Dungeon Defence - ตอนที่ 84
▯ราชาแห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเลี่ยน
ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 4 วันที่ 3
ที่ราบบรูโน กองทัพพันธมิตรจันทร์เสี้ยว
⎯⎯⎯⎯ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคาดไว้
ไพม่อน เป็นไอ้คนทรยศสุดต่ำตม ผมแน่ใจเเล้วว่าถ้าผมเผลอเปิดช่องว่างให้เธอเห็น เธอก็จะใช้โอกาสนั้นทันทีโดยไม่ต้องสงสัยเลย แน่นอนล่ะ ไพม่อน รีบวิ่งไปที่ บาบาร์ทอส ราวกับหมาป่าที่ได้กลิ่นเลือด······
การทำให้ผมเข้าร่วม ฝ่ายขุนเขา ไม่มีอะไรไปกว่าข้ออ้าง เป้าหมายที่แท้จริงของ ไพม่อน คือ บาบาร์ทอส โดยการเปลี่ยนความผิดของผมให้เป็นความผิดของ บาร์บาทอสเเทน เธอวางแผนให้ บาบาร์ทอส ตกอยู่ในสถานะต้องเป็นรอง
ก่อนหน้านี้ ขณะที่ผมขอให้เปิดศาล ผมไปพูดไว้แบบนี้
——- ตลอดเวลา ผมเป็นห่วงแต่ท่านเจ้าคุณ ความปลอดภัยและเกียรติของบาร์บาทอสเท่านั้น
นั่นเป็นคำล้อหลอก
ผมต้องการบอกเป็นนัยว่าจริงๆเเล้วการตัดสินคดีทางทหารเป็นวิธีเดียวที่สามารถปกป้องบาร์บาทอสได้ ผมตั้งใจอนุมานว่าถ้าผมถูกประหารชีวิต โอกาสที่ทำให้บาร์บาทอสรับผิดชอบจะหายไปพร้อมกับผมด้วย มันไม่มีความหมายไปมากกว่านั้นเเล้ว แต่ดูเหมือนว่าสำหรับ ไพม่อนเอง ที่กำลังไตร่ตรองคิดหาวิธีว่าจะจัดการกับ ฝ่ายผืนได้ราบยังไงดี เธอคิดออกมาได้อย่างชัดเจนราวกับอยู่ท่ามกลางจิรกาล
นี่มันช่างยอดเยี่ยมไปเลยว่าไหม?
ไพม่อน แม้ว่าเธอจะเป็นคนทรยศที่ขายเผ่าพันธ์เดียวกับตัวเธอเอง แต่ตัวเธอเองนั้นกลับเป็นคนทรยศที่มีความรู้ปัญญาเเสนพิเศษแบบไม่มีใครเทียบได้ หากการทรยศเป็นพรสวรรค์ไพม่อนเองเเล้วไซร้ นั่นถือได้ว่าเธอมีพรสวรรค์ชั้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือสิ่งที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากยอมรับมัน บอกตามตรง ผมอยากปรบมือให้เธอเลย
อย่างแรกในประวัติของ ไพม่อน เธอทำตัวเป็นปรสิตทรยศกองทัพจอมมารและชอบไปเจอหน้าผู้กล้า
ในเกม 〈Dungeon Attack〉 ผู้กล้าได้ไปพบกับ ไพม่อน โดยบังเอิญในขณะที่เดินไปรอบ ๆ เมืองชายแดน ในขณะนั้น จอมมารไพม่อน ได้ตกหลุมรักผู้กล้าในแวบแรกเห็นและหลังจากนั้นเธอก็มักจะปรากฏตัวต่อหน้าเขาเป็นช่วงๆหลังจากนั้น
