Dungeon Defence - ตอนที่ 52
▯ราชาแห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเหลียน
ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 2 วันที่ 13
ที่ราบ ยอทวิงเจี้ยน, กองกำลังพันธมิตรจอมมาร
Ο
“ไอ้บ้าดันทาเเลี่ยนเอ้ย ข้าได้ยินมาว่านายเช็ดตัวทำความสะอาดพวกแม่มดด้วยตัวเองมาใช่ไหม
บาร์บาทอสพูดขึ้น
คนที่พูดที่ตะโกนหลังจากบุกเข้ามาที่นี่อย่างกะทันหันในช่วงกลางดึกก็คือเธอ
ผมวางปากกาลงและถอนหายใจ
“ขอบคุณนะ ลาพิส เธอออกไปได้แล้ว”
“……”
ลาพิสช่วยผมทั้งคืนเรื่องจัดการงานเอกสาร เธอเดินออกไปเงียบๆโดยไม่ทิ้งคำพูดๆใดก่อนออกไป ในขณะที่ตอนนี้ลาพิสเป็นผู้หญิงของผมเเต่ผมก็เป็นผู้ชายของบาร์บาทอสเช่นกัน ดังนั้น ลาพิส จึงทำตัวของราวกับว่าเธอล่องหนอยู่เมื่ออยู่ต่อหน้า บาร์บาทอส และ บาร์บาทอสเองก็ปฏิบัติต่อ ลาพิส ราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“ข่าวลือแพร่กระจายไปเร็วมาก”
“ข้ามาที่นี่เพื่อชมเชยนายเลยนะ ทำได้ดีมาก ให้สิบต่อหนึ่งเลยข้าแน่ใจว่าเหตุการณ์หน้าค่ายทหารเป็นหนึ่งในอุบายของนังกะxรี่ตัวเมียไพม่อน เเน่ๆ”
“น่าจะใช่มั้ง. นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมอดทนต่อการกระทำของพวกมัน”
“มันน่าประทับใจมากนายบอกว่าจะอดทนและสามารถทนได้จริงๆ ถ้าเป็นข้าล่ะก็ คงชกหน้าสิตรีไปเรียบร้อยเเล้ว เก่งมากเก่งมาก ดันทาเลี่ยน”
ราวกับว่ามีเรื่องตลก บาร์บาทอสก็หัวเราะคิกคักออกมา เธอเป็นคนประเภทที่จะไม่บอกคนอื่นว่าทำไมเธอถึงหัวเราะ และผมก็เป็นคนนอกรีตที่จะไม่เพิกเฉยเเน่ๆ เลยถามว่ามีอะไรที่น่าขันขนาดนั้น
“ตลกอะไรขนาดนั้น? บอกมาด้วยสิ”
“มันต้องฮามากเเน่ๆอยู่เเล้วคิดดูสิมีไอ้คนซื่อๆที่เชื่อในตัวแม่มดด้วย เเม่งปัญญาอ่อนชิบหาย เฮ้ นายอยากรู้ไหมอะไรที่น่าขบขัน? นายก็รู้ว่าข้าส่งคนของข้าไปรอบๆตัวนังกะxรี่ตัวเมียไพม่อนใช่ไหม นังนั่นก็เป็นเเค่ผู้หญิงเลวประเภทหนึ่งที่แสร้งทำเป็นว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องเเละมีนิสัยขี้อายด้วยภาพลักษ์นัั้นนางสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ถ้าข้าไม่กระจายผู้สังเกตการณ์ไปรอบ ๆ แล้วล่ะก็ คงไม่มั่นใจขนาดนี้หรอก”
บาร์บาทอสยิ้มกว้าง
“ก็นะ นังนั่นก็น่าจะมีสายลับอยู่รอบตัวข้าด้วย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้ นายรู้ไหมว่าใครเพิ่งเข้าไปในเต็นท์ของนังกะxรี่เมื่อตะกี้นี้
“……”
ผมมองไปที่บาร์บาทอส ถ้าไม่รวมเทียนสีขาวที่วางไว้บนโต๊ะ ตอนนี้ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงอื่นใดในเต็นท์อีกเเล้ว เมื่อแสงเทียนสั่นไหว เงาที่ปกคลุมใบหน้าของบาร์บาทอสก็สั่นตามเปลวเพลิงเช่นกัน แม้จะสั่นเทาแค่ไหน บาร์บาทอสก็ยิ้มอย่างน่ากลัว ผมส่ายหัว
“นั่นเป็นไปไม่ได้”
“นายนี่มันไร้เดียงสาจริงๆช่างน่ารักอะไรแบบนี้.”
