บทที่ 271 – ผู้ก่อกบฏ (6)
“……ข้าเข้าใจแล้ว”
บาอัลยิ้มชั่วร้ายออกมา
ผู้อัญเชิญนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการอัญเชิญ สิ่งที่ถูกอัญเชิญออกมาจะขยับไม่ได้หากผู้อัญเชิญไม่สามารถจ่ายมานาให้พวกมันได้ต่อ
ดังนั้นแล้วจึงเป็นวิธีการที่ฉลาดนี่จะจัดการกับผู้อัญเชิญ ขณะที่สู้กับสิ่งที่ถูกอัญเชิญ
อามอนบอกว่า เห็นเดธไน้ท์ 500 ตัวในห้องจัดงานเลี้ยง ในบรรดาเหล่าสิ่งอัญเชิญทั้งหลาย เดธไน้ท์นั้นทรงพลังมากที่สุด
นั่นจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมบาอัลจึงตั้งใจยั่วยุบาร์บาทอส ล่อเธอเข้ามาใกล้ แถมเขายังไม่ลืมที่จะบดขยี้หัวใจซึ่งนั่นเป็นแหล่งมานาของเธอ…….
“นางแกล้งทำทีเป็นว่าแพ้พ่ายไปแล้ว”
จากสถานการณ์ดังกล่าว ก็พอเข้าใจได้ว่าบาร์บาทอสย่อมต้องโมโหโทโสเป็นอย่างมาก
บาร์บาทอสผู้รู้สึกผิดหวังเสียใจและหงุดหงิดกับเหตุการณ์ในเหตุการณ์กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 2
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ, ทั้งหมดเธอแค่แสร้งทำเป็นโกรธอย่างนั้นรึ……?
บาอัลประกอบชิ้นส่วนข้อมูลเข้าด้วยกัน เหตุผลที่เซปาร์ไม่ได้จู่โจมบาอัล แล้วมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือบาร์บาทอสก่อน
ทุกอย่างนั่นมิใช่เพราะเขาใจเย็น หากแต่การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการ
เซปาร์ใช้ผ้าคลุมไหล่ปกปิดบาร์บาทอสไว้หลังจากช่วยเธอได้
นั่นก็เพื่อไม่ให้เห็นว่า บาร์บาทอสนั้นฟื้นตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บาอัลยังคงพูดทั้งที่เลือดไหลออกมุมปาก
“พอมานึกดูตอนนี้ มันก็แปลก
เจ้าก้าวถอยหลังออกห่างข้าราวกับรู้ล่วงหน้าว่า บาร์บาทอสจะเข้ามาทำร้ายข้า”
นั่นไม่ใช่การโจมตีเข้ามาเนื่องจากอารมณ์ หากแต่เป็นการขยับไปตามแผนการที่วางไว้
“ในท้ายที่สุดแล้ว บาร์บาทอสเป็นผู้ปิดฉาก
อย่างนั้นรึ…….ช่างงดงามเสียเหลือเกิน”
“อืม ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ที่ท่านพูดมาน่ะถูกครึ่ง ผิดครึ่ง”
ดันทาเลี่ยนเกาแก้มตัวเอง
“มันเป็นความจริงที่ นางแสร้งทำเป็นแพ้ไปแล้ว
และเห็นได้ชัดว่า ท่านตั้งใจบดขยี้หัวใจของนาง ดังนั้นนางจึงดื่มโพชั่นฟื้นฟูเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ บาร์บาทอสมิใช่ผู้ที่ฆ่าฝ่าบาทหรอก”
“โพชั่นฟื้นฟูรึ?”
“ผสมในไวน์ที่เธอดื่มน่ะ”
บาร์บาทอสนั้นดื่มไวน์ก่อนการเริ่มประชุม
สิ่งนั้นคือ โพชั่นฟื้นฟูหรอกรึ?
