Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 397
บทที่ 397 : รักที่ไม่อาจลืม!
“อย่าบอกนะว่ามันกลัวจนต้องหนีความผิด!?”
ทันทีที่ได้ยินว่าหลิงหยุนหายตัวไป เฉิงเทียนก็กระเด้งขึ้นจากโซฟาทันที พร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
เฉิงเม่ยเฟิงนึกหยันพ่อของเธออยู่ในใจ แต่ก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง “หนีเพราะกลัวความผิดงั้นเหรอคะ? คนอย่างหลิงหยุนไม่เคยกลัวอะไร!”
เฉิงเม่ยเฟิงมั่นใจในในความแข็งแกร่งของคนรักมากพอๆกับที่จะเชื่อว่าพระอาทิตย์จะตกทางตะวันออกได้!
“แล้วถ้างั้นมันหายหัวไปใหนล่ะ? มันสร้างความหายนะไว้มากมายแล้วก็หนีไป ตอนนี้พวกเราจะทำยังไง?”
เฉิงเทียนทั้งกระวนกระวายใจ และโกรธหลิงหยุนอย่างมาก เขาเดินไปเดินวนไปวนมาราวกับสุนัขติดจั่น
เฉิงเม่ยเฟิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “พ่อจะกังวลไปทำไม? ถึงหลิงหยุนจะหายตัวไป แต่หนูก็กลับมาแล้วนี่ไง พ่อสบายใจได้ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะหนู หนูก็จะเป็นคนจัดการทุกอย่างแทนพ่อเอง!”
“หลิงหยุนหายตัวไปงั้นเหรอ? แล้วหายไปใหน?”
ทันทีที่ได้ยินว่าหลิงหยุนหายตัวไป เฉิงเมี่ยนก็ได้แต่ร้อนใจ เธอพูดออกมาอย่างไม่อายว่า มิน่าตอนอยู่ที่โรงเรียนเธอได้ไปเดินวนเวียนอยู่แถวระเบียงหน้าห้องเรียนของหลิงหยุน แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเขา
เฉิงเม่ยเฟิงได้ฟังก็ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับหมดเรี่ยวแรงที่จะทะเลาะกับน้องสาวของเธออีก
ตอนนี้เธอกับน้องสาวตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกัน แม้แต่ตัวเฉิงเม่ยเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง? จึงได้แต่รอให้หลิงหยุนกลับมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
เธอกับหลิงหยุนผ่านช่วงความตายมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจึงแน่นแฟ้นเกินกว่าคู่รักธรรมดา เธอไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่าน้องสาวของเธอจะสามารถแย่งหลิงหยุนไปจากเธอได้ หากจะกังวล ก็น่าจะเป็นสาวสวยอย่างเสี่ยวเม่ยหนิง หรือเกาเฉินเฉินมากกว่า
แต่เฉิงเม่ยเฟิงเองก็รู้ดีว่า รอบตัวหลิงหยุนนั้นมีสาวงามมากมาย ในคืนที่หลิงหยุนปะทะกับยอดฝีมือของตระกูลซันนั้น หญิงสาวทุกคนไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวเม่ยหนิง เสี่ยวเม่ยเม่ย หรือเกาเฉินเฉิน แต่ละคนก็ล้วนยอมตายเพื่อเขาได้
ใหนจะยังมีหญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่ที่ใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าไว้ ก็ยังมาช่วยหลิงหยุนต่อสู้ในคืนนั้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่อีกหน่อยจะกลายร่างเป็นคนอีก!
นอกเหนือจากหญิงสาวในคืนนั้น ก็ยังมีหลินเมิ่งหานที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวยกว่าใครๆ ตำรวจสาวแสนสวยที่เคยแก้ผ้าต่อหน้าหลิงหยุน
ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เธอได้พูดคุยสนทนากับเสี่ยวเม่ยหนิงและเกาเฉินเฉิน ทำให้เฉิงเม่ยเฟิงรู้ว่า ยังมีหญิงสาวที่สวยมากอีกคน และเป็นคนที่มอบรถมาเซราติให้กับหลิงหยุนนั่นเอง!
