Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 499
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 499 : แม่มดและเวทย์มนต์!
“ฝีมือของเจ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน!”
หลิงหยุนวิ่งตามรถแลนด์โรเวอร์ไป พร้อมกับจ้องมองผ้ายาวโปร่งแสงสีดำที่พุ่งเข้าใส่ร่างของตนเอง
หญิงสาวลึกลับผู้นี้มีพลังชี่ที่ทรงพลังยิ่งนัก!
ผ้าบางเบาสีดำนี้มีความยาวหลายสิบเมตร หากเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถจับเพียงแค่ปลายผ้าแล้วควบคุมการเคลื่อนไหวของผ้าที่ยาวเช่นนี้ได้แน่ และผ้าก็คงต้องตกลงสู่พื้นดินไปนานแล้วเช่นกัน!
เพราะผ้าผืนยาวนี้เป็นเพียงแค่ผ้าซาตินโปร่งใส และมีน้ำหนักที่บางเบามาก!
หญิงสาวปริศนาผู้นี้มีผิวที่ขาวนวลผุดผ่อง และผ้าสีดำนั้นก็เคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต มันหมุนวนไปมาราวกับมังกรสีดำที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า และรอบๆแขนที่เรียวงามของนางก็มีไอสีฟ้าปรากฏอยู่รอบๆ
หลิงหยุนรู้ดีว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้ได้ถ่ายเทพลังชี่ของตนเองผ่านนิ้วชี้ลงไปบนผ้าสีดำยาวหลายสิบเมตรนี้ มันจึงสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต และดูเหมือนว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้คงจะเข้าสู่ขั้นที่หลิงหยุนเองก็ไม่อาจคาดเดาได้!
ระหว่างที่หลิงหยุนพูดนั้น.. ผ้าดำผืนยาวก็พุ่งมาถึงหน้าของหลิงหยุนพอดี และเขาเองก็ไม่อาจอยู่เฉยได้อีก จึงยกมือขึ้นหมายซัดฝ่ามือเข้าไปยังผ้าผืนดำยาวนั้นทันที
จากที่หลิงหยุนประเมินด้วยสายตานั้น หญิงสาวลึกลับผู้นี้สามารถควบคุมผ้าดำผืนยาวได้อย่างคล่องแคล่ว เขาจึงไม่กล้าที่จะประมาท และได้โคจรดาราคุ้มกายขั้นสุด (1) เมื่อฝ่ามือของหลิงหยุนปะทะเข้ากับผ้าดำนั้น ก็ไม่ต่างจากจากปะทะเข้ากับใบมีดที่คมกริบจนสามารถตัดอาวุธให้ขาดได้ หลิงหยุนจึงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
แต่มันไม่ง่ายอย่างที่หลิงหยุนคาดคิด เพราะหลังจากซัดฝ่ามือออกไปแล้ว กลับเกิดสิ่งที่เขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน!
เพราะทันทีที่หลิงหยุนซัดฝ่ามือเข้าใส่ผ้าผืนนั้น ฝ่ามือของเขาก็จมลงไปในผ้าซาตินสีดำที่อ่อนนุ่มบางเบาไม่ต่างจากสายลม และไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้แม้แต่น้อย
“ไม่เลว..!”
หลิงหยุนอุทานออกมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจกลับนึกหวาดหวั่นว่าวรยุทธ์ที่อ่อนนุ่มดังสายน้ำนั้นช่างน่ากลัวมากเลยทีเดียว!
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงร้องของไป๋เซียนเอ๋อ เขาใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดู จึงได้เห็นว่าไป๋เซียนเอ๋อกระโดดออกมาจากรถ และเงาสีแดงก็พุ่งขึ้นไปยืนโดดเด่นอยู่บนหลังคารถแลนด์โรเวอร์!
รถแลนด์โรเวอร์วิ่งไปด้วยความเร็วสูง แต่ร่างของไป๋เซียนเอ๋อกลับยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่บนหลังคารถ มีเพียงเสียงชุดกระโปรงสีแดงเท่านั้นที่โบกสะบัดกับลมที่พัดเข้ามาจนเกิดเสียงดังพรึบพรับ และร่างสีแดงนั้นก็ไม่ต่างจากนางฟ้าสวมชุดแดงในเทพนิยาย!
