Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 881 -882
บทที่ 881 : จับตัวคนวางระเบิด!
ซอยนี้เป็นซอยลึก..และรถสีดำทั้งสองคันที่จอดอยู่นั้นก็ปิดกระจกไว้ทั้งสี่ด้าน เวลานี้เพลิงที่ไหม้นั้นก็ได้ถูกดับจนหมดแล้ว
กู่หยุนฟะกับเสียเจิ้นเหยินนั่งอยู่ด้านหน้ารถสีดำคันหนึ่งทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ คนหนึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ ส่วนอีกคนนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ทั้งสองคนหันไปมองภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น และกำลังแสยะยิ้มด้วยความสะใจ!
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มทั้งสองคนจะดูเหมือนเป็นฝ่ายกุมชัยชนะแต่ความจริงแล้วเวลานี้กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของพวกเขากำลังสั่นระริก ริมฝีปากก็ซีดขาว และกระวนกระวายใจจนไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะเอามือ และเท้าไปวางไว้ที่ใหน เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ต่างก็กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนก หวาดกลัว แล้วก็ตื่นเต้นไม่น้อย!
เพราะการกระทำครั้งนี้มันคืออาชญากรรม!
หลังจากที่ได้วางแผนและเตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้ว พวกมันต่างก็ร่วมมือกันที่จะวางระเบิดตามจุดที่นัดแนะ และในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็นขึ้น..
รถสีดำทั้งสองคันที่จอดอยู่นั้นนับว่ากลมกลืนกับความมืดเป็นอย่างมาก หากรถที่ขับผ่านไปผ่านมาไม่ทันสังเกตให้ดี ก็ยากที่จะเห็นว่ามีรถสองคันจอดอยู่ อีกทั้งยังยากที่จะเห็นว่ามีคนอยู่ในรถด้วย!
แต่หลิงหยุนนั้นแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป..
เขาเป็นคนที่มีไอคิวเข้าขั้นอัจฉริยะอีกทั้งยังมีจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลัง จึงสามารถคาดเดาทิศทางการหลบหนีของศัตรูได้ และบริเวณที่รถสีดำจอดอยู่นั้น ก็อยู่ลึกเข้าไปในซอยเพียงแค่หนึ่งร้อยเมตร ในระยะห่างเพียงเท่านี้ ย่อมอยู่ในรัศมีการรับรู้ของจิตหยั่งรู้อย่างแน่นอน!
แม้ว่าหลิงหยุนแทบจะอดทนรอที่จะฆ่าพวกมันไม่ได้แต่เขาก็พยายามข่มแรงกระตุ้นนี้ไว้ และแอบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ เพื่อรอฟังว่าพวกมันจะพูดอะไรออกมาบ้าง!
หลิงหยุนรู้ว่าทั้งกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินต่างก็เป็นแค่เด็กหนุ่มเพลย์บอยที่เพิ่งจะอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้นแต่กลับกล้าวางระเบิดในใจกลางเมืองอย่างอหังการเช่นนี้ แสดงว่าจะต้องมีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน!
แม้ว่าเด็กเลวทั้งสองคนนี้จะชั่วช้าและร้ายกาจมากก็ตาม แต่ด้วยสติปัญญาของพวกมัน ก็ไม่น่าจะคิดวางแผนใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้ และหากไม่มีคนหนุนหลังอยู่ พวกมันก็คงต้องกินดีหมีดีมังกรมาแน่ ถึงได้บ้าบิ่นกล้าวางระเบิดกลางเมืองแบบนี้ เพราะนี่เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตของตัวเองจนหมดสิ้น!
เสียเจิ้นเหยินและกู่หยุนฟะเอาแต่มุดหัวอยู่ภายในรถและไม่กล้าที่จะมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนจบ และเอาแต่ซุกซ่อนอยู่ในรถอย่างเงียบเชียบ!
ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดคุยกันเพราะเกรงว่าเสียงพูดคุยของพวกมันจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น..
แต่เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่..อารมณ์ต่างๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ ก็กระตุ้นให้พวกมันสองคนเหิมเกริมจนเริ่มพูดจากัน เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนความรู้สึกหวาดกลัวในใจ และคลายความรู้สึกตึงเครียดที่มีอยู่..