แต่ต่อให้หญิงสาวเหล่านั้นจะสวยงามเลิศเลอเพียงใด ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งอย่างราบคาบ!
เธอคนนั้นก็คือ.. หนิงหลิงยู่!
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงด้วยกันจะอ่านกันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด!
เฉิงเม่ยเฟิงด้อยู่ร่วมกับหนิงหลิงยู่เพียงแค่สองวัน เธอก็พอจะอ่านความรู้สึกของหนิงหลิงยู่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่หลิงหยุนหายตัวไปนั้น หนิงหลิงยู่ถึงกับไม่ใส่ใจเธออีกเลย..
นั่นไม่ใช่ลักษณะท่าทางของน้องสาวที่ควรมีต่อพี่ชาย เพราะหนิงหลิงยู่นั้นทั้งกระวนกระวายและตื่นตระหนกอย่างมาก ยิ่งกว่าเฉิงเม่ยเฟิงกับเสี่ยวเม่ยเม่ยด้วยซ้ำไป!
เฉิงเม่ยเฟิงจึงเริ่มเข้าใจสีหน้าท่าทางของหนิงหลิงยู่ที่แสดงออกมาในวันที่เธอแนะนำตัวว่าเป็นแฟนของหลิงหยุนได้ทันที
เฉิงเม่ยเฟิงกับเสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็เคยแอบคุยกันเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามหนิงหลิงยู่
เรื่องแบบนี้ถึงแม้จะรู้ แต่เมื่อหนิงหลิงยู่ไม่พูด ก็ไม่มีใครกล้าถาม เพราะถึงแม้หนิงหลิงยู่กับหลิงหยุนจะไม่มีสายเลือดเดียวกัน แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน..
แม้ว่าหนิงหลิงยู่จะหลงรักหลิงหยุน แต่จากการวิเคราะห์และสังเกตุการณ์ของเฉิงเม่ยเฟิง เธอสัมผัสได้ว่าหลิงหยุนนั้นรู้สึกกับหนิงหลิงยู่ในฐานะพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกใดที่มากไปกว่านี้เลย
หลิงหยุนรักและห่วงใยหนิงหลิงยู่มากกว่าหญิงสาวคนอื่นๆอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เฉิงเม่ยเฟิงก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า ความรู้สึกของหลิงหยุนนั้นก็ไม่ได้เกินเลยไปกว่าความรู้สึกของพี่ชายที่มีต่อน้องสาวเท่านั้น ไม่ใช่ความรู้สึกของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวเช่นเดียวกับที่เขามีให้เธอ
รอบกายของเฉิงเม่ยเฟิงล้อมรอบไปด้วย ‘ศัตรูหัวใจ’ ที่ยากจะเอาชนะได้ อีกทั้งทุกคนต่างก็ยินยอมพร้อมใจที่จะตายเพื่อหลิงหยุน เพียงแค่นั้นเธอเองก็ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรแล้ว? แต่กลับคิดไม่ถึงว่าน้องสาวของเธอเอง ก็ยังตกหลุมรักหลิงหยุนด้วยเช่นกัน!
“ไม่ต้องเป็นห่วงหลิงหยุนหรอก! ด้วยความสามารถของเขา เขาจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยในอีกไม่ช้า!”
ถึงอย่างไรเฉิงเมี่ยนก็เป็นน้องสาวแท้ๆของเธอ เฉิงเม่ยเฟิงจึงไม่สามารถทนเห็นน้องสาวของตนเองตื่นตระหนกตกใจได้ จึงได้แต่บอกให้เธอคลายความกังวล
สำหรับเฉิงเม่ยเฟิงนั้น เธอเพิ่งจะจากครอบครัวไปเพียงแค่สี่วัน แต่สำหรับเฉิงเทียน และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่าไม่ได้พบหน้าเฉิงเม่ยเฟิงมานานกว่าสิบวันแล้ว นั่นเพราะความทรงจำในคืนนั้นของพวกเขาถูกลบทิ้งไป
หลังจากนั้น จ้าวฝัวหมี่ก็เริ่มถามถึงความเป็นอยู่ของเฉิยเม่ยเฟิงในช่วงที่หายตัวไป และเมื่อได้ฟังลูกสาวคนโตเล่าว่าได้พบเจออะไรมาบ้างนั้น เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ
ในคืนนั้น ซันเทียนเปียวเองก็เริ่มใช้อำนาจอิทธิพลของตระกูลซัน สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนมากมายในเมืองจิงฉูผ่านหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคง – หลัวจ้ง เพื่อกดดันให้หลิงหยุนเผยตัวออกมา..
