Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 536
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 536 : หนี!
หลิวลี่นั่งอยู่ข้างเตียง ค่อยๆใช้สองมือประคองไข่มุกราตรีไว้อย่างทะนุถนอม และระมัดระวัง ไหล่ของเธอสั่นสะท้านไปหมด และน้ำตาก็ระเบิดออกมาเป็นสาย
หลิวลี่ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน การจะมีเพชรพลอยสักชิ้นย่อมเป็นเรื่องยากลำบาก ทุกวันนี้เครื่องประดับในตัวเธอก็มีเพียงแค่แหวนแต่งงานมูลค่าไม่ถึงสองร้อยหยวนเพียงแค่วงเดียวเท่านั้น
แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือของเธอกลับเป็นไข่มุกล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ ในใจของเธอนั้นทั้งตกใจ และตื่นเต้นจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้
สายตาของหลิงหยุนที่มองหลิวลี่นั้นมีเพียงความบริสุทธิ์ใจ และไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นปิดบังเลยแม้แต่น้อย
หลิวลี่สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง และหากหลิงหยุนต้องการจะมองทะลุเนื้อผ้าให้เห็นเนื้อหนังที่อยู่ด้านในก็ไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกด้วย แต่เขาไม่คิดที่จะทำเช่นนั้น
หลิวลี่แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน แต่ก็สัมผัสได้ว่าหลิงหยุนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงรู้สึกเก้อเขิน..
หลิวลี่เริ่มจะเป็นเป็นแม่คน หน้าอกของเธอจึงใหญ่โตกว่าหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาก และผิวพรรณก็มีน้ำมีนวลขึ้นมากเช่นกัน
แม้ว่าหลิวลี่จะสวมชุดคลุมท้องที่มีเนื้อผ้าบางเบา แต่บรรยากาศภายในห้องกลับเริ่มร้อน..
“ฉันยังไม่อยากออกไปข้างนอก คุณนั่งเป็นเพื่อนฉันก่อนจะได้มั๊ย..?” หลิวลี่ตบมือลงข้างเตียงพร้อมกับบอกหลิงหยุนอายๆ
“ได้สิ..” หลิงหยุนไม่ทีท่าทางกระอักระอ่วน หรือปฏิเสธอีก เขายิ้มพร้อมกับนั่งลงข้างหลิวลี่ทันที
หลิงหยุนไม่ได้สัมผัสร่างกายของหลิวลี่เลยแม้แต่น้อย ต่อให้ห้องนี้จะไม่สว่างมากนัก แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่สำนึกผิดชอบชั่วดีของเขายังคงชัดเจน..
หลิวลี่หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “กระเถิบเข้ามาอีกสิ.. ”
หลิงหยุนมองระยะห่างระหว่างเขากับหลิวลี่ แล้วยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพร้อมกับพูดแหย่หลิวลี่..
“ใกล้เกินไป.. ไฟจะช็อตเอาน่ะสิ!”
หลิวลี่ได้ฟังคำพูดหยอกเย้าของหลิงหยุน ก็ได้แต่หัวเราะออกมาพร้อมกับถามยิ้มๆ “ไข่มุกนี่.. คุณให้ฉันจริงๆเหรอ?”
หลิงหยุนพยักหน้าจริงจัง “จริงสิ.. ผมให้คุณจริงๆ!”
หลิวลี่ดีใจมากจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ “จริงนะ.. งั้นฉันก็จะรับไว้จริงๆนะ!”
หลังจากพูดไปแล้ว.. หลิวลี่ก็ค่อยๆวางไข่มุกราตรีลงข้างเตียงอย่างทะนุถนอม แล้วจึงหันกลับมามองหลิงหยุน เธอขยับตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับเอนกายซบศรีษะลงบนไหล่ของหลิงหยุน
“ฉันขออยู่แบบนี้ประเดี๋ยวนะ..” หลิวลี่ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า..
ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยผ่านประสบการณ์เช่นเดียวกันกับหลิวลี่มา ก็จะสามารถเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ทันทีว่า การต้องรอคอยใครสักคนเป็นเวลานานมากๆนั้น จิตใจของคนผู้นั้นจะเริ่มเหนื่อยล้า และอ่อนแรง
หลิงหยุนไม่ผลักไส และได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร ปล่อยให้หลิวลี่ซบศรีษะลงบนไหล่ของเขาเช่นนั้น..
ภายในห้องนอนเวลานี้มีเพียงความเงียบสงัด แม้แต่เข็มสักเล่มตกลงพื้นก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน จนกระทั่งผ่านไปราวสองสามนาที เสียงของหลิวลี่จึงดังขึ้น..
“น้องชายมีความสามารถเก่งกาจแบบนี้ หน้าตาก็หล่อเหลา คงจะมีแฟนแล้วสินะ?”
