Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 449
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 449 : เอาแต่ใจ!
“ขึ้นรถสิ!” หลิงหยุนขับรถเข้าไปจอดใกล้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับเรียกเธอให้ขึ้นไปบนรถ
“รถสวยดีนี่..” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งด้านข้างคนขับ พร้อมกับจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในท่านั่งที่สบาย
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับจ้องใบหน้าขาวๆของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแล้วถามขึ้นว่า “คุณจะไปใหน?”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมายังคงนั่งมองไปข้างหน้า ขนตายาวกระพริบเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า “ไปกับนาย..”
ฟรึบ! แสงสีทองปรากฏวูบขึ้นมาภายในรถ..
เจ้าดักแด้ทองคำตัวอ้วนกลมบินเข้ามาในรถ และมาเกาะอยู่ที่ไหล่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
หัวของมันมีขนาดเท่านิ้วโป้งของผู้ใหญ่ ส่วนปีกสีทองทั้งสองข้างก็บางราวกับปีกของจักจั่น ทั่วทั้งตัวของมันล้วนเป็นสีทองไปหมด ที่หัวมีเนื้อนูนขึ้นมาคล้ายเป็นมงกุฏเล็กๆแสนน่ารัก ดวงตาของมันมีขนาดเท่าเมล็ดข้าว และสามารถยืดหยุ่นและหมุนปรับทิศทางได้รอบ และตอนนี้แววตาของมันก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และดีอกดีใจ
หลิงหยุนนึกเปรียบเทียบเจ้าทองน้อยจากที่ได้พบเห็นมันเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้ตัวของมันโตขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ปีกก็ขยายใหญ่ขึ้น แต่ก้อนเนื้อที่ศรีษะยังคงดูคล้ายมงกุฎเล็กๆเช่นเดิม และที่ชัดมากขึ้นก็คือมันมีพลังอมตะแทรกซึมอยู่ในร่างกาย
หลิงหยุนรีบยิ้มทักทายเจ้าทองน้อย “ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง.. มาๆ มาหาข้าเร็วเข้า ข้ามีอะไรจะให้เจ้ากิน..”
เจ้าทองน้อยส่ายหน้าพร้อมกับกระพือปีกและทำเสียงดังวี้ดๆ ดวงตาของมันกรอกไปมารอบๆ ดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยความระมัดระวัง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จากนั้นก็หันหน้าหนีและไม่ยอมบินไปหาหลิงหยุน
สีหน้าท่าทางของมันนั้นราวกับเด็กน้อยอายุสามหรือสี่ขวบ.. ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน!
“ถ้าไม่มาแล้วจะเสียใจนะ..”
หลิงหยุนพูดต่อแล้วก็เลิกแกล้งเจ้าทองน้อย เขาเหยียบคันเร่ง และรถแลนด์โรเวอร์ก็พุ่งออกไปข้างหน้าทันที
เหมี่ยวเสี่ยวเหมานั่งเงียบอยู่ในรถไม่พูดไม่จา หลิงหยุนเองก็ไม่พูดอะไร ส่วนเจ้าทองน้อยก็เกาะไหล่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอยู่เช่นนั้น บรรยากาศจึงเริ่มน่าเบื่อ ปีกสีทองเล็กๆค่อยๆขยับ แล้วเจ้าทองน้อยก็โบยบินออกไปนอกรถ และทะยานขึ้นไปโลดแล่นอยู่บนท้องฟ้าแทน
หลิงหยุนขับรถไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ไปจอดที่จุดเกิดเหตุที่ ‘หลิงหยุน’ ถูกรถพ่วงชนครั้งแรก เขาเดินลงจากรถไปสำรวจรอบๆอยู่ราวสองสามนาที จากนั้นก็ขึ้นรถและขับต่อไปยังคูน้ำในเมือง
หลิงหยุนสังเกตบริเวณรอบๆอย่างละเอียดลออ และก็ไม่พบว่ามีกล้อง CCTV ติดตั้งอยู่
“นี่นายทำอะไรกัน?” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ จึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มาเล่น..” หลิงหยุนตอบ
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเลียริมฝีปากอย่างไม่พอใจ แล้วก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไรอีก!
