Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 531
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 531 : ได้เงินรวดเร็ว!
และจากคำพูดของถังเทียนห่าว เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็คาดเดาชะตากรรมของจางเติงเกอได้..
หลิวจินไล๋ใจเต้นแรงระหว่างที่จ้องมองถังเทียนห่าวยกถ้วยชาขึ้นจิบ.. แม้ถังเทียนห่าวยังไม่จัดการกับหลิวจินไล๋ในตอนนี้ แต่ก็ได้บันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ในสมองของเขาชั่วคราว
หลิวจินไล๋ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก เขารีบหันหลังไปสั่งหัวหน้าจ้าวที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ใกล้กับประตู
“นี่คุณยังจะยืนนิ่งทำอะไรอยู่อีก? ทำไมยังไม่รีบไปพาตัวจางเติงเกอมาที่นี่? ไปพาตัวเขามาเร็วเข้า!”
ถังเทียนห่าวโทรศัพท์มาหาหลิวจินไล๋ และเพียงคำพูดของเขาไม่กี่คำ ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“ครับ!” หัวหน้าจ้าวรับคำสั่ง
หลังจากที่ถังเทียนห่าวปรากฏตัว หัวหน้าจ้าวก็ได้แต่ยืนกุมมือนิ่ง และจ้องมองไปทางหลิงหยุนราวกับเด็กนักเรียนที่กระทำความผิด บรรยากาศภายในห้องตอนนี้สำหรับเขาแล้ว เพียงแค่หายใจก็แทบจะไม่กล้า..
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ได้ฟังถังเทียนห่าวคุยกับเด็กสามคนในห้อง ทั้งเขาและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกห้านาย จึงได้แต่มองหน้ากัน และต่างก็นึกหวาดกลัวและโมโหจางเติงเกออยู่ในใจ
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะจางเติงเกอที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ก่อนจะลงมือทำอะไรไม่ยอมสืบให้แน่ชัดก่อนว่าชายที่เขาไม่รู้หัวนอนปลายเท้านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำให้พวกเขาเกือบต้องมาซวยไปด้วย!
แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ถังเทียนห่าวไม่ได้ระเบิดอารมณ์โกรธใส่พวกเขา ไม่เช่นนั้นเขาและตำรวจอีกหลายนายคงต้องรู้สึกเสียหน้าอย่างแน่นอน
“รีบไปพาตัวมาสิ!”
จางเติงเกอ และตำรวจอีกห้านายจึงรีบลงไปด้านล่างเพื่อนำตัวจางเติงเกอขึ้นมาบนห้อง
หัวหน้าจ้าวไปเร็วมาเร็ว.. และตอนนี้จางเติงเกอซึ่งเป็นชายร่างสูงใหญ่และอ้วนกำลังยืนขาสั่นด้วยความหวาดกลัว ความจริงแล้วจางเติงเกอนั้นกลัวจนก้าวขาไม่ออกด้วยซ้ำไป จนตำรวจหลายนายต้องช่วยกันลากตัวขึ้นมา
“เข้าไปสิ!”
เมื่อจางเติงเกอไปถึงหน้าประตูห้อง หัวหน้าจ้าวก็ผลักร่างของจางเติงเกอให้เดินเข้าไปในห้องดูทะเลเสาบ
แม้ว่าหัวหน้าจ้าวจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเติงเกอ แต่เพราะการกระทำของจางเติงเกอ ทำให้เขาเองก็เกือบจะซวยไปด้วย เขาจึงอดที่จะโมโหและไร้มารยาทกับจางเติงเกอไม่ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนช่วยกันลากตัวจางเติงเกอเข้าไปในห้อง แต่เมื่อเข้าไปถึงจางเติงเกอกลับทรุดตัวลงกับพื้นทันที และร่างอ้วนๆก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
จางเติงเกอดิ้นขลุกขลักอยู่ที่พื้นครู่หนึ่ง และเมื่อลุกขึ้นมาได้ เขาก็รีบคลานเข่าเข้าไปหาถังเทียนห่าวและหลิงหยุนพร้อมกับอ้อนวอนขอร้อง..
“ผู้อำนวยการถัง.. ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย! ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ผมตาต่ำเอง ผมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง..!”
นี่เป็นครั้งที่สองที่จางเติงเกอคุกเข่าต่อหน้าหลิงหยุน เพราะก่อนที่หลิงหยุนจะจับจางเติงเกอโยนออกไปนอกหน้าต่างนั้น จางเติงเกอก็ได้คุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเขาด้วยความหวาดกลัวไปแล้วครั้งหนึ่ง
ถังเทียนห่าวนึกรังเกียจจางเติงเกออย่างมาก เขาเมินหน้าหนี และไม่สนใจจางเติงเกออีก ปล่อยให้หลิงหยุนเป็นคนจัดการกับจางเติงเกอด้วยตัวเอง
จางเติงเกอหันไปพูดกับหลิงหยุน “ฉันเป็นหมู.. เป็นหมูอ้วนอย่างที่คุณพูดจริงๆ!”
จางเติงเกอไม่รีรอที่จะด่าประจานตัวเองต่อหน้าทุกคน!