“ฮูว่.. เจิ้นเหยิน! นายคิดว่าครั้งนี้จะสำเร็จมั๊ย”
และในที่สุดกู่หยุนฟะก็อดรนทนไม่ได้มันพ่นลมหายใจออกมาทางปากเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจ และร้องถามออกมาเพื่อความมั่นใจ..
ริมฝีปากซีดเซียวและสั่นระริกนของเสียเจิ้นเหยินนั้นเผยอตอบออกไป“สำเร็จหรือไม่สำเร็จนายจะไปสนใจทำไม อีกอย่าง.. ไม่มีใครเห็นว่าพวกเราเป็นคนลงมืออย่างอยู่แล้ว! และถ้าผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ พวกเราก็จะได้กลับไปนั่งดูอะไรสนุกๆอย่างแน่นอน..”
เสียงพูดคุยของคนทั้งคู่นั้นเบาราวกับกระซิบและได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น..
กู่หยุนฟะจึงถามต่อ“ระเบิดแรงขนาดนี้ นายว่าในร้านจะมีคนตายมั๊ย”
เสียเจิ้นหยินนิ่งไปราวสองวินาทีแล้วจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “จะทำการใหญ่ทั้งทีใจต้องนิ่ง! ในเมื่อลงมือระเบิดร้านไปแล้ว นายจะสนใจทำไมว่าจะมีคนตายหรือไม่มีคนตาย แต่คนที่โชคร้ายที่สุดก็คือไอ้หลิงหยุน ถ้ามันอยู่ในร้าน ก็คงตายด้วยน้ำมือของพวกเราแน่นอน! ในเมื่อนายต้องการจะแก้แค้นมัน ก็อย่าคิดอะไรมาก!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันและได้แต่คิดในใจว่า กู่หยุนฟะนั้นยังโหดเหี้ยมน้อยกว่าเสียเจิ้นเหยินเป็นหมื่นเป็นแสนเท่า
กู่หยุนฟะพยักหน้าและจ้องมองไปข้างหน้าและถามต่อว่า “นายคิดว่าเจิ้งเทียนจะทำงานสำเร็จมั๊ย”
เสียเจิ้นเหยินถึงกับหัวเราะคิกคัก“นี่.. พ่อของเจิ้นเทียนเพิ่งจะถูกหลิงหยุนจัดการไปเมื่อวาน หมอนั่นโกรธแค้นหลิงหยุนอย่างกับอะไรดี และที่สำคัญ.. อย่าลืมว่ามีคนขององค์กรนักฆ่าช่วยเหลืออยู่ด้วย ถ้ายังทำไม่สำเร็จ.. ก็สมควรไปตายแล้ว!”
องค์กรนักฆ่า!
ในที่สุดหลิงหยุนก็รู้แล้วว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเจ้าเด็กชั่วช้าสองคนนี้แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังอดสงสัยไม่ได้!
‘เวลานี้ธิดาพรรคมารกำลังทำอะไรอยู่!นี่นางต้องการสังหารข้าจริงๆงั้นรึ?! หรือเพราะนางยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของข้า?!’
‘หรือ..อาจเป็นเพราะนางล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของข้าแล้ว ก็เลยเริ่มที่จะจัดการกับข้าอย่างจริงจัง!’
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้..ใบหน้าของหลิงหยุนก็ปรากฏร่องรอยของความโกรธ เขาได้แต่คิดว่าหากธิดาพรรคมารเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้จริงๆ นางก็สามควรต้องถูกฆ่าเช่นกัน..
ในเวลานั้นเอง..หลิงหยุนก็ได้ยินเสียเจิ้นเหยินหัวเราะ และพูดขึ้นว่า “เสียงระเบิดดังขนาดนี้ คงจะปลุกคนทั้งจิงฉูให้ตื่นหมดแล้ว ไม่แน่.. อาจจะดังไปถึงเจียงหนานเลยก็ได้ แน่นอนว่าหลิงหยุนมันก็ต้องได้ยินด้วย และเมื่อไหร่ที่มันปรากฏตัว.. มันก็จะต้องตายอย่างแน่นอน! ฮ่า.. ฮ่า..”
“โอ้..ช่างน่าสงสารจริงๆ พ่อคนเก่ง!”