“เป็น……ฮัมบาบา? หรือยูเรล?”
“ใครจะไปรู้? ข้าไม่รู้ดีพอที่จะรู้ชื่อทั้งหมดหรอกนะ ข้ารู้แต่เพียงว่าหลังจากออกจากเต็นท์ของอีตัวเมียไพม่อนเเล้ว พวกมันก็หายเข้าไปในค่ายของนาย”
“มีหลักฐานอะไรมายืนยัน”
บาร์บาทอสชูนิ้วกลางขึ้น
“ไปเเดกขี้ซะไป๊ ดันทาเลี่ยน ข้าจะไม่ให้หลักฐานกับคนแบบนี้หรอก ไม่ว่านายจะเชื่อคำพูดของข้าหรือไม่ก็ตาม นั่นเป็นสิ่งที่นายต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง หน้าที่ของข้าสิ้นสุดลงเเล้วข้าไม่ได้ตาบอดถึงขนาดเมินเรื่องนี้หรอกนะ”
หลังจากพูดเสร็จเเล้ว บาร์บาทอสก็จากไปอย่างไม่เหลียวเเล ไม่มีการอำลา สมกับเป็นเธอจริงๆ ที่จะไม่ทักทายใครๆแบบดีๆด้วย เธอเพียงแค่โยนสิ่งที่เธอคิดต้องการลงไปก็เท่านั้น ผมคงทำตัวงุ่มง่ามเหมือนเด็กก่อนวัยเรียนที่จู่ๆก็เจอกระดาษวาดรูปที่ถูกยื่นมาให้เพราะครูต้องการให้เเละถามว่าเพราะอะไรละมั้ง ผมจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีนะ?
การทรยศคือผลสะท้อนทางสังคมซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัญญาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้บรรลุสำเร็จตามเป้าหมายได้ผมไม่เคยผิดสัญญาระหว่างแม่มดเลยสักครั้ง แม้ว่าผมจะไม่ติดใจในความจริงที่ว่าการทรยศนั้นเกิดขึ้นมาในโลกนี้เเล้วก็ตาม เเต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีเพราะผมเชื่อว่าการทรยศโดยไม่มีเหตุผลนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ จู่ๆ ก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัว หรือว่านี่จะเป็นการบอกใบ้แบบหนึ่ง?
ผมออกมาจากเต็นท์อย่างเงียบ ๆ และมุ่งหน้าไปยังที่พักของแม่มด แม่มดได้สร้างเต็นท์ขนาดใหญ่สำหรับตนเองและอาศัยอยู่ด้วยกัน ผมสงสัยว่าพวกเธอควบคุมอุณหภูมิด้วยเวทย์มนตร์ได้ใช่ไหม?เพราะภายในเต็นท์ค่อนข้างที่จะร้อนชื้นทั้งๆที่ข้างนอกมีพายุหิมะ แม่มดในนี้นั้นไม่ได้สวมเสื้อผ้าไว้เลยเเละกำลังทำการละเล่นกันอยู่อย่างยุ่งเหยิง เบียดเสียดร่างกายของกันและกันไปมา หลังจากที่เห็นผมเข้าไปในเต็นท์แล้ว
“อาร่ามาสเตอร์ อะไรทำให้ท่านถ่อมาหาถึงที่ในยามวิกาลเช่นนี้”
“ในที่สุดมาสเตอร์ของเราก็เริ่มโหยหาร่างกายที่บานสะพรั่งของพวกเราจต้องะมาเยี่ยมเยือนเพื่อมอบพระหรรษทานแก่เราเเล้วสิน้าาาา—?”
