บทที่ 328 : น้ำเต้าวิเศษ
หลิงหยุนรู้ว่าตู้กู่โม่กำลังพูดถึงเกาเฉินเฉิน เขาจึงแกล้งแหย่ตู้กู่โม่อย่างอารมณ์ดี “อ่อ.. นายกำลังพูดถึงเกาเฉินเฉินสินะ! ใช่แล้ว.. เธอก็เล่าให้ฉันฟังว่าเห็นคนเอานายมาโยนทิ้งไว้ที่นั่น”
ตู้กู่โม่ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ “ห๊ะ?! ข้านี่นะ.. ถูกจับไปโยนทิ้งไว้ที่นั่น? นี่ข้าหมดสติไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเชียวรึ? แล้วทำไมมันถึงไม่ฆ่าข้าเลยล่ะ? ไม่ได้แล้ว.. หลิงหยุนเจ้าช่วยหาทางให้กำลังภายในของข้าก้าวหน้าเร็วกว่านี้หน่อยสิ?”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันที “นายขอให้ฉันช่วย.. แล้วใครจะช่วยฉัน? แต่จะว่าไปแล้ว คนคนนั้นอาจจะเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่เห็นพรสวรรค์ของนาย เลยอยากจะรับไว้เป็นศิษย์ก็ได้นะ?!”
ตู้กู่โม่ครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นก็ทำท่าทางคล้ายกับว่าคำพูดของหลิงหยุนนั้นมีเหตุผล จึงพยักหน้าและตอบกลับไป
“นั่นสินะ! พรสวรรค์ของข้าก็สูงเข้าขั้นล้ำเลิศซะด้วยสิจึงไม่น่าแปลกใจ ว่าแต่ทำไมยอดฝีมือท่านนั้นต้องแอบช่วยเหลือข้าอย่างลับๆด้วยล่ะ ทำไมถึงไม่ทำอย่างเปิดเผย!?”
ตงฟางถิงถึงกับหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้องตู้กู่ช่างมีโอกาสที่ดีนัก ข้าเองยังรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ ข้าอายุมากกว่าเจ้าตั้งห้าปี แต่เจ้ากลับมีกำลังภายในที่เหนือกว่าข้าซะแล้ว!”
ขณะที่พูดตงฟางถิงก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยิ้มให้หลิงหยุนและตู้กู่โม่ “ครั้งนี้แม้ข้าจะไม่พบสมุดจักรพรรดิ แต่ก็ได้ดื่มน้ำลายมังกรและมีกำลังภายในที่ก้าวหน้าขึ้น เอาล่ะ.. ข้าคงต้องลาน้องชายทั้งสองกลับก่อน!”
ตู้กู่โม่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับถามขึ้นว่า “ทำไมล่ะ.. นี่ท่านจะออกไปตอนนี้เลยงั้นรึ?”
จากนั้นก็ชี้ไปทางบ่อน้ำลายมังกร แล้วพูดต่อว่า “ในบ่อหินนั่นยังมีน้ำลายมังกรอยู่อีกตั้งมากมายนะ!”
ตงฟางถิงตอบยิ้มๆ “สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ย่อมตกเป็นของผู้ชนะ! น้ำลายมังกรนี่น้องหลิงหยุนเป็นผู้พบ เขาจึงควรเป็นผู้ที่มีสิทธิ์จัดสรรแบ่งปัน ข้าได้จัดการตักไปสองขวดแล้ว และมันเพียงพอสำหรับข้าที่จะใช้ไปได้อีกนาน ตอนนี้หมดเวลาของข้าแล้ว!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้าอยู่ในความมืด พร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่าตงฟางถิงเป็นคนที่เปิดเผยและเถรตรงมาก น้ำลายมังกรในบ่อหินตรงหน้ามีอยู่อีกตั้งมากมาย แต่เขากลับไม่มีความโลภ..
หลิงหยุนรีบร้องบอกเสียงดัง “พี่ตงฟาง.. ในน้ำลายมังกรนี้มีพลังชีวิต ไม่ควรเก็บไว้ในขวดน้ำแร่แบบนั้น หากท่านกลับถึงบ้านแล้ว ให้หาภาชนะหยกชั้นดีที่มีฝาปิดใส่แทน”
ตงฟางถิงยิ้มพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ และพูดกับหลิงหยุนว่า “น้องหลิงหยุน.. กระบี่สีดำในมือของเจ้านั้น ข้ายืนยันได้ว่ามันเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้อย่างแน่นอน หากเจ้านำออกไปใช้ในโลกภายนอก ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องพบเจอกับปัญหามากมาย และหากคนของนิกายมารรู้เรื่องนี้เข้า พวกมันจะต้องมาช่วงชิงไปจากเจ้าแน่ เจ้าต้องระมัดระวังในการใช้ให้มาก..”
หลิงหยุนรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจ เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ขอบคุณสำหรับคำเตือนของท่าน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเทพหรือฝ่ายมาร ใครที่กล้ามาแตะต้องของของข้า ข้าจะทำให้มันกินไม่ได้เดินไม่ได้อย่างแน่นอน!”
เมื่อเห็นท่าทางที่ก้าวร้าวโอ้อวดของหลิงหยุน ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็ได้แต่เอาใจช่วยอยู่เงียบๆ!
ตงฟางถิงพยักหน้าพร้อมกับพูดต่อว่า “ในเมื่อน้องหลิงหยุนมั่นใจถึงเพียงนี้ ข้าก็จะไม่พูดอะไรมากมายแล้วล่ะ ข้าลงมาก้นหลุมนานแล้ว ได้เวลาต้องกลับซะที! นี่ข้าก็ได้น้ำลายมังกรกลับไปแล้ว กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ ข้าก็จะได้เร่งฝึกฝนให้เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนซะที!”
ตงฟางถิงรู้ดีว่าหลิงหยุนกับตู้กู่โม่คงจะไม่ออกไปพร้อมกับเขาอย่างแน่นอน เขาจึงร่ำลาทั้งคู่โดยไม่เสียเวลาพูดชักชวนให้ไร้สาระ
ทั้งสามคนล้วนเป็นชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาด จึงไม่ต้องพล่ามอะไรมากมาย! หลิงหยุนและตู้กู่โม่ต่างก็ยกมือขึ้นคาราวะตงฟางถิงพร้อมกัน
“ท่านก็ระวังตัวให้มาก!”
หลังจากที่ร่ำลาตงฟางถิงเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็เดินตรงไปที่ร่างของเจ้างูยักษ์ทันที เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “มันไม่น่าจะตายนี่นา..”
“กล่องหยกนี่เยี่ยมมากเลย.. หลิงหยุนเจ้าไปได้กล่องหยกนี่มาจากที่ใหน? ว่าแต่มันจะพอใส่น้ำลายมังกรเหรอ ข้าว่ามันเล็กไปนะ?”
หลิงหยุนเรียกกล่องหยกวิญญาณออกมา และปล่อยให้มันดูดซับพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรไปเรื่อยๆ และหลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง กล่องหยกก็ดูดซับพลังชีวิตเข้าไปจนเต็ม แต่หลิงหยุนก็ยังไม่เก็บมันกลับเข้าไป เพราะตั้งใจใช้มันส่องแสงสว่าง
ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็เป็นผู้ที่ผ่านโลกมามาก พวกเขาต่างก็รู้ว่าหยกชิ้นนี้เป็นของล้ำค่า แต่พวกเขากลับไม่ใส่ใจ
เมื่อไม่พบสมุดจักรพรรดิ ตู้กู่โม่ก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้วเช่นกัน แต่ที่นี่มีน้ำลายมังกรมากมาย และเขาก็ไม่มีภาชนะใหญ่พอที่จะใส่กลับไปได้หมด ตู้กู่โม่ลังเลเพราะรู้สึกเสียดาย จึงเปลี่ยนใจอยู่ต่อ
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ใช้มันบรรจุน้ำลายมังกรน่ะเหรอ? ใส่ในขวดน้ำแร่จะไม่ดีกว่ารึไง?”
ตู้กู่โม่กระทืบเท้าพร้อมกับร้องออกมาทันที “ไม่ดีหรอก.. ที่นี่มีน้ำลายมังกรตั้งมากมาย พวกเราดื่มให้หมดก่อนแล้วค่อยออกไปจะดีไม๊? แต่มันก็มีมากจนดื่มได้เป็นเดือน..”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “ดื่มให้หมดงั้นรึ? ระวังร่างกายของนายจะรับไม่ไหวล่ะ มีหวังชีพจรฉีกขาดก่อนแน่!”
ตู้กู่โม่เข้าใจได้ทันที เขาได้แต่เกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด! แต่ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ไม่ควรทิ้งของล้ำค่าไว้ที่นี่..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. เราจะหาวิธีที่จะนำมันกลับไปให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน แต่นายต้องหัดเอาอย่างพี่ตงฟางบ้างนะ เขาก็นำกลับไปเพียงแค่พอใช้ ที่เหลือเขาก็ปล่อยทิ้งไว้โดยไม่สนใจใยดี..”
