บทที่ 270 – ผู้ก่อกบฏ (5)
* * *
ุจุดไหนเป็นจุดชี้วัดกันว่า เป็นการต่อสู้ หรือ สงคราม
เส้นกั้นแบ่งระหว่างสองอย่างนั้นชัดเจนกว่าที่ใครจะคาดคิด
อย่างไรก็ดี ยามที่การสู้รบของเหล่าผู้ปกครองแต่ละชาติเกิดขึ้น ━นั่นก็เปลี่ยนทุกอย่างไป
เสียงของดาบมากมายที่เข้าปะทะกันดังก้องสะท้อนนำการสู้รบเข้าสู่สงคราม
“มาเถอะ เหล่าผู้ปกครองทั้งหลาย”
เช่นนั้นแล้ว จอมมารทุกคนจึงเทียบได้กับตัวแทนของชาติทั้งชาติ
“ข้ายอมรับการประกาศสงครามด้วยความเบิกบาน”
จอมมารผู้หนึ่งยืนปักหลักมั่นด้วยสองเท้า เขาเป็นดั่งจักรวรรดิที่ไม่เคยล่มสลายมายาวนานกว่า 5,000 ปี
จอมมารบาอัลถอดถุงมือออกแล้วโยนลงพื้น ถุงมือสีดำกระแทกกับพื้นหินอ่อน
จอมมารเพียงตนเดียว
กับ
จอมมารทั้งห้าสิบเจ็ดตน
“สหายผู้เป็นรักของข้า━พวกเรามาเริ่มสงครามกันเถอะ”
เปิดฉากในยกแรก
จอมมารสายต่อสู้ทั้งห้าตนพุ่งเข้าใส่
จอมมารทั้งห้าต่างประจำตำแหน่งไว้ล่วงหน้าแล้วจึงพุ่งเข้ามาดั่งพายุโหมกระหน่ำในห้าทิศทาง
ผู้นำการบุกนั้นคือ จอมมารลำดับ 12 สิตริ เธอนั้นเป็นสัตว์ร้ายที่ไต่เต้าขึ้นลำดับด้วยพลังของตัวเองล้วนๆ
ดังนั้นสถานการณ์จะกลับวุ่นวายไปแทนหากมีคนมากกว่านั้นบุกเข้าโจมตีบาอัลพร้อมๆกัน
จึงได้เลือกจอมมาร 5 ตนนั้นมา พวกเขาทั้งหมดต่างมีพลังมหาศาลเหนือกว่าสุดยอดนักดาบแห่งทวีปมาก
บาอัลเฝ้ามองพวกเขาด้วยดวงตาที่สงบเยือกเย็น
“จงคำราม , จันทรา”
หนึ่งในสิบสองเวทย์เฉพาะตัวที่ร่ายบนดาบนั้นเปิดการใช้งาน
มันเป็นเวทย์เฉพาะของเผ่ามังกรแดงที่สามารถสะเทือนผืนฟ้าสะท้านผืนดิน ด้วยออร่าที่มากมายผิดปกติ
มันมอบความสามารถให้กับผู้ถือครองให้สามารถตัดได้ทุกสรรพสิ่งภายใต้คอนเส็ปของ ‘อาวุธ’
ยิ่งไปกว่านั้น ผลของมันไม่มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย
ดาบแส้ที่สิตริตวัดวาดออกไปกลับถูกตัดราวกระดาษ
ดาบยาว,หอก,ดาบโค้ง ต่างถูกทำลายยับ
สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าจอมมารทั้งหลาย
นี่พวกเขาใช้อาวุธที่ดีที่สุดที่ทำจากอดาแมนเที่ยมแล้วมิใช่หรือ?