ไป๋เซียนเอ๋อยืนหันหลังไปทางด้านหน้ารถ แล้วจัดการซัดฝ่ามือออกไปด้านหน้า และเปลวไฟสีแดงสองลูกก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือทั้งสองข้างของนาง!
วิชาจิ้งจอกระเริงไฟ!
ไป๋เซียนเอ๋อร้องตะโกนออกมาเสียงดัง และผ้าสีดำที่พุ่งเข้าใส่รถแลด์โรเวอร์ ก็ถูกนางซัดลูกไฟทั้งสองลูกเข้าใส่ทันที!
หลิงหยุนนั้นตกใจสุดขีด.. เพราะระหว่างที่หญิงสาวลึกลับผู้นี้ใช้ผ้าดำผืนหนึ่งเข้าโจมตีหลิงหยุน แต่ก็สามารถใช้อีกผืนบนแขนอีกข้างโจมตีรถแลนด์โรเวอร์ที่อยู่ห่างไปราวสามสิบเมตรได้ด้วย!
ระหว่างที่โจมตีหลิงหยุนนั้น นางก็ใช้ผ้าดำอีกหนึ่งผืนเพื่อหยุดรถแลนด์โรเวอร์ที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็ว!
นางสามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน!
“น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! แม้แต่ไฟของเซียนเอ๋อยังทำอะไรเจ้าไม่ได้!”
“โอ้.. แค่ได้เห็นฝีมือของสาวงามเช่นเจ้า ข้าก็อดตะลึงไม่ได้จริงๆ..”
หญิงสาวลึกลับผู้มีรอยยิ้มดึงดูดนี้ สะบัดมือขวาของนางอีกครั้ง และผ้าสีดำของนางก็พุ่งใส่ลูกไฟทั้งสองลูกของไป๋เซียนเอ๋อ และเพียงแค่ปลายผ้าตวัด ลูกไฟทั้งสองลูกก็ดับลงทันที!
ผ้าดำของหญิงสาวลึกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่เปลวไฟ!
นับแต่หญิงสาวลึกลับกระโดดออกมาจากรถ Spyker C8 และพุ่งเข้าโจมตีหลิงหยุนนั้น จนถึงตอนนี้รถ Spyker C8 ยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไร้ผู้ขับขี่!
แต่นับว่าโชคดีที่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรง รถ Spyker C8 จึงไม่ได้ชนเข้ากับอะไรเข้าในเวลาช่วงสั้นๆนี้ อีกทั้งหญิงลึกลับก็ได้ดับเครื่องไปแล้ว รถจึงแล่นไปด้วยแรงเฉื่อยเท่านั้น
ตี้เสี่ยวอู๋ยังคงเร่งเครื่องต่อไปโดยไม่ลดระดับความเร็วลงแม้แต่น้อย รถแลนด์โรเวอร์เคลื่อนไปข้างหน้า และหลิงหยุนก็ยังคงวิ่งตามไปเช่นกัน ร่างของหญิงสาวลึกลับนั้นคล้ายกับมีควันอยู่รอบตัวตลอดเวลา และแม้ว่านางจะดูเหมือนไม่ได้ขยับร่างกาย แต่ร่างของนางกลับเคลื่อนตามรถแลนด์โรเวอร์ไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ นับว่านางเป็นผู้ที่มีพลังอย่างน่าประหลาด!
“แย่แล้ว.. มันไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิด!”
หลิงหยุรเริ่มรู้สึกว่าครั้งนี้เขากำลังผชิญหน้าอยู่กับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจมาก เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าไฟที่พลังมากกว่ายันต์ระดับสองของเขา จะไม่สามารถเผาทำลายผ้าดำผืนนั้นได้
“หลิงหยุน.. ข้าไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่านักฆ่ากี่คนที่ส่งมาสังหารเจ้า กลับถูกเจ้าฆ่าตายจนหมด ในเมื่อเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้!”