บาอัล,ผู้รอบคอบ กลับยิ้มออกมา
“ช่างชวนให้สับสนนัก แล้วบาร์บาทอสจะไม่ใช่ผู้ที่แทงข้าได้อย่างไรกัน?”
“ข้าค่อนข้างแน่ใจว่า ต่อให้เป็นฝ่าบาท แต่หัวใจนั้นเป็นอะไรที่ฟื้นตัวได้ไม่ง่ายอยู่ดี
ต่อให้เป็นจอมมารระดับสูงหากโดนขยี้หัวใจก็คงจะเจ็บปวดมาก”
ดันทาเลี่ยนหัวเราะคิก
พอเขาดีดนิ้วเบาๆ ก็มีดาบผุดขึ้นมาจากเงาของบาอัลเพิ่ม ดาบทั้งหลายต่างรุมแทงเข้าไปในร่างบาอัล
ขณะที่ดาบทั้งหลายแทงเสร็จก็หายกลับเข้าไปในเงา แล้วยังคงโผล่แทงแล้วหายซ้ำไปซ้ำมา
ฮื่มม, บาอัลครางออกมา เขาคงพยายามที่จะฟื้นฟูร่างกายให้มากที่สุดระหว่างที่กำลังคุยเล่นฆ่าเวลากันอยู่นี่ แต่ไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้เขาหรอก
“เดซี่ ลงดาบ”
“ค่ะ, ท่านพ่อ”
เด็กสาวมนุษย์วาดดาบลง มือขวาของบาอัลนั้นโดนตัดเฉือนเป็นแผลสวย
ดาบทำลายปีศาจของบาอัลนั้นหล่นลงพื้น บาอัลไร้ซึ่งอาวุธแล้ว
บาอัลกลับย่นคิ้ว
“ท่านพ่อรึ?”
“เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของข้า เธอนั้นมีสายสัมพันธ์กับฝ่าบาทในชีวิตก่อน ดังนั้นดูแลเธอให้ดีๆล่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงท่านอย่างจะดูแลเธอให้ดีแค่ไหน ก็คงมีเวลาเหลืออีกไม่นานแล้วล่ะ”
ดันทาเลี่ยนเตะดาบทำลายล้างปีศาจไปข้างๆ
“เรากลับมาคุยเรื่องเดิมกันดีไหม?
จริงอยู่ที่บาร์บาทอสทำได้ดีมาตลอดเลยล่ะ แต่เธอเองกลับไม่สามารถฟื้นตัวได้ไวพอที่จะอัญเชิญมาได้อีก
ถ้าอย่างนั้นแล้ว เดธไน้ท์สามารถจู่โจมท่านได้ยังไงกันล่ะ……?”
ดันทาเลี่ยนปรบมืออีกครั้งหนึ่ง กลุ่มดาบที่ปักอยู่กลับถอนออกแล้วมีกลุ่มดาบระลอกใหม่โผล่มาทิ่มแทงร่างบาอัลอีกครั้ง
“เหตุผลนั้นง่ายมาก นั่นก็เพราะอำนาจการบัญชาพวกเขานั้น ส่งมาให้ข้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“…….”