⎯⎯ นี่เป็นครั้งแรกของผู้หญิงคนนี้ที่ได้พบกับผู้ชายแบบคุณเลย
⎯⎯ ผู้หญิงคนนี้ขอมอบสิทธิ์การขโมยริมฝีปากเรา ให้กับคุณผู้กล้า
เหมาะสมกับตำแหน่งราชินีแห่งซัคคิวบัส ไพม่อน เข้าหาผู้กล้าอย่างเชี่ยวชาญ ในตอนนั้น ผู้กล้าถูกขโมยหัวใจไปและรู้สึกถึงอารมณ์ที่เรียกว่ารักเป็นครั้งแรก แต่ท้ายที่สุด พวกเขาไม่สามารถเอาชนะความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ได้และ เป็นไพม่อนเอง ที่ตายด้วยน้ำมือของผู้กล้า ตลกดีเเฮะ แม้ว่าหัวใจของเธอจะถูกดาบเย็นเยียบของผู้กล้าแทงทะลุหัวใจ เเต่ไพม่อน ก็ไม่อาจละทิ้งความรู้สึกของเธอที่มีต่อผู้กล้าได้
⎯⎯ ······ปีศาจและมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกัน ผู้หญิงคนนี้เริ่มฝันถึงความเป็นไปได้นั้นหลังจากพบคุณ เเต่มันก็เป็นจริงไม่ได้ใช่ไหม ผู้หญิงคนนี้ตำหนิคุณไม่ได้หรอก ความฝันน่ะมันคล้ายกับการร่วงหล่นของกลีบดอกไม้ที่บอบบางเลยเนาะ
เเละเเล้ว เมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของเธอได้มาถึง
ไพม่อน ยิ้มในขณะที่เลือดหยดลงด้านข้างปากของเธอ
⎯⎯ ร่างกายนี้กำลังตายลงไป คุณจะมอบจูบสุดท้ายให้ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหม?
ราวกับว่าเธอกำลังร่ายคำสาป
ราวกับว่าเธอกำลังมอบคำอวยพร
·····ผมควรเรียกเธอว่านักรักโรแมนติกได้ไหมนะเพราะเธอสามารถพิชิตคนรักของเธอได้หลังจากเสียสละชีวิตของเธอเองลงไป?
แม้ว่าการกระทำนั้นจะทำให้เธอต้องชดใช้ความรักนั้นด้วยชีวิตของเธอเองเเต่ ไพม่อน ก็ยังเป็นหัวหน้าผู้นำกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปปีศาจ ด้วยเหตุนี้ ผู้กล้าเลยไม่ได้ถูกคุกคามจากพวกปีศาจจึงสามารถอุทิศตนเพื่อแก้ไขการแบ่งแยกภายในของมนุษยชาติได้ และฝ่ายคู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้กล้าที่กลายเป็นผู้ปลดปล่อยก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก······
“นั่นมันใกล้ไปเเล้วนะฝ่าบาท ยังไงก็ตามเเต่หญิงสาวคนนี้ไม่เคยเบื่อทุกครั้งที่มองดูฝ่าบาทจากด้านข้างเลยนะคะ ถึงเเม้ว่าการมองดูฝ่าบาทจะทำให้หญิงสาวคนนี้เชื่อว่าชีวิตของฝ่าบาทนี่มีเเต่เรื่องตลกร้ายก็ตามที
“·······”
นั่นเเหละ.