แต่ถึงอย่างนั้น สิตริก็ยังคงแสยะยิ้มและพุ่งเข้าไปต่อสู้ด้วยมือเปล่า เธอร้องคำรามขณะเหวี่ยงหมัด แต่บาอัลก็แค่ปัดการโจมตีนั้นออกไปด้านข้างด้วยมือเดียว
พอเกิดช่องว่างขึ้น จอมมารสี่ตนที่เหลือก็เข้ารุกตามแผน วิถีวิวาทด้วยมือเปล่าพุ่งเข้าใส่ในทั้งสี่ทิศทาง
“ยอดเยี่ยม การต่อสู้ด้วยมือเปล่านั้นเป็นรากฐานของพื้นฐานการต่อสู้”
บาอัลสะบัดดาบพลางยิ้มร่า
“แต่ถึงกระนั้น ร่างกายของพวกเจ้าเองก็ไม่ต่างจาก ‘อาวุธ’ พวกนั้น ”
จอมมารหลายคนถูกเชือดฟันที่เอว
ปริมาณเลือดจำนวนมากระฉูดทะลักออกมา
จอมมารผู้ที่โดนฟันเอวขาดถึงกับกรีดร้องขณะที่ล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
มีเพียงสิตริผู้เดียวเท่านั้นที่คาดการณ์การโจมตีนั้นล่วงหน้าด้วยสัญชาตญาณดิบของเธอ ทั้งยังขยับหลีกไปได้โดยแลกกับการเสียแขนซ้าย
ตอนนั้นเองที่ยกสองได้เริ่มขึ้น
– โครมมมม!
เสียงเพดานของห้องจัดงานเลี้ยงถล่ม ตุ๊กตาที่รออยู่แล้วบนฝ้าเพดานกระโดดลงมา จำนวนตุ๊กตาทั้งหลายมากกว่าจำนวนจอมมารนักสู้ถึง สิบเท่า
ทั้งหมดนั้นเป็นตุ๊กตาที่สร้างขึ้นเพื่อการต่อสู้ พวกมันเป็นเครื่องจักรสังหารที่อิวาร์ ล็อดบรอคเพียรสร้างมากว่า 3,000 ปี
ทหารตุ๊กตาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้แค้นจอมมาร
พวกมันไม่มีความรู้สึกใดๆจึงไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจอมมาร
เครื่องจักรสังหารของเด็กสาวผู้ถูกจอมมารทรยศถูกออกแบบมาเพื่อสู้กับจอมมารโดยเฉพาะ
ตุ๊กตาเหล่านั้นต่างร่อนลงมาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ขณะที่ถืออาวุธคมกริบ
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นรึ ผู้ชักเชิดหุ่นเอ๋ย”
บาอัลถึงกับร้องออกมาด้วยความชื่นชมขณะที่มองไปยังเพดานที่ถล่มลงมา
การสร้างตุ๊กตาเกือบ 50 ตัวนั้นก็นับว่าประทับใจอยู่แล้ว หากแต่การที่สามารถควบคุมพวกมันทั้งหมดได้นั้นยิ่งน่าสรรเสริญ
ศาสตร์ของการสร้างหุ่นเชิดนั้นยากยิ่งกว่าการเรียนเวทย์มนตร์อีก ยากกว่าเป็นอันมาก การไปถึงทักษะระดับนั้นต้องลำบากจนน้ำตาเป็นสายเลือด
ยิ่งไปกว่านั้น ลำดับการจู่โจมมันไม่น่าสนใจอย่างนั้นหรือ?
ก่อนอื่นให้ จอมมารนักสู้ทั้งหลายเข้าจู่โจม เมื่อเป็นดังนั้นบาอัลจึงต้องสั่งใช้งานเวทย์เฉพาะตัวของเผ่ามังกรแดง
แล้วเหล่าตุ๊กตาทั้งหลายก็ตามซ้ำต่อ
แม้บาอัลจะฟันตุ๊กตาขาดครึ่งท่อน แต่พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ดังนั้นแล้วพวกมันยังคงเกาะแข้งเกาะขาบาอัลเหมือนแมงมุม แม้จะเสียแขนเสียขา ผ่ากลางหรือโดนบดขยี้ไปแล้วก็ตาม
ซึ่งนั่นทำให้เวทย์มนตร์ที่แสนทรงพลังนั้นไร้ประโยชนย์ การโจมตีต่อเนื่องทั้งหมดนั้นได้คิดวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว
ราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นเข้าใจถึงสรรพอาวุธที่บาอัลมีได้เป็นอย่างดี
━ดันทาเลี่ยน
ไม่มีทางหรอกที่ใครคนอื่นที่ไม่ใช่หมอนั่นจะเป็นผู้วางแผน
ความรู้สึกตื่นเต้นกลับพุ่งพรวดขึ้นมาในอกของบาอัล
ถูกต้องแล้ว นี่มิใช่ การต่อสู้ระหว่างจอมมารหนึ่งตนกับจอมมารห้าสิบเจ็ดตนหรอก
หากแต่มันเหนือการวิวาทต่อสู้
บาอัลกับดันทาเลี่ยนกำลังประเมินกำลังของอีกฝ่ายราวกับผู้บัญชาการสูงสุดทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหมากรบ
โดยหมากบนกระดานทั้งหลายนั้นคือ จอมมารผู้สูงส่ง
นี่ช่างเป็นกระดาษหมากรุกที่มีราคาแพงเสียนี่กระไร?
เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่บาอัลจะไม่กระโดดลงไปร่วมเล่นบนกระดานหมากรุกอันหรูหรา และสูงส่งเช่นนี้
“━ปิดการใช้งาน ต่อต้านเวทย์”
บาอัลสั่งปิดการใช้งาน เวทย์มนตร์ ‘ต่อต้านเวทย์’ บนผ้าคลุมของเขา จริงอยู่ที่มันเป็นเวทย์มนตร์อันทรงพลังที่ทำให้ทุกเวทย์ที่เข้ามานั้นไร้ผล แต่สิ่งที่แลกเปลี่ยนก็คือ บาอัลเองก็ไม่ใช่จะร่ายเวทย์อะไรได้เช่นกัน
เมื่อบาอัลบันเทิงเริงรมย์จนไม่อาจทนได้ เขาก็ได้ปลดปล่อยตนจากการผนึกและเริ่มร่ายเวทย์
“ผู้หนึ่งย่อมแบกรับชีวิตหนึ่งเดียวแห่งตน”
เกิดการระเบิดเวทย์มนตร์ออกจากตัวบาอัล
ซึ่งนั่นเป็นพลังเวทย์บริสุทธิ์
บาอัลนั้นมิได้มีทักษะเหมือนเช่นนักเวทย์ หากแต่เขาเองก็มีความสามารถในการปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมาได้ไม่ต่างจากอาร์คเมจ ยามเมื่อต้องปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา
ตุ๊กตาทั้ง 50 ตัว โดนพัดออกไปพร้อมกับแรงลม เครื่องจักรสังหารเหล่านั้นกระจายเป็นชิ้นๆพร้อมกับเศษปูนฝ้าเพดาน
ยกที่สาม
“โอ้ ภูติวิญญาณทั้งหลายเอ๋ย, โอ้ ธรรมชาติดั้งเดิมแลไร้กฏเกณฑ์เอ๋ย”
จอมมารลำดับ 4 กามิกินร่ายเวทย์ทันทีที่เห็นเพดานถูกถล่มทำลาย
ออร่าสีทองสวยงามเฉิดฉายออกมาจากร่างของกามิกิน ไม่ใช่เพียงแต่เธอผู้เดียวเท่านั้น หากแต่ จอมมารคลาสนักเวทย์อีก 20 ตน ต่างร่ายเวทย์พร้อมเพรียงประสานเสียงกัน
พวกเขานั้นได้เตรียมการมหาเวทย์ไว้ตั้งแต่เริ่มการปะทะแล้ว
“จากความมืดสู่ความมืด━”
“จากความปรารถนาเนื้อแท้สู่ความปรารถนาเนื้อแท้
จากสสารสู่สสาร”
“กลับคืนสู่เถ้าธุลี”
เวทย์มนตร์นับร้อยกระหน่ำตกใส่บาอัล
“คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
บาอัลระเบิดหัวเราะขณะที่มองดูห่าฝนพายุเวทย์ตกลงมา
บาอัลหัวเราะเหมือนเด็กขณะที่วังเนฟเฮมพังยับรอบตัวเขา ทั้งยังมีเสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่ว
อย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ
ดันทาเลี่ยนนั้นยอดมาก ฝนการโจมตีตกหน่ำใส่ในทันทีที่บาอัลปลดการต้านเวทย์ ราวกับรอจังหวะนี้มาโดยตลอด