“จากเดธไน้ท์ทั้งหมด 467 นาย ที่ประจำอยู่ในห้องงานเลี้ยง มีเพียง 67 นายเท่านั้นอาศัยอยู่กับบาร์บาทอส”
เขาฉีกยิ้มกว้าง
“ส่วนที่เหลืออีก 400 นาย ขึ้นตรงกับข้า”
บาอัลเปล่งเสียง ‘อ่า’ ออกมา
“เจ้าหลอกข้า”
“ถูกต้องแล้วครับ อย่าได้กล่าวโทษตัวเองไปเลย
ไม่ว่าใครก็ต่างคิดว่า เดธไน้ท์นั้นต้องเป็นทหารส่วนตัวของบาร์บาทอสด้วยกันทั้งนั้น ”
“นี่ช่างเป็นผลงานชั้นเลิศ ผิดกับคำพูดคำจาของเจ้าจริงๆ”
บาอัลหัวเราะออกมา
“หากเจ้าใช้การรุมตีกระหนาบทั้งจากเดธไน้ท์ ขณะที่เหล่าจอมมารรุมข้า พร้อมด้วยกันกับเหล่าตุ๊กตา และกระสุนเวทย์ระดมยิง
……ข้าอาจแพ้ก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้นมันอาจไม่เป็นชัยชนะที่ง่ายดายเช่นนี้”
ดันทาเลี่ยนไม่สนใจความเป็นไปได้อย่างนั้น
เขาแกล้งทำเป็นว่า เดธไน้ท์นั้นใช้งานไม่ได้จวบจนจังหวะสุดท้าย ทั้งหมดก็เพียงเพื่อเปิดช่องว่างเพียงครั้งเดียว
ดันทาเลี่ยนยักไหล่
“เอาล่ะ การพูดว่า อาจจะชนะได้ก็ไม่ผิดอะไรกับการพูดว่า อาจจะแพ้ก็ได้
ฝ่าบาทเป็นจอมมารผู้ถือครองลำดับสูงสุด
การเตรียมการไว้เพื่อทุกอย่างเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
ด้วยการโจมตีของไวเวิร์นจากด้านบนทำให้สายตาของบาอัลจับจ้องแต่ทิศทางเหนือหัว
บาอัลยังคลายมือที่จับดาบชั่วขณะไปก็เพราะการโจมตีของเด็กหญิงมนุษย์
เหล่าเดธไน้ท์ที่เฝ้ารอชั่วขณะที่บาอัลหลงคิดว่า ทุกอย่างจบลงแล้ว รุมโจมตีเขา
ดันทาเลี่ยนพูดเสียงแผ่วเบากระซิบข้างหูบาอัล
“นี่เป็นความลับนะครับ ความจริงไม่จำเป็นต้องมีจอมมารตนใดต้องตายก็ได้
แต่ว่าหากจะมีจอมมารแข็งแกร่งกว่าข้า น้อยลงไปอีกสักหน่อย ก็ถือเป็นเรื่องดีข้ามิใช่หรือ?”
“คึกหึหึ”
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า แม้แต่ในวาระสุดท้ายบาอัลก็ยังถูกใช้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
ดันทาเลี่ยนผู้ฆ่าจอมมารลำดับ 72 อันโดรมาลิอุส ทั้งยังฆ่าตัวเขา จอมมารลำดับ 1 บาอัลด้วย
กองทัพจอมมารในตอนนี้กำลังเป็นไปตามเกมของชายผู้ยืนตรงหน้าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่เรียกว่า จิตวิญญาณแรงกล้าของนักรบ หรือความชอบธรรมใดๆไม่มีทางมีอยู่ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายสับสนภายใต้การปกครองของชายผู้นี้…….
“การที่ข้าต้องตายด้วยคนอย่างเจ้านี่ เป็นชะตากรรมของข้านั้นรึ?
แต่ ดันทาเลี่ยนเอ๋ย ความสำเร็จนี้หาใช่ด้วยกำลังของเจ้าคนเดียวไม่
เจ้าได้พึ่งพาจอมมารทุกตนเพื่อสังหารข้า”
บาอัลยิ้มอย่างพออกพอใจขณะหลับตาลง
“ชีวิตของข้าที่มีมา 5,000 ปี มันหนักเหลือเกิน
ข้าจะหวังอะไรไปมากกว่าการมุ่งหน้าเข้าสู่การล่มสลายเล่า?
จะมีผู้ใดได้พบจุดจบที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อีก?
หาได้มีผู้ใดไม่…….”