เจ้าเด็กหน้าด้านทำหน้าปลาตาย
เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งจักรวรรดิ เป็นผู้นำจักรวรรดิฮับส์บวร์ก แต่งตั้งให้ผู้กล้าเป็นแนวหน้า และพระราชินีเฮนเรียตตา เป็นผู้นำอาณาจักรบริตตานี แต่งตั้งฟาร์นาเซ่เป็นแม่ทัพ ผู้กล้าแห่งศตวรรษทั้งสองเข้าสู่สงครามห้ำหั่นกันเองเพื่อให้ประเทศของตนมีอำนาจสูงสุด······นี่คือประวัติศาสตร์ที่ควรจะเกิดขึ้นในอีก 15 ปีนับจากนี้เเต่ว่า ผมแต่งตั้ง ฟาร์นาเซ่ เป็นเเม่ทัพของตัวเองไปเเล้วเเละอนาคตนั้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“นอกจากนี้ ก่อนหน้านั้นมันคืออะไรกันคะ? เเน่ใจใช่ไหมว่าในฐานะความเป็นนายของท่านไม่ได้บอกว่าควรพยายามช่วยหญิงสาวคนนี้ด้วยการเสียสละตัวเองใช่ไหมคะ? พูดตามตรงเลย หญิงสาวคนนี้พูดได้เพียงว่ามันน่ารำคาญ ท่านจอมมาร หญิงสาวคนนี้ควรถูกฆ่าโดยจอมมารมากกว่าที่จะโอบกอดโดยท่าน แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะตีค่าสติปัญญาของท่านไว้สูงก็ตาม แต่ผู้หญิงคนนี้มีจุดยืนที่เป็นรูปธรรมอยู่เหมือนกันนะคะ เมื่อพูดถึงร่างกายของท่านเเล้ว ร่างกายของท่านค่อนข้างจะเลวร้ายทีเดียว รู้สึกว่าถูกโอบรัดโดยสิ่งที่บกพร่อง เหมือนถูกสิ่งน่าเกลียดโอบกอดจนหมดเปลือก ยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบได้อีก มันคือร่างกายประเภทนั้นล่ะค่ะ ดังนั้น หากเลี่ยงไม่ได้ เเละมีอันตรายมาถึงหญิงสาวคนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอยากอวดร่างกายของท่าน แต่ปล่อยให้หญิงสาวคนนี้โดน······· ฮะ? ฮ้า อ่า อ่าาา?”
ผมถอดหมวกของ ฟาร์นาเซ่ แล้วมือลงบดกระหม่อมของเธอ เด็กคนนี้ เพียงเพราะเธอเรียนรู้ความวิปริตจากลาพิส จนความทะเล้นของเธอพุ่งสูงจนทะลุหลังคาแล้วในตอนนี้ ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ต้องโดนลงโทษด้วยการนวด
ฟาร์นาเซ่ ตัวสั่นและเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปมา
“นายท่าน⎯⎯ หญิงสาวคนนี้ไม่ได้บอกท่านหรือว่าเราคนนี้ไม่ได้บอกท่านหลายครั้งแล้วหรือว่า..? อู้วว อ๊าา. ทะ…..ที่อื่นก็ได้ แต่ไม่่…..ที่หัว อ๊าาาา······ อ๊าาาาา·····ไม่ใช่ที่หัวว ·······
“ละลายเป็นเค้กข้าวไปซะ”
“อ๊าาาอาาาา หญิงสาวคนนี้กำลังละลายเเล้ว หญิงสาวคนนี้จะเป็นเยื่อกระดาษเเล้ว”
สำหรับเด็กผมสีบลอนด์คนนี้ ขณะนี้อยู่ในอ้อมแขนของผมกำลังเละเป็นข้าวต้ม ได้ถูกกำหนดให้เป็นแม่ทัพเป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้กล้า และเป็นภัยพิบัติของมนุษยชาติที่กำลังเข้าใกล้มนุษย์เข้ามา แม้ว่าผมรู้อยู่แล้วก็เถอะนะ แต่โลกใบนี้มันก็เป็นโลกเส็งเคร็งเช่นนั้นเเหละ
ไม่นานหลังจากนั้น พวกนายทหารที่สังกัดฝ่ายเป็นกลางก็มาคุมตัวผม ผมไม่รู้สึกถึงความก้าวร้าวหรืออารมณ์ไม่ดีต่อผมเลยแม้แต่นิดเดียวจากพวกเขา พวกเขาเพียงแค่ขอให้ผมเดินไปอย่างสงบ