เมื่อตู้กู่โม่ได้ฟังก็ถึงกับอึ้งและพูดอะไรไม่ออก..
“เอาล่ะ.. ตอนนี้นายเลิกคิดเรื่องน้ำลายมังกรนี่ก่อน แล้วมาช่วยฉันหากลไกเปิดประตูอีกครั้ง..”
ประตูศิลาทั้งสามบานยังดึงดูดความสนใจของหลิงหยุนมากกว่าน้ำลายมังกรเสียอีก เขายังไม่ต้องการออกไปตอนนี้
ครั้งนี้ทั้งสองคนแยกกันสำรวจดูรอบๆบริเวณ ทั้งคู่ต่างสำรวจทั่วทั้งถ้ำหินอย่างละเอียดยิบ ไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปได้แม้แต่ตารางนิ้ว
สองชั่วโมงผ่านไป ตู้กู่โม่นั่งลงกับพื้นพร้อมกับร้องออกมาอย่างโมโห “ข้าหาไม่พบเลย.. มันไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ ไม่แน่ตำนานที่เล่าต่อกันมาอาจจะเป็นเรื่องโกหก และพู่กันจักรพรรดก็อาจจะยังไม่ปรากฏจริง เรื่องสมุดจักรพรรดิจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง..”
หลังจากที่สำรวจดูอย่างละเอียดละออ ทั้งคู่ก็ยังคงไม่พบสิ่งใดอีก หลิงหยุนเริ่มหมดหวังเช่นกัน เขาเดินไปหาตู้กู่โม่พร้อมกับโน้มตัวลงไปถามว่า
“อะไรคือพู่กันจักรพรรดิ และอะไรคือสมุดจักรพรรดิ? หน้าตาของมันเป็นยังไง? แล้วก็ใช้ทำอะไรได้บ้าง? นายลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ!”
ตู้กู่โม่จึงเริ่มเล่าให้หลิงหยุนฟัง..
“พู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิก็คือพู่กันกับสมุดที่จักรพรรดิแห่งมวลมนุษยชาติ และจักรพรรดิแห่งผืนดินในตำนานเป็นผู้คิดค้นขึ้นใช้ ว่ากันว่าผู้ที่ครอบครองได้นั้นจะต้องเป็นผู้สืบเชื้อสายจักรพรรดิเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้.. ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะข้าเองก็ไม่เคยได้เห็น!”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ตู้กู่โม่ก็เล่าต่อ “แต่ท่านปู่เคยเล่าให้ฟังว่า พู่กันจักรพรรดินั้นเป็นพู่กันหิน หากไปอยู่ในมือของคนธรรมดา มันก็จะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากพู่กันธรรมดาๆ แต่หากมันตกอยู่ในมือของจักรพรรดิและมันจดจำได้ มันจะกลายเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และใครก็ไม่สามารถทำลายได้..”
หลิงหยุนขมวดคิ้ว “แล้วสมุดจักรพรรดิล่ะ?”
ตู้กู่โม่เกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า “สมุดจักรพรรดิน่ะรึ.. ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! เอาเป็นว่าหากพวกเราพบเจอสมุดที่นี่ มันก็น่าจะเป็นสมุดจักรพรรดินั่นล่ะ..! ฮ่า.. ฮ่า..”
ท้องของตู้กู่โม่ร้องเสียงดังเขาจึงถามขึ้นมาว่า “หลิงหยุน.. มีอะไรกินบ้างไม๊? ข้าไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ท้องข้าร้องเสียงดังเชียว..”
ตู้กู่โม่เอามือลูบท้องพร้อมกับมองหน้าหลิงหยุน..
“นายหิวเหรอ? งั้นก็ไปดื่มน้ำลายมังกรสิ.. มีเต็มบ่อเลย!” หลิงหยุนแกล้งแหย่ตู้กู่โม่
“เจ้านี่..!! คิดว่าข้าโง่นักรึยังไง?” ตู้กู่โม่พูดพร้อมกับถลึงตาใส่หลิงหยุน
หลิงหยุนกินมื้อสุดท้ายไปเมื่อแปดหรือเก้าชั่วโมงที่แล้ว เมื่อตู้กู่โม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็เริ่มหิวเช่นกัน จึงหันไปพูดกับตู้กู่โม่อย่างอารมณ์ดี
“ถ้างั้นก็ไปหาที่นั่งกินอะไรกันก่อน อิ่มแล้วค่อยออกไปจากที่นี่!”