“ครับ!” หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สงบนิ่ง
“เธอคงจะสวยมากสินะ!” ในใจของหลิวลี่นั้นยากที่จะอธิบายได้ จะบอกว่าอิจฉาก็ไม่ใช่ แต่น่าจะเป็นความรู้สึกใจหายเสียมากกว่า
“ครับ.. แต่พี่สาวก็สวยมากเหมือนกัน..” หลิงหยุนตอบพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อย่ามาหลอกให้ฉันดีหน่อยเลย! ถ้าฉันสวยอย่างที่คุณพูดจริง ทำไมคุณถึงไม่แตะเนื้อต้องตัวฉันเลย..”
“เพราะคุณคือพี่สาวของผม..” หลิวตอบยิ้มๆ
“ถ้าฉันยังไม่ได้แต่งงาน คุณจะ..” หลิวลี่ถามพร้อมกับหลับตาลงไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุน
“แน่นอน!” หลิงหยุนยิ้ม
หลิวลี่ได้ฟังจึงรีบหันไปกระซิบข้างหูหลิงหยุน “แล้วถ้าตอนนี้ฉันหย่าแล้วล่ะ..”
หลิงหยุนต้องอดทนอดกลั้นต่อแรงดึงดูดของเพศหญิงอย่างมาก.. เพราะตอนนี้หลิวลี่ที่เคยมีใบหน้าซีดเซียวร่างกายผ่ายผอมนั้น ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากหลิงหยุนเป็นอย่างดี และหลังจากที่สภาพจิตใจของเธอกลับสู่ความสงบ ความโศกเศร้าและกังวลใจต่างๆก็ได้มลายหายไป หลิวลี่ในยามนี้จึงงดงามสดใสมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้หลิวลี่มีใบหน้าที่สดใส สว่าง และสวยงาม ริมฝีปากแดง ผิวพรรณก็เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลไม่ต่างจากสาวน้อย
อารมณ์ของหลิวลี่ในเวลานี้ปั่นป่วนอย่างมาก เธอโยนทุกอย่างทิ้งไว้ข้างหลัง เธอต้องการที่จะมีช่วงเวลาที่ดีกับหลิงหยุนสักครั้ง และเพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอจดจำมันไปชั่วชีวิต
หลิงหยุนเป็นสุภาพพบุรุษที่ไม่หวั่นไหวเลยเช่นนั้นหรือ? ไม่เลย!
หากเปลี่ยนหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นคนอื่น หลิงหยุนคงจะไม่สนใจอะไร และจับเธอนอนลงไปบนเตียงตั้งนานแล้ว!
แต่ต้องไม่ใช่กับหลิวลี่!
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย เขาหันไปหาหลิวลี่พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของเธอไว้ หลิงหยุนจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิวลี่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่หลิว.. ความรู้สึกของคุณผมเข้าใจดี! แต่คุณมีสามีแล้ว ไม่ควรทำเช่นนี้! ต่อให้คุณไม่นึกถึงครอบครัว ก็ควรนึกถึงลูกในท้อง..”
หลิวลี่ทำใจกล้าจ้องมองหลิงหยุน พร้อมกับแสร้งทำเป็นโกรธ “คุณคงคิดว่าการที่ฉันทำแบบนี้ เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมากสินะ?”
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย!”
หลิงหยุนรู้จักเสน่ห์ของตนเองดี เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของหลิวลี่..
“ถ้าอย่างนั้นฉันขออะไรสักอย่าง.. คุณช่วยกอดฉันไว้หน่อยจะได้มั๊ย?” หลิวลี่ร้องขอ
หลิงหยุนพยักหน้า และอ้าแขนโอบกอดหลิวลี่ไว้
“กอดแน่นกว่านี้อีกสิ..” หลิวลี่ร้องบอก
“แบบนี้เหรอ..?”
“คนขี้ขลาด..” หลิวลี่บ่นพึมพำ
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า ‘เจ้าว่าข้าขี้ขลาด.. เจ้ายังไม่เคยเห็นเวลาที่ข้าใจกล้าต่างหาก!’
“วันนี้อย่าเพิ่งรีบกลับจะได้มั๊ย..? นานๆคุณจะมาที่นี่ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน..”
‘จะให้ข้าอยู่ต่อได้อย่างไรกัน?’ หลิงหยุนรู้สึกว่าหากเขาขืนอยู่นานกว่านี้ เขาคงจะอดใจไม่ไหวต้องลงเอยกับหลิวลี่อย่างแน่นอน จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“พี่หลิว.. ผมมีธุระมากมายต้องกลับไปจัดการ ถังเมิ่งก็กำลังรอผมอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน..”
หลิงหยุนรีบใช้ถังเมิ่งเป็นข้ออ้าง และเป็นเกราะป้องกันตัวเอง!
หลิวลี่ถามขึ้นด้วยสีหน้าผิดหวัง “คุณยังเป็นแค่เด็กอายุแค่สิบแปด ทำไมถึงได้มีธุระมากมาย..”