พวกแม่มดหัวเราะกันคิกคัก ในหมู่พวกเธอมีแม่มดสามหรือสี่คนที่กำลังกดทับกันและกันอีกทั้งยังลงลิ้นเลียไปที่ผิวหนังของกันและกันอยู่ กลิ่นดอกไม้แรงๆขจรเล็ดลอดออกมาจากอากาศ มันเป็นกลิ่นของความเสื่อมโทรม เนื่องจากกลิ่นหอมมันเข้มข้นมาก ผมจึงแยกไม่ออกว่าตัวเองกำลังหายใจทางจมูกหรือกำลังจะจมลงไปในน้ำหอมสารสกัดนี้ สวรรค์และโลกทั้งสี่ด้านตอนนี้ถูกห้อมล้อมด้วยฤดูหนาว ทำให้โลกนี้กลายเป็นสีขาว แต่แม่มดได้แยกสถานที่นี้ออกมาเเละเปลี่ยนเป็นย่านโคมแดงเล็กๆไปเเล้ว
ผมเดาะลิ้นตัวเอง
“ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่เหมือนค่ายทหารเลยนะ เหมือนจะเป็นม่านรูดมากกว่าอีก ผมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเเรกเข้าไหมเนี่ย“
“แน่นอนว่าไม่ สำหรับมาสเตอร์ของเรายินดีต้อนรับเสมอ“
“ ชิส์ เจ้าพวกสัปดนพวกนี่……”
ผมนั่งลงในที่ที่รู้สึกว่าเหมาะสม เเต่จู่ๆ แม่มดก็นั่งลงมาทับผมเเล้วส่งเสียงร้องอย่างขี้เล่น
“หยินและหยางควรหลอมรวมกันเพื่อสร้างความสมดุลกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะอยู่ในสภาพที่ดีพอสมควรเลยนี่ พูดจา หยอกเย้า รื่นเริงกับเพื่อนๆกันอย่างระริกระรี้ มีเเค่ยินเท่านั้นไม่ต้องการหยาง”
(หมายเหตุ TL: Yin (พลังหญิง) ลามก และอนาจาร ล้วนขึ้นต้นด้วยอักษรตัวแรกตัวเดียวกัน ดังนั้น เขาจึงหมายถึงแม่มดเพราะพวกเขาทั้งลามกอนาจารและเข้ากันได้ดีกับผู้หญิงคนอื่น)
“เอ่อ.. ทำไมมาสเตอร์ของพวกเราถึงเป็นกังวลไปล่ะในเมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่ท่านเห็นพวกเราสภาพแบบนี้”
“มีอะไรที่มาสเตอร์ต้องการให้พวกเราทำหรืออยากจะเสริมสร้างให้พวกเรา ดูเป็นพวกลามก รุ่ยร่าย โลกีย์ มากกว่านี้ไหมน้าาาาาา–?”
“เงียบไปเลย พวกเธอทำตัวก๋ากั่นมากเกินไปแล้ว ถึงพวกเธอจะไม่กลัวถึงความตายด้วยดาบในสนามรบแต่พวกเธออยากจะตายตอนกำลังตีฉิ่งรวมร่างกันอยู่เรอะ รีบไปใส่กางเกงในได้เเล้ว ผมมีเรื่องที่จริงจังจะคุยด้วย นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
แม่มดหน้าบึ้งและนำเสื้อผ้ามาพาดบ่าไว้ อันที่จริงมันเป็นชุดที่เหมาะที่จะเรียกว่าเศษผ้ามากกว่าเสื้อผ้าจริงๆซะอีก ต้นคอของเสื้อมันเปิดกว้างและเปิดออกจนเห็นข้างใน เมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังโชว์ตัวเองในขณะที่อยู่ต่อหน้าผม เห็นได้ชัดว่าพวกเธอกำลังพยายามจะหยอกเย้าผมอยู่ ผมหมดอารมณ์ที่อยากจะตำหนิพวกเธออีกรอบ ดังนั้นจึงปล่อยให้มันเลยตามเลยไป
แม่มดสวมเสื้อผ้าอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าพวกเธอจะคิดว่าถ้าทำอย่างนี้เเล้ว ผมจะกลายเป็นสัตว์ร้ายแห่งตัณหาและโผเข้าใส่พวกเธอ เมื่อเห็นพฤติกรรมที่น่าหัวเราะของพวกเธอ ผมก็พ่นลมออกมา และเมื่อผมทำอย่างนั้น แม่มดก็บ่นด้วยใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจ ยังไงก็ตาม คนพวกนี้ไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง
ผมจ้องไปที่ ฮัมบาบาซึ่งวางตัวเป็นหัวหน้าของแม่มด
“มีอะไรไม่สะดวกตอนอาศัยอยู่ในค่ายไหม”
“พวกเรามีทั้งของกินและที่สำหรับนอน ดังนั้นสิ่งที่ต้องการความไม่สะดวกจึงไม่น่าจะมีอยู่น้าา-”
“ผมกังวลเพราะพวกเธอเคยโดนเหยียดหยามเป็นประจำ ไม่มีคนหยาบคายที่ข่มเหงหรือเฆี่ยนตีบ้างหรือ?”
