Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 719 : รักษาอาการบาดเจ็บให้ทุกคน!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- ตอนที่ 719 : รักษาอาการบาดเจ็บให้ทุกคน!
บทที่ 719 : รักษาอาการบาดเจ็บให้ทุกคน!
พลังอมตะเหลือง-ดำที่ได้จากสมุดจักรพรรดินั้นมีพลานุภาพไม่ต่างจากพลังอมตะที่ได้จากพู่กันจักรพรรดิซึ่งจะเป็นหยางบริสุทธิ์
และพลานุภาพของพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิก็เคยทำให้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่-9 ได้ชั่วคราวมาแล้ว และแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่หกถึงเจ็ดชั่วโมง แต่เพียงแค่นั้นหลิงหยุนก็สามารถตักตวงผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล!
และดูเหมือนว่าพู่กันจักพรรดิจะรู้จักอุปนิสัยของหลิงหยุนดีมากจึงไม่ค่อยยอมปลดปล่อยพลังอมตะออกมาให้เขาได้ใช้ประโยชน์อีกบ้างเลย
ส่วนสมุดจักรพรรดินั้นดูเหมือนจะใจกว้างกว่ามากเพราะปลดปล่อยพลังอมตะออกมาให้หลิงหยุนได้ใช้ประโยชน์ถึงสามครั้งสามครา และมากมายจนหลิงหยุนต้องเก็บไว้ในกล่องหยกที่แกะสลักค่ายกลหลุมพลังไว้
แต่ก็น่าเสียดายที่หลิงหยุนเพียงแค่สามารถเก็บพลังอมตะจากสมุดจักรพรรดิไว้ในกล่องหยกเท่านั้นแต่ไม่สามารถใช้มันพัฒนาเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นพลังชี่เหมือนเมื่อครั้งที่ได้รับจากพู่กันจักรพรรดิได้
หลิงลี่ชูแขนขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดังน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตามากมายจนไหลลงอาบแก้ม และทั่วทุกอณูในร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้มไปหมด!
มันคือความตื่นเต้นที่สุดจนไม่อาจประมาณได้!
หลิงลี่ไม่ปิดบังขั้นกำลังภายในที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-8ของตนเอง พร้อมกับหันไปมองหลิงหยุนกับหลิงซิ่วด้วยความตื่นเต้นดีใจ!
“หลานขอแสดงความยินดีกับท่านปู่!”
หลิงหยุนและหลิงเสี่ยวคุกเข่าลงกับพื้นทำการคาราวะหลิงลี่พร้อมกัน!
“ลุกขึ้น..ลุกขึ้น!”
หลิงลี่ยังไม่ทันที่จะขยับร่างกายแต่ก็สามารถไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและหลิงซิ่วได้แล้ว เขาพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้น
“ปู่มีความสุขมากจริงๆ!”
หลิงลี่ไม่สามารถเก็บงำความสุขที่มีเอาไว้ได้เขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตารักใคร่ พร้อมกับใช้กำปั้นชกไปที่ไหล่ของหลิงหยุนเบาๆ แล้วหยอกเย้าว่า
“เจ้าเด็กตัวแสบ..พรสวรรค์ของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์มากจริงๆ!”
หลิงหยุนสามารถสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างปู่กับหลานเลือดในกายของหลิงหยุนพุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้นดีใจพร้อมตอบกลับไปว่า
“ตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมา..ท่านปู่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นสู่ขั้นที่สูงกว่าได้ ก็เพราะเส้นลมปราณเสียหาย แต่โลกก็ยุติธรรม เพราะถึงแม้ว่าระดับขั้นของเท่านปู่จะไม่พัฒนา แต่ปราณเสวียน (เหลือง) และปราณหวง (ดำ) ในร่างกายของท่านปู่นั้นกลับแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ!”
“ต่อให้ไม่ได้ดื่มสมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้เขาไปอย่างน้อยท่านปู่ก็ต้องเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-6 ได้แน่นอน!”