หลังจากที่ซันเทียนเปียวทำการสืบหาความจริงอย่างหนักถึงสามวัน ก็ค้นพบเบาะแสบางอย่าง แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่จะสามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันได้
พลังจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นช่างทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ! เพราะสามารถลบความทรงจำของทุกคนที่อยู่ใหนเหตุการณ์ออกจนหมด และไม่เหลือหลักฐานใดให้ตามสืบได้ อีกทั้งคนของตระกูลซันก็ล้วนถูกฆ่าตายจนหมด และศพก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านด้วยยันต์อัคนีระดับแปด
เรียกได้ว่า ต่อให้หลิงหยุนยังอยู่ในเมืองจิงฉูตอนนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าซันเทียนเปียวจะสืบพบหลักฐานอะไรได้ เว้นแต่ว่าซันเทียนเปียวจะพุ่งเป้ามาที่เขาโดยไม่สนใจหลักฐานใดๆ
หลิงหยุนหายตัวไปตั้งแต่วันจันทร์ จนกระทั่งวันศุกร์ก็ยังไม่กลับมา! นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเฉิงเม่ยเฟิง ความหวาดกลัวว่าหลิงหยุนจะได้รับอันตรายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งเธอเองก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้ เธอทำได้เพียงแค่รอหลิงหยุนตามลำพัง ได้แต่อดทนรอด้วยความหวาดกลัวอยู่เงียบๆ จนกลายเป็นชินชาในที่สุด..
เฉิงเม่ยเฟิงไม่ได้กลัวตาย ไม่ได้หวาดกลัวการข่มขู่จากตระกูลซัน แต่เธอทนสูญเสียหลิงหยุนไปไม่ได้ เมื่อหลิงหยุนหายไป จิตใจของเธอก็ตายไปด้วยเช่นกัน
ในคืนนั้น หลังจากที่ซันเทียนเปียวอดทนกับเฉิงเม่ยเฟิงจนถึงที่สุดแล้ว เขาก็ให้ทางเลือกกับเธอเพียงสองทางเท่านั้น.. นั่นก็คือเลือกที่จะพูดความจริง หรือเลือกที่จะให้คนของตระกูลเฉิงทั้งสี่คนหัวหลุดจากบ่า!
เฉิงเม่ยเฟิงไม่มีทางยอมพูดออกไปอย่างแน่นอนว่า – หลิงหยุนเป็นคนสังหารยอดฝีมืของตระกูลซันทั้งหมด และลูกเมียของซันเทียนเปียวด้วย แต่เธอก็ไม่สามารถทนเห็นพ่อแม่และน้องสาวถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาได้เช่นกัน ไม่ว่าทางใดเธอก็ไม่อาจเลือกได้ เธอจึงได้แต่ทนทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส!
แต่ระหว่างนั้น.. จู่ๆ ทั่งทั้งเมืองจิงฉูและมณฑลเจียงหนาน ก็สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งปฐพี!
นั่นเป็นเพราะในตอนนั้นหลิงหยุนที่อยู่ภายในก้นหลุมยักษ์ ได้ใช้พลังลับหยินหยางเปิดแผนผังแปดทิศ จนเกิดเป็นจักรวาลขนาดใหญ่ขึ้นต่อหน้าเขา..
และจุดที่เป็นสาเหตุของแรงสั่นสะเทือนนั้น ก็อยู่ตรงตำแหน่งเขามังกร!