ระหว่างที่พูดนั้นทั้งสีหน้าและแววตาของเสียเจิ้นเหยินก็ดูพออกพอใจ และขบขัน จนแม้แต่กู่หยุนฟะที่เห็นก็ยังถึงกับตกตะลึง
กู่หยุนฟะเลียบเคียงถามต่อ“นี่.. นายว่าองค์กรนักฆ่าอะไรนั่นจะสามารถฆ่าหลิงหยุนได้จริงๆน่ะเหรอ”
เสียเจิ้นเหยินที่กำลังอารมณ์ดีจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “นี่คุณชายกู่.. ฉันว่านายกลัวเจ้าอ้วนนั่นจนหัวหดหมดแล้ว! หลิงหยุนมันคุมจิงฉูไว้ได้ทั้งหมดทั้งขาวทั้งดำ! ถึงเวลาที่จะทำให้จิงฉูกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว!”
“นายลองคิดดูสิว่า..คืนนี้พวกเราลงมือกันได้ง่ายดาย และไร้อุปสรรคมากแค่ใหน แค่นี้ก็พอจะมองออกแล้วว่าอิทธิพลขององค์กรนักฆ่านั้นยิ่งใหญ่แค่ใหน?! องค์กรนักฆ่านี้ไม่ใช่องค์กรที่ใครอยากจะพบก็สามารถพบได้ง่ายๆ เทียบกับอันธพาลข้างทางน่ะเหรอ คนละชั้น!”
“นายไม่ต้องกังวลใจไปหรอกน่า..เมื่อไหร่ที่หลิงหยุนปรากฏตัว มันจะต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน!”
เสียเจิ้นเหยินสรุปประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ..
กู่หยุนฟะได้ฟังก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและยิ้มออกมาอย่างพอใจเช่นเดียวกับเสียเจิ้นเหยิน
แต่ในระหว่างนั้นเอง..
“ห๊ะ!”
“อะไรกัน!”
จู่ๆกระจกรถข้างเสียเจิ้นเหยินก็แตกเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย และเศษกระจกก็ปลิวเข้าใส่ที่ใบหน้า และลำคอของทั้งสองคนจนเลือดออกทันที ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาเต็มใบหน้าของอีกฝ่าย!
จากนั้นทั้งกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินก็เห็นใบหน้าหล่อเหลา และรอยยิ้มที่มีลักยิ้มคุ้นตาปรากฏขึ้น ดวงตาที่จ้องมองมาทางพวกมันสองคนนั้นเป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า..
“ฉันมาปรากฏตัวตามที่ต้องการแล้ว!”
หลิงหยุนใช้ฝ่ามือกระแทบกระจกหน้าต่างรถจนแตกแล้วจึงโน้มตัวเข้าไปบอกคนทั้งคู่ที่ยังคงอยู่ในอาการหวาดผวา
จากนั้น..รอยยิ้มของหลิงหยุนก็ได้เปลี่ยนเป็นการแสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมของปีศาจ ทั้งกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินต่างก็ดวงตาเบิกโพลงด้วยความสยดสยอง..
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง!”
“หลิงหยุนมันหาพวกเราพบได้ยังไง!”
“แล้วพวกที่อยู่ในรถดำอีกคันล่ะ..ทำไมถึงไม่มาช่วยพวกเรา!”
หลังจากที่หายจากอาการตกตะลึงเด็กชั่วช้าทั้งสองคนต่างก็ร้องอุทานออกมาตามสัญชาติญาณ ทั้งคู่ต่างก็ลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น และไม่ได้กลิ่นคาวเลือดที่ไหลอาบใบหน้าอยู่เวลานี้..
“แก..แก.. นี่แกมาทำอะไรที่นี่” ในที่สุดเสียเจิ้นเหยินก็ร้องถามออกมาด้วยความหวาดผวา
ใบหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกและเฉยชา เขาเอื้อมมือออกไปจับที่เปิดประตูกระชากออก และพุ่งมือเข้าไปด้านใน!
“พวกแกสองคนอุตส่าห์วางแผนทำการครั้งนี้ก็เพื่อที่จะหลอกล่อฉันให้มาปรากฏตัวไม่ใช่เหรอ พวกแกคงคิดว่าฉันจะต้องตายแน่สินะ! ออกมาได้แล้ว!”
ทั้งกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินต่างก็ถอยกรูดไปติดประตูอีกฝั่งทันที ทั้งคู่หวาดกลัวจนต้องกอดกันแน่น และมีหรือจะยอมลงไปตามที่หลิงหยุนสั่ง..