หลิงหยุนพูดได้ถูกต้อง..เพราะระหว่างที่ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับหลิงลี่นั้น เขาสัมผัสได้ว่าลมปราณที่กักเก็บอยู่ในจุดตันเถียนของหลิงลี่นั้นเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6
ที่หลิงหยุนรู้ได้ก็เพราะเขาเองเพิ่งจะสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-6ในคฤหาสน์ชานเมืองด้านใต้ของตระกูลเฉินไปถึงหกเจ็ดคน พวกมันต่างก็สู้กับหลิงหยุนอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงทำให้เขาสามารถเข้าใจระดับกำลังภายในในขั้นนี้ได้เป็นอย่างดี
และหากหลิงหยุนไม่ค้นพบเรื่องนี้เขาก็คงจะไม่กล้าที่จะนำสมุนไพรล้ำค่าออกมาให้หลิงลี่กิน เพื่อเร่งการพัฒนาลำดับขั้นของหลิงลี่เป็นแน่..
หลิงหยุนอดที่จะนึกถึงหลิงเสี่ยวพ่อของเขาไม่ได้เขาพอจะเข้าใจได้ว่าตลอดระยะเวลาสิบแปดปีมานี้ พ่อของเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับเส้นลมปราณที่ติดขัดเสียหายนี้มากเพียงใด และจะต้องทนเจ็บปวดกับการฝืนบังคับตัวเองให้ต้องฝึกกำลังภายในตามคัมภีร์เสวียนหวงนี้อย่างไร หลิงเสี่ยวคงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างมากมาตลอดหลายปี
ในโลกใบนี้..ไม่ได้มีสิ่งที่ฟ้าประทานจริง! โอกาสทั้งหลายล้วนเกิดจากการเตรียมตัวที่พร้อม หลิงลี่ทนทุกข์มาตลอดสิบแปดปี แต่หลังจากนั้นกลับสามารถได้รับรางวัลตอบแทนอย่างคาดไม่ถึง และนั่นไม่ใช่ความโชคดี แต่มันคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับต่างหาก!
ระหว่างที่เดินลมปราณตามคัมภีร์เสวียนหวงนั้นหลิงลี่สัมผัสได้ว่าปราณเหลือง และดำภายในร่างกายของเขานั้น เคลื่อนผ่านเส้นลมปราณที่แข็งแกร่งขึ้น และเวลานี้เขาก็รู้สึกว่าตนเองมีพละกำลังอย่างมากมายมหาศาล
แต่หลิงลี่กลับตอบหลิงหยุนไปว่า“อะไรกัน.. หากไม่ใช่เพราะเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้ปู่ และให้ปู่กินสมุนไพรล้ำค่ามากมายเช่นนั้นแล้วล่ะก็ ตาเฒ่าอายุเจ็ดสิบปีอย่างปู่ มีหรือที่จะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้ในการเดินลมปราณเพียงแค่ครั้งเดียว!”
แน่นอนว่าไม่เพียงสมุนไพรล้ำค่าที่หลิงลี่กินเข้าแต่ยังมีน้ำลายมังกร พลังอมตะเหลืองดำจากสมุดจักรพรรดิ และพลังชีวิตจากต้นหลิวเทวะอีกด้วย..
และหากได้รับเข้าไปมากมายถึงเพียงนั้นแล้วหลิงลี่ยังไม่สามารถเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้ ก็นับว่าตระกูลหลิงไร้ซึ่งพรสวรรค์แล้วล่ะ!
และแน่นอนว่าสายเลือดตระกูลหลิงไม่ได้ไร้ซึ่งพรสวรรค์อย่างแน่นอนแต่กลับทรงพลังอย่างล้ำลึก ไม่เช่นนั้นเลือดของหลิงหยุนเพียงแค่หยดเดียว คงจะไม่สามารถทำให้แวมไพร์ยอมตนเป็นบริวารของเขาได้แน่!
“ห๊ะ!นี่มันอะไรกัน?!”
หลิงซิ่วถึงกับตกตะลึงนางรู้ว่าขั้นกำลังภายในของหลิงลี่ได้พัฒนาขึ้นมาก แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงลี่จะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้ในคราวเดียว!
หลิงซิ่วนั้นอยู่ในชั้นโฮ่วเทียน-9ในสายตาของนางนั้นขั้นเซียงเทียนล้วนเหมือนกันไม่ว่าจะระดับใหน เพราะนางนั้นไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงลี่ได้
“ท่านปู่..นี่ท่านเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 แล้วจริงๆเหรอคะ! นี่มัน..” หลิงซิ่วถึงกับอึ้งไป
“ถูกต้อง..แล้วนั่นก็เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ปู่รู้สึกว่ายังสามารถพัฒนาขั้นขึ้นไปได้อีก..”
