Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 563 : หยกมังกรเขียว!
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 563 : หยกมังกรเขียว!
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้จะ..” หลินเจิ้งกังได้แต่พึมพำออกมาเบาๆ
เขาประหลาดใจมาก และเริ่มเข้าใจได้ว่าเพระเหตุใดตระกูลหลงจึงรีบถอนตัวจากการแต่งงานครั้งนี้
หากหลิงหยุนเป็นต้นเหตุให้ตระกูลใหญ่อย่างตระกลูหลงต้องหวั่นเกรง? ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก!
และหากหลิงหยุนเป็นต้นเหตุของความหวาดกลัวของตระกูลหลงในครั้งนี้จริง นั่นย่อมหมายความว่าอำนาจของตระกูลใหญ่ในประเทศนี้ อาจกำลังจะเกิดการสับเปลี่ยนก็เป็นได้!
“พ่อคะ.. เรื่องที่พ่อคิดไม่ถึงยังมีอีกมาก..” หลินเมิ่งหานยิ้ม และใบหน้างดงามนั้นก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เฮ้อ..”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน หลินเจิ้งกังก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดวงตาคมกริบของเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และรีบถามขึ้นทันที
“ยังมีเรื่องอะไรอีก? เล่าให้พ่อฟังเร็วเข้า!”
“พ่อคะ.. เมื่อครู่พ่อเพิ่งจะด่าหลิงหยุนไปเองไม่ใช่เหรอ?” หลินเมิ่งหานนึกถึงคำพูดที่พ่อของเขาต่อว่าหลิงหยุน จึงได้แต่ย้อนถาม
“เมิ่งหาน.. เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงตระกูลหลินของเรา เจ้าต้องเล่ามาให้พ่อฟังทั้งหมด อย่าได้ปิดบังแม้แต่นิดเดียว ลูกเข้าใจใช่มั๊ย?”
หลินเจิ้งกังในฐานะที่เป็นถึงผู้บังคับบัญชากองทัพ ย่อมมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เขาสงบสติอารมณ์ และตั้งใจฟังลูกสาวเล่าโดยปราศจากอารมณ์โกรธ และตกใจอีก
“พ่อคะ.. แต่พ่อต้องรับปากกับหนูก่อนว่า จะไม่เล่าเรื่องนี้ให้กับคนนอกฟัง?”
เรื่องของหลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับที่สุด หลินเมิ่งหานไม่เคยแพร่งพรายให้กับคนภายนอกรู้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะเป็นญาติของเธอเอง
ไม่เพียงเท่านั้น.. ในฐานะที่เป็นภรรยา ถึงแม้จะรู้ว่าสามีของตนเองเก่งกาจเพียงใด แต่ก็ได้แต่เก็บความภาคภูมิใจนี้ไว้กับตัวเองคนเดียว
“พ่อรับปาก..” หลินเจิ้งกังตอบทันที และแทบจะทนรอคอยต่อไปไม่ได้
หลินเมิ่งหานยิ้มเล็กน้อย และเริ่มเล่า..
“พ่อคะ.. พ่อคงจะรู้เรื่องที่เรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นถูกชายลึกลับโจมตีจนเสียหายที่บริเวณเกาะเตียวหยู่ใช่มั๊ยคะ? แล้วก็เรื่องที่มีนักรบกว่าร้อยคนถูกฆ่าตาย แล้วก็เรื่องที่ทหารญี่ปุ่นยิงระเบิดจมเรือของฝั่งตัวเอง ทั้งหมดนี้พ่อรู้เรื่องใช่มั๊ยคะ?”
แน่นอน.. เรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้มีหรือที่คนระดับหลินเจิ้งกังจะไม่รู้เรื่อง!
หลิงหยุนถล่มเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นไปหลายลำ และสังหารนักรบนินจาไปอีกเป็นร้อย อีกทั้งยังเอาธงชาติจีนขึ้นไปปักบนเกาะเตียวหยูอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
เรื่องที่จะเป็นประเด็นที่อาจก่อให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศเช่นนี้ หลินเจิ้งกังในฐานะผู้บังคับบัญชากองทัพของประเทศจีน มีหรือที่จะไม่รู้ดีกว่าคนอื่นๆ
เพราะในตอนนั้น.. ทางฝ่ายญี่ปุ่นเองก็เดือดดาลอย่างหนัก แม้แต่หลินเจิ้งกังเองยังต้องออกคำสั่งให้กองทัพที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตนเตรียมพร้อมสำหรับการรบ
ไม่เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพอื่น หรือนายพลระดับอาวุโสในกองทัพบางคน เมื่อล่วงรู้ข่าวนี้ก็ถึงกับพากันฉลอง และต่างก็พูดถึงชายลึกลับที่เป็นยอดฝีมือผู้นี้ด้วยความนับถือและศรัทธา!
