Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 491
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 491 : ตกตะลึงทั้งเมือง!
คืนนี้บรรยากาศช่างสวยงามนัก แสงสีนวลของพระจันทร์สาดส่องกระทบผืนน้ำในทะเลเป็นประกายระยิบระยับ ลมพัดมาเบาๆ และมีเมฆลอยอยู่บางเบา..
หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อยืนนิ่งอยู่เหนือพื้นน้ำที่กำลังทอประกายระยิบระยับ ทั้งคู่กำลังจ้องมองเรือที่ค่อยๆจมดิ่งลงไปในทะเล
หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะก้าวเดินอยู่บนพื้นน้ำเข้าสู่ฝั่ง ภาพของทั้งคู่นั้นไม่ต่างจากหนังจีนกำลังภายในที่หลายคนได้เคยดูมา
ระยะทางเพียงแค่สองกิโลเมตรห่างจากฝั่งนั้น ทั้งหลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อกระโดดเพียงแค่สิบครั้งก็สามารถขึ้นฝั่งได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที
หลิงหยุนรู้ว่าไม่ควรแต่งชุดที่สวมอยู่นี้เข้าไปในตัวเมือง เขาจึงหาสถานที่จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองตามปกติแทน
“นายท่าน.. เหตุใดจึงต้องจมเรือด้วย?”
ระหว่างทางที่หลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อไปยังเขตหลงว่านนั้น นางก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
หลิงหยุนมองแสงไฟที่อยู่ไกลออกไป เขายิ้มให้ไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับอธิบายว่า “เซียนเอ๋อ.. มีคนมากมายได้เห็นเรือลำนี้แล้ว ข้าจึงไม่ต้องการให้มีคนสะกดรอยตาม และหาเราสองคนพบ”
ทั้งสองคนเดินข้ามถนนเส้นหลัก แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งเขาและไป๋เซียนเอ๋อจะต้องเผชิญกับสภาพรถติดอย่างมาก และระหว่างที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงสีแยกนั้น หลิงหยุนก็พึมพำกับตัวเองเบาๆว่าสงสัยจะมีอุบัติเหตุรถชนกัน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคิดจบ ก็ได้ยินเสียงบีบแตร และเสียงเหยียบเบรกดังระงม
ปิ๊น.. เอี๊ยด.. เสียงรถบนท้องถนนพากันบีบแตร และเบรกกันดังสนั่น
ถัดจากหลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อไปราวหนึ่งร้อยเมตร ก็เกิดความโกลาหล และวุ่นวายอย่างนหนัก
ตอนแรกนั้นหลิงหยุนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นรถสองคันที่เพิ่งชนกัน เขาจึงรู้ได้ทันที..
คนขับรถทั้งสองคนต่างก็โผล่หน้าออกมาจากกระจกรถของตนเอง ทั้งคู่ต่างก็จ้องมองไปทางไป๋เซียนเอ๋อจนเหลียวหลัง และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ?
“นั่น.. โอ้โห..!”
เสียงร้องอุทานของชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อยืดแขนสั้นและกางเกงตัวโคร่งดังขึ้น เขากำลังเดินมองไป๋เซียนเอ๋อไปจนเหลียวหลังเช่นกัน และกำลังชนเข้ากับเสาไฟฟ้าที่อยู่บนทางเท้า
หลังจากที่ไป๋เซียนเอ๋อกลายร่างเป็นมนุษย์ ความงดงามของนางนั้นเรียกได้ว่าไม่อาจสรรหาคำใดมาอธิบายได้ แม้แต่หลิงหยุนซึ่งอยู่ร่วมกับไป๋เซียนเอ๋อมานานหลายวัน ยังไม่กล้าจ้องมองนางเป็นเวลานานๆ เพราะเกรงว่าอาจจะหลงเสน่ห์นางเข้าจนไม่อาจหักห้ามใจได้..