“ถึงแม้จะต่ำต้อย แต่เราได้เตรียมห้องขังให้ฝ่าบาท ดันทาเลี่ยนเเล้วครับ ขออภัยถ้าเป็นการเสียมารยาท·······”
“มีอะไรให้ต้องเสียมารยาทกันล่ะ? นำทางข้าไปที่นั่นเลย ข้าจะปฏิบัติตามครรลองของคนที่ตกเป็นเชลยอย่างเชื่อฟังเอง”
นายทหารของฝ่ายเป็นกลางก้มหัวลง
หลังจากนั้น แท้จริงแล้วมีห้องขังที่มีสภาพเจียมเจี๊ยมตั้งอยู่ในที่ที่ผมเดินตามนายทหารไป ผมควรเรียกมันว่าคุกได้ไหมเนี่ย? มันคล้ายกับกรงเหล็กที่ใช้บรรจุสัตว์มากกว่าอีก มีเพียงฟางกองหนึ่งกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ในกรงของสัตว์ร้าย ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของประดับตกแต่งใดๆอีกนอกจากนี้
หลังจากเห็นสภาพห้องขังที่ซอมซ่อ ฮัมบาบาก็หัวเราะ
“ฮะฮะ? นี่เป็นเรื่องตลกหรือไง? หรือเป็นเรื่องตลกที่ไม่ตลกกันอะ? เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเจ้านายของเราไว้ในถังขยะโทรมซ่อแบบนี้หรอกใช่ไหม? หรือให้เราสาปส่งพวกเเกเป็นขันทีไปตลอดชีวิตของเเกเองเลยดีไหมล่ะ? เราควรระเบิดตูดเเกด้วยคำสาปเลยจะเอาปะละ? ข้าขอถามหน่อยเหอะ แต่พวกเเกสนใจชีวิตที่ไม่มีนารีเเล้วไปเข้าวิธีธรรมบวชเป็นพระเลยไหม?”
“ม-ขอโทษด้วยครับ แต่นี่คือทั้งหมดที่เรามีเเล้วในตอนนี้ครับ····························
“อ้อเหรอเเกกำลังบอกว่าพวกเราควรกินขี้เพราะว่านั่นคือทั้งหมดที่เเกมีในตอนนี้สินะ อืม. อืม. ข้าเข้าใจเเล้ว. แต่ยังงี้ดีไหม ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ข้ามีทที่สามารถให้เเกได้ คือสาปเเกให้เป็นขันทีไปเลยละกัน พวกเเกคิดอย่างว่าไงบ้างล่ะเอาเลยไหม?”
พวกแม่มดล้อมรอบพวกนายทหารในขณะที่ยิ้มอย่างสดใส ใบหน้าของพวกเธอหัวเราะสุขสม แต่สายตาของพวกเธอดลับดูดุร้าย เจ้าคนที่น่าสงสารนี่เป็นคนรับผิดชอบ หากเป็นความผิดในการถ่ายทอดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ไม่มีอำนาจในที่นี้มันจะถือเป็นความผิดของเขาไป
ผมถอนหายใจออกมา
“ฮัมบาบา ไม่เป็นไร”
“อาร่า แต่มาสเตอร์·······”
“ผมบอกว่ามันไม่เป็นไรไง? ผมถูกจับเป็นเชลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมจะไปมีอำนาจในพื้นที่เล็กๆนั้นได้ยังไงล่ะ? สถานที่ใดจะกลายที่หรูหราเพียงเพราะผมบอกว่าผมกำลังดื่มด่ำกับความหรูหราที่นั่นได้รือไง? ถ้ากษัตริย์ไม่สามารถประพฤติตัวเยี่ยงกษัตริย์ได้ อย่างน้อยที่สุด นักโทษก็ไม่สมควรประพฤติตัวเยี่ยงนักโทษหรอกหรือ?”
“Did I not say it was fine? I am being taken as a prisoner, anyway. By all means, would I bask in power after having gone into that small space? Would that place be luxurious just because I say that I am basking in luxury there? If a king were unable to behave as a king, then, at the very least, should a prisoner not behave as a prisoner?”