กู่หยุนฟะหันหน้ามองทางรถสีดำอีกคันที่มีแต่ความว่างเปล่าด้วยความรู้สึกสิ้นหวังไม่มีใครอยู่ปกป้องคุ้มครองพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว..
หลิงหยุนจัดการลากทั้งสองคนลงมาจากรถแล้วโยนลงไปกองกับพื้น สภาพของคนทั้งคู่ไม่ต่างจากสุนัขข้างถนน จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาถังเทียนห่าว..
“ลุงถังครับ..มาถึงหรือยังครับ ผมจับตัวผู้ก่อเหตุวางระเบิดทั้งสองคนได้แล้ว ตอนนี้ลุงออกคำสั่งให้ตามล่าตัวหลู่เจิ้งเทียนได้เลย!”
“ใช่ครับ..ลูกชายของหลู่กวนหวัง เวลานี้มันน่าจะอยู่แถวๆ โรงงานผลิตยาของบริษัทเจียงหนานฟาร์มาซูติคัล!”
หลังจากวางสายไปแล้วหลิงหยุนก็กวาดสายตาเย็นชาราวกับปีศาจคู่นั้นไปทางกู่หยุนฟะกับเสียเจิ้นเหยิน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“พวกแกสามคนทำกับถังเมิ่งไว้สาหัสมากตอนนี้ถังเมิงอยากจะคุยกับพวกแกมาก!”
“ไปได้แล้ว!”
หลิงหยุนไม่ฟังคำพูดไร้สาระของพวกมันทั้งคู่เขาจัดการลากตัวทั้งสองคนไปตามพื้นถนน และระยะทางเพียงแค่สามกิโลเมตรก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าจะลากพวกมันกลับไปได้..
แต่ความเร็วของหลิงหยุนนั้นไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปและเพียงแค่หกนาที หลิงหยุนก็มาถึงทางแยกแล้ว..
เวลานี้..เพลิงที่ลุกโชนนั้นได้ดับสนิทแล้ว เหลือเพียงควันไฟที่ยังคงลอยคละคลุ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีกลิ่นเหม็นไหม้ก็ตลบอบอวลไปทั่วทุกหนทุกแห่ง..
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่าสิบนายที่สวมหน้ากากป้องกันควันกำลังสำรวจซากปรักหักพังของร้านเสื้อผ้า และนำร่างที่ถูกไฟครอกจนไหม้เกรียมออกมากองไว้ด้านนอก
การปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่นั้นได้มีการล้อมบริเวณที่เกิดเหตุไว้ และไม่อนุญาตให้ผู้คนเข้ามาในบริเวณนั้น มีเพียงครอบครัวของพนักงานทั้งสองคน ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น และกำลังร้องห่มร้องไห้ในสภาพที่หัวใจแหลกสลาย!
“ดูซะ!นั่นไงฝีมือของพวกแกทั้งสองคน!”
หลิงหยุนลากร่างของเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะข้ามถนนไปและจัดการโยนร่างของพวกมันสองคนไปด้านหน้า ข้อมือของพวกมันทั้งสองคนถูกหลิงหยุนบีบจนแตก และกำลังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
นี่ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวอีกต่อไป!และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ทั้งคู่ก็ได้กระทำการที่เป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างเหี้ยมโหด!
เมื่อโยนทั้งสองคนออกไปกองบนพื้นแล้วหลิงหยุนก็เห็นถังเมิ่งกำลังเดินตรงมา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และค่อยๆก้าวเข้ามาทีละก้าว.. ทีละก้าว.. อย่างช้าๆ!
บทที่ 882 : แก้แค้นและลงโทษคนชั่วช้า!
หลังจากงานเลี้ยงเลิกถังเมิ่งก็อยู่ในอาการที่เมามาก แต่เจ้าเด็กคนนี้ก็แปลกมาก เพราะไม่ว่าจะเมามายแค่ใหน ก็ไม่ยอมอาเจียนออกมา!
ถังเมิ่งแก้อาการเมาค้างด้วยการกินยาสำหรับแก้อาการแฮงค์แล้วก็ดื่มน้ำตามเข้าไปมากๆ เพื่อให้ปัสสาวะออกให้ได้มากที่สุด และจะได้สร่างเมาโดยเร็วที่สุด!