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะ “ฟังนะ! ผมบอกว่าจะไม่เปลี่ยนห้องให้ และผมก็ไม่เปลี่ยน! แต่ตอนนี้ผมกินเสร็จแล้ว..”
ใบหน้าที่บวมเปล่งของจางเติงเกอนั้นซีดเผือด และเศร้าสร้อย ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจความหมายของคำว่า ‘สะดุดตอ’ ได้อย่างลึกซึ้ง เพราะนอกจากเขาจะเสียหน้า และเสียตำแหน่งแล้ว เขาก็เกือบจะเสียชีวิตอีกด้วย
หลิงหยุนหันไปมองพนักงานเสริฟสาวสวยที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง ริมฝีปากแดงของหลิงหยุนอ้าออกจนเห็นฟันขาวพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คนสวย.. เช็คบิลครับ!”
“ค่ะ!” พนักงานเสริฟสาวสวยที่กำลังตกตะลึงกับลักยิ้มแก้มซ้ายของหลิงหยุนยังคงยืนนิ่ง
“ไม่ต้อง!”
“ไม่ต้อง!”
หลิวจินไล๋ และจางเติงเกอที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นรีบร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน
จางเติงเกอที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นรีบคลานเข้าไปใกล้หลิวจินไล๋พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เป็นเพราะผมมีตาแต่แต่ไร้แววเอง กล้ารบกวนการรับประทานอาหารของคุณชายท่านนี้.. ถ้ายังไงอาหารมื้อนี้ให้ผมเป็นคนรับผิดชอบก็แล้วกันครับ..”
ในเวลาเช่นนี้.. หากปล่อยให้หลิงหยุนต้องชำระค่าอาหารเอง ก็คงจะเกินไป!
หลิงหยุนได้ยินจางเติงเกอพูดขึ้นมาเช่นนี้ เขาถึงกับยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คงไม่ดีมั๊ง? คุณต้องตกงานเพราะผมไปแล้ว ยังต้องมาจ่ายค่าอาหารให้ผมอีก!”
นี่เป็นวิธีการรีดเงินของหลิงหยุนซึ่งถังเทียนห่าวเคยได้ฟังถังเมิ่งเล่าอย่างออกรสออกชาติมาก่อน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นกับตาตัวเอง และมันก็ดูน่าสนใจมากด้วย!
คำพูดหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากตบหน้าจางเติงเกอ
“เอ่อ.. เรื่องนั้นไม่เป็นไร..!”
เมื่อหลิงหยุนสั่งเช็คบิล จางเติงเกอเห็นโอกาสมาถึงจึงรีบฉวยไว้ เผื่อว่าหลิงหยุนจะไม่ถือโทษและไว้ชีวิตเขา!
“แต่ผมตั้งใจจะให้ทิปพนักงานเสริฟสาวสวยคนนี้ห้าหมื่นหยวนนะ..”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับพนักงานเสริฟด้วยท่าทีสบายๆ พนักงานเสริฟสาวสวยนี้เป็นคนดีใช้ได้ หลิงหยุนจึงต้องการให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับเธอ
“ผมจ่ายให้เอง.. ห๊ะ.. ห้าหมื่นหยวนงั้นเหรอ!?”
จางเติงเกอร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการจะให้ทิปพนักงานเสริฟสาวถึงห้าหมื่นหยวน แต่ในเมื่อเขาพูดไปแล้วก็ต้องรับปากต่อไป
พนักงานสาวเสริฟคนสวยถึงกับตกใจ และริมฝีปากแดงก็แย้มยิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยความขอบคุณ
หลิงหยุนรู้ว่าค่าห้องที่นี่ชั่วโมงละสามพันหยวนต่อชั่วโมง ส่วนค่าอาหารก็ไม่น่าจะเกินห้าร้อยหยวน รวมแล้วก็ไม่น่าเกินสามพันห้าร้อยหยวน แต่นั่นยังไม่รวมทิปอีกห้าหมื่นหยวน
“ใช่.. ผมตั้งใจจะให้ทิปเธอห้าหมื่นหยวน! ผมเกรงว่าคุณจะไม่มีจ่ายน่ะสิ!”
หลิงหยุนหัวเราะหึหึต่อหน้าถังเทียนห่าวซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนาย และนี่เรียกว่าเป็นการไถเงินแบบใช้เงินเพื่อรักษาหน้า!
แม้แต่ถังเทียนห่าวเองยังถึงกับใจเต้นแรง เขาได้แต่คิดในใจว่าที่ถังเมิ่งเล่าให้เขาฟังนั้นไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว สมแล้วที่เป็นหลิงหยุน!
แม้ว่าวิธีการหาเงินของหลิงหยุนนั้นจะสามารถหาได้รวดเร็ว แต่ก็เป็นวิธีที่น่าอาย!