หลิงหยุนได้แต่ตอบกลับไปว่า “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับไปได้แล้ว.. ฉันไม่รั้งคุณไว้แล้ว แต่อย่าลืมเปิดโทรศัพท์ไว้นะ ฉันจะได้ไม่เป็นห่วง!”
หลิวลี่ไม่มีทางเลือกอื่น.. ไฟในใจของเธอนั้นปะทุรุนแรงมากขึ้น และมากขึ้น ขืนปล่อยให้หลิงหยุนอยู่ที่นี่นานกว่านี้ ไม่รู้ว่าเธอจะทำเรื่องอะไรน่าอายมากไปกว่านี้อีก..
หลิงหยุนรีบกระโดดลุกขึ้นจากเตียงราวกับถูกไฟลนก้น..
“พี่หลิว.. ผมชอบลืมชาร์จโทรศัพท์มือถืออยู่บ่อยๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้เปิดด้วย ถ้าพี่มีอะไร หรือโทรหาผมไม่ได้ ก็โทรหาถังเมิ่งแทนได้เลย เขาสามารถหาผมพบได้อย่างแน่นอน”
ความจริงแล้ว.. หลิงหยุนมักเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในแหวนพื้นที่ และนั่นเท่ากับว่ามันได้หายไปจากโลกใบนี้ ซึ่งดีกว่าการปิดเครื่องไว้เสียอีก
“เด็กในท้องคนนี้คุณย่าของเขาได้ตั้งชื่อไว้ให้ว่า.. หลี่เจี้ยน ซึ่งมีความหมายว่าจดจำความเมตตาของน้องชาย!”
“ความจริงแล้วต้องอ่านว่า.. หลี่จี้หยุน! แต่เพราะนั่นเป็นชื่อของน้องชาย พวกเราเห็นว่าไม่สมควรใช้ชื่อเดียวกับคุณ จึงได้เรียกเขาว่า.. หลี่เจี้ยน!”
หลิวลี่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้ไปที่ท้องของตัวเองระหว่างที่เล่าให้หลิงหยุนฟังอย่างมีความสุข
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย?” หลิงหยุนส่ายหน้า
“ทำไมถึงจะใช้ชื่อที่มีความหมายแบบนี้ไม่ได้ล่ะ?”
หลิวลี่เดินเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับจับแขนของเขา และพูดต่อว่า “บ้านที่พวกเราอาศัยอยู่ รถที่จอดอยู่ด้านนอก อาหาร เสื้อผ้า ทุกอย่างล้วนเป็นความเมตตาจากคุณ..”
“ความเจ็บป่วยของฉันคุณก็เป็นผู้รักษาให้ ชีวิตของลูกกับสามี คุณก็เป็นคนช่วยไว้ คุณเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา! ถ้าไม่มีคุณ บ้านหลังนี้พวกเราคงไม่มีโอกาสได้อยู่ แล้วทำไมถึงไม่ให้พวกเราจดจำความเมตตาของคุณไว้ล่ะ..”
หลิวลี่จับมือถือแขนหลิงหยุนอย่างสนิทสนมขณะที่เดินไปส่งเขาที่ประตู พร้อมกับพูดเสียงเบา “เรื่องวันนี้อย่าได้เล่าให้ใครฟัง!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ผมไม่โง่ขนาดนั้น!”
หลิวลี่ตอบกลับไปว่า “คุณเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกต่างหาก..”
หลิงหยุนหัวเราะอีกครั้ง “นี่ผมคงต้องตอบว่า ‘ใช่’ สินะ..”
จากนั้นหลิงหยุนก็พูดต่อยิ้มๆ “พี่หลิว.. คุณมีหน้าที่อยู่บ้านทำจิตใจให้สงบ เรื่องเงินทองใช้จ่าย ผมได้เตรียมไว้ให้อย่างเพียงพอแล้ว!”
หลิวลี่รีบบอกไปว่า “เงินสองแสนที่ให้ไว้ยังใช้ไม่หมดเลย!”
ใหนจะยังมีอีกหนึ่งล้าน..
หลิงหยุนมองสายตาของหลิวลี่แล้วเริ่มรู้สึทนไม่ได้ เขาจึงรีบบอกไปว่า “งั้นผมต้องขอตัวก่อน..”
หลิงหยุนโบกมือร่ำลาหลิวลี่ และรีบเดินไปตามถนนในหมู่บ้านจนกระทั่งหายลับตาไป..
จะเรียกว่าเป็นการหนีก็ได้..
หลิวลี่จ้องมองแผ่นหลังของหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม แต่ความคิดของเธอกลับล่องลอยไปใหนต่อใหนแล้ว
แม้ว่าหลิวลี่จะไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ แต่ทั้งคู่ต่างก็รู้ว่ามีเมล็ดพันธุ์พิเศษบางอย่างได้ฝังลงในจิตใจของคนทั้งคู่แล้ว และกำลังหยั่งรากรอวันเติบโตขึ้นในอนาคต ซึ่งเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้