ตู้กู่โม่ได้ฟังหลิงหยุนพูด เขาก็รีบกระโดดเข้ามาหาหลิงหยุนพร้อมกับเร่งเร้า “เจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก? เร็วเข้าสิ!”
หลิงหยุนยกมือขวาขึ้น จากนั้นก็ชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นต่อหน้าตู้กู่โม่พร้อมกับส่ายไปมา “หนึ่งมือ.. สองเดือน!”
“สองเดือนอะไรของเจ้า?!” ตู้กู่โม่ที่กำลังหิวถามขึ้นอย่างงงๆ
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันให้อาหารกับนายหนึ่งมือ แต่นายต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันสองเดือน.. ตกลงไม๊?”
“ห๊ะ?! นี่เจ้า.. เจ้านี่มันช่างเอารัดเอาเปรียบ! ให้ข้าวข้ากินแค่มื้อเดียว แต่ให้ข้าไปเป็นองค์รักษ์ให้เจ้าถึงสองเดือน? ไม่.. ตอนนี้ข้าเป็นถึงยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-9 เชียวนะ! ข้อแลกเปลี่ยนนี้มีมูลค่าไม่พอ!”
หลิงหยุนหันหลังกลับทันที และเดินตรงไปหาเจ้าขาวปุย เขานั่งลงที่พื้นลูบขนเจ้าขาวปุยอย่างสนิทสนม จากนั้นก็เรียกอาหารออกมาจากแหวนพื้นที่
หลิงหยุนวางถุงพลาสติกใหญ่สองสามใบลงบนพื้น จากนั้นก็หยิบแฮม เนื้อวัวหมักซอส ปีกไก่ ถั่วลิสง น้ำอัดลม แล้วก็ตะเกียบอีกสองสามคู่ออกมา..
“โอ้โห.. เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมเจ้าถึงได้มีของกินมากมายราวกับมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ที่นี่?” ตู้กู่โม่อ้าปากร้องออกมาอย่างตกใจ เขาอ้าปากหวอและแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
หลิงหยุนไม่พูดอะไร เขาเริ่มฉีกถุงใส่อาหาร แล้วป้อนให้กับเจ้าขาวปุยก่อน..
กลิ่นหอมของอาหารโชยไปทั่วทั้งบริเวณ ตู้กู่โม่เดินดมกลิ่นอาหารไปจนถึงหน้าหลิงหยุน และยกมือขึ้นจะหยิบปีกไก่ขึ้นมากิน
หลิงหยุนคว้ามือของตู้กู่โม่ไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่มีของฟรีในโลก.. ว่าไงนายจะรับข้อเสนอไม๊?”
“ได้ๆๆ ข้าตกลง! แต่ไม่ใช่สองเดือน แค่สองสามวันเท่านั้น..”
ตู้กู่โม่ยุ่งมาก เขาไม่มีเวลาที่จะไปดูแลหลิงหยุนได้ถึงสองเดือน เขาตอบไปพร้อมกับหยิบปีกไก่ขึ้นมาสองปีก และเนื้อหมักซอสอีกสองสามชิ้น แล้วรีบยัดเขาไปในปากอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วทั้งคู่ต่างก็แกล้งกันสนุกๆเท่านั้นเอง หลิงหยุนให้พลังอมตะกับตู้กู่โม่ และช่วยชีวิตเขา สิ่งเหล่านั้นมากกว่าอาหารหนึ่งมื้อเสียอีก และต่อให้ตู้กู่โม่มาเป็นบอดี้การ์ดให้หลิงหยุนสองเดือนก็ยังนับว่าน้อยไป
ทั้งคู่ตกลงกันไว้ว่ากินอาหารเสร็จก็จะออกจากที่นี่.. หลิงหยุนจึงได้นำอาหารทั้งหมดที่เตรียมไว้ออกมาจนหมด แล้วชายหนุ่มทั้งสองคนกับเจ้าขาวปุยก็จัดการกินกันจนหมดเกลี้ยง
ตู้กู่โม่ทั้งกินทั้งดื่ม เขากินมากกว่าหลิงหยุนกับเจ้าขาวปุยเสียอีก และท้ายที่สุดเขาก็นั่งกุมท้องด้วยความอิ่ม เขารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ช่างเป็นมื้อที่อร่อยที่สุด!
“นี่หลิงหยุน.. เจ้านี่รอบคอบชะมัด! รู้จัดเตรียมของพวกนี้มาในที่แบบนี้ด้วย.. แต่น่าเสียดาย.. ถ้ามีไวน์ด้วยก็จะเยี่ยมมากเลยล่ะ..”