ไม่มีใครเลยที่จะไม่ชื่นชม และไม่มีใครเลยที่จะไม่รู้สึกภาคภูมิใจ!
ทหารนั้นถูกฝึกมาเพื่อการรบ ทุกคนล้วนแล้วแต่พร้อมที่จะเดินเข้าสู่สนามรบได้เสมอ สนามรบจึงเปรียบเสมือนสถานที่ที่ทหารทุกนายมีหน้าที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจของตนเองให้สำเร็จ
ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวกับทหาร จึงไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากนัก ทหารทุกนายมีเพียงสำนึกแห่งความภาคภูมิใจในความเป็นทหารจีน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องรบ ก็สามารถออกรบได้โดยไม่รู้สึกเกรงกลัว และไม่สนใจว่าจะต้องรบกับใคร?
“ทำไม? อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ.. หลิงหยุน!?” หลินเจิ้งกังถึงกับอ้าปากค้าง และไม่สามารถหุบลงได้อีก!
หลินเมิ่งหานถึงกับหัวเราะออกมา “ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับหลิงหยุนนะคะ แต่ยอดฝีมือลึกลับคนนั้นก็คือหลิงหยุนว่าพี่ลูกเขยของพ่อในอนาคตต่างหาก!”
“อะไรนะ?!” หลังจากที่หลินเจิ้งกังได้ยินหลินเมิ่งหานพูด เขาก็ถึงกับกระโจนลุกขึ้นจากโซฟาทันที เพราะเรื่องนี้ยิ่งทำให้เขาตกใจมากขึ้นไปอีก!
“สองสามวันที่แล้ว หลงเทียนเจียวก็มาวุ่นวายกับหนูที่บ้าน ก็เลยถูกหลิงหยุนซัดกลับไป! หลิงหยุนตบหน้าเขาเพียงแค่ครั้งเดียว หลงเทียนเจียวก็กระเด็นลอยออกนอกประตูไปเลย พ่อเห็นต้นไม้ต้นนั้นมั๊ยคะ..”
หลินเมิ่งหานชี้ไปที่ยอดสูงของต้นไม้ที่อยู่ด้านนอก “ตอนนั้น หลงเทียนเจียวที่ถูกตบหน้าบวมก็ไปห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้ต้นนั้น แต่พอลงมาจากต้นไม้ เขาก็รีบประกาศศยกเลิกการแต่งงานกับหนูทันที..”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น หลินเมิ่งหานก็ได้แต่รู้สึกผิด และเหตุการณ์ครั้งนั้นก็มีเพียงพวกเขาและเธอสามคนเท่านั้นที่รู้ ความรู้สึกผิดนี้จึงยังคงติดค้างอยู่ในใจหลินเมิ่งหาน แต่ในที่สุดเธอก็ได้บอกกับพ่อของเธอเสียที
หลินเมิ่งหานแทบไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากอีก เพราะเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว!
เพียงแค่สองเรื่องนี้ก็เพียงพพอที่จะทำให้หลินเจิ้งกังรู้สึกประทับใจในตัวหลิงหยุนขึ้นมาอย่างมาก และสามารถเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ในทันที!
ช่างเก่งกาจอย่างน่าเหลือเชื่อ! อัศจรรย์มาก!
และแล้วหลินเจิ้งกังก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด! ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตระกูลหลงจึงส่งจดหมายมาขอยกเลิกการแต่งงาน และไม่กล้ามีปัญหาอะไรกับตระกูลหลินแม้แต่น้อย!
“เด็กหนุ่มคนนี้.. เก่งกาจแล้วก็แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวรึ? แต่ทำไมพ่อถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน..”
หลินเจิ้งกังไม่สามารถนั่งสงบจิตสงบใจได้อีก เขาเดินกลับไปกลับมาช้าๆอยู่ในห้องรับแขก ภายในจิตใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างยากที่จะอธิบาย
“พ่อคะ.. สายตาของหนูเป็นไงบ้าง?” ใบหน้างดงามของหลินเมิ่งหานเปล่งประกาย และยิ้มออกมาอย่างความภาคภูมิใจ
“ก็ไม่เลว..” หลินเจิ้งกังตอบด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“พ่อคะ. หลิงหยุนเก่งขนาดนี้ พ่อแค่พูดว่า ‘ไม่เลว’ เองเหรอคะ..!?” หลินเมิ่งหานประท้วงอย่างไม่พอใจ
“พ่อต้องไปเจอเขา!”