หลิงหลี่ไม่คิดที่จะปิดบังหลิงซิ่วซึ่งเป็นหลานสาวสุดที่รักของตนเอง..
และหลิงลี่ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาขั้นต่อไปได้จริงๆและเวลานี้กำลังภายในของเขาก็แข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย เพราะจุดตันเถียนของหลิงลี่ในเวลานี้อัดแน่นไปด้วยพลังอมตะจากสมุดจักรพรรดิอยู่ถึงเจ็ดสิบส่วน
-หลิงหยุน..ลมปราณที่เจ้าถ่ายเทเข้าไปในร่างกายของปู่นั้นช่างทรงพลังมากเหลือเกิน!- หลิงลี่ใช้กระแสจิตพูดกับหลิงหยุนแทน
-ท่านปู่..นั่นเป็นพลังชีวิตเสวียน (เหลือง) และหวง (ดำ) จากมรดกตกทอดของตระกูลหลิง แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมันจึงมีมากกว่าในเวลาที่พวกเราฝึก..”
ตราบใดที่หลิงหยุนยังไม่แข็งแกร่งมากพอเขาจะไม่ยอมเปิดเผยความลับเรื่องสมุดและพู่กันจักรพรรดิให้ผู้ใดล่วงรู้โดยเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อใจหลิงลี่ซึ่งเป็นปู่ของตนเอง แต่เขาเกรงว่าหากเรื่องนี้แพร่งพายออกไป กลับจะนำหายนะมาสู่ตระกูลหลิงต่างหาก!
จนถึงเวลานี้..หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเกาเฉินเฉินได้แพร่งพรายความลับเรื่องนี้ออกไปบ้างแล้วหรือยัง!
แม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะตกลงมาอยู่ในขั้นบารอนแล้วและไม่สามารถทำให้เกาเฉินเฉินกลายเป็นบริวารได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ แต่ถึงกระนั้นเนตรปีศาจที่ใช้สะกดจิตของมันก็ทรงพลังไม่น้อยเลยทีเดียว เกาเฉินเฉินเป็นเพียงแค่คนธรรมดา คงยากที่จะต้านทานได้!
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนเองก็ยังค่อนข้างมั่นใจว่าเกาเฉินเฉินคงจะยังไม่ได้แพร่งพรายความลับเรื่องพู่กันจักรพรรดิออกไปแน่ไม่เช่นนั้น.. ตระกูลเฉินคงไม่มัวแต่วุ่นวายกับการจัดการกับตระกูลเกากับตระกูลหลิงอยู่เช่นนี้แน่ พวกมันคงจะต้องบุกไปหาหลิงหยุนที่เมืองจิงฉูเพื่อสืบหาพู่กันจักรพรรดิแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก และหลังจากจบเรื่องตระกูลหลิงในคืนนี้ หลิงหยุนจะต้องหาทางช่วยเกาเฉินเฉินออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“มรดกตระกูลหลิงงั้นรึ!ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเมื่อต้นหลิวเทวะได้ไปอยู่ในมือของเจ้า จะสามารถเติบโตแตกก้านใบได้สวยงามเช่นนี้ ฮ่า.. ฮ่า.. ข้าคงต้องให้รางวัลเหล่ากุ่ยแล้วล่ะ!”
หลิงหยุนย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของชายชราดีแต่เขาเองก็ไม่ต้องการติดอยู่กับการเป็นผู้นำตระกูลหลิง จึงเพียงแค่ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร..