แม้หญิงสาวลึกลับนางนี้กำลังตามสังหารหลิงหยุน แต่น้ำเสียงของนางกลับไพเราะน่าฟัง และอ่อนหวานราวกับเสียงคนรักที่กำลังกระซิบบอกรักข้างหู
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจอย่างเคร่งเครียด กำลังภายในของหญิงสาวลึกลับไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย เพราะถึงแม้จะวิ่งมาไกลเป็นร้อยเมตรแล้ว แต่นางยังคงไม่มีท่าทางเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย
“งั้นลองนี่!”
กระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือของหลิงหยุนแล้ว เขาไม่ลังเลที่จะใช้วิชากระบี่พายุ และเขามั่นใจว่าเพียงแค่สามดาบ ผ้าสีดำของหญิงสาวก็จะต้องถูกตัดขาดกระจุยอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนมองดูผ้าในมือของหญิงสาวลึกลับที่กำลังจู่โจมรถแลนด์โรเวอร์ แน่นอนว่าไม่มีปัญหากับไป๋เซียนเอ๋อแน่ แต่ในรถคันนั้นมีทั้งน้องชาย และผู้หญิงของเขาอยู่ด้วย หลิงหยุนจึงไม่อาจเพิกเฉยได้!
หลิงหยุนไม่เชื่อว่ากระบี่โลหิตแดนใต้จะไม่สามารถตัดผ้าบางเบานี้ขาดได้!
แต่ภาพที่เห็นทำให้หลิงหยุนรู้ตัวว่าเขาคิดผิดไปมาก!
เพราะทันทีที่กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้ากับผ้าสีดำถึงสามครั้ง แต่ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่โลหิตแดนใต้ทีเคยแข็งแกร่งกลับไม่สามารถตัดผ้าดำที่บางเบานี้ขาดได้!
‘แย่แล้ว! หญิงลึกลับผู้นี้เป็นใครกัน?!’
ครั้งนี้หลิงหยุนถึงกับหน้าเสีย พร้อมกับคิดในใจว่ามือสังหารขององค์กรนักฆ่าผู้นี้แข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว!
ก่อนหน้านี้.. หากมีกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวอยู่ในมือ ไม่ว่าศัตรูคนใดก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของหลิงหยุน และหลิงหยุนก็สามารถใช้กระบี่สองเล่มนี้ตัดทุกสิ่งทุกอย่างได้หมด จนทำให้เขานึกดูถูกจอมยุทธ์ชาวจีนเสียด้วยซ้ำไป แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนพบว่ากระบี่ของเขาทำอะไรผ้าบางๆไม่ได้
‘ไม่น่าเชื่อ.. เป็นไปไม่ได้!’
ผ้าดำของหญิงสาวผู้นี้ไม่เพียงไม่เกรงกลัวไฟ แต่ยังไม่เกรงกลัวกระบี่โลหิตแดนใต้อีกด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้น.. สามดาบที่หลิงหยุนฟันลงไปบนผ้าผืนนั้น เขารู้สึกราวกับว่ากระบี่ของเขาตัดลงบนพลังชี่ที่มีกำลังรุนแรงอย่างน่าประหลาด แต่ก็นุ่มนวลว่างเปล่าจนทำให้เขาแทบล้มคะมำไปด้านหน้า!
‘นี่มันไม่ใช่วรยุทธ์ แต่มันคือเวทย์มนต์!’ หลิงหยุนถึงกับตกใจสุดขีด
“นั่น.. นั่น..”
ทันทีที่หญิงสาวลึกลับเห็นหลิงหยุนดึงกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา นางก็พุ่งเข้าไปใกล้หลิงหยุนทันที และในระยะที่ห่างกันเพียงแค่ห้าเมตร นางจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใตในมือหลิงหยุนอย่างพินิจพิจารณา
หญิงลึกลับวนอยู่รอบๆตัวหลิงหยุนในรัศมีห้าเมตรเพื่อสังเกตุกระบี่โลหิตแดนใต้ ส่วนหลิงหยุนก็ใช้เนตรหยินหยางเพื่อมองทะลุผ้าสีดำที่นางใช้ปิดบังใบหน้าไว้เช่นกัน..
และนับว่าโชคร้ายที่หลิงหยุนต้องล้มเหลวอีกครั้ง! เขาเพิ่งจะผ่านบททดสอบจากสวรรค์บนเกาะเตียวหยูมา และกำลังภายในของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า เขาสามารถสังหารยอดฝีมือได้พร้อมๆกันถึงสี่คน นี่ยังไม่แข็งแกร่งพอสำหรับหลิงหยุนเช่นนั้นหรือ?