ยามเมื่อเขาหลับตาลง ภาพท้องฟ้าที่เทาหม่นก็ปรากฏ
ท้องฟ้าที่เขามองขึ้นไปด้วยแววตาอันว่างเปล่า มีแต่เพียงความหิวโหยอยู่ตรงหน้า
โลกปีศาจที่เคยแห้งแล้งอัตคัต เขาดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเอาชีวิตให้รอด เป็นธรรมดาที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้กินมื้อต่อไป ปีศาจทุกตัวนั้นต่างใฝ่หาความแข็งแกร่ง บาอัลก็เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
บาอัลยังคงเข่นฆ่าฟันแล้วฆ่าฟันอีก จนเกิดคำถามขึ้นมาในใจของบาอัล
หากข้าต้องตายตกไปอย่างไร้ความหมายแล้ว จะมีประโยชน์อะไรกับชีวิตมากมายที่ต้องถูกช่วงชิงไปด้วยมือของข้า?
ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าทั้งแม่และลูกสาวตัวน้อยเพียงเพื่อจะแย่งกินขนมปังเพียงแถวเดียว
เขาฆ่าล้างทั้งครอบครัวที่ขอร้องให้ไว้ชีวิตลูกสาว
เขาฆ่าแม้แต่นักบวชที่ช่วยหยุดการทะเลาะวิวาทเพื่อให้ทุกฝ่ายเดินสู่เส้นทางแห่งการปรองดอง
นักรบทั้งหลายที่ตายใต้คมดาบของเขานั้นทั้งยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์
เขากลืนกินผู้คนเหล่านั้น และเอาชีวิตรอด
━ความตายที่เปล่าประโยชน์ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจให้อภัยได้
นับตั้งแต่ตอนนั้นแล้วที่บาอัลเริ่มมองหาจุดจบของตัวเอง
บาร์บาทอสสนับสนุนแนวคิดที่ว่า โลกทั้งใบเป็นสถานที่ที่เผ่าปีศาจสมควรใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
มันเป็นแนวคิดที่มีค่าพอที่จะให้สละชีพตายแทนได้ หรืออย่างน้อยๆก็มีค่าพอให้แบกรับมัน
ไพมอนถวิลหาโลกที่ทุกฝ่ายสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติโดยไม่ขึ้นกับเผ่าพันธุ์ นั่นก็เป็นแนวคิดที่มีค่าคู่ควรให้สละชีวิตเช่นกัน
แม้ดันทาเลี่ยนจะเป็นกุมบทบาทหลักสำคัญของแผน
แต่ท้ายที่สุดแล้ว บาอัลก็ถูกฆ่าโดยจอมมารทุกตน
บาอัลตั้งใจที่จะยอมรับความตายนี้ด้วยความยินดี
“ท่านดูจะพึงพอใจน่าดูเชียวนะ หรือท่านกำลังเฝ้าหาจุดจบอันแสนสุขแบบนี้อยู่หรือ?”
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายกลับไม่เอาหัวของเขาไปเสียที ไม่ว่าจะรออยู่นานแค่ไหน
“ข้าต้องขออภัยด้วย แต่มันย่อมต้องเป็นปัญหาแน่หากข้าฆ่าฝ่าบาท ที่นี่ ตรงนี้
การทำเช่นนั้นมิกลายเป็นว่า ข้าเป็นจอมมารผู้สังหารบาอัลหรอกหรือ?
การที่ดึงดูดความสนใจผู้คนแบบนั้นมันน่าเหนื่อยหน่ายมากเกินไปน่ะ”
“……เจ้ากำลังพูดอะไร?”
“หัวของท่าน มันไม่ได้มีเสน่ห์มากพอที่จะให้ข้าต้องลงไปเสี่ยงขนาดนั้นหรอก”
บาอัลเบิกตาขึ้น เขามองเห็นดันทาเลี่ยนยืนยิ้มน่ารังเกียจ
“ข้าไม่ต้องการ ‘จักรพรรดิองค์ใหม่’
แม้แต่บุคคลผู้ประสบความสำเร็จอย่างท่านยังต้องมีจุดจบเช่นนี้เลย
หากข้ารับตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น อำนาจนั้นจะยืนยงไปถึง 1000ปีหรือไม่ยังไม่รู้เลย?