“หลิงหยุน..ปู่เห็นเจ้าจับใครกลับมาด้วยคนหนี่ง ดูเหมือนจะเป็นเฉินไห่คุนแห่งตระกูลเฉิน”
“ถูกต้องแล้วท่านปู่..มันอยู่ใกล้กับความตายมากแล้ว!” หลิงหยุนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ได้!จะปล่อยให้มันตายไม่ได้.. ต้องทำให้มันบอกที่ซ่อนของพ่อเจ้าออกมาก่อน!” หลิงลี่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วข้าจะออกจากค่ายกลเขาวงกตนี้ได้อย่างไร!”หลิงลี่ถามขึ้นต่อจากนั้น
หมอกหนาสีขาวได้แยกสวนแห่งนี้ออกจากโลกภายนอกหลิงลี่จึงไม่สามารถออกไปด้านนอกได้
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้ไปยังตำแหน่งของหินต่างๆพร้อมกับบอกหลิงลี่ถึงวิธีออกจากค่ายกลเขาวงกตแห่งนี้ จากนั้นตัวเขาเองก็จัดการเรียกของทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ แล้วกระโดดออกจากค่ายกลเขาวงกตตามหลิงลี่ไป
“นี่น้องห้า..เจ้าพาข้าออกไปด้วยสิ!” หลิงซิ่วร้องตะโกนบอกพร้อมกับวิ่งตามทั้งสองคนที่กระโดดออกไป และปล่อยนางไว้ที่นี่คนเดียว
เสียงของหลิงหยุนคล้ายดังมาจากที่ไกลๆ“พี่หลิงซิ่ว.. ภายในค่ายกลมีพลังชีวิตเข้มขนมาก เหมาะสำหรับการฝึกฝน ท่านก็ฝึกวิชาอยู่ข้างในไปก่อนเถิด!”
“เจ้าเด็กตัวแสบ..ข้าจะฆ่าเจ้า!” หลิงซิ่วกระทืบเท้าอย่างโมโห แต่เมื่อหายโกรธใบหน้าสวยงามของนางก็กลับแดง..
“ลูกชายของลุงสามช่างเก่งกาจมากจริงๆ!”
หลิงซิ่วนั่งอยู่ในค่ายกลหลุมพลังและเริ่มฝึกฝนคัมภีร์เสวียนหวงอยู่เงียบๆคนเดียว และได้แต่คิดว่าหลิงหยุนพูดไม่ผิดจริงๆ ที่นี่สามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้าเร็วกว่าปกติหลายเท่านัก
หลิงลี่กับหลิงหยุนเดินออกมาจากค่ายกลเขาวงกตและตรงเข้าไปยังสวนชั้นที่หกของบ้านตระกูลหลิง และทั้งคู่ก็พบว่าภายในสวนชั้นที่หกนั้นมีคนอยู่เต็มไปหมด และทุกคนต่างก็มีสีหน้าตกใจสุดขีด!
ทุกคนต่างก็ตกอกตกใจในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหลิงลี่ถึงสองเรื่องซึ่งก็คือ..เรื่องที่หลิงลี่สามารถพัฒนาเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้แล้ว และเรื่องที่ผมของเขากลายเป็นสีดำขลับ และดูหนุ่มลงถึงยี่สิบปี!
เวลานี้หลิงลี่ดูราวกับชายอายุห้าสิบปีเท่านั้นใบหน้าของเขาเวลานี้ดูหนุ่มกว่าเหล่ากุ่ยเสียอีก!
จากการชำระล้างกล้ามเนื้อและไขกระดูกภายในร่างกายและการพัฒนาเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ประกอบกับรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ทำให้หลิงลี่หนุ่มขึ้นราวกว่าเดิมถึงยี่สิบปี!
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด..ให้หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเจ้าก่อน!” หลิงลี่โบกมือให้กับทุกคนที่กำลังทำการคำนับเขาอยู่
จากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มลงมือรักษาอาการบาดเจ็บให้กับผู้คนที่เหลือโดยเริ่มจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหลิงหย่งก่อน หลิงหยุนใช้พลังหยินหยางรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับเขา
หลังจากที่หลิงหย่งหายดีและมีกำลังวังชามากขึ้นกว่าเดิม เขาก็กระโดดเข้ามาจับไหล่ของหลิงหยุนไว้พร้อมกับถามอย่างตื่นเต้น
“นี่เจ้าเป็นลูกชายของท่านลุงสามจริงๆหรือนี่!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าไม่เชื่ออย่างนั้นรึ!”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงเช่นนี้..ตระกูลหลิงของเราก็รอดแล้วสิ!”
หลิงหย่งนั้นดูเป็นชายหนุ่มที่มีความจริงใจและพูดจาตรงไปตรงมา..
“ลุงสอง..ข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านก่อน..”
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้หลิงเย่วแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาหลิงเจิ้นพร้อมกับทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขา และตามมาด้วยเหล่านักรบตระกูลหลิง
หลังจากที่หลิงหยุนทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเหล่านักรบตระกูลหลิงแล้วทุกคนต่างก็คุกเข่าลงคาราวะเขา และมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่ทั้งรักและศรัทธาบ่งบอกว่าพร้อมที่จะติดตามหลิงหยุนไปตลอด
บทที่ 719 : รักษาอาการบาดเจ็บให้ทุกคน!