แรงสั่นสะเทือนในครั้งนั้น เรียกได้ว่าสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีเลยก็ว่าได้ ซันเทียนเปียวสัมผัสได้ว่าแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงนี้ น่าจะเกิดขึ้นเพราะสมุดจักรพรรดิเป็นเหตุ เขาจึงรีบหยุดบีบบังคับเฉิงเม่ยเฟิง และนำสามยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนพร้อมด้วยยอดฝีมือคนอื่นๆอีกราวสามสิบกว่าคน มุ่งหน้าไปยังเขามังกรทันที!
ในเวลานั้นน้ำที่ใต้พื้นดินได้ท่วมสูงขึ้นเป็นร้อยเมตรจาก้นหลุม และท่วมบริเวณนั้นทันที!
และนั่นเกิดจากการที่ค่ายกลพลังลับหยินหยางได้ถูกทำลายลงแล้ว!
เมื่อซันเทียนเปียวและยอดฝีมือต่างๆไปถึง และกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น เขาก็ได้รับข้อความส่งมาบอกว่า – สมุดจักรพรรดิได้ถือกำเนิดแล้ว และได้พบกับจักรพรรดิแล้ว!
หลังจากที่ซันเทียนเปียวได้ทราบข่าว เขาก็กระวนกระวายใจอย่างหนัก แต่โชคร้ายที่น้ำในหลุมยักษ์ท่วม ไม่มีใครหนีออกมาได้ และก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีกเช่นกัน
ซันเทียนเปียวได้นำยอดฝีมือทั้งหมดสำรวจรอบเขามังกร และเขาหยกด้านใต้ตลอดทั้งคืน และพร้อมที่จะสังหารทุกคนที่ขึ้นมาจากหลุมยักษ์ ส่วนหลิงหยุนในเวลานั้นได้ไปอยู่ที่ป่าเสินหนงเจี๋ยซึ่งอยู่ห่างจากที่นั่นเป็นพันไมล์
ซันเทียนเปียวมาถึงเมืองจิงฉูหลายวันแล้ว แต่กลับไม่พบอะไรแม้แต่น้อย ทำให้เขารู้สึกโกรธและหงุดหงิดอย่างมาก!
เขานึกอยากจะระบายอารมณ์โกรธด้วยการฆ่าใครสักคนอยู่ในใจ! และคนที่อยู่ใกล้มือเขาที่สุดก็คงไม่พ้นคนของตระกูลเฉิง!
แต่เมื่อซันเทียนเปียวจะเริ่มทำการบีบบังคับเฉิงเม่ยเฟิงอีกครั้ง เขากลับนึกไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือคนหนึ่งที่ลุกขึ้นช่วยเหลือปกป้องเธอ ซึ่งก็คือแม่ชีมี่ยื่อนั่นเอง..
แม่ชีมี่ยื่อประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ตระกูลเฉิงเป็นผู้บริสุทธิ์ และเฉิงเม่ยเฟิงเองก็ประสงค์ที่จะมาเป็นศิษย์ของสำนักจิ้งซิน!
แม่ชีมี่ยื่อมีใจชื่นชอบเฉิงเม่ยเฟิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เท่าที่นางเฝ้าสังเกตุมาตลอดนั้นกลับพบว่า เฉิงเม่ยเฟิงมีใจรักใคร่หลิงหยุนอย่างสุดซึ้ง คงไม่มีทางที่เฉิงเม่ยเฟงจะยอมรับปากมาเป็นศิษย์ของสำนักจิ้งซินอย่างแน่นอน นางจึงได้แต่รอคอยโอกาสที่เหมาะสม
และเมื่อถึงเวลาที่ซันเทียนเปียวบีบบังคับให้เฉิงเม่ยเฟิงต้องเลือก และเธอไม่สามารถเลือกได้นั้น กลับเป็นเวลาที่เหมาะสมที่แม่ชีมี่ยื่อรอคอยอยู่..
ส่วนเฉิงเม่ยเฟิงนั้น เธอกับหลิงหยุนฝ่าฝันความเป็นความตายมาด้วยกัน หากจะต้องให้เธอลืมความรักที่มีต่อหลิงหยุนเพื่อไปเป็นศิษย์ของสำนักจิ้งซิน เธอจะยอมได้อย่างไรกัน?