และเมื่อกลับถึงบ้านก็ดื่มชาแก่ๆเข้าไปอีกถ้วยใหญ่ ระหว่างที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำนั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากอาปิงแจ้งว่าที่คลินิกสามัญชนกับร้านเสื้อผ้านั้นถูกลอบวางระเบิด
ถังเมิ่งถึงกับแทบสร่างเมาในทันทีและรีบวิ่งลงบันไดตรงไปที่รถฮัมเมอร์ของตนเอง และขับออกไปทันที ถังเมิ่งขับไปด้วยความเร็วสูง และไปถึงที่เกิดเหตุก่อนถังเทียนห่าวเสียอีก!
และเมื่อไปเห็นสภาพที่เหลือแต่ซากของคลินิกสามัญชนกับร้านเสื้อผ้าถังเมิ่งก็ถึงกับเหงื่อตก และหายเมาเป็นปลิดทิ้งทันที!
สำหรับคลินิกสามัญชนของหลิงหยุนนั้นเรียกได้ว่าตั้งแต่เลือกทำเลสถานที่ ตกแต่ง รวมทั้งจัดการเรื่องเอกาสารต่างๆในการเปิดร้านทั้งหมดนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นถังเมิ่งจัดการหมดทั้งสิ้น เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับคลินิกแห่งนี้อย่างมากมาย อีกทั้งคลินิกแห่งนี้ยังเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงการค่อยๆขึ้นสูงของหลิงหยุนอีกด้วย เวลานี้คลินิกสามัญชนถูกระเบิดถล่มทลายเช่นนี้ มีหรือที่ถังเมิ่งจะไม่โกรธ และไม่อยากจับผู้ก่อเหตุมาลงโทษอย่างสาสมให้ได้!
และยิ่งได้เห็นว่าคนที่ลงมือก็คือกู่หยุนฟะและเสียเจิ้นเหยินซึ่งเป็นศัตรูของเขาเอง ทั้งบัญชีแค้นเก่าบวกกับความแค้นครั้งใหม่ ทำให้ถังเมิ่งยิ่งแค้นใจมากเข้าไปอีกหลายร้อยหลายพันเท่า!
ความแค้นที่เคยถูกหักแขนหักขาในครั้งนั้นประทุขึ้นมาจุกแน่นอยู่ในอกของถังเมิ่ง!
ถังเมิ่งเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวสีหน้าของเขาบ่งบอกว่าสามารถฆ่าคนได้..
ระหว่างที่เดินผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจไปนั้นถังเมิ่งก็ยื่นมือออกไปคว้าปืนมาจากเอวของตำรวจนายหนึ่ง
“ตายซะ!”
ถังเมิ่งร้องตะโกนออกไปพร้อมกับเล็งปืนไปทางคนชั่วทั้งสองคนและใครๆ ก็รู้ว่าถังเมิ่งนั้นยิงปืนแม่นเพียงใด!
“ไอ้ชาติชั่ว!ฉันจะฆ่าแก!” ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้น และร่างของเขาก็สั่นเทิ้มขณะที่เล็งปืนไปทางกู่หยุนฟะกับเสียเจิ้นเหยิน
หลิงหยุนเข้าใจความคั่งแค้นใจของถังเมิ่งดีแต่ในเวลานี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เต็มไปหมด เขาปล่อยให้ถังเมิ่งทำเช่นนั้นไม่ได้แน่ ไม่เช่นนั้นถังเมิ่งจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่หลวงที่จะตามมาอีกมากมาย!
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังจะพุ่งออกไปหยุดถังเมิ่งไว้ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียกชื่อถังเมิ่งดังออกมาด้วยความโกรธ..
“ถังเมิ่ง!”
ถังเทียนห่าวมีหรือที่จะไม่เข้าใจความคับแค้นใจของลูกชาย!เปล่าเลย.. เขาเข้าใจดีด้วยซ้ำไป และอยากจะแก้แค้นแทนลูกชายด้วย!
และหากไม่นึกถึงตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองในตอนนี้และหากเขาไม่ใช่คนที่ดูแลความเรียบร้อยในเมืองจิงฉูแล้วล่ะก็.. ถังเทียนห่าวก็คงจะไม่รอมาจนถึงตอนนี้เช่นกัน เขาคงจะจัดการแก้แค้นแทนลูกชายตัวเองไปตั้งนานแล้ว!