พลังอมตะเหลือง-ดำที่ได้จากสมุดจักรพรรดินั้นมีพลานุภาพไม่ต่างจากพลังอมตะที่ได้จากพู่กันจักรพรรดิซึ่งจะเป็นหยางบริสุทธิ์
และพลานุภาพของพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิก็เคยทำให้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นพลังชี่-9 ได้ชั่วคราวมาแล้ว และแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่หกถึงเจ็ดชั่วโมง แต่เพียงแค่นั้นหลิงหยุนก็สามารถตักตวงผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล!
และดูเหมือนว่าพู่กันจักพรรดิจะรู้จักอุปนิสัยของหลิงหยุนดีมากจึงไม่ค่อยยอมปลดปล่อยพลังอมตะออกมาให้เขาได้ใช้ประโยชน์อีกบ้างเลย
ส่วนสมุดจักรพรรดินั้นดูเหมือนจะใจกว้างกว่ามากเพราะปลดปล่อยพลังอมตะออกมาให้หลิงหยุนได้ใช้ประโยชน์ถึงสามครั้งสามครา และมากมายจนหลิงหยุนต้องเก็บไว้ในกล่องหยกที่แกะสลักค่ายกลหลุมพลังไว้
แต่ก็น่าเสียดายที่หลิงหยุนเพียงแค่สามารถเก็บพลังอมตะจากสมุดจักรพรรดิไว้ในกล่องหยกเท่านั้นแต่ไม่สามารถใช้มันพัฒนาเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นพลังชี่เหมือนเมื่อครั้งที่ได้รับจากพู่กันจักรพรรดิได้
หลิงลี่ชูแขนขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดังน้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตามากมายจนไหลลงอาบแก้ม และทั่วทุกอณูในร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้มไปหมด!
มันคือความตื่นเต้นที่สุดจนไม่อาจประมาณได้!
หลิงลี่ไม่ปิดบังขั้นกำลังภายในที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-8ของตนเอง พร้อมกับหันไปมองหลิงหยุนกับหลิงซิ่วด้วยความตื่นเต้นดีใจ!
“หลานขอแสดงความยินดีกับท่านปู่!”
หลิงหยุนและหลิงเสี่ยวคุกเข่าลงกับพื้นทำการคาราวะหลิงลี่พร้อมกัน!
“ลุกขึ้น..ลุกขึ้น!”
หลิงลี่ยังไม่ทันที่จะขยับร่างกายแต่ก็สามารถไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนและหลิงซิ่วได้แล้ว เขาพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้น
“ปู่มีความสุขมากจริงๆ!”
หลิงลี่ไม่สามารถเก็บงำความสุขที่มีเอาไว้ได้เขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตารักใคร่ พร้อมกับใช้กำปั้นชกไปที่ไหล่ของหลิงหยุนเบาๆ แล้วหยอกเย้าว่า
“เจ้าเด็กตัวแสบ..พรสวรรค์ของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์มากจริงๆ!”
หลิงหยุนสามารถสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างปู่กับหลานเลือดในกายของหลิงหยุนพุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้นดีใจพร้อมตอบกลับไปว่า
“ตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมา..ท่านปู่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นสู่ขั้นที่สูงกว่าได้ ก็เพราะเส้นลมปราณเสียหาย แต่โลกก็ยุติธรรม เพราะถึงแม้ว่าระดับขั้นของเท่านปู่จะไม่พัฒนา แต่ปราณเสวียน (เหลือง) และปราณหวง (ดำ) ในร่างกายของท่านปู่นั้นกลับแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ!”
“ต่อให้ไม่ได้ดื่มสมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้เขาไปอย่างน้อยท่านปู่ก็ต้องเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-6 ได้แน่นอน!”