ดันทาเลี่ยนได้จัดสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาพูดได้ถูกต้องจริงๆในเรื่องที่ อีกฝ่ายนั้นตั้งใจกำนัลของขวัญชิ้นนี้ให้เขา
ของขวัญแบบนี้แม้จะได้รับสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่มีวันเบื่อเลยจริงๆ
บาอัลชูดาบขึ้น
“จงแหวกออก, นิมมานรดี ”
สั่งใช้เวทย์เฉพาะตัวอีกเวทย์หนึ่ง
มันเป็นเวทย์เฉพาะตัวของเผ่ามังกรครามที่เหมาะแก่การฆ่านักเวทย์ชั่วร้ายที่เที่ยวไปเบียดเบียนกลั่นแกล้งเผ่าอื่นๆ
หากเวทย์เฉพาะตัวของเผ่ามังกรแดงนั้นสามารถทำลาย ‘อาวุธ’ ทุกชนิด
เวทย์เฉพาะตัวของเผ่ามังกรครามก็สามารถตัดผ่าน ‘เวทย์’ ทุกชนิดเช่นกัน
บาอัลตวัดดาบหนึ่ง,สอง และสามครั้ง ไปยังเวทย์ทั้งหลายที่พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว
การตวัดดาบครั้งที่หนึ่งทำให้เวทย์ทั้งหลายหายไปกว่าครึ่ง
การตวัดดาบครั้งที่สองทำให้เวทย์ที่เหลือครึ่งนั้นสิ้นฤทธิ์
และการตวัดดาบครั้งสุดท้ายเล็งไปที่จอมมารผู้เชี่ยวชาญเวทย์มนตร์ทั้งหลาย
เสียงกรีดร้องดังขึ้น จอมมารเจ็ดตนกุมอกแล้วล้มลงทันทีหลังจากโดนเข้าไปเต็มๆ
เวทย์มนตร์เฉพาะตัวดังกล่าวสร้างความเสียหายรุนแรงต่อพลังเวทย์มนตร์
มันจะทำให้พลังเวทย์ในตัวอาละวาดเกิดความปั่นป่วนภายในร่างกายของจอมมาร
ช่างไร้เทียมทานเสียเหลือเกิน
ดันทาเลี่ยนกับบาอัลนั้นปะทะกันไปสามยก แต่ดันทาเลี่ยนกลับต้องสูญเสียกำลังเพียงฝ่ายเดียว
บาอัลนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดเลยแม้แต่น้อย
หากบาอัลตื่นตระหนักหรือหวาดหวั่นแม้แต่น้อย ก็มีโอกาสที่จะโดนกำจัดด้วยแผนการที่ดันทาเลี่ยนได้เตรียมไว้
หากแต่บาอัลกลับตอบรับด้วยท่าทางที่แสนมีความสุข
บาร์บาทอสที่ลอบจู่โจม,การโจมตีผสานกันระหว่างจอมมารนักสู้,ฝูงตุ๊กตาสังหาร,และการรุมโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ของหมู่นักเวทย์ ก็โดนแก้ทางได้หมด
ยังมีไพ่อะไรเหลืออยู่อีกหรือ?
แต่ถึงอย่างนั้น ยกที่สี่
“อืมฮึ……!”
บาอัลมองขึ้นไปบนฟ้า
รูช่องบนเพดานเผยให้เห็นถึงท้องฟ้ายามเย็น วัตถุนับร้อยพุ่งทิ้งตัวลงมาราวกับอุกกาบาต มันคือ ไวเวิร์น 500 ตัว มังกรจำนวนมากพุ่งกระแทกทิ้งตัวลงมาสู่เบื้องล่าง
“การโจมตีสละชีพอย่างนั้นรึ!?”