ข้าปรารถนาจะมีชีวิตที่เรียบง่าย”
“…….”
นั่นเป็นครั้งแรกที่บาอัลรู้สึกโกรธขึ้นมา
ดันทาเลี่ยนกำลังประกาศบอกว่า ความตายของบาอัลนั้นหาได้มีค่าคู่ควรไม่
“เจ้า…….”
“ข้าจะบอกความจริงกับท่านข้อหนึ่ง ยามที่ฐานอำนาจใหญ่อย่างท่านจากไปแล้ว
กองกำลังจอมมารก็จะเริ่มแก่งแย่งชิงอำนาจกันอย่างจริงจังเสียที
อกาเรสที่พิกลพิการ ส่วนท่านก็ตายจากไป
ความเป็นห่วงกังวลของข้าในอนาคตก็ลดลงไปอย่างมากเลยล่ะ”
ดันทาเลี่ยนแอบหัวเราะเงียบๆ
“ช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดายอย่างมากเลยนะ ,บาอัล
การดิ้นรนต่อสู้และสงครามที่ท่านรอคอยมานานแสนนาน กลับเกิดขึ้นแทบจะในทันทีที่ท่านตายจากไป
ท่านเข้าใจไหม? ความฝันของท่านไม่มีทางสมปรารถนาในตอนที่ยังมีชีวิตเลย”
“…….”
“แถมออกจะเป็นปัญหาด้วยซ้ำหากท่านจะส่งถ่ายความเกลียดชังนั้นให้ข้าเพียงคนเดียว
สักวันหนึ่งท่านจะต้องตายด้วยฝีมือมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง หากสถานะแบบนี้ยังดำเนินต่อไป
ดังนั้นแล้ว คงจะดีกว่าด้วยซ้ำที่ท่านตายด้วยฝีมือข้า
อืมฮึ ความรู้สึกซาบซึ้งของท่านยังไม่เพียงพอต่อความเห็นอกเห็นที่ข้ามีเลยด้วยซ้ำ”
ดันทาเลี่ยนกระซิบ
“ในเมื่อเป็นหมาก็สมควรตายอย่างหมาไป”
ดันทาเลี่ยนหันหน้ากลับไปหาจอมมารตนอื่นๆ
เขากางแขนออกแล้วตะโกนเสียงดัง
“สหายทั้งหลายเอ๋ย! ผู้กระทำความผิดเป็นเหตุให้การระดมพลกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 2 และการระดมพลครั้งต่อๆมา ,จอมมารบาอัล โดนโค่นล้มแล้ว
นี่เป็นช่วงเวลาที่คนทรยศที่ชั่วช้ายิ่งกว่าคนทรยศใด ผู้บดขยี้ความฝันของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เพียงเพื่อสนองความละโมบของตน กำลังจะถูกลงโทษแล้ว”
ดันทาเลี่ยนยังคงพูดต่อ
“บุคคลผู้ปลิดชีวิตบาอัลเป็นคนสุดท้าย จะได้รับขนานนามว่า เป็นฮีโร่ผู้พิชิตบาอัลได้
ทุกคนครับ, พวกเราไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้มันจบลงแบบนั้น
นั่นเพราะบาอัลมิใช่ผู้ทรยศพวกเรา หากแต่ทรยศเผ่าปีศาจทั้งผอง”
แววตาของดันทาเลี่ยนจริงจังขึ้นมากว่าครั้งไหนๆ
“ดังนี้แล้ว บาอัลต้องถูกลงโทษด้วยมือพวกเราทุกคน
สหายผู้เป็นที่รักของข้า, พวกเรามิได้ต้องการให้คนใดคนหนึ่งเป็นฮีโร่ พวกเราปรารถนาโลกปีศาจอันเป็นหนึ่งเดียว
หากท่านเชื่อมั่นว่า ตัวท่านเป็นดั่งตัวแทนของชาวปีศาจทั้งหลาย หากท่านตระหนักว่าตัวท่านเป็นราชสกุลที่แท้แห่งเผ่าปีศาจ ━ได้โปรดก้าวออกมาข้างหน้า”
ดันทาเลี่ยนดึงมีดออกจากปลอกที่เหน็บตรงสะโพก
“แด่ยุคสมัยใหม่!”