ในที่สุดหลินเจิ้งกังก็ตัดสินใจที่จะไปพบหลิงหยุนด้วยตัวเอง เขาหยุดเดินและรีบหันกลับไปถามหลินเมิ่งหาน
“เมื่อครู่ลูกบอกว่าหลิงหยุนจะเปิดคลีนิคพรุ่งนี้ใช่มั๊ย?”
หลินเมิ่งหานรีบตอบกลับทันที “ใช่ค่ะ.. หนูเองก็กำลังคิดว่าจะหาอะไรเป็นของขวัญให้กับเขาดี แต่หลิงหยุนเองก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว จะให้เป็นเงินอีกก็คงไม่ดี!”
หลินเจ้งกังยกมือขึ้นลูบศรีษะของตนเองแล้วตอบกลับไปยิ้มๆ “เรื่องนั้นลูกไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพ่อจะจัดการเอง พ่อจะรีบโทรหาปู่ของลูกเดี๋ยวนี้ล่ะ..”
…………
ภายในบ้านของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว – หลงคุน ที่อยู่ตามแนวเทือกเขาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองจิงฉู
“เฮ้อ.. หลิงหยุนจะเปิดคลินิกพรุ่งน้าแล้ว จะให้อะไรเขาเป็นของขวัญดี..”
หลงหวู่รู้สึกเครียดที่คิดหาของขวัญให้กับหลิงหยุนมาถึงสองวันแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ออก?
หลงคุนที่กำลังเดินเล่นในสวนได้ยินเข้า จึงตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “
ยังต้องให้ของขวัญอะไรอีก? พ่อยกแก๊งมังกรเขียวที่ก่อตั้งมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองให้เขาไปแล้ว ยังทิ้งเงินในบัญชีไว้ให้อีกตั้งสามร้อยล้าน ยังไม่เพียงพออีกรึไง?!”
หลงหวู่ทำเสียงไม่พอใจ “ก็ใช่ค่ะ..! แต่.. แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน!”
หลงหวู่นั้นฉลาดล้ำลึก หลิงหยุนมีสาวสวยที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้มากมายอยู่รอบตัว และแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีภูมิหลัง และฐานะที่ไม่ธรรมดาเลย หลงหวู่รู้ดีว่า ในวันเปิดคลินิกของหลิงหยุนพรุ่งนี้ จะไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเปิดคลินิกธรรมดาๆ แต่มันคือการแข่งขันกลายๆนั่นเอง!
หลงหวู่เองก็ต้องไปแสดงความยินดี เธอจึงไม่ต้องการพ่ายแพ้ให้กับสาวๆคนอื่นของหลิงหยุน!
ถึงแม้หลงหวู่จะรู้ดีว่า หลิงหยุนเป็นคนไม่สนใจเรื่องพิธีการอะไรพวกนี้ แต่หากครั้งนี้เธอพ่ายแพ้ก็เท่ากับว่าเธอต้องเสียหน้าไปด้วย และหากต้องเผชิญหน้ากับสาวๆคนอื่นของหลิงหยุนในครั้งต่อไป เธอก็จะรู้สึกต่ำต้อยกว่า มีหรือที่หลงหวู่จะยอมรับความรู้สึกเช่นนี้ได้!
เธอเป็นถึงคู่หมั่นที่เพียบพร้อมของหลิงหยุน! หลิงหยุนเองก็เคยมอบของหมั้นให้กับเธอ มีหรือที่ครั้งนี้เธอจยอมแพ้!
เสี่ยวเม่ยหนิงชอบประกาศตัวต่อหน้าสาธารณชนว่าเธอเป็นแฟนหลิงหยุน! ดังนั้นหลงหวู่จึงไม่ใส่ใจกับหญิงสาวคนอื่นมากเท่ากับเสี่ยวเม่ยหนิง อย่างน้อยเธอก็ต้องไม่น้อยหน้าเสี่ยวเม่ยหนิง!
“เฮ้อ.. เลี้ยงลูกสาวแค่คนเดียว ทำไมถึงได้ยากเย็นแบบนี้นะ..?!”
หลงคุนถึงกับถอนหายใจและส่ายหน้า แล้วจึงตอบไปว่า “เจ้าไปที่เตียงของพ่อ หยิบแผ่นไม้กลมๆออกมาให้พ่อที..”