“ใช่. คนที่ล่วงละเมิดเรามักจะเป็นขุนนาง แต่เมื่อฝ่าบาทก็รู้อยู่แล้ว ไม่มีขุนนางในค่ายของทหารของฝ่าบาท และถึงแม้ว่าจะมี ก็มีเพียงขุนนางปลายเเถวจากแผนผังวงศ์ตระกูลเท่านั้นที่ยังคงอยู่ละน้าาา-……”
สีผิวของแม่มดค่อยๆเข้มขึ้น
ไม่มีโอกาสเลยที่ฝ่าบาทของพวกเธอจะมาเยี่ยมเยือนหลังจากเลยเที่ยงคืนไปเเล้ว เพียงเพื่อมาสอบถามความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเธอ ต้องมีลำดับในการสนทนาก่อน ดังนั้นการพูดคุยต้องเริ่มจากการปูพื้นดินก่อน เเต่ว่าตอนนี้ พื้นดินยังไม่ถูกวางลงเลย เหล่าแม่มดจึงกังวลว่าการสนทนาจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อผมหุบปากลง เต็นท์ก็เข้าสภาสะเงียบเชียบ หอพักยังคงร้อนชื้น แต่ก็ไม่ใช่ความอบอุ่นที่น่าทำให้รู่สึกดีอีกต่อไป แต่เป็นเพียงความร้อนธรรมดาๆแทนที่ ผมพูดขึ้น
“ผมได้ยินมาว่าเธอทำการทรยศผม ทำไมเธอถึงทำมันกัน?”
“……”
“ผมไม่ต้องการความคลุมเคลือบอกข้อมูลออกมาชัดๆให้หมด บอกเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการทรยศมาด้วย”
เหนือขึ้นไปบนเต็นท์ ได้ยินเสียงนกหวีดร้อง เต็นท์ของแม่มดนั้นบางจนได้ยินเสียงนกที่อยู่ใกล้ๆ ห้ามมิให้แม่มดสวมหรือใช้หนังสัตว์ นั่นคือกฎในโลกปีศาจ เต็นท์ทำจากผ้าฝ้ายทั้งผืน เมื่อเสียงนกเค้าแมวหยุดร้อง ฮัมบาบาก็พูดขึ้น
“เราคนนี้จะชดใช้ความผิดด้วยการตายของเราเอง”
“ผมถามถึงเหตุผลของการทรยศ ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องบางอย่างก่อนถึงจะสามารถยอมรับการไถ่ถอนหรือการลงโทษของพวกเธอได้? คงไม่มีความหมายหรอกหากต้องตายด้วยตัวเองตอนนี้”
“เราอยากได้เงินนะน้าา—”
“เงิน? หากพวกเธอต้องการเงินก็สามารถมาถามหากับผมได้มิใช่หรือ พวกเธอทุกคนก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเงินมากจนแทบจะจัดการไม่ได้ขนาดไหน”
“เพราะว่าไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการได้อะำรมาฟรีโดยไม่สนตอบเเทน เราจึงไม่พอใจต่อารได้มันมาฟรีๆมากนัก แต่การทำงานเป็นสายลับนั้นมีประสิทธิภาพและเป็นงานที่ขาวสะอาดมากกว่า”
“โอ้ ไอ้พวกโง่พวกนี่”
ผมวางมือบนหน้าผากตัวเอง สมองของผมเริ่มที่จะเจ็บ
ผมเข้าใจดีว่าพวกแม่มดเหล่านี้ใช้ชีวิตมาทั้งชีวิตโดยถูกเผ่าพันธุ์อื่นดูหมิ่น ที่เดียวที่พวกเธอจะวางใจได้คือเงินตรา ผู้คนจะไม่คิดว่าการผิดสัญญาของคนชั้นต่ำเป็นเรื่องน่าละอาย ตราบใดที่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ทางหน้าที่ การทรยศก็เป็นชะตากรรมของพวกไพร่ทำประจำอยู่เเล้ว เป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆที่ได้เห็นผู้หญิงเหล่านี้ใช้โชคชะตาของตนเองมาเป็นข้ออ้างทรยศผม
“แล้ว? ได้เงินมาบ้างมั้ย?”