“ไม่ นั่นไม่ใช่”
ฮัมบาบาพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“อย่างน้อยที่สุด ก็จะต้องมีเตียงที่นอนได้สบาย ถ้าพวกเราจะเข้าไปอยู่ด้วยพร้อมกับเจ้านายและเพลิดเพลินไปกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงมันก็ควรจะเป็นทที่ๆดีกว่านี้ไหมอ่าา? หากพวกเราได้รับคำสั่งให้ร่วมเพศบนกองฟาง แน่นอนว่าพวกเราทำได้ แต่เมื่อท่านลากหลังพวกเราไปทำบนกองฟาง มันจะคันนิดหน่อยน่ะสิ···················)”
แม่มดที่อยู่รอบๆ พยักหน้าพร้อมพูดว่า ‘อืม’ ดูเหมือนว่าจะเป็นบรรยากาศที่พวกเขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ฮัมบาบาพูดไว้
“·······”
ผมหยิกแก้มของฮัมบาบา แก้มของหัวหน้าองครักษ์ที่รักของผมยืดออกเหมือนพิซซ่าชีส
“หึหึหึ! กาฮู คยาฮู!?”
แน่นอน แม้แต่เสียงร้องของแม่มดก็ไม่ธรรมดา
ผมดึงแก้มของฮัมบาบาจนสุดโดยไม่ลดหย่อนเเรงลง เจ้าผู้ติดตามคนนี้ ผมสงสัยว่าเป็นเพราะเธอใช้ชีวิตโดยถูกทรมานมาหลายวันหรือไง เธอไม่แม้แต่รอยน้ำตาที่มาจากความเจ็บปวดตามปกติเลย
“หยุดละเมอเพ้อพกได้เเล้ว หมายความว่ายังไงที่อยากเข้าไปอยู่ด้วยกัน? พวกเธอต้องติดตาม ฟาร์นาเซ่ไปเข้าสู่สงครามนู้น เเละจงฟังคำสั่ง ฟาร์นาเซ่ และ ลาพิส ให้ดี แล้วกลับมาให้ได้หลังจากไปล่ามนุษย์มาด้วยล่ะ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกันอ่าาา”
ฮัมบาบามีใบหน้าที่ดูเหมือนโลกกำลังจะแตกสลาย
“ถ้ามาสเตอร์อยู่ในคุกแล้ว เราก็อยากสนุกกับการถูกคุมขังด้วยกันนะ·······”
“อย่าพูดจาเหลวไหลสิฟะ”
“อา. หรือบางที แทนที่จะทำตัวเป็นนักโทษ เราจะสวมบทบาทผู้คุมเรือนจำให้เหมาะสมกับความชอบของท่านมากกว่าดีไหมน้าา? ไม่ต้องกังวลไปหรอก. แม้รูปลักษณ์ของเราจะเป็นแบบนี้ แต่เราก็เชี่ยวชาญทั้งการลวนลามและการเป็นที่โจษจัณในสังคมน้า ไม่ว่างานอดิเรกของมาสเตอร์จะวิปริตแค่ไหน เราก็พร้อมให้บริการท่านทุกระดับประทับใจเลย!”
“ท่านจอมมารที่รัก ตอนนี้ท่านอยากจะเล่นเเนวไหนดีล่ะ”
ชิ ผมเดาะลิ้นตัวเอง
ด้วยความสัตย์จริง เป็นเพราะเจ้าพวกผู้ติดตามพวกนี้นี่เเหละที่มักก่อเรื่อง แท้จริงแล้ว การที่ผมให้เสื้อคลุมกับพวกเธอนี่มันช่างเปล่าประโยชน์ดีเเท้
“ฟาร์นาเซ่”
“อืมม. ไม่ต้องกังวลนายท่าน หญิงสาวคนนี้ไม่มีความปรารถนาใด ๆ ที่จะไปติดคุกกับท่านหรอกค่ะ หญิงสาวคนนี้ได้แต่หวังว่าท่านจะติดคุกอยู่ในนั้นอย่างเชื่อฟังและสนุกกับชีวิตที่ถูกคุมขัง ถ้านายท่านเข้าคุกไปเเล้วก็เหลือเเต่ ลาพิสคนเพียงคนเดียวที่ทำร้ายหญิงสาวคนนี้ได้ภายใต้ข้ออ้างของการศึกษาสินะ? อืมน่าชื่นใจจัง ถ้าเป็นไปได้ มันคงจะดีถ้านายท่านเข้าไปอยู่และไม่ต้องออกมาอีกเลยจะดีกว่านะคะ”
