข้ามา”
นักบุญหญิงเข้าใจในที่สุด
“พวกนั้นตั้งใจทำร้ายเราทางการเมือง มิใช่ทางการสงคราม!”
“แน่นอน สงครามนั้นกลับไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
ข้ามัวแต่สงสัยอยู่ว่า เจ้าพวกนั้นจะรบหรือไม่รบกันแน่”
เฮนริเอตต้าคำรามออกมา
“อย่างที่ข้าคิด ดันทาเลี่ยนต่างหากเป็นผู้นำกองทัพมิใช่ รองผู้บัญชาการคนนั้น
พวกกลยุทธแบบนี้มันของเขาชัดๆ
แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าพวกนั้นกลับประมาทหน่วยสอดแนมฝ่ายเราไป”
ราชินีรับดาบมาจากข้ารับใช้ เธอกระชับด้ามดาบมั่น
“ขณะที่ยังข้ามแม่น้ำไม่เสร็จดี นี่จะเป็นจุดอ่อนแอที่สุดของพวกนั้น
เราไปบดขยี้กองทหารที่กำลังข้ามน้ำกันเถอะ
ลองวี่, ตามข้ามา!”
MANGA DISCUSSION