หลิงหยุนพูดได้ถูกต้อง..เพราะระหว่างที่ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับหลิงลี่นั้น เขาสัมผัสได้ว่าลมปราณที่กักเก็บอยู่ในจุดตันเถียนของหลิงลี่นั้นเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6
ที่หลิงหยุนรู้ได้ก็เพราะเขาเองเพิ่งจะสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-6ในคฤหาสน์ชานเมืองด้านใต้ของตระกูลเฉินไปถึงหกเจ็ดคน พวกมันต่างก็สู้กับหลิงหยุนอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงทำให้เขาสามารถเข้าใจระดับกำลังภายในในขั้นนี้ได้เป็นอย่างดี
และหากหลิงหยุนไม่ค้นพบเรื่องนี้เขาก็คงจะไม่กล้าที่จะนำสมุนไพรล้ำค่าออกมาให้หลิงลี่กิน เพื่อเร่งการพัฒนาลำดับขั้นของหลิงลี่เป็นแน่..
หลิงหยุนอดที่จะนึกถึงหลิงเสี่ยวพ่อของเขาไม่ได้เขาพอจะเข้าใจได้ว่าตลอดระยะเวลาสิบแปดปีมานี้ พ่อของเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับเส้นลมปราณที่ติดขัดเสียหายนี้มากเพียงใด และจะต้องทนเจ็บปวดกับการฝืนบังคับตัวเองให้ต้องฝึกกำลังภายในตามคัมภีร์เสวียนหวงนี้อย่างไร หลิงเสี่ยวคงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างมากมาตลอดหลายปี
ในโลกใบนี้..ไม่ได้มีสิ่งที่ฟ้าประทานจริง! โอกาสทั้งหลายล้วนเกิดจากการเตรียมตัวที่พร้อม หลิงลี่ทนทุกข์มาตลอดสิบแปดปี แต่หลังจากนั้นกลับสามารถได้รับรางวัลตอบแทนอย่างคาดไม่ถึง และนั่นไม่ใช่ความโชคดี แต่มันคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับต่างหาก!
ระหว่างที่เดินลมปราณตามคัมภีร์เสวียนหวงนั้นหลิงลี่สัมผัสได้ว่าปราณเหลือง และดำภายในร่างกายของเขานั้น เคลื่อนผ่านเส้นลมปราณที่แข็งแกร่งขึ้น และเวลานี้เขาก็รู้สึกว่าตนเองมีพละกำลังอย่างมากมายมหาศาล
แต่หลิงลี่กลับตอบหลิงหยุนไปว่า“อะไรกัน.. หากไม่ใช่เพราะเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้ปู่ และให้ปู่กินสมุนไพรล้ำค่ามากมายเช่นนั้นแล้วล่ะก็ ตาเฒ่าอายุเจ็ดสิบปีอย่างปู่ มีหรือที่จะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้ในการเดินลมปราณเพียงแค่ครั้งเดียว!”
แน่นอนว่าไม่เพียงสมุนไพรล้ำค่าที่หลิงลี่กินเข้าแต่ยังมีน้ำลายมังกร พลังอมตะเหลืองดำจากสมุดจักรพรรดิ และพลังชีวิตจากต้นหลิวเทวะอีกด้วย..
และหากได้รับเข้าไปมากมายถึงเพียงนั้นแล้วหลิงลี่ยังไม่สามารถเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้ ก็นับว่าตระกูลหลิงไร้ซึ่งพรสวรรค์แล้วล่ะ!
และแน่นอนว่าสายเลือดตระกูลหลิงไม่ได้ไร้ซึ่งพรสวรรค์อย่างแน่นอนแต่กลับทรงพลังอย่างล้ำลึก ไม่เช่นนั้นเลือดของหลิงหยุนเพียงแค่หยดเดียว คงจะไม่สามารถทำให้แวมไพร์ยอมตนเป็นบริวารของเขาได้แน่!
“ห๊ะ!นี่มันอะไรกัน?!”
หลิงซิ่วถึงกับตกตะลึงนางรู้ว่าขั้นกำลังภายในของหลิงลี่ได้พัฒนาขึ้นมาก แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงลี่จะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้ในคราวเดียว!
หลิงซิ่วนั้นอยู่ในชั้นโฮ่วเทียน-9ในสายตาของนางนั้นขั้นเซียงเทียนล้วนเหมือนกันไม่ว่าจะระดับใหน เพราะนางนั้นไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงลี่ได้
“ท่านปู่..นี่ท่านเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 แล้วจริงๆเหรอคะ! นี่มัน..” หลิงซิ่วถึงกับอึ้งไป
“ถูกต้อง..แล้วนั่นก็เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ปู่รู้สึกว่ายังสามารถพัฒนาขั้นขึ้นไปได้อีก..”