เขาแทงมีดเข้าไปที่ไหล่ของบาอัลโดยไม่ลังเล
“ไม่ใช่แต่เพียงยุคเก่าที่โดนควบคุมด้วยความสิ้นหวัง,การแก่งแย่ง,เลือด และการฆ่าล้างกัน หากแต่ยุคใหม่ จะสร้างขึ้นด้วยความประสานเป็นหนึ่งเดียว,สันติ,ความเท่าเทียม และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น
ทุกคน, ข้าจะขอให้พวกเราแผ้วทางเส้นทางนี้ด้วยมือเราทุกคน ไปด้วยกัน”
พอเขาพูดเช่นนั้นแล้ว จอมมารตนอื่นก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
บาร์บาทอสมาเป็นคนแรก
เธอยังหายใจหอบหนักอันเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เธอก็อัญเชิญเคียวรบออกมาแล้วแทงเข้าที่น่องของบาอัล
ไพมอนเฉือนหูขวาของบาอัลด้วยสีหน้าที่โศกเศร้าและน้ำตาที่เปียกชื้นบนใบหน้า
กามิกินยังคงแย้มยิ้มเหมือนเคยขณะที่คว้านอกบาอัล
ราวกับบาอัลกำลังถูกหมาล่าเนื้อกัดขย้ำทีละส่วน
‘อ่าาาา…….’
บาอัลครุ่นคิดกับตัวเองขณะที่รู้สึกถึงเนื้อกำลังโดนทะลวงแทง
จอมมารตนสุดท้ายก้าวออกมา ผู้นั้นคือ จอมมารลำดับ 3 เวสซาโก้
เป็นที่รู้กันดีว่า เวสซาโก้เป็นผู้ให้การสนับสนุนบาอัลมาโดยตลอด เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการเข้าร่วมการรุมฆ่าครั้งนี้เพื่อเลี่ยงข้อกล่าวหาที่ว่า เขาเป็นผู้ช่วยของบาอัล
แต่ถ้าพูดให้ตรงกว่านั้น ดันทาเลี่ยนเองที่เป็นผู้ชี้นำให้เวสซาโก้ทำเช่นนั้น
ใบหน้าของเวสซาโก้นั้นเต็มไปด้วยความกลัวและความโลภโมโทสัน นั่นเป็นใบหน้าจริงของบุคคลที่ถูกเรียกว่า ชนชั้นสูงหนุ่ม
ภาพที่เห็นเวสซาโก้เงื้อดาบขึ้น และสะบัดดาบลงมาที่คอ สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นของบาอัล
‘นี่เป็นความตายของข้าสินะ’
แล้วทุกอย่างก็ดำมืด
(TTL : บทนี้เข้มข้นและสนุกจนไม่อยากจะแทรก คอมเม้นตรงไหนเลย
มีตรงที่อยากแทรกจริงๆ ช่วงท้ายๆตอนพรี่ดันแกประกาศคำสวยๆแบบ
>ยุคใหม่ , ความประสานเป็นหนึ่งเดียว,สันติ,ความเท่าเทียม<
จนอยากจะตะโกนร้องว่า
‘ไอ้เชี่ยพรี่ดัน ไอ้ตอแหลลลล!’ ออกมาเลยล่ะ (ฮา) )
MANGA DISCUSSION