“ไม่. เราได้เพียงครึ่งเดียวของจำนวนเงินที่สัญญาไว้น่ะน้าา—”
“อะไรเนี่ย? ……หลังจากหักหลังผมเเล้ว ยังถูกยักยอกเงินไปอีกครึ่งหนึ่งเหรอ?”
ผมรู้สึกประหลาดใจ
“ถึงพระเจ้าที่รัก. ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเธอทุกคนเป็นคนโง่ แต่ไม่คิดด้วยว่าจะเป็นคนใจร้อนด้วยอีก ถ้าหากพวกเธอต้องการกำลังจะแทงใครบางคนที่ด้านหลัง ก็ทำให้มันถูกต้องสิ พวกเธอตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”
“เราได้ยินมาว่าจอมมารไพม่อนใจดีต่อพวกไพร่ เราเลยค่อนข้างมีความหวัง แต่กลับกลายเป็นว่าเธอใจดีน้อยกว่าข่าวลืออีก อ่าฮะฮะฮะฮะ”
“หัวเราะเหรอ? ตอนนี้มีเสียงหัวเราะออกมาจริงๆงั้นเหรอ?”
ไหล่ของแม่มดสั่นสะท้าน
ผมกดดันพวกเธอเพื่อหาคำตอบ ของข้อมูลที่ขายออกไป ‘ไม่เลย มันไม่มีอะไรมากเลยนะ ไม่มีอะไรเลยจริงงจริ๊งะ’คดีนี้ที่ฮัมบาบาเป็นคนก่อก็สารภาพเรื่องใหญ่ที่ทำไว้ออกมาทั้งหมด ตั้งเเต่ตอนทำเเผนการไปรับตัวฟาร์นาเซ่การสั่งกวาดล้างตลาดไพม่อนรับรู้เรื่องราวนี้ทั้งหมด ผมลูบไปที่หลังคอของตัวเอง เมื่อผมถามพวกเธอว่าควรจะได้รับเงินเท่าไหร่สำหรับข้อมูลนี้ พวกเธอตอบกลับมาด้วยจำนวนเหรียญทองคำ 3,000 เหรียญทอง เเต่เพราะพวกเธอสูญเสียไปครึ่งหนึ่ง พวกเธอจึงได้รับเเค่ 1,500 เหรียญทองหลังจากที่ขายผมออกไปเเล้ว
น่าโกรธอะไรขนาดนี้.
สายตาของผมมองไปเห็นเสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนราวตากผ้าภายในเต็นท์เข้ามาในวิสัยทัศน์ของผม มันเป็นเสื้อคลุมสีดำที่มอบให้กับ ฮัมบาบา เมื่อวานนี้ คราบสกปรกทั้งหมดหายไปเเล้วและเสื้อคลุมก็แห้งแข็ง ซึ่งทำให้ผมสงสัยว่าพวกเธอได้ล้างมันด้วยหิมะที่ตกข้างนอกใช่ไหม ดูเหมือนว่าสำหรับแม่มดแล้ว ความจริงใจในการซักเสื้อผ้าที่ผมให้ไว้กับพวกเธอ และความกระปรี้กระเปร่าที่ต้องการทรยศผมเพื่อเงิน อยู่ร่วมกันได้ง่ายๆเลย
ผมพูดเหมือนกำลังจะถอนหายใจ
“สาวๆ การเมืองทำให้พวกเธอเข้าใจผิดไปกันใหญ่เเล้ว เหล่าจอมมาร และผมกำลังต่อสู้กันอยู่เบื้องหลัง และถ้าสาวๆ ที่บริสุทธิ์อย่างพวกเธอพยายามจะเข้ามามีส่วนร่วม พวกเธอมีเเต่จะได้รับความเจ็บปวดก็เท่านั้น เนื่องจากพวกเธอขัดต่อคำสั่งทหารอย่างชัดเจน ก็ต้องมีโทษทัณที่ตามมา”
“……”
“ไปเอาเขียงมา ผมจะตัดนิ้วพวกเธอทุกคนคนละนิ้วทั้งหมด”
ทีละนิ้ว ผมเฉือนนิ้วออกจากแม่มดด้วยกริชของผม มันเป็นกริชแบบเดียวกับที่เคยก่อคดีฆาตกรรมครั้งแรกหลังจากที่ตกลงมาในโลกนี้ กริซที่ฆ่าแอนโดรมาเลียส
เมื่อนิ้วนางที่มือซ้ายถูกตัดออก แม่มดไม่ได้เเสดงปรากฏสีหน้าที่รู้สึกเจ็บปวดเป็นพิเศษเลย ความรู้สึกของความเจ็บปวดและจิตใจที่ควรจะถูกบั่นทอนไม่ปรากฏออกมา พร้อมกับนิ้วนางของเเม่มดที่ถูกตัดออกไปนั้น ผมพูดขณะตัดนิ้ว