ฟาร์นาเซ่ พยักหน้าให้กับตัวเอง
“วางใจเราได้เลยนายท่าน หญิงสาวคนนี้จะแสดงความนับถือของท่านส่งต่อไปยัง ลาพิส ให้แน่นอน. หญิงสาวคนนี้จะจงรักภักดีต่อเจ้านายไปชั่วนิรันดร์ หญิงสาวคนนี้สามารถจัดการกับปัญหาตอนนี้ได้ตามที่ใจอยากทำเท่าที่จำเป็น”
“·······”
เจ้่าพวกนี้ทำตัวน่ารำคาญไปในเเนวเดียวกันเลย······
เหตุใดข้าราชบริพารที่ผมเลือกด้วยตัวเองถึงสุดโต่งได้ขนาดนี้นะ? แนวคิดที่สวยงามอย่างเช่นความพอประมาณและความยับยั้งชั่งใจไม่ถูกปลูกฝังใส่เข้าไปในสมองของพวกเธอเลยหรือไงเนี่ย? ชาติที่แล้วผมไปทำบาปแบบไหนที่ทำให้ต้องมาร่วมมือวางแผนกับคนพวกนี้กัน·······?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมและพรั่งพรูด้วยสติปัญญาความปราชเปรื่องยืนเป็นพวกข้างเจ้าหญิงเอลิซาเบธเเน่ๆ เเต่ในทางกลับกัน เเม่ทัพรักษาการของผมดันเป็นคนวิกลจริตและหัวหน้ากององครักษ์ของผมยังเป็นพวกบ้ากามวิตถารขับเคลื่อนด้วยตัณหาและมีเพียงความเงี่ยนในสมองของเธอ โลกนี้เเม่งช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย············
“ช่างเถอะ. ผมจะไปหวังอะไรจากพวกเธอได้อีกกัน? เพียงแค่ทำผลงานให้ดีในช่วงสงครามก็พอ ต้องทำผลงานในสงครามให้ดีได้เท่านั้น นั่นก็เกินพอแล้ว อย่าไปโดนใครกระทำเราอยู่ฝ่ายเดียวโอเคไหม? หากโดนใครมากระทำเราหนึ่งครั้ง ก็ให้ทำเเม่งกลับไปสองครั้ง ผมเชื่อว่าเธอโต้กลับทำได้มากกว่านั้นเเน่ๆ พวกเธอทำได้ใช่ไหม?”
ฟาร์นาเซ่ และ ฮัมบาบา พวกเธอพยักหน้าหลังจากได้รับคำสั้ง พวกเธอกลับจะหันหลังกลับไปหลังจากให้คำตอบ
“แน่นอน. ไม่เป็นไรเเน่ๆ หญิงสาวคนนี้วางแผนที่จะตัดคอของศัตรูทั้งหมดและรวบรวมมาเป็นหอคอยกระดูก ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลย แค่ได้ยินชื่อหญิงสาวคนนี้ ศัตรูก็กลัวจนเยี่ยวรดกางเกง ปัสสาวะของพวกมันจะไหลรินไหลจนในที่สุด ของเหลวทั้งหมดก็คละคลุุ้งไปทั่ว ทำให้กลิ่นเหม็นส่งมาถึงคุกของนายท่านเลย หญิงสาวคนนี้จะหวังเป็นอย่างนั้นได้นะ ความจงรักภักดีเท่าหางหนูของหญิงสาวคนนี้จะส่งมาถึงท่านได้เเน่ค่ะ”
“แม้ว่ามันจะส่งกลิ่งมาไม่ถึงในคุก แต่พวกเราจะไปเก็บมาไว้ในถังและส่งมอบให้กับท่านมาสเตอร์เอง ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป การอ่อนน้อมถ่อมตนนั่นเเหละคือสิ่งที่้เราเป็น ก่อนที่พวกเราจะสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อมาสเตอร์ พวกเราหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นผู้ส่งสาร พวกเราเคยส่งสินค้าเช่นขี้มาเเล้ว ดังนั้นของอย่างปัสสาวะก็เป็นเรื่องกล้วยๆ!”