แม้แต่หลิงหยุนที่นับว่าเป็นผู้ที่สามารถควบคุมบังคับจิตใจของตนได้เป็นอย่างดียังไม่อาจต้านทานความงดงามของไป๋เซียนเอ๋อได้ จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนธรรมดาทั่วไปในเมืองนี้
ไป๋เซียนเอ๋อกำลังยืนอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงไฟแดง และกำลังจะข้ามถนนด้วยท่าทางงุนงง
กว่าจะรู้สาเหตุหลิงหยุนก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะตอนนี้ก็สายเกินไปที่จะให้ไป๋เซียนเอ๋อปกปิดใบหน้าของตนเอง เพราะความโกลาหลวุ่นวายก็ได้เกิดขึ้นแล้ว!
แต่ช่างโชคดีที่มีแท็กซี่ว่างวิ่งมาข้างหลิงหยุนพอดี เขาจึงรีบโบกเรียก และพาไป๋เซียนเอ๋อที่กำลังเดินก้มหน้าไปที่รถ
“ไปใหนครับ?” คนขับรถแท๊กซี่มองเหตุการณ์ที่โกลาหลวุ่นวายตรงสี่แยกพร้อมกับถามขึ้น
หลิงหยุนบอกหลงหวู่ให้ไปรอเขาอยู่ที่โรงแรม เขาจึงบอกคนขับซึ่งเป็นคนพื้นที่ให้พาไปยังโรงแรมที่หลงหวู่พักอยู่ แล้วทั้งคู่ก็รีบขึ้นรถทันที
“น่าแปลกจัง.. คืนนี้ทำไมจู่ๆสี่แยกใหญ่ถึงได้มีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันขนาดนี้ หรือว่าไฟจราจรเสียกะทันหัน?” คนขับแท็กซี่ขับไปก็บ่นพึมพำกับตัวเองไป
หลังจากที่ไป๋เซียนเอ๋อขึ้นไปบนรถแท็กซี่แล้ว นางก็นั่งก้มหน้าให้ผมยาวดำขลับร่วงลงมาปิดบังใบหน้าด้านข้างไว้ และไม่ให้คนขับแท็กซี่เห็นใบหน้าของนาง
คนขับรถแท็กซี่เองก็มัวแต่สนอกสนใจกับความโกลาหลวุ่นวายบนท้องถนน จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าต้นเหตุของความโกลาหลทั้งหมดนั้น ที่แท้กำลังนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถตัวเอง..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ.. ไฟจราจรคงจะเสีย..”
หลังจากนั้น หลิงหยุนก็หันไปกระซิบกับไป๋เซียนเอ๋อว่า “เซียนเอ๋อ.. เมื่อลงจากรถ เจ้าต้องปิดหน้าปิดตาตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้ใครเห็นเข้าอีกล่ะ..?”
เมืองนี้ช่างงดงามนัก.. หลิงหยุนเพิ่งจะได้เห็นเมืองเหวินโจวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขึ้นฝั่งมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องการกลับไปจิงฉูให้เร็วที่สุด และไม่ต้องการอยู่ที่นี่นานนัก!
พื้นที่ในเขตหลงวานนั้นค่อนข้างกว้างใหญ่ ถนนหนทางก็ไม่หนาแน่นไปด้วยรถรา เพียงไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดอยู่หน้าประตูที่สี่เขียวคล้ายหยกขลิบทองที่หรูหราของโรงแรม
“ถึงแล้วครับ..”
หลิงหยุนยื่นธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนให้กับคนขับแท็กซี่ และบอกกับเขาว่าไม่ต้องทอน จากนั้นจึงรีบพาไป๋เซียนเอ๋อลงจากรถทันที
ระหว่างที่ไป๋เซียนเอ๋อลงมาจากรถนั้น ผมยาวของนางก็ถูกลมพัดปลิวโบกสะบัด และจังหวะนั้นเองคนขับรถแท๊กซี่ก็ได้เห็นโฉมหน้าของนาง เพียงแค่เหลือบเห็นเพียงเล็กน้อย หัวใจของคนขับรถรถแท็กซี่ก็ถึงกับเต้นแรง และไม่สามารถถอนสายตากลับไปได้อีก
“นี่.. นี่นางฟ้าใช่ไม๊?!”