แต่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างซันเทียนเปียวที่มีทั้งพลังอำนาจ กลับใช้ชีวิตของพ่อแม่และน้องสาวมาบีบบังคับเธอ ส่วนหลิงหยุนก็หายตัวไปถึงห้าวันแล้ว และเธอเองก็ไม่เคยได้ข่าวคราว
ในเวลานี้.. มีเพียงสำนักจิ้งซินที่จะสามารถปกป้องสมาชิกของตระกูลเฉิงได้ เธอไม่มีทางเลือกอื่น และนี่เป็นเพียงหนทางเดียวสำหรับเธอ!
ตอนนี้เฉิงเม่ยเฟิงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน – เฉิงเทียนมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ แม่ชีมี่ยื่อมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ส่วนซันเทียนเปียวมองเธอด้วยแววตาไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้!
ความแข็งแกร่งของสำนักจิ้งซินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลซันจะรับมือไหว! เพราะแม่ชีมี่ยื่อนั้นอยู่ในขั้นเซียงเทียน-2 และจำเป็นอย่างยิ่งที่ซันเทียนเปียวจะต้องไว้หน้า ดังนั้นทั้งซันเทียนเปียวเอง และยอดฝีมือคนอื่นๆจึงได้แต่นิ่งเงียบ
ซันเทียนเปียวไม่เพียงแค่ไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ แต่ยังต้องฝืนยิ้มพร้อมกับแสดงความยินดีกับแม่ชีมี่ยื่อที่ได้ศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจในครั้งนี้ด้วย
แม่ชีมี่ยื่อน้อมรับการแสดงความยินดีจากตัวแทนสำนักต่างๆ พร้อมกับประกาศต่อหน้ายอดฝีมือทุกท่านว่า จากนี้ไปตระกูลเฉิงอยู่ในความคุ้มครองของสำนักจิ้งซิน หากใครกล้ารังควานคนของตระกูลเฉิง ก็เท่ากับเป็นศัตรูของสำนักจิ้งซินด้วย!
พูดจบเธอก็ขอให้ทุกคนออกจากห้องไป!
จากนั้น แม่ชีมี่ยื่อก็ถามเฉิงเม่ยเฟิงต่อหน้าสมาชิกตระกูลเฉิงทั้งสามคนว่า เธอสมัครใจที่ลืมความรัก และไปฝึกตนที่สำนักจิ้งซินใช่หรือไม่?
เฉิงเม่ยเฟิงได้แต่คิดในใจว่า จะให้เธอลืมหลิงหยุน เธอยอมตายเสียดีกว่า! แต่ทว่าตอนนี้เธอเป็นเสาหลักของครอบครัว เธอจึงได้แต่อดทนต่อความเจ็บปวดใจ และพยักหน้าเงียบๆ
เฉิงเม่ยเฟิงได้คิดวางแผนอยู่ในใจว่า เธอไม่มีวันยอมลืมหลิงหยุนแน่ เมื่อใดก็ตามที่หลิงหยุนกลับมา และรู้เรื่องราวของเธอ ต่อให้ต้องข้ามน้ำข้ามทะเล เขาก็ต้องมาพาตัวเธอกลับไปอย่างแน่นอน!
และต่อให้เธอต้องไปอยู่สำนักจิ้งซิน เมื่อมีโอกาสเธอก็จะหนีลงจากเขา แล้วกลับมาอยู่กับหลิงหยุน ถึงตอนนั้นใครก็ห้ามเธอไม่ได้!
“ฉันสมัครใจที่จะลืมความรัก..!”
แม้เฉิงเม่ยเฟิงจะแอบบอกกับตัวเองว่า เธอไม่มีวันที่จะลืมหลิงหยุน แต่เมื่อต้องพูดออกมาจริงๆ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดจนต้องกัดฟันเพื่อกลั้นน้ำตาไว้..
“ดีมาก.. ถ้าเช่นนั้นก็กินโอสถเม็ดนี้ซะ! จากนั้นค่อยเดินทางกลับสำนัก”
แม่ชีมี่ยื่อยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับยื่นยาเม็ดที่ได้เตรียมไว้ให้กับเฉิงเม่ยเฟิง..