“เข้าใจเเล้วอย่างถ่องแท้ว่าการดำรงอยู่ของพวกเธอนี่มันใกล้ชิดกับเยี่ยวกับขี้ขนาดไหนกัน ออกไปได้เเล้ว···················)”
ทั้งฟาร์นาเซ่และฮัมบาบาทำความเคารพก่อนออกเดินทาง
เมื่อผู้ติดตามพวกนั้นหายไป เหลือเพียงนายทหารฝ่ายเป็นกลางและตัวผมเอง นายทหารแอบมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่ดูเหมือนกำลังมองคนวิกลจริต แม้ว่าผมจะคิดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง แต่เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าการพูดถึงเรื่องนี้จะทำให้ผมขุมหลุมฝ้งศพตัวเองมากขึ้น เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทนต่อความรู้สึกอนาถนั้นไป
“เอาข้าเข้ากรงไปเลยเดี๋ยวนี้”
“ได้พะยะค่ะฝ่าบาท.”
ราวกับว่าพวกเขากำลังรอมันอยู่ พวกนายทหารรีบรุดไปข้างหน้าและล็อคประตูเหล็กอย่างรวดเร็ว มารยาทเบื้องต้นที่พวกเขาแสดงออกต่อผมเมื่อพวกเขาคุมตัวผมครั้งแรกหายไปอย่างชัดเจน ผมสัมผัสได้ชัดเจนว่าใบหน้าของพวกเขากำลังเเสดงออกมาว่า ‘มันจะเป็นปัญหาใหญ่เเน่ๆถ้าเราไม่ผลักไอ้เวรนี่เข้าคุกโดยเร็ว’
เเน่ล่ะ. นั่นเป็นเรื่องปกติ
นี่เป็นเเผนการเเสดงฐานะตัวตนที่ผมเเสดงไว้จากเรื่องราวทั้งหมดนั้น
โดยไม่แยแสในสายตาของผู้คนและถูกโจษจัณว่าเป็นคนขี้ขลาด เพื่อที่จะดึงเชือกของทวีปเป็นหลังม่าน มันเป็นแผนตั้งแต่ต้นจนจบ มันเป็นความจริง เเละตอนนี้ยังอยู่สุขสบายดีจริงๆ·······
⎯⎯ เเกร๊งงงงงง
เสียงโลหะดังก้องและกรงสัตว์ก็ปิดลง
ราวกับว่าผมกลายเป็นสัตว์ร้ายเพียงตัวเดียว ผมแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างช่วยไม่ได้ ท้องฟ้าที่ฝนตกเพียงชั่วครู่ในยามรุ่งสางและเพิ่งจะแจ่มใสได้ไม่นานก็กลับมืดมิดอีกครั้ง ฟ้าตั้งใจจะชะล้างดินซึ่งในไม่ช้าจะเต็มไปด้วยเลือด ด้วยพระพิรุณหรืออย่างไร?
บู ······.
⎯⎯ บูนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ······.
ผมได้ยินเสียงแตรอยู่แต่ไกล รู้สึกราวกับว่ามันเป็นเสียงฟ้าร้องที่ตกลงมาจากเมฆมืดในโลกอันไกลโพ้น ณ ที่ตรงนั้น เมื่อฟ้าร้องคำรามหลายครั้ง การจู่โจมก็พุ่งออกไปในสถานที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผม และผู้คนที่นั่นต่อสู้กันเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับผมเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นสงครามที่ผมเป็นคนเริ่มต้น แต่สงครามนั้นช่างอยู่ห่างไกลจากผมเสียเหลือหลาย
“·······”
ติ้ง.
ทันใดนั้น มีบางอย่างตกลงมาจากเพดานของกรงเหล็ก
มันหนาว.
ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ระหว่างช่องว่างของเมฆดำ ฝนเริ่มตกหลายหยด หยาดฝนซึ่งใกล้จะปรอยปรายเม็ดฝนให้ร่วงหล่น กำลังซ้อนทับกันบนเมฆ จนกระทั่งในไม่ช้าพวกมันก็กลายเป็นสายฝนตกลงมา
สายฝนนั้นคล้ายกับสายเลือดที่ไหลมาจากทหารที่ต่อสู้ ซึ่งเป็นเมล็ดพันธ์ที่ถูกปลูกไว้ที่นี่ในสนามรบนี้ โดยที่เจตจำนงของพวกเขาถูกละเลยไปอย่างไม่ใยดี สายฝนที่ไหลมาตรงนี้มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ข่มขื่นไปหน่อยหรือที่จะถือว่าชีวิตที่ถูกทำให้ไหลผ่านไปก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้เช่นกันน่ะ?
⎯⎯ซ่าาาาาาา ซ่าาาา ······.
ผมคาดคิดไว้เเล้วว่าประวัติศาสตร์ที่ผมเป็นคนเริ่มต้นได้เริ่มไหลเหมือนพายุข้างฝน สงครามที่กำลังเกิดขึ้นนั่นเป็นของผมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คล้ายกับเวลาที่แสดงโดยเข็มชั่วโมงและนาทีของนาฬิกาและเวลาที่แยกออกจากกันช่างยิดยาวนานเหมือนดนตรีที่ถูกบรรเลง กระแสน้ำเชี่ยวกรากและหยาดฝนที่ไม่แยแสสิ่งใดโหมกระหน่ำเข้ามาในกรงตกลงมาที่นี่หยดเดียวเเต่หลายครั้งตามเวลาที่พัดผ่าน โดยไม่สนใจเวลาที่ไหลไปเรื่อยๆ เวลาของผมเองก็ซึมซับหยาดฝนเข้าไปในร่างกายตัวเองอย่างเงียบๆไป
“·······”
ผมถอดเสื้อและรับน้ำฝนโดยตรง ภายในเสื้อผ้าของผม มีสายคาดเอวและนาฬิกาพกที่พกติดตัวมาก่อน ในสิ่งของพวกนั้น มีนาฬิกาพกที่ส่งเสียงติ๊กต่อกเบาๆอยู่
บาบาร์ทอส, ไพม่อน,เอลิซาเบธ และ ฟาร์นาเซ่ จะเคลื่อนไหวเป็นเอกเทศในสนามรบนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่กันนะที่พวกเขาทั้งหมดจะรู้ตัวว่าคนที่ให้เวลาในพื้นที่ในสนามรบเป็นผมคนเดียวมาตลอด? ใครจะเป็นคนแรกในหมู่พวกเขาที่เข้าหาผมกัน ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องและกวาดเศษฝุ่นออกจากผิวหนังของผมแล้วตกลงสู่พื้นโลก สงครามนั้นช่างอยู่ห่างไกลออกไป แต่สงครามที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้นมันเป็นของผมที่ริเริ่มเรื่องราาวทั้งหมดนี้เอง
เเละผมยังคงธำรงอยู่ในคุกเเห่งนี้
…………………………………………………………………………………………………….
ช่วงนี้ผมพยายามเเบ่งชนชั้นการพูดให้มากกว่าเดิม หากสงสัยทำไมสำนวนการเเปลไม่เหมือนเดิมก็คือผมพยายามใส่คะ ค่ะ ครับ ลงไปให้เหมาะกับตำเเหน่งชั้นผู้น้อยด้วย ก็ลำบากอยู่เพราะแปลจาก ENG เเล้วมันเเบ่งคำสุภาพในภาษาไทยยากน่าดู
เเต่พวกเเม่มดนี่ฉาจริ๊งเเม้เเต่ตอนอยู่ในคุกพวกเธอก็จ้องจะเล่นคุณ 5555555
จิรกาล=เที่ยงวัน
พระพิรุณ=ฝน