คนขับบรถแท็กซี่นึกสึกเสียดายขึ้นมาทันที และคิดว่าเขาไม่น่าขับมาให้ถึงโรงแรมเร็วแบบนี้ พร้อมกับเสียดายที่ไม่ได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของไป๋เซียนเอ๋อระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ
ทันทีที่หลิงหยุนลงจากรถแท็กซี่ เขาก็ได้พบกับหลงหวู่ที่กำลังยืนรออยู่หน้าประตูโรงแรมพอดี..
ในวันที่หลิงหยุนออกเดินทางไปที่เกาะเตียวหยูนั้น หลงหวู่ได้บอกกับหลิงหยุนว่าจะรอเขาอยู่ที่เหวินโจว และในทุกๆวัน เธอก็จะไปรอหลิงหยุนอยู่ที่ท่าเรือ ไม่เว้นแม้แต่วันที่ลมพัดแรง หรือฝนตกหนัก พร้อมกับมีความหวังที่จะได้พบหลิงหยุนในแต่ละวันที่ไปรอ
แต่หลังจากผ่านไปนานหลายวัน หลิงหยุนก็ยังไม่กลับ หลงหวู่จึงเริ่มกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อหลิงหยุนได้ ดังนั้นตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่งจึงต้องกลายเป็นผู้ที่รับหน้าแทน หลงหวู่โทรหาพวกเขาแทบทุกวัน และเอาแต่ถามถึงข่าวคราวของหลิงหยุน จนทั้งคู่แทบจะร้องไห้ออกมา..
แต่หลายครั้งเข้า.. หลงหวู่ก็รู้ว่าหลิงหยุนไม่เคยติดต่อกลับไปหาถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋เลยสักครั้ง เธอจึงไม่โทรไปหาคนทั้งคู่อีก ระหว่างที่รอคอยหลิงหยุนนั้น หลงหวู่ก็นำโทรศัพท์มือถือติดตัวไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อใดที่หลิงหยุนขึ้นฝั่ง เขาจะสามารถติดต่อเธอได้ทันที!
คืนนี้ก็เช่นกัน.. เมื่อหลงหวู่ไปรอหลิงหยุนที่ท่าเรืออีกครั้ง และเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิงหยุนแจ้งว่าเขาปลอดภัยดี พร้อมกับสั่งให้เธอรอเขาอยู่ที่โรงแรม หลงหวู่รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก แต่ในใจกลับมีบางอย่างที่บีบคั้นและไม่สามารถอธิบายได้
หลงหวู่รีบเรียกแท็กซี่กลับไปโรงแรม และหลังจากจัดการเก็บข้าวของในห้องพักเรียบร้อย เธอก็ลงไปยืนรอเด็กหนุ่มตัวใหญ่นิสัยร้ายกาจอยู่หน้าประตูโรงแรมทันที
“หลิงหยุน!”
ทันทีที่หลิงหยุนก้าวลงมาจากรถ หลงหวู่ก็เห็นเขาทันที จึงรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับกอดแขนของเขาไว้แน่น
หลงหวู่มัวแต่ตื่นเต้นดีใจ จนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าข้างๆหลิงหยุนนั้น มีสาวน้อยหน้าตางดงาม และรูปร่างเซ็กซี่ยืนอยู่ด้วย
ไป๋เซียนเอ๋อยืนอยู่ข้างๆหลิงหยุน และกำลังจ้องมองใบหน้าของหลงหวู่ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข อีกทั้งยังเกาะแขนของหลิงหยุนไว้แน่น นางได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองพร้อมกับคิดในใจว่า นับจากนี้ไปหลิงหยุนไม่ใช่ของนางอีกแล้ว!
และแน่นอนว่าความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ไป๋เซียนเอ๋อรู้สึกไม่มีความสุข!
“ฮึ..!” ไป๋เซียนเอ๋อทำเสียงขึ้นจมูกเบาๆอย่างไม่พอใจนัก แล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจ นางยังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่นางกำลังเป็นอยู่นั้น เรียกว่า..อิจฉา!
“หลงหวู่.. คุณเป็นยังไงบ้าง?” หลิงหยุนโอบบเอวของหลงหวู่พร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ประโยคนั้นฉันควรจะเป็นคนพูดถึงจะถูก!”