แม้แต่เนตรหยินหยางก็ใช้การไม่ได้.. หลิงหยุนจึงเลือกใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองแทน เขาใช้จิตหยั่งรู้ขั้นสูงสุดเพื่อสำรวจหญิงสาวลึกลับผู้นี้
แต่หลิงหยุนก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง.. กำลังภายในของหญิงสาวลึกลับผู้นี้ไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังแปลกประหลาดอีกด้วย เมื่อนางเดินลมปราณ พลังชี่ในตัวนางจะกระจายออกมาคลุมร่างของนางไว้ในระยะสองเมตร เรียกได้ว่ารอบกายนางนั้นจะมีพลังชี่หมุนวนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนจึงไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้!
“สวรรค์.. นี่มันอะไรกัน ช่างประหลาดนัก!”
หลิงหยุนได้แต่นึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ เขาจึงรีบส่งกระแสจิตให้ไป๋เซียนเอ๋อทันที “เซียนเอ๋อ.. หญิงสาวนางนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ข้าจะหยุดนางไว้เอง ส่วนเจ้าไปกับตี้เสี่ยวอู๋ ไม่ต้องอยู่ช่วยข้า!”
หลิงหยุนเพิ่งจะส่งกระแสจิตบอกไป๋เซียนเอ๋อ ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวลึกลับพูดกับเขาว่า
“กระบี่โลหิตแดนใต! ที่แท้ก็เป็นกระบี่มารจริงๆด้วย.. เป็นไปอย่างไร? ตอบข้ามา.. เหตุใดกระบี่นั่นจึงไปอยู่ในมือของเขาได้?”
“เจ้าเด็กวายร้าย.. เจ้าได้กระบี่สีดำนั่นมาจากใหน บอกข้ามา.. แล้วก็ทิ้งกระบี่นั่นไว้ที่นี่ และอาหญิงจะไว้ชีวิตของเจ้า!”
หลิงหยุนกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า และพุ่งเข้าหาร่างของหญิงสาวลึกลับทันทีพร้อมกับร้องตอบไปว่า
“ฝันไปเถอะ! หากเจ้ามีปัญญาก็มาแย่งไปจากมือข้าเองสิ!”
เวทย์มนต์ของหญิงลึกลับผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก พลังชี่ก็แปลกประหลาด วิชาตัวเบาก็ค่อนข้างสูงส่ง อีกทั้งผ้าดำทั้งสองผืนของนางนั้น ทั้งไฟทั้งกระบี่โลหิตแดนใต้กลับไม่สามารถทำอะไรได้ และดูเหมือนว่าตั้งแต่หลิงหยุนมาถึงโลกมนุษย์ เขาก็เพิ่งจะได้พบยอดฝีมือที่แท้จริงก็วันนี้เอง!
แต่ถึงกระนั้น.. หลิงหยุนก็ไม่เชื่อว่าหญิงลึกลับผู้นี้จะสามารถเอาชนะเขาได้!
เขาจึงต้องการปะทะกับนางในระยะใกล้!
หลิงหยุนเหาะเข้าไปพร้อมกับกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือด้วยท่าทางยะโสโอหัง และไม่เกรงกลัว อีกทั้งยังฟันกระบี่ในมือใส่หญิงสาวลึกลับอย่างต่อเนื่อง!
เงาสองเงากำลังปะทะกันอยู่บนอากาศ – หลิงหยุนกวัดแกว่งกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือเข้าใส่ผ้าผืนดำ แต่ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถทำอะไรพลังชี่ที่แปลกประหลาดบนผ้าผืนดำนั้นได้เลยแม้แต่น้อย!
ปัง!
หลังจากสู้กันอยู่นาน ทั้งคู่ต่างก็ซวนเซออกจากกัน!
—————————–
(1) จากนี้ไปจะใช้คำว่า ‘วิชาดาราคุ้มกาย’ แทนคำว่า ‘วิชาดารกะดายัน’ เพราะฟังแล้วจะเข้าใจง่ายกว่า