หลิงคุนได้แต่คิดในใจว่า.. ถึงเวลาที่เขาจะต้องนำมันออกมาแล้วสินะ!
“พ่อจะเอามาทำอะไรคะ?!”
หลงหวู่ไม่เข้าใจว่าแผ่นไม้กลมๆธรรมดาๆนั้นมีอะไร พ่อของเธอจึงได้เก็บรักษา และดูแลทะนุถนอมราวกับสมบัติล้ำค่า แล้วก็ไม่เคยให้ห่างตัวเลย
“ไปหยิบมาให้พ่อก่อน!” หลงคุนพูดด้วยน้ำเสียง และใบหน้าที่เศร้าสร้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองลูกสาว
“ค่ะ..”
หลงหวู่เดินเข้าไปในห้องนอนของหลงคุน และเห็นแผ่นไม้ทรงกลมขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่ ซึ่งจะทำจากไม้อะไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่สีของมันนั้นทั้งเข้มและเป็นประกาย
หลงหวู่หยิบแผ่นไม้วงกลมออกมาจากห้องนอน และยื่นให้กับหลงคุน
หลงคุนรับแผ่นไม้ทรงกลมมาไว้ในมือ เขาลูบไล้มันอย่างอ่อนโยน พร้อมกับนึกถึงหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งซึ่งก็คือแม่ของหลงหวู่นั่นเอง!
“ของสิ่งนี้เสมือนชีวิตของแม่เจ้า..” หลงคุนพูดช้าๆ ใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย และดวงตาก็เริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา
“อะไรนะคะ?!” หลงหวู่ร้องออกมาอย่างตกใจ
“แต่มันก็ไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้วล่ะ! ผ่านมาตั้งสิบแปดปีแล้ว ควรจะได้รับการปลดปล่อยเสียที!”
หลงคุนพูดยังไม่ทันจบประโยคดี มือขวาของเขาก็ออกแรงบีบแผ่นไม้ทรงกลมจนแตกออกจากกัน
ทันทีที่แผ่นไม้แยกออกจากกัน ก็ปรากฏแผ่นหยกขึ้นต่อหน้าหลงหวู่ แผ่นหยกนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวหกถึงเจ็ดเซ็นติเมตร และกำลังเปล่งประกายเจิดจ้า
“นี่..”
หลงหวู่คิดไม่ถึงว่าแผ่นไม้วงกลมที่ดูเหมือนไม่มีช่องว่างอะไรด้านในนี้ จะมีแผ่นหยกขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ เธอได้แต่กระพริบตา และจ้องมองแผ่นหยกตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา
“นี่มันรูปมังกรนี่คะ..!”
หลงหวู่มองแผ่นหยกวงกลมที่แกะสลักเป็นรูปเทพเจ้ามังกร ทั้งกรงเล็บ และฟัน ล้วนแล้วแต่แกะสลักได้ดูราวกับมีชีวิต
“ถูกต้อง.. มันคือมังกร มังกรเขียว!”
หลงคุนลูบไล้ลวดลายมังกรเขียวบนแผ่นหยกอย่างนุ่มนวล และทะนุถนอม ก่อนจะค่อยๆวางแผ่นหยกลงในมือของหลงหวู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ลูกนำแผ่นหยกนี้ไปให้หลิงหยุน รับรองว่าลูกจะไม่พ่ายแพ้ให้กับใครอย่างแนนอน!”
หลงคุนตอบกลับไปด้วยแววตาที่เป็นประกาย เต็มไปด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ
“หยกนี้เป็นหยกที่ดีก็จริง แต่..”
หลงหวู่ได้แต่คิดในใจว่า.. ต่อให้เป็นหยกที่ดีแค่ใหน หากนำไปขายให้กับร้านขายของเก่า ก็คงมีมูลค่าสูงสุดไม่เกินห้าล้านหยวน
“เพียงเพราะหยกชิ้นนี้ พ่อถูกไล่ล่ามาตลอดชีวิต และแม่ของเจ้าก็ปกป้องมันด้วยชีวิต นี่ยังไม่มีค่าเพียงพออีกงั้นรึ?!” หลงคุนเห็นลูกสาวยังคงคร่ำครวญไม่เลิก จึงได้แต่ร้องตะโกนออกไป!
หลงคุนไม่เคยเสียงดังใส่ลูกสาวเช่นนี้มาก่อน!
หยกมังกรเขียวชิ้นนี้ ซ่อนความลับไว้มากมายที่หลงหวู่ไม่มีทางได้รู้!