แต่ตอนนี้เขาเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงประจำเมืองจิงฉูจึงยิ่งต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฏหมายบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด
ถังเมิ่งกับถังเทียนห่าวนั้นเป็นคู่พ่อลูกที่รักและเข้าใจกันดีเขาแทบไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเพียงแค่เรียกชื่อ ‘ถังเมิ่ง’ ถังเมิ่งก็ถึงกับชะงัก และชะลอฝีเท้าลงทันที
“เอาคืนไป!”
ถังเมิ่งร้องบอกพร้อมกับโยนปืนกลับไปด้านหลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบรับไว้ในมือทันที..
จากนั้น..ถังเมิ่งก็ก้มหน้าลงสำรวจไปที่พื้นคล้ายกับกำลังหาอะไรสักอย่าง และในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เขาก็เห็นอิฐวางอยู่ก้อนหนึ่ง เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปหากู่หยุนฟะกับเสียเจิ้นเหยินทันที!
ถังเทียนห่าวมีสีหน้าตกใจกำลังจะร้องตะโกนห้ามถังเมิ่งอีกครั้ง! แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงหลิงหยุนดังอยู่ข้างหู
-ลุงถัง..ปล่อยเขา!–
ถังเทียนห่าวถึงกับอ้าปากค้าง..และไม่ได้ร้องตะโกนห้ามถังเมิ่งอย่างที่ต้องการ แต่หันไปสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คอยระมัดระวังให้ดี
ในเวลานั้น..ญาติคนตายก็กำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่พื้น และเมื่อรู้ว่าสองคนที่หลิงหยุนลากมานั้นคือมือวางระเบิด พวกเขาต่างก็ไม่สนใจตำรวจที่ล้อมอยู่ และรีบพุ่งตัวเข้าไปจะทำร้ายกู่หยุนฟะ และเสียเจิ้นเหยินด้วยความโกรธแค้น
“แก..ไอ้คนชั่วช้า! เอาชีวิตลูกสาวของฉันคืนมานะ! ลูกสาวของฉันเพิ่งจะอายุสิบเก้าเอง!”
ลูกสาวของเธอต้องมาพบเจอกับโศกนาฏกรรมเช่นนี้แม้แต่ศพก็อยู่ในสภาพดำไหม้ แม่ของเธอร้องไห้จนเป็นลมไปหลายครั้ง และร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด..
“ฉันจะฆ่าแกล้างแค้นให้ลูก!”
เสียงของพ่อเด็กสาวที่เสียชีวิตอีกคนร้องตะโกนออกมาอย่าคลุ้มคลั่งและพยายามดิ้นรนจากกการขวางกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะเข้าไปทำร้ายไอ้คนชั่วช้าทั้งสองคน!
ลูกสาวของเขาเพิ่งจะเรียนจบด้านบัญชีจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งและเพิ่งจะได้งานที่มั่นคงรายได้ดี เธอกำลังวางแผนที่จะแต่งงานด้วย แต่เพราะคืนนี้ฝนตกหนัก เธอจึงต้องนอนค้างที่ร้านเสื้อผ้าหนึ่งคืน แต่กลับไม่คิดว่านั่นจะเป็นการจากไปตลอดกาลของเธอ!
เด็กสาวในวัยสดใสสองคนเวลานี้เหลือเพียงร่างที่ไหม้เกรียมแทบจำไม่ได้ มีหรือที่พ่อแม่คนใหนจะทนได้!
“หลีกทางให้ฉันเข้าไป!”
ถังเมิ่งถืออิฐสีแดงเข้าไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และเกลียดชังที่ฝังลึกเข้าไปจนถึงกระดูกดำ น้ำเสียงและสีหน้าของถังเมิ่งนั้นเรียบเฉย และไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“ถัง..ถังเมิ่ง! นี่นายจะทำอะไร”
เสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะอยู่ในสภาพที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดนั้นบวมเปล่งไม่สวมกางเกงและเสื้อ เมื่อทั้งคู่เห็นถังเมิ่งถือก้อนอิฐเดินเข้ามา ก็ร้องถามออกไปด้วยความหวาดกลัว!
“ก่อนที่จะถามว่าฉันจะทำอะไรกับพวกแก..พวกแกแหกตาดูก่อนว่าพวกแกทำอะไรลงไปบ้าง!”