แม้จางเติงเกอจะรู้ดีว่าตกหลุมพรางของหลิงหยุนเข้าแล้ว แต่ก็จำต้องกล้ำกลืน และพูดออกไปว่า
“ไม่ต้องห่วง.. ผมรับผิดชอบได้..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. ดูท่าชายร่างอ้วนใหญ่นี้ยังมีเลือดให้เขารีดอีกมาก จากนั้นสายตาและรอยยิ้มของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อคิดว่าในที่สุดปลาก็กินเหยื่อ เขาจึงพูดต่อว่า..
“ความจริงแล้วหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จผมก็ต้องรีบไปคุยธุรกิจมูลค่าหนึ่งล้านหยวนต่อ แต่เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ล่าช้า ผมจึงต้องชวดธุรกิจมูลค่าหนึ่งล้านนี้ไป ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?”
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับแสร้งถอนใจด้วยความเสียใจ เขาพูดราวกับว่าเรื่องธุรกิจมูลค่าหนึ่งล้านนั้นคือเรื่องจริง!
จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้มังกรคำรามพูดกับจางเติงเกอว่า “ตอบผมมาสิว่าความสูญเสียครั้งนี้ คุณจะรับผิดชอบอย่างไร?”
จางเติงเกอถึงกับหน้าซีด และพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดว่าเขาต้องสูญเสียเงินล้านจากพลาดคุยธุรกิจ
จางเติงเกอได้แต่คิดในใจว่า.. เขาไม่ควรต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้! แต่ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าถังเทียนห่าว และหลิวจินไล๋ อีกทั้งเขาเองก็เคยได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนก่อนหน้านี้มาแล้ว จึงได้แต่พูดออกไปว่า
“เอ่อ.. เรื่องค่าเสียหาย.. ผมจะชดเชยให้..”
“เยี่ยม! ผมต้องรีบไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีธุรกิจอื่นๆเสียหายตามมาอีก..”
ตีเหล็กต้องตีเวลาที่ยังร้อน.. เมื่อได้ยินว่าจางเติงเกอจะยอมจ่าย หลิงหยุนจึงรีบตอบรับทันที
และหากจางเติงเกอจะตุกติกไม่จ่าย.. หลิงหยุนก็ไม่รีรอที่จะเพิ่มจำนวนเงิน และให้ตี้เสี่ยวอู๋พาคนของแก๊งมังกรเขียวไปตามเก็บเงินทีหลังอย่างแน่นอน
ทุกคนที่อยู่นอกห้อง รวมทั้งเสี่ยวเม่ยหนิง เหมี่ยวเสี่ยวเหมา ถังเทียนห่าว หลิวจินไล๋ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต่างก็พากันยืนตาโตอ้าปากค้างด้วยความงุนงง และตกใจตั้งแต่ที่หลิงหยุนพูดว่าจะให้ทิปพนักงานเสริฟห้าหมื่นหยวนแล้ว
‘เด็กคนนี้นี่ช่าง..’ ถังเทียนห่าวได้แต่ตกตะลึง และนึกสงสารจางเติงเกอขึ้นมาทันที
ถังเทียนห่าวรู้ว่าจางเติงเกอนั้นเพิ่งจะเข้ารับราชการได้เพียงสองปี แต่ตอนนี้กำลังจะสูญเสียเงินล้าน หลิงหยุนรีดเลือดของเขาจนแทบหมดตัว!
‘พบกับหายนะแล้วสินะ..!’
หลิวจินไล๋ และหัวหน้าจ้าวได้แต่ยืนมองหลิงหยุนขูดรีดเงินล้านจากจางเติงเกออยู่เงียบๆ ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และต่างก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ทั้งสองคนต่างก็หันไปมองถังเทียนห่าวด้วยแววตาซาบซึ้งใจ หากไม่ใช่เพราะถังเทียนห่าววิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และห้ามพวกเขาไว้ได้ทันเวลาแล้วล่ะก็ ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่คงจะไม่ต่างจากจางเติงเกออย่างแน่นอน
มีเพียงเหมี่ยวเสี่ยวเหมา เสี่ยวเม่ยหนิง และถังเทียนห่าวเท่านั้นที่รู้ว่า ที่หลิงหยุนตั้งใจจะให้ทิปจำนวนมากนั้น เพราะเขามั่นใจว่าต่อให้เป็นใครก็ตาม เขาก็สามารถรีดเงินออกมาจนได้อยู่ดี
จางเติงเกอจัดการโทรไปโอนเงินให้กับหลิงหยุน และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาก็มีข้อความส่งเข้าไปที่โทรศัพท์มือถือของหลิงหยุนแจ้งว่ามีเงินโอนเข้าไปในบัญชีของเขาหนึ่งล้านหยวน
พนักงานเสริฟสาวสวยกำเงินสีแดงสามปึกจำนวนห้าหมื่นไว้ในมือพร้อมกับแอบคิดว่าช่างเป็นโชคดีของเธอเหลือเกิน!
“เจ้าหมูอ้วน.. วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันจะไว้ชีวิตแก!”
เงินหนึ่งล้านหยวน ซื้อชีวิตจางเติงเกอ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว!
หลังจากได้รับเงินและพูดกับจางเติงเกอด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้ว หลิงหยุนก็เตรียมตัวพาสาวสวยทั้งสองคนเดินออกไปอย่างมีอารมณ์ดี