“อายุขัยของพวกเธอช่างยืนนาน ในสักวันหนึ่งถ้าพวกเธอพบกับคู่ชีวิตของตัวเองเเล้ว แม้ว่าคู่รักที่คบกันมาตลอดชีวิตจะสารภาพรักและขอแต่งงานกัน แต่พอถึงตอนนั้นพวกเธอจะไม่มีนิ้วให้สวมแหวนอีกต่อไป พวกเธอจะพิการตลอดชีวิต จงสำนึกผิดในความโกลลาหลเเละต่อหน้าผงธุลีดินซะเพราะความโง่เขลาที่มิอาจรักษาพันธสัญญาได้และกระทำการทรยศอย่างรีบร้อน พวกเธอจะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้เองเมื่อได้เจอกับคนที่พวกเธอรักจริงๆ”
“……มาสเตอร์.”
“มาหาผมในย่ำรุ่งอรุณมาถึง ผมจะให้เงินที่เหลือแก่พวกเธอที่ไพม่อนไม่สามารถจ่ายให้ได้”
ผมเช็ดกริชด้วยขอบเสื้อคลุมของผมแล้วออกจากเต็นท์ไป เมื่อกลับไปที่เต็นท์ของตัวเอง ลาพิสก็จัดผ้าปูที่นอนให้เเล้ว ด้วยวิธีการบางอย่าง ลาพิส ได้ฟังการสนทนาระหว่างผมกับแม่มด ดังนั้นเธอจึงรู้ทุกอย่างที่สนทนากัน
“5 คะแนน ฝ่าบาท บทลงโทษอ่อนเกินไป ฆ่าพวกมันเสียจะดีกว่า”
“พวกเธอจงใจให้ถูกจับได้”
“ขอโทษนะ?” “Pardon?”
ผมยกขวดแอลกอฮอล์ขึ้นแล้วดื่มทันที
“แม่มดที่มีชีวิตอยู่มานานกว่า 200 ปีจะเป็นคนไร้เดียงสาอย่างนั้นจริงๆหรือ? พวกเธอรู้ดีว่าบาร์บาทอสสนิทสนมกับผม ดังนั้นหากพวกเขาต้องทำงานเป็นสายลับ พวกเขาก็คงจะประพฤติตัวระมัดระวังมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่ได้จากไปไหนเเละกลับมาที่ค่ายของเราหลังจากไปหาไพม่อนเเล้ว โดยไม่มีการปิดบังเเอบแฝงใดๆ”
ลาพิสพยุงคางด้วยมือของเธอ
“ฝ่าบาทกำลังบอกว่าแม่มดได้ทรยศต่อฝ่าบาทโดยตั้งใจเพื่อที่จะถูกจับได้ใช่ไหม? อันนี้ไม่เข้าใจ พวกเธอจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น”
“มันเป็นการทดสอบ พวกเธอกำลังทดสอบเพื่อดูว่าผมเป็นคนดีเป็นที่พึ่งพาได้หรือไม่”
“การทดสอบ……”
“พวกเขาคงรู้สึกวิตกกังวลเพราะผมปฏิบัติต่อพวกเธอด้วยความกรุณาตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเธอต้องการเชื่อและอุทิศความภักดีต่อผมจริงๆ แต่พวกเธอทำไม่ได้เพราะไม่แน่ใจว่าผมจะเป็นคนที่น่ายึดมั่นได้ไหม นั่นคือเหตุผลที่พวกเธอทดสอบผม หากจำเป็นจริงๆ พวกเธออาจจะเก็บความคิดที่จะสละเรือลำนี้เเล้วกระโดดไปลงเรือร่วมกับไพมอนก็ได้……”
ดูเหมือนว่า ลาพิส จะสงสัยครึ่งหนึ่งหลังจากได้ยินคำพูดของผม
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง แม่มดก็เดินทางมาหา เนื่องจากพวกเธอหมดใจที่จะเข้ามาในในเต็นท์ของผม แม่มดจึงคุกเข่าบนกองหิมะข้างนอก เมื่อผมก้าวออกมาจากเต๊นท์ พี่น้องทั้ง 11 คนก็หย่อนร่างที่เปลือยเปล่าของพวกเธอลงบนหิมะ พวกเธอไม่ได้สวมกระทั่งอาภรเมื่อมาถึง