จากนั้นใบหน้าเล็กๆสวยงามของหลงหวู่ก็เงยขึ้นมองหน้าหลิงหยุน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว..
“สองสามวันที่แล้ว มีฟ้าผ่ารุนแรงแล้วก็น่ากลัวมากที่ฝั่งทะเลจีนตะวันออก ฟ้าทั้งแลบแล้วก็ผ่ารุนแรงหลายครั้งแต่ก็ไม่มีฝนตก ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่รู้ไม๊? กลัวว่านายจะตายอยู่ที่นั่น..”
หลิงหยุนคิดในใจว่า ฟ้าผ่าที่หลงหวู่กำลังพูดถึงนั้นจะเป็นของเขา หรือของไป๋เซียนเอ๋อกันแน่
“เอาล่ะ.. เข้าไปในโรงแรมกันก่อนดีกว่า คุณพักอยู่ห้องใหน?” หลิงหยุนดันหลงหวู่ให้เดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับถามขึ้นมา
หลงหวู่ตอบยิ้มๆ “ชั้น 17 ห้อง 1758..”
แต่หลงหวู่ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นไป๋เซียนเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลิงหยุน
แม้ไป๋เซียนเอ๋อจะเชื่อฟังหลิงหยุน ด้วยการปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นหลงหวู่ก็สามารถสังเกตเห็นความงดงามของนางได้ และถึงกับตกตะลึง
“นั่น.. นั่นใครกัน?!” หลงหวู่ถามเสียงเบา และแทบไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมาบ้าง
หลิงหยุนไม่ต้องการให้พวกเขาดึงดูดความสนใจของพนักงานต้อนรับ เขารีบใช้มังกรคำรามสั่งหลงหวู่
“นางชื่อไป๋เซียนเอ๋อ เข้าไปคุยกันบนห้องดีกว่า..”
“ไป๋เซียนเอ๋อ?”
สายตาของหลงหวู่ยังคงจับจ้องอยู่ที่ไป๋เซียนเอ๋อ และหลังจากนั้นก็ถึงกับใจสั่นด้วยความหวาดกลัว
ในวันที่หลิงหยุนออกเดินทางไปที่เกาะนั้น เขาเดินทางไปพร้อมกับสุนัขจิ้งจอกสีขาว แต่เมื่อกลับมา สุนัขจิ้งจอกสีขาวที่เคยวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาก็หายไป แต่กลับมีสาวน้อยที่มีใบหน้างดงามราวกับสุนัขจิ้งจอกกลับมาแทน หญิงสาวคนนี้งดงามและมีเสน่ห์อย่างมาก แม้แต่หลงหวู่เองก็ยังถึงกับตะลึงในความงามเมื่อได้เห็น แล้วสาวน้อยคนนี้เป็นใครกัน!?
หลงหวู่จบการศึกษาระดับปริญาโทมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี ไอคิวของเธอจึงสูงกว่าคนธรรมดามาก
ใบหน้าของหลงหวู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอถอยหลังไปถึงสามก้าว สายตาของเธอดูตกใจอย่างที่สุดพร้อมกับพูดติดๆขัดๆ
“นี่.. เธอ.. เธอ..”
หลงหวู่พูดได้เพียงเท่านั้น ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก แม้หลงหวู่จะเป็นคนใจกล้า แต่ก็มีขีดจำกัด! การที่หลิงหยุนพาสุนัขจิ้งจอกที่เธอเคยได้ฟังในตำนานเรื่องเล่าโบราณกลับมาด้วย มีหรือที่หลงหวู่จะไม่หวาดกลัว!
หลิงหยุนเห็นว่าหลงหวู่ดูเหมือนจะเดาฐานะของไป๋เสี่ยวเอ๋อได้ถูกต้อง เขาจึงได้แต่ถอนใจเบาๆ แล้วสัมผัสร่างกายของเธอเบาๆเป็นการปลอบปะโลม
“กลับไปที่ห้องก่อน แล้วผมจะเล่าให้ฟัง!”
หลิงหยุนมองหลงหวู่ พร้อมกับโอบบร่างที่อ่อนปลวกเปียกของเธอไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับไป๋เซียนเอ๋อ!