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ กามิกาเซ่
บาอัลพยายามฟาดเหวี่ยงใบมีดสายลมขณะที่ประคองเวทย์ปเฉพาะตัวไปด้วย แต่ไวเวิร์นกลับไม่ได้รับความเสียหายใด พวกมันยังคงพุ่งเข้ามาใส่ด้วยความเร็วอันน่ากลัว
มีการร่ายเวทย์ต้านเวทย์ใส่พวกมันทั้งหมดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
บาอัลถึงกับทึ่งในความรอบคอบละเอียดละออของบาอัล
อดทนอีกสักนิดเถอะ
บาอัลตั้งใจจะลดทอนความเสียหายที่ตนได้รับให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะหลบการพุ่งตัวของไวเวิร์น 500 ตัวได้
พวกนั้นย่อมมีตราทาสสลักไว้ จึงไม่อาจถูกควบคุมโดยพลังของจอมมาร และนั่นทำให้เป็นการโจมตีที่ไม่อาจหลีกพ้นได้
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ใช่การโจมตีที่ทำให้ถึงตาย
บาอัลมั่นใจว่า ตนสามารถอดทนให้มันผ่านไปได้แม้จะโดนไวเวิร์นพุ่งกระแทกเข้าใส่บ้าง
“จงคำราม, จันทรา”
เขาสลับเปลี่ยนไปร่ายเวทย์เฉพาะตัวของเผ่ามังกรแดงอีกครั้ง
เขาตั้งใจที่จะเฉือนร่างของไวเวิร์นก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงตัวเขา แม้มันไม่อาจจะทำลายแรงกระแทกให้สิ้นไปได้ แต่ก็ลดความรุนแรงไปได้เยอะ
ณ จุดนี้ที่ทำให้บาอัลบาดเจ็บได้ ถือว่าดันทาเลี่ยนทำได้เกินที่คาดหมายไปมาก
เขาครุ่นคิดมาอย่างดีว่า บาอัลย่อมต้องบาดเจ็บเล็กน้อยจาก จอมมารนักรบ,เหล่าตุ๊กตา และอ่อนล้าจากห่าฝนเวทย์มนตร์จำนวนมาก แต่หลังจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยไวเวิร์นสละชีพอย่างนั้นรึ …… นั่นคือ แผนของเขาอย่างนั้นรึ?
ช่างเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมนัก แต่โชคไม่ดีนะ ที่เลือกคู่ต่อสู้ผิดไปมาก
‘แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หากคิดจะเป็นศัตรูกับข้า มันต้องมากยิ่งกว่านี้อีก’
บาอัลกลับยิ้มเยาะยามที่เห็นไวเวิร์นทั้งหลายพุ่งเข้ามาใกล้
เขาเคยคิดมาตลอดว่า ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นบุคคลที่ตื้นเขินและน่ารังเกียจนัก
ซึ่งมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย อีกฝ่ายยังคงเป็นคนที่ตื้นเขินและน่ารังเกียจเช่นเดิมเพิ่มเติมคือ เป็นบุคคลที่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านเขา
บาอัลพอใจที่รับรู้อย่างนั้น
ถึงอย่างนั้นก็ตามที บาอัลตัดสินใจที่จะไม่ลงโทษดันทาเลี่ยนหลังได้รับชัยชนะในครั้งนี้ หากแต่เขาตั้งใจจะลงโทษบาร์บาทอส,ไพมอนและกามิกิน
เขาได้ยินมาว่า ทุกคนต่างเป็นคนรักของดันทาเลี่ยนทั้งนั้น
เขาแน่ใจว่า ดันทาเลี่ยนจะต้องโกรธแค้นอย่างไม่มีวันสิ้นสุดแน่ และหาทางแก้แค้นคืนไปตลอดชีวิตแน่หาก คนรักของเขาตาย การที่เล่นล้อไปกับความปรารถนาที่จะล้างแค้นของผู้อื่นนั้น ถือเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง
แผนการของในใจของบาอัลนั้นสมบูรณ์แบบมาก เหล่าไวเวิร์นที่เข้ามาใกล้เขาแห่กันเข้ามายามที่เขาตัดสินใจดำเนินแผนนั้นได้แล้ว
บาอัลแกว่งดาบใหญ่ของตนทำให้ไวเวิร์นทั้งหลายแบ่งครึ่งซีก
ณ ตอนนั้นเองที่บาอัลกำลังยิ้มให้กับชัยชนะอันแน่นอนของตนเอง
เจ้าสิ่งเล็กๆสิ่งหนึ่งกลับพุ่งมาหาเขาพร้อมเลือดของไวร์เวิร์น
สิ่งเล็กๆที่ว่านั้นคือ เด็กสาวผู้งดงามมีผมดำโบกสะพัด
‘━เด็กมนุษย์รึ?’