หลิงหลี่ไม่คิดที่จะปิดบังหลิงซิ่วซึ่งเป็นหลานสาวสุดที่รักของตนเอง..
และหลิงลี่ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาขั้นต่อไปได้จริงๆและเวลานี้กำลังภายในของเขาก็แข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย เพราะจุดตันเถียนของหลิงลี่ในเวลานี้อัดแน่นไปด้วยพลังอมตะจากสมุดจักรพรรดิอยู่ถึงเจ็ดสิบส่วน
-หลิงหยุน..ลมปราณที่เจ้าถ่ายเทเข้าไปในร่างกายของปู่นั้นช่างทรงพลังมากเหลือเกิน!- หลิงลี่ใช้กระแสจิตพูดกับหลิงหยุนแทน
-ท่านปู่..นั่นเป็นพลังชีวิตเสวียน (เหลือง) และหวง (ดำ) จากมรดกตกทอดของตระกูลหลิง แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมันจึงมีมากกว่าในเวลาที่พวกเราฝึก..”
ตราบใดที่หลิงหยุนยังไม่แข็งแกร่งมากพอเขาจะไม่ยอมเปิดเผยความลับเรื่องสมุดและพู่กันจักรพรรดิให้ผู้ใดล่วงรู้โดยเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อใจหลิงลี่ซึ่งเป็นปู่ของตนเอง แต่เขาเกรงว่าหากเรื่องนี้แพร่งพายออกไป กลับจะนำหายนะมาสู่ตระกูลหลิงต่างหาก!
จนถึงเวลานี้..หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเกาเฉินเฉินได้แพร่งพรายความลับเรื่องนี้ออกไปบ้างแล้วหรือยัง!
แม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะตกลงมาอยู่ในขั้นบารอนแล้วและไม่สามารถทำให้เกาเฉินเฉินกลายเป็นบริวารได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ แต่ถึงกระนั้นเนตรปีศาจที่ใช้สะกดจิตของมันก็ทรงพลังไม่น้อยเลยทีเดียว เกาเฉินเฉินเป็นเพียงแค่คนธรรมดา คงยากที่จะต้านทานได้!
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนเองก็ยังค่อนข้างมั่นใจว่าเกาเฉินเฉินคงจะยังไม่ได้แพร่งพรายความลับเรื่องพู่กันจักรพรรดิออกไปแน่ไม่เช่นนั้น.. ตระกูลเฉินคงไม่มัวแต่วุ่นวายกับการจัดการกับตระกูลเกากับตระกูลหลิงอยู่เช่นนี้แน่ พวกมันคงจะต้องบุกไปหาหลิงหยุนที่เมืองจิงฉูเพื่อสืบหาพู่กันจักรพรรดิแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก และหลังจากจบเรื่องตระกูลหลิงในคืนนี้ หลิงหยุนจะต้องหาทางช่วยเกาเฉินเฉินออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“มรดกตระกูลหลิงงั้นรึ!ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเมื่อต้นหลิวเทวะได้ไปอยู่ในมือของเจ้า จะสามารถเติบโตแตกก้านใบได้สวยงามเช่นนี้ ฮ่า.. ฮ่า.. ข้าคงต้องให้รางวัลเหล่ากุ่ยแล้วล่ะ!”
หลิงหยุนย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของชายชราดีแต่เขาเองก็ไม่ต้องการติดอยู่กับการเป็นผู้นำตระกูลหลิง จึงเพียงแค่ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร..
“หลิงหยุน..ปู่เห็นเจ้าจับใครกลับมาด้วยคนหนี่ง ดูเหมือนจะเป็นเฉินไห่คุนแห่งตระกูลเฉิน”
“ถูกต้องแล้วท่านปู่..มันอยู่ใกล้กับความตายมากแล้ว!” หลิงหยุนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ได้!จะปล่อยให้มันตายไม่ได้.. ต้องทำให้มันบอกที่ซ่อนของพ่อเจ้าออกมาก่อน!” หลิงลี่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วข้าจะออกจากค่ายกลเขาวงกตนี้ได้อย่างไร!”หลิงลี่ถามขึ้นต่อจากนั้น
หมอกหนาสีขาวได้แยกสวนแห่งนี้ออกจากโลกภายนอกหลิงลี่จึงไม่สามารถออกไปด้านนอกได้
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้ไปยังตำแหน่งของหินต่างๆพร้อมกับบอกหลิงลี่ถึงวิธีออกจากค่ายกลเขาวงกตแห่งนี้ จากนั้นตัวเขาเองก็จัดการเรียกของทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ แล้วกระโดดออกจากค่ายกลเขาวงกตตามหลิงลี่ไป
“นี่น้องห้า..เจ้าพาข้าออกไปด้วยสิ!” หลิงซิ่วร้องตะโกนบอกพร้อมกับวิ่งตามทั้งสองคนที่กระโดดออกไป และปล่อยนางไว้ที่นี่คนเดียว
เสียงของหลิงหยุนคล้ายดังมาจากที่ไกลๆ“พี่หลิงซิ่ว.. ภายในค่ายกลมีพลังชีวิตเข้มขนมาก เหมาะสำหรับการฝึกฝน ท่านก็ฝึกวิชาอยู่ข้างในไปก่อนเถิด!”