บนแผ่นหลังที่ขาวสะอาดของแม่มด ยังคงมีรอยแผลเป็นถาวร รอยแส้ รอยน้ำร้อนลวกจากการทรมานเเต่กาลก่อน และบาดแผลที่รักษาแล้วได้รับบาดเจ็บอีกครั้งจนรอยแผลเป็นยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บเหล่านี้ยังคงอยู่ในร่างกายของพวกเธอ แม่มดแต่ละคนที่ไม่ได้สวมอะไรเลย มีสร้อยห้อยคอห้อยอยู่และสิ่งที่สร้อยคอห้อยลงมาอีกทีก็เป็นนิ้วนางที่ผมตัดไป
ฮัมบาบาก้มหน้าลงกับพื้น
“พวกเรา พี่น้องบาเบอร์เร่ กำเนิดมาโดยไม่มีบ้านให้อาศัย เติบโตในตรอกหลังเมืองเเละตรอกหลังหมู่บ้าน ใช้ชีวิตเป็นทหารรับจ้างเป็นเวลาหลายสิบปีและหลายศตวรรษ พวกเราปรารถนาที่จะลืมอดีตและค้นหาคุณค่าในชีวิตนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามของจอมมารในฐานะที่เป็นสาวกของ ดันทาเลี่ยน หัวใจของเรา ศีรษะของเรา จิตวิญญาณของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของสมบัติฝ่าบาทตลอดไป ดังนั้น ฝ่าบาท ได้โปรดดูแลหัวใจของเรา ศีรษะของเรา และจิตวิญญาณของเรา ที่สูญหายไปเเล้วด้วยเถิด”
คำสัตย์ปฏิญาณตน.
เมื่อเหล่าขุนนางได้ให้คำมั่นในความซื่อสัตย์เเล้ว พวกเขาก็ทุ่มเทให้หมดหัวใจ เเต่ถ้าเป็นสามัญชนก็จะอุทิศทั้งหัวใจและศีรษะ เเละส่วนไพร่นั้นจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งจิตวิญญาณของตนเองก็ตาม
ผมนำเสื้อคลุมทั้งหมดที่มีอยู่ออกมาและสวมให้เเต่ละคน แม่มดรับเเละปรับเสื้อคลุมสีดำเข้ากับตัวของพวกเธออย่างจริงจัง ผมเอาหน้าผากไปแนบกับหน้าผากของฮัมบาบา
“ข้าสาบานว่า ข้า ดันทางเลี่ยน จะไม่ตอบรับคำพูดของเจ้าด้วยความเงียบ และจะไม่คืนคำพูดของเจ้าด้วยการดูถูก หากเจ้าต้องเสียเหงื่อและตกเลือดเพื่อข้า ข้าจะตอบเเทนน้ำหนักนั้นแก่พวกเจ้าสำหรับหยาดเหงื่อและเลือดทุกหยดที่ให้ข้ามา”
[ พี่น้องเบอร์เบเร่ ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ]
[ ระดับความจงรักภักดีจะปรากฏในสถานะแม่มด ]
[ความจงรักภักดีที่สมบูรณ์และมั่นคง อีกฝ่ายหนึ่งถือว่าคุณเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวของพวกเธอ พวกเธอจะไม่ทรยศหักหลังคุณตราบเท่าที่คุณไม่ทรยศพวกเขาก่อน]
การยอมรับเด็กผู้หญิงเหล่านี้ มันก็เหมือนกับการยอมรับว่าแม้แต่แม่มดก็มีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง
แม่มดสะอื้นไห้ในหิมะ พวกเธอไม่ได้หลั่งน้ำตาให้ผม แต่เพื่อตัวเอง พวกเธอนั่งคุกเข่าท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเป็นเวลานาน ผมปัดหิมะที่ตกลงมาบนหัวพวกเธอออกด้วยมือของผม
♦