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่เหน็บ “พ่อรูปหล่อ.. นายกินเข้าไปจุกขนาดนั้น ยังมีท้องใส่ไวน์ได้อีกรึไง..”
ทั้งสองคนต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นตู้กู่โม่ก็ถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ในท้องเจ้ามีอะไรกันแน่? เจ้าเอาของพวกนี้มาจากใหน? เสกมาหรือยังไง?”
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ แล้วทำเสียงกระซิบให้ฟังดูลึกลับ “นี่เป็นสมบัติของสำนักหมอสวรรค์ ฉันขโมยมันมาจากอาจารย์ นายอย่าแพร่งพรายไปเชียวล่ะ..”
ตู้กู่โม่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “ถ้างั้นเจ้าก็เอาน้ำลายมังกรใส่ไว้ในร่างกายของเจ้าได้ไม๊? น้ำลายมังกรตั้งมากมาย ถ้าเจ้าทิ้งไว้ที่นี่ก็น่าเสียดายแย่..”
หลิงหยุนส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “ยังมีขวดน้ำแร่อีกตั้งเจ็ดแปดขวด.. เราจะเอามันใส่น้ำลายมังกรกลับไป!”
แน่นอนว่าแหวนพื้นที่สามารถใส่น้ำลายมังกรได้ แต่เพราะมันเป็นของเหลว หลิงหยุนจึงไม่สามารถนำมันใส่เข้าไปแบบนั้นได้
ตู้กู่โม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงหยิบขวดพลาสติกบนพื้นขึ้นมา “ขวดพวกนี้ก็ใส่ไปได้ตั้งมากมายแล้ว..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นและเรียกน้ำเต้าออกมา “ฉันยังมีน้ำเต้าใหญ่อยู่อีกใบ น่าจะใส่น้ำลายมังกรได้มากเลยล่ะ..”
น้ำเต้าใบนี้หลิงหยุนได้มาจากอารามของหลวงจีนชรา แม้ว่าจะไม่จุกสำหรับปิดปากน้ำเต้า แต่ขนาดที่ใหญ่ของมันก็สามารถบรรจุน้ำลายมังกรได้ถึงสามลิตรทีเดียว
หลิงหยุนสามารถใช้แหวนพื้นที่ควบคุมตำแหน่งของวัตถุที่อยู่ด้านในได้ แม้ว่าน้ำเต้านี้จะไม่มีจุกปิดปากขวด แต่มันก็จะไม่ร่วงหรือล้มลงจนทำให้น้ำลายมันกรหกออกมาอย่างแน่นอน
เมื่อตู้กู่โม่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบร้องบอกหลิงหยุนอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมเลย.. ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ใช้น้ำเต้านี่ใส่น้ำลายมังกร ส่วนข้าจะใช้ขวด..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเดินตรงไปที่บ่อหิน เขาเรียกไข่มุกราตรีออกมาห้าหกเม็ด และใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเพื่อให้มันส่องแสงสว่าง จากนั้นก็เรียกกล่องหยกเข้าไปเก็บ
แสงสว่างจากไข่มุกราตรีนั้นเจิดจ้ากว่าแสงสลัวๆจากกล่องหยก และไข่มุกเพียงแค่ห้าหกเม็ดก็ทำให้รัศมียี่สิบเมตรรอบๆบ่อหินสว่างไสวไปทั่ว
“นี่มัน..?!!” น้ำลายมันกรในบ่อหินลดลงจำนวนมาก
ดวงตาของหลิงหยุนเป็นประกาย.. นั่นเพราะน้ำลายมังกรในบ่อหินลดปริมาณลงไปมาก ในบ่อหินนั้นมีน้ำลายมังกรมากกว่าสิบลิตร แต่น้ำเต้ากลับของเขากลับไม่เต็มสักที
ยังจะต้องสงสัยอะไรอีก?! น้ำเต้าที่อยู่ในแหวนพื้นที่นั้นสามารถบรรจุของเหลวได้มากกว่าขนาดของมัน เพราะมันคือน้ำเต้าวิเศษ!
หลิงหยุนหย่อนน้ำเต้าลงในมือลงไปลึกขึ้นและลึกขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงก้นบ่อหิน..
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่มีขวดข้าก็สามารถใส่น้ำลายมังกร
ทั้งหมดลงไปในน้ำเต้านี้ได้!”
หลิงหยุนพูดพร้อมกับชูน้ำเต้าในมือให้ตู้กู่โม่ดู น้ำลายมังกรทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว
“ห๊ะ?! เจ้าว่าอะไรนะ..”
“ช่างน่าอัศจรรย์!” ตู้กู่โม่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง