บทที่ 312 : ประตูแห่งความตาย
หากอยู่บนพื้นดิน หลิงหยุนย่อมมีวิธีที่จะจัดการกับศัตรูได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อยู่ใต้น้ำ กระแสน้ำก็ค่อนข้างเชี่ยวและลึกมาก หลิงหยุนจึงทรงตัวค่อนข้างลำบาก และต่อให้เขามีศักยภาพที่สูงส่งแต่ก็ยากที่จะทำได้ดีเหมือนอยู่บนพื้นดิน
ในเมื่อต้องเอาตัวรอด วิธีเดียวที่หลิงหยุนคิดได้ในตอนนี้ก็คือต้องเข้าไปอยู่ในปากที่ใหญ่ของเจ้าปีศาจตนนี้เท่านั้น อย่างแรกก็คือเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ถูกฟันของมันกัดเข้า!
ช่างเป็นโชคดีของหลิงหยุนที่การฝึกบ่มเพาะมาจนถึงระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-3 ทำให้เขาสามารถอยู่ในน้ำได้นานถึงสองสามนาทีโดยไม่มีปัญหาอะไร มิเช่นนั้นแล้ว การตัดสินเช่นนี้สามารถทำให้หลิงหยุนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว!
แม้ในเวลานี้แขนของหลิงหยุนจะนับว่ามีพละกำลังมาก แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อพบว่าแขนที่แข็งแกร่งทั้งสองข้างของตัวเองนั้น กลับไม่สามารถที่จะฉีกปากขนาดใหญ่ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้!
แต่ก็โชคดีที่เจ้าปีศาจน้ำตัวนี้ก็ไม่สามารถกัดหลิงหยุนได้เช่นกัน เรียกได้ว่าต่างคนต่างก็มีกำลังที่ใกล้เคียงกัน!
หากสู้แรงของมันไม่ได้ หลิงหยุนอาจต้องถูกมันกัดตายไปแล้วแน่ๆ ระหว่างที่อยู่ในปากของมันนั้น เขาก็จัดการเรียกพู่กันจักพรรดิออกมาจากแหวนพื้นที่
“เอาล่ะ.. เตรียมตัวตายได้แล้ว!”
เวลานี้.. หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเขาออกมาไกลจากฝั่งแค่ใหนแล้ว หลังจากที่เรียกพู่กันจักรพรรดิออกมา หลิงหยุนก็กระโดดและเต้นไปเต้นมาเหมือนที่เคยเต้นรำอยู่บนเวทีกับเกาเฉินเฉิน เพียงแต่ตอนนี้เขากลับเต้นอยู่ในปากของปีศาจน้ำตนนี้แทน จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้ฝ่ามือกระแทกเข้ากับเพดานปากของมัน พร้อมกับพูดออกมาว่า
“เอาล่ะ.. ข้าจะฝึกคัดอักษรก็แล้วกัน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้พู่กันจักรพรรดิเขียนคำว่า ‘ปาก’ ซึ่งคำว่าปากในอักษรจีนนั้นก็คือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านั่นเอง..
แต่เพราะผนังเพดานปากของมันหนามาก หลิงหยุนต้องออกแรงเขียนซ้ำๆถึงสามครั้งจึงจะสามารถทำให้เป็นรอยได้!
แต่นับว่าโชคดีที่หลิงหยุนมีพู่กันจักรพรรดิ เพราะหากเป็นมีดสั้นธรรมดาคงจะไม่สามารถแทงเข้าไปในเนื้อที่หนาอย่างมากของเจ้าปีศาจน้ำตนนี้ได้แน่ สำหรับหลิงหยุนแล้ว มันยากกว่าการฆ่างูเหลือมยักษ์มากนัก..
หลังจากที่เขียนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดหนึ่งเมตรได้แล้ว หลิงหยุนก็ออกแรงดันเพื่อเปิดช่องสี่เหลี่ยมบนเพดานปากที่เขียนไว้ออก ลักษณะไม่ต่างจากรถเปิดประทุนเฟอรารี่ของหนิงน้อย!
แต่หลิงหยุนกลับต้องตกใจอย่างมาก เมื่อเจ้าสัตว์น้ำประหลาดร่างยักษ์ตนนี้ดิ้นรนไปมาอย่างคลุ้มคลั่งด้วยความเจ็บปวด และเปลี่ยนทิศทางเป็นว่ายทวนกระแสน้ำแทน
หลิงหยุนรีบโหนตัวปีนออกจากช่องสี่เหลี่ยมบนปากของเจ้าปีศาจน้ำที่เขาเพิ่งเปิดออก จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่ออกมายืนอยู่ด้านบนได้แล้ว รีบกระโจนลงน้ำและใช้แรงทั้งหมดที่มีว่ายเข้าฝั่งอย่างรวดเร็ว!
ระหว่างที่ว่ายน้ำหนีเข้าฝั่งอยู่นั้น หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงคล้ายคลื่นดังกระหึ่มอยู่ด้านหลัง เขาหันกลับไปมองในขณะที่มือก็ว่ายน้ำไปด้วย สิ่งที่เขาเห็นช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก.. เจ้าปีศาจน้ำที่หลิงหยุนเพิ่งหนีออกมาจากปากมันนั้น กำลังถูกปีศาจน้ำที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรบ้างอีกหลายตัว กำลังจู่โจมและรุมกัดอย่างบ้าคลั่ง!
“แย่แล้ว.. เจ้าปีศาจเปิดประทุนที่น่าสงสาร!” แม้หลิงหยุนจะตกใจอย่างมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาจะปลอดภัย เพราะเหล่าปีศาจน้ำที่กำลังกินเหยื่อจะไม่สนใจเขา
หลิงหยุนอยู่ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำราวสามสิบเมตร แต่ก็ถูกกระแสน้ำพัดกลับเข้าไปอีก หลังจากพยายามอยู่นานในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถว่ายกลับเข้าฝั่งได้ และรีบปีนขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว
แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะดูเหมือนธรรมดาไม่อันตรายอะไรนัก แต่ความจริงแล้วหลิงหยุนกลับตื่นเต้นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะการตอบสนองและการตัดสินใจที่รวดเร็วของตัวเอง เขาคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากปีศาจน้ำตัวแรกกลับมาได้แน่.. ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะตายอยู่กลางแม่น้ำไปแล้วก็ได้
“นั่นมันตัวอะไรกันแน่? ปลาฉลามงั้นหรือ? หรือว่าเป็นจระเข้? แต่มันก็ดูไม่เหมือนทั้งสองอย่าง…”
หลิงหยุนใช้มือเช็ดน้ำที่อยู่บนใบหน้าออก จ้องมองลงไปในน้ำที่มืดมิดพร้อมกับพึมพัมกับตัวเอง และรีบถอยหลังออกไปไกลราวสิบเมตร เพราะไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรพุ่งออกมาอีกหรือไม่?
หลิงหยุนรู้สึกหนาว และพบว่าร่างกายของเขาเปลือยเปล่าสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว และรองเท้าผ้าใบที่เปียกโชกอีกหนึ่งคู่
“ครั้งนี้แหวนพื้นที่ช่วยข้าไว้ได้มากทีเดียว ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องถูกฝังอยู่ในท้องของปีศาจน้ำที่น่ากลัวแน่.. คิดแล้วก็สยองจริงๆ!”
หลิงหยุนพูดไม่ผิด เพราะหากเขาไม่มีพู่กันจักรพรรดิ เขาก็คงไม่สามารถหนีออกมาจากปากของเจ้าปีศาจน้ำที่ดุร้ายนี้ได้
ลองจินตนาการดู หากไม่มีแหวนพื้นที่ ระหว่างที่เขาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายและซักเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดอยู่นั้น เขาก็คงต้องวางพู่กันจักรพรรดิไว้ตามพื้น หากต้องเผชิญหน้ากับอันตรายกะทันหันอย่างเมื่อครู่ เขาคงต้องกลายเป็นศพไปแล้วอย่างแน่นอน
ในเมื่อชุดกีฬาเก่าของเขาตกลงไปในน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องเรียกชุดกีฬาและรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ออกมาจากแหวนพื้นที่
“นี่หากข้าสามารถสร้างแหวนพื้นที่ที่ใหญ่กว่านี้ได้ในวันข้างหน้า ข้าจะเอารถแลนด์โรเวอร์เก็บในนั้น!”
หลิงหยุนคิดอย่างตื่นเต้นระหว่างที่กำลังสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ จากนั้นเขาก็เรียกยันต์อัคนีออกมา และโยนชึ้นกลางอากาศพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ทำลาย!”
เมื่อเปลวไฟจากยันต์อัคนีพุ่งขึ้น หลิงหยุนก็กวาดสายตาสำรวจไปรอบๆบริเวณ
หลิงหยุนสังเกตุเห็นว่า ด้านล่างแม่น้ำนั้นมืดและแคบลง ดูเหมือนจะกว้างเพียงแปดสิบเมตร แต่น้ำกลับไหลเร็วกว่าเดิม และเมื่อมองขึ้นไปราวสิบเมตร เขาก็เห็นหินงอกหินย้อยเต็มกระจัดกระจายอยู่บางส่วน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในยามที่มีน้ำขึ้น
จู่ๆ เจ้าขาวปุยก็เดินออกมายืนอยู่ข้างหลิงหยุน สายตาของมันมองหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ข้าไม่เป็นไร ข้าฆ่ามันตายแล้ว!” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับอุ้มเจ้าขาวปุยขึ้นมา
เขาพยายามนึกหาตำแหน่งของหญ้าหยินที่อยู่ทางฝั่งเขาหยกด้านใต้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และพูดกับเจ้าขาวปุยว่า 3
“พวกเราไปทางนั้นกันดีกว่า!”
หลิงหยุนตัดสินใจเดินเข้าไปทางริมฝั่งแม่น้ำทางด้านใต้ที่มืดมิด ตามแผนที่หลิงหยุนวางไว้นั้น เขาต้องการเพียงแค่พลังหยินจากหญ้าหยินเท่านั้น เขาจึงมุ่งหน้าไปหาหญ้าหยินเพื่อฝึกบ่มเพาะให้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4ตามที่ตั้งใจไว้
ค่ายกลมังกรหยินหยางนั้นอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง ดวงตาหยินอยู่ทางด้านเหนือของเขาหยกด้านใต้ ดังนั้นหญ้าหยินจึงต้องอยู่ตรงตำแหน่งนั้นด้วย
หลิงหยุนมุ่งหน้าไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของหลุมยักษ์แห่งนี้ และเดินตรงไปยังโขดหินที่ยื่นออกมาเป็นหน้าผา หลิงหยุนมองเข้าไปตามถ้ำที่อยู่ใต้โขดหิน
“ขาวปุย.. เจ้าลงมาจากถ้ำใหน?” หลิงหยุนก้มลงไปถามเจ้าขาวปุย
ขาวปุยเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน จากนั้นวิ่งไปโผล่อยู่หน้าถ้ำหินตรงกลาง
“รอข้าด้วย..” หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างวิ่งตามไปและไปหยุดอยู่หน้าถ้ำหินตรงกลาง เห็นได้ชัดว่าถ้ำาหินแห่งนี้เป็นโพรงทะลุไปถึงรูที่เจ้าขาวปุยอาศัยอยู่ในหุบเขา
“ตามข้ามา!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย มือซ้ายจิกเข้าไปที่ก้อนหิน ส่วนมือขวากำพู่กันจักรพรรดิ จากนั้นก็ใช้พู่กันจักรพรรดิเจาะเป็นทางเพื่อปีนขึ้นไปที่ถ้ำหินอันที่สาม
ทันทีที่เข้าไปในถ้ำ ก็ไม่ต่างจากการเข้าไปที่ที่มีแต่ความมืดมิด แต่เนื่องจากด้านในไม่มีหมอก สายตาของหลิงหยุนจึงสามารถมองเห็นได้ชัดในระยะที่ไกลกว่าสิบเมตร จึงไม่เป็นอุปสรรคมากนักสำหรับเขา
ถ้ำหินแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โตแต่ก็ชื้นแฉะ มีน้ำซึมออกมาทุกที หลิงหยุนก้มตัวลงเล็กน้อย และเดินเข้าไปลึกราวหนึ่งร้อยเมตร หลังจากเข้าใกล้ค่ายกลมังกรหยินหยางแล้ว หลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังหยินที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย
“น่าจะถูกทางแล้ว!”
หลิงหยุนยิ้มอย่างมั่นใจ และรีบนำเจ้าขาวปุยให้เดินเร็วขึ้น และมองสำรวจไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
พื้นที่ที่อยู่ภายใต้ค่ายกลมังกรหยินหยางนั้น แม้แต่จิตหยั่งรู้ของขั้นพลังชี่-9ยังไม่สามารถมองทะลุได้ ใครจะไปรู้ว่าจะมีปีศาจใดบ้างที่พลังหยินสามารถสร้างขึ้นมาได้บ้าง
ทั้งหลิงหยุนและเจ้าขาวปุยต่างก็ค่ยอๆเดินเข้าไปในความมืดที่ลึกขึ้น.. แล้วก็ลึกขึ้น.. จนไม่ได้ยินเสียงของน้ำไหลของแม่น้ำอีก นอกจากเสียงน้ำหยดต่อเนื่องภายในถ้ำแล้ว ก็มีเพียงเสียงฝีเท้าของหลิงหยุนและเจ้าขาวปุยเท่านั้น
ยิ่งเดินเข้าไปลึก ภายในถ้ำก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ หลิงหยุนคำนวนระยะทางอยู่ในใจเงียบๆ และรู้สึกชื่นชอบสถานที่แห่งนี้ ด้านหน้าของหลิงหยุนมีถ้ำอยู่อีกสองแห่ง และในจุดนี้เป็นจุดที่พลังหยินค่อนข้างหนาแน่นจนหลิงหยุนสามารถที่จะดูดซับได้ หากหลิงหยุนต้องการจะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4ที่นี่เลยก็ย่อมทำได้ แต่อาจจะช้าหน่อยเท่านั้นเอง
แต่หลิงหยุนไม่ต้องการ เพราะพลังหยินตรงจุดนี้ไม่ดีเท่ากับพลังหยินจากหญ้าหยิน หากหลิงหยุนจะใช้พลังหยินเช่นนี้ในการเข้สู่ขั้นที่สูงขึ้น มันจะไม่ดีกว่าหรือที่จะไปใช้หญ้าหยินที่อยู่อีกไม่ไกลนัก!
หลิงหยุนไม่สนใจที่จะดูดซับพลังหยินจากที่นี่ เขาตัดสินใจจะเข้าไปในถ้ำหินที่เพิ่งพบ..
ถ้ำหินสามแห่ง ถ้ำแห่งแรกคือที่ที่เขาเข้ามานี้ หากยังเดินต่อไปก็จะยิ่งห่างไกลจากหญ้าหยิน..
ส่วนถ้ำหินสองแห่งที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นถ้ำที่ถูกขุดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล ถ้ำทั้งสองแห่งนี้มีชื่อว่าประตูแห่งชีวิต และประตูแห่งความตาย
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ จากนั้นเขาก็ยกมือที่ถือพู่กันจักรพรรดิขึ้นมา และนิ้วของเขาก็ชี้ไปทางขวา..
“นี่เป็นประตูแห่งความตาย.. งั้นก็ต้องไปทางถ้ำหินนี่!”
จากนั้นหลิงหยุนก็แสยะยิ้ม และเดินตรงเข้าไปที่หน้าประตูแห่งความตาย!