ถังเมิ่งร้องตะโกนพร้อมกับยกมือข้างที่กำก้อนอิฐไว้ชี้ไปทางคลินิกสามัญชนร้านเสื้อผ้า และร่างที่ไหม้เป็นตอตะโกทั้งสองร่าง
เขากัดฟันกรอดก่อนจะพูดต่อด้วยความคั่งแค้นใจ “นั่นเป็นคลินิกที่เปิดมาเพื่อช่วยชีวิตคน! คลินิกสามัญชนไปสร้างความแค้นใจให้กับพวกแกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“แล้วร้านเสื้อผ้าไปมีปัญหาอะไรกับพวกแก!พวกแกถึงได้ระเบิดมันจนพังแบบนั้น?!”
“แล้วคนบริสุทธิ์อีกสองคนล่ะ! พวกแกสองคนฆ่าคนบริสุทธิ์ทำไม? พวกแกเคยคิดบ้างมั๊ยว่าถ้ามีคนอยู่ในร้านมากกว่านี้ จะเกิดอะไรกับพวกเขาบ้าง?”
“พวกแกไม่คิดบ้างเหรอว่าวิญญาณของพวกเขาจะมาทวงชีวิตคืนจากพวกแก”
ถังเมิ่งร้องตะโกนถามไม่หยุดและเวลานี้ร่างของเขาก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเสียเจิ้นเหยิน พร้อมกับใช้อิฐในมือก็ฟาดลงไปบนศรีษะของมันอย่างไม่ปราณี!
ตุ้บ!ตุ้บ! ตุ้บ!
สิ้นเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเสียเจิ้นเหยินเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากศรีษะของมันเป็นทาง..
“เสียเจิ้นเหยิน..แกจำได้มั๊ยว่าเมื่อสามเดือนก่อนแกตีหัวของฉันแตก!”
ล้างแค้น..อีกสิบปีก็ยังไม่สาย!
ถังเมิ่งถามออกไปแต่ใช่ว่าจะต้องการคำตอบจากเสียเจิ้นเหยิน เขากระหน่ำฟาดอิฐลงไปบนศรีษะของมันไม่ยั้ง..
เสียเจิ้นเหยินถูกหลิงหยุนลากมาในสภาพที่ไม่ต่างจากหมาข้างถนนมันหมดเรี่ยวหมดแรงที่จะดิ้นรนขัดขืน และได้แต่นิ่งให้ถังเมิ่งทุบเอาๆ
“หยุดนะ!”
เสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงเพิ่งจะมาถึงที่เกิดเหตุและได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี..
หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมไคเฉวียนได้ทั้งเสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิง ก็กระหน่ำโทรหาลูกชายของตนเองทั้งสองคน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถติดต่อได้!
ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่จึงรีบโทรหาเพื่อนของลูกชาย ญาติๆ และผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง สั่งให้ทุกคนช่วยกันออกตามหากู่หยุนฟะกับเสียเจิ้นเหยินให้พบ และต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องตามหาคนทั้งคู่ให้พบก่อนที่พวกเขาจะลงมือทำผิดครั้งใหญ่ แต่ในที่สุดก็ไม่พบ..
นับว่าเป็นความโชคร้ายที่เสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะนั้นฉลาดเกินไปเพราะในเมื่อคิดทำการใหญ่เช่นนี้ มีหรือที่พวกมันจะยอมให้คนอื่นหาตัวพบได้ง่ายๆ
เสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงได้ส่งคนออกตามหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตลอดทั้งคืนทุกคนช่วยกันตามหาไปทั่วทุกหนทุกแห่งเป็นเวลานานกว่าสี่ชั่วโมง แต่กลับไม่มีใครพบเห็นเลยแม้แต่คนเดียว..
ผ่านเที่ยงคืนไป..ในที่สุดทั้งเสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ลูกชายของพวกเขาทั้งสองคนอาจจะไม่ได้กลับมาที่จิงฉูก็เป็นได้ และได้แต่ภาวนาขอให้ทั้งคู่ปลอดภัย รอรุ่งสางแล้วค่อยออกตามหากันใหม่!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันกลับบ้านพวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นเสียก่อน ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากัน และได้แต่คิดว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่แล้ว!
เสียเจิ้นติงได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่าเกิดระเบิดขึ้นที่แยกถนนจิงฉีตัดกับถนนกู่เฟิง และร้านที่ถูกวางระเบิดก็คือคลินิกสามัญชน กับร้านเสื้อผ้าของหลิงหยุน!
ทั้งคู่จึงรีบมายังที่เกิดเหตุทันทีและได้เห็นถังเมิ่งกำลังถืออิฐเดินเข้าไปในวงล้อม..
สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนั้นมักสื่อถึงกันเสียเจิ้นติงรู้ได้ทันทีว่าลูกชายของตนเองจะต้องอยู่ในวงล้อมนั้น จึงรีบร้องตะโกนออกไป..
และเมื่อทั้งคู่ฝ่าวงล้อมเข้าไปได้ก็เห็นร่างของเด็กวัยรุ่นสองคนกำลังนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ซึ่งก็คือลูกชายของพวกเขาทั้งสองคน!
“ถัง..ถังเมิ่ง.. มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ ทำไมต้องใช้ความรุนแรงด้วย”
เสียเจิ้นติงและกู่เหลียนเฉิงก็เหมือนกับคนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์อยู่พวกเขาเพียงแค่มองก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร! แต่ในสถานการณ์เช่นนั้น พวกเขาทั้งคู่ต้องแกล้งทำเป็นโง่ และไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยลูกชายของตนเองก่อน และตอนนี้เสียเจิ้นติงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบจับตัวลูกของเขาไปมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ยังไปตามขั้นตอน เขาคงทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกชายถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้!
ถังเมิ่งแสยะยิ้มก้อนอิฐในมือยังคงยกสูง และตอบไปว่า “ผมกำลังทำอะไรน่ะเหรอ! ถ้าอยากรู้ก็ดูให้ดี!”
และไม่รอให้พูดจบ..ถังเมิ่งก็ฟาดอิฐในมือลงไปบนศรีษะของเสียเจิ้นเหยินอีกครั้งจนเลือดไหลอาบหน้าทันที!
“นี่..!”
เสียเจิ้นติงไม่คิดว่าถังเมิ่งจะกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าตนเองจึงไม่สามารถห้ามได้ทัน และได้แต่หลับตาร้องออกมา!
“แล้วก็..!”
ถังเมิ่งก้าวเท้าไปอีกสองก้าวและจัดการทุบก้อนอิฐลงไปบนมืออีกข้างของเสียเจิ้นเหยินอีกสามที
“ถังเทียนห่าว..คุณเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคง ทำไมถึงได้ปล่อยให้ลูกชายทำเรื่องแบบนี้!”
เสียเจิ้นติงเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกทุบมือจนหักเช่นนั้นหัวใจก็แทบจะสลาย และรีบหันไปร้องตะโกนใส่ถังเทียนห่าวที่ยังคงยืนนิ่ง และรีบพุ่งเข้าไปหาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเสียเจิ้นเหยิน
เสียเจิ้นติงนั้นเชื่อว่า..อย่างน้อยในฐานะที่เขาเป็นรองนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ ถังเมิ่งก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำกับคนในครอบครัวของเขาเช่นนี้!
แต่เสียเจิ้นติงคิดผิด..!
เพราะยังไม่ทันที่ร่างของเสียเจิ้นติงจะก้าวเข้าไปหาเสียเจิ้นเหยินเขาก็ถูกญาติของเหยื่อที่เสียชีวิตดึงไว้..
เสียงเย็นยะเยือกของถังเทียนห่าวดังขึ้น“เสียเจิ้นติง.. คุณรู้หรือยังว่าเวลานี้ใครมีอำนาจ”
ตุ้บ..ตุ้บ.. ตุ้บ..
เสียงกรีดร้องของเสียเจิ้นเหยินก็ดังขึ้นราวกับหมูถูกเชือดในที่สุดถังเมิ่งก็ได้แก้แค้นสำเร็จ..
แขนขาของเสียเจิ้นเหยินถูกถังเมิ่งทุบตีจนหักและอยู่ในสภาพเกือบตาย มันเจ็บปวดจนเป็นลมฟุบลง และนอนจมกองเลือดอยู่แบบนั้น..
ร่างที่มาเลือดเปื้ออยู่เต็มไปหมดของถังเมิ่งนั้นค่อยๆลุกขึ้นเดินเข้าไปหากู่หยุนฟะ..
“ถึงคราวแกบ้างแล้ว!”