บาอัลคำรามขณะที่กำลังประมาท ไม่ว่าจอมมารจะเก่งฉกาจขนาดไหนก็ไม่อาจที่จะอ่านอารมณ์ของมนุษย์ได้
ดังนั้นแล้วบาอัลจึงไม่รับรู้ถึงมนุษย์คนหนึ่งที่ขี่ไวเวิร์นได้
นี่เป็นไพ่ตายสุดท้ายของดันทาเลี่ยนจริงๆน่ะหรือ?
“ฮื่มม!”
บาอัลปัดป้องการโจมตีของเด็กสาวด้วยดาบ
แม้เธอจะเป็นเด็กมนุษย์แต่การโจมตีกลับทรงพลังเกินวัยไปมากโข
สมแล้วที่เธอเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของดันทาเลี่ยน เช่นนั้นเองรึ
ถึงแม้บาอัลจะประมาทแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะแพ้กับเรื่องแค่นี้
เขาสามารถปัดป้องการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด
บาอัลจึงถามกลับไปอย่างไม่รู้สึกถึงความอันตราย
“มนุษย์ตัวน้อยเอ๋ย ช่างสิ้นคิดเสียเหลือเกิน เป็นเด็กเป็นเล็กจะย่างเท้าเข้าสู่สมรภูมิแห่งผู้แข็งแกร่งไปทำไมกัน?”
“…….”
แต่ในดวงตาของเด็กสาวนั้นไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง
ชั่วขณะที่บาอัลส่งเด็กสาวคนนั้นลอยล่องไป ทุกอย่างพลันอุบัติขึ้นโดยไม่มีการเตือนบอก
━เกราะของเขาแตก, เนื้อหนังถูกฉีกเฉือน, เสียงกระดูกหักดังลั่นเลื่อน
“…….”
บาอัลมองร่างกายตนด้วยแววตาที่เรียบเฉย
ดาบใหญ่สีดำจำนวนมากรุมทิ่มแทงเข้าสู่ร่างกายของเขา เลือดสีดำไหลออกมาผ่านใบดาบ
บาอัลมองตามทิศทางของใบดาบว่ามันมาจากที่ไหน เช่นเดียวกับมองหาร่างของใครบางคนอื่น
ดาบจำนวนมากโผล่ออกมาจากเงาของบาอัลเอง
พวกมันคือ เดธไน้ท์ที่เขาได้กำจัดไปแล้วตั้งแต่ต้นการต่อสู้
“……ได้อย่างไรกัน—?”
ก่อนที่เขาจะถามคำถามนั้นจบ ดาบจำนวนมากก็ทิ่มแทงออกมาจากเงาของเขาโดยไม่อนุญาตให้ถามคำถามต่อไป
แขนขวา,แขนซ้าย,น่อง,ท้องและหัวใจของเขาถูกดาบใหญ่แทงทะลวงทุกจุดที่ระบุชื่ออวัยวะได้
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบเนื่องจากไวเวิร์นที่พุ่งร่วงลงมา
เสียงฝีเท้านั้นมาหยุดลงตรงหน้าบาอัล ตามมาด้วยเสียงปรบมือ
“พละกำลังของท่านช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน,ฝ่าบาท
มันทำเอาข้าต้องร้องออกมาด้วยความตกใจเลยทีเดียว”
ดันทาเลี่ยนยังคงยิ้มอยู่ราวกับว่า ไม่มีการต่อสู้ใดอุบัติขึ้น
MANGA DISCUSSION