“เจ้าเด็กตัวแสบ..ข้าจะฆ่าเจ้า!” หลิงซิ่วกระทืบเท้าอย่างโมโห แต่เมื่อหายโกรธใบหน้าสวยงามของนางก็กลับแดง..
“ลูกชายของลุงสามช่างเก่งกาจมากจริงๆ!”
หลิงซิ่วนั่งอยู่ในค่ายกลหลุมพลังและเริ่มฝึกฝนคัมภีร์เสวียนหวงอยู่เงียบๆคนเดียว และได้แต่คิดว่าหลิงหยุนพูดไม่ผิดจริงๆ ที่นี่สามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้าเร็วกว่าปกติหลายเท่านัก
หลิงลี่กับหลิงหยุนเดินออกมาจากค่ายกลเขาวงกตและตรงเข้าไปยังสวนชั้นที่หกของบ้านตระกูลหลิง และทั้งคู่ก็พบว่าภายในสวนชั้นที่หกนั้นมีคนอยู่เต็มไปหมด และทุกคนต่างก็มีสีหน้าตกใจสุดขีด!
ทุกคนต่างก็ตกอกตกใจในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหลิงลี่ถึงสองเรื่องซึ่งก็คือ..เรื่องที่หลิงลี่สามารถพัฒนาเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้แล้ว และเรื่องที่ผมของเขากลายเป็นสีดำขลับ และดูหนุ่มลงถึงยี่สิบปี!
เวลานี้หลิงลี่ดูราวกับชายอายุห้าสิบปีเท่านั้นใบหน้าของเขาเวลานี้ดูหนุ่มกว่าเหล่ากุ่ยเสียอีก!
จากการชำระล้างกล้ามเนื้อและไขกระดูกภายในร่างกายและการพัฒนาเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ประกอบกับรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ทำให้หลิงลี่หนุ่มขึ้นราวกว่าเดิมถึงยี่สิบปี!
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด..ให้หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเจ้าก่อน!” หลิงลี่โบกมือให้กับทุกคนที่กำลังทำการคำนับเขาอยู่
จากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มลงมือรักษาอาการบาดเจ็บให้กับผู้คนที่เหลือโดยเริ่มจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหลิงหย่งก่อน หลิงหยุนใช้พลังหยินหยางรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับเขา
หลังจากที่หลิงหย่งหายดีและมีกำลังวังชามากขึ้นกว่าเดิม เขาก็กระโดดเข้ามาจับไหล่ของหลิงหยุนไว้พร้อมกับถามอย่างตื่นเต้น
“นี่เจ้าเป็นลูกชายของท่านลุงสามจริงๆหรือนี่!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าไม่เชื่ออย่างนั้นรึ!”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงเช่นนี้..ตระกูลหลิงของเราก็รอดแล้วสิ!”
หลิงหย่งนั้นดูเป็นชายหนุ่มที่มีความจริงใจและพูดจาตรงไปตรงมา..
“ลุงสอง..ข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านก่อน..”
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้หลิงเย่วแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาหลิงเจิ้นพร้อมกับทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขา และตามมาด้วยเหล่านักรบตระกูลหลิง
หลังจากที่หลิงหยุนทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเหล่านักรบตระกูลหลิงแล้วทุกคนต่างก็คุกเข่าลงคาราวะเขา และมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่ทั้งรักและศรัทธาบ่งบอกว่าพร้อมที่จะติดตามหลิงหยุนไปตลอด