จากนั้นหลิงหยุนก็ขับไปตามคูน้ำ และไปจอดอยู่ตรงที่พบศพของหวังเล่ย..
หวังเล่ยเป็นคนขับรถพ่วงชนเขา หลังจากทำงานสำเร็จ มันก็ต้องกลับไปหาคนสั่งงานเพื่อรับเงินค่าจ้างที่เหลือ แล้วก็คงจะถูกฆ่าปิดปาก และนำศพพมาทิ้งในคูน้ำ
ดูเหมือนผู้จ้างวานจะเคลียร์ตัวเองได้อย่างสะอาด เพราะเท่าที่สำรวจดูแล้วไม่เหลือร่องรอยอะไร หรือมีหนทางใดที่จะสืบสาวไปถึงตัวคนสั่งการได้เลย นอกจากเรื่องเงิน..
หลิงหยุนส่ายหน้าและเดินกลับไปที่รถอีกครั้ง เขาหยุดครุ่นคิดเรื่องนี้ไว้ก่อน และกำลังรอคอยข่าวคราวจากถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋
หลิงหยุนเลี้ยวรถ และมุ่งหน้าไปยังบ้านที่ทะเลสาปจิงฉู
“ผมจะพาคุณไปพบกับท่านหมอเสี่ยว!”
แม้หลิงหยุนพูดกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก แต่ก็หนักแน่นพอจะบอกว่านี่เป็นคำสั่งที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่อาจปฏิเสธได้
ใบหน้าของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก และเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที เธอร้องโวยวายออกมาอย่างตกใจ “ไม่.. ฉันไม่ไป!”
“ต้องไป! ท่านหมอเสี่ยวเป็นปู่ของคุณ คุณจะปิดบังแล้วก็หลบซ่อนแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือยังไง?” หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นี่นาย.. นายรู้เรื่องปู่ของฉันได้ยังไง?” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับตกใจสุดขีด เธอหันหน้าไปถามหลิงหยุนด้วยความแปลกใจและอัศจรรย์ใจ
หลิงหยุนฉีกยิ้มสดใสและหัวเราะก่อนจะตอบไปว่า “แน่นอนว่าเกิดจากการเดาล้วนๆ.. แล้วถูกต้องไม๊ล่ะ?”
หลิงหยุนคิดในใจว่า.. ‘คนอย่างเจ้าคิดที่จะทำตัวลึกลับกับข้างั้นรึ.. เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แล้วก็ยังห่างไกลอีกมาก!’
“ท่านหมอเสี่ยวพบเจ้าทองน้อยเข้า เขาจึงได้รู้ว่าเหมี่ยวเฟิงหวงน่าจะส่งคุณมา แต่ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นปู่ของคุณ”
“ความขมขื่นเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว.. คุณไม่รู้สึกว่ามันช่างน่าเศร้าแล้วก็ตลกสิ้นดีงั้นเหรอ?”
“ตอนนี้ย่าของหนิงน้อยก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และอุปสรรคที่ขวางกั้นระหว่างคนทั้งคู่ก็ไม่มีอีกแล้ว คุณอยากให้ความขมขื่นนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างงั้นเหรอ?”
ร่างที่สวยงามของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาสั่นเทิ้ม เพราะคำพูดของหลิงหยุนนั้นจี้ใจดำของเธออย่างมาก..
“นี่ก็หมายความว่า.. นาย.. นายรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลิงหยุนตอบกลับไปตรงๆ “ก็พอรู้บ้าง..”
“ถ้างั้น.. นายก็เป็นคนที่ยับยั้งหนอนกู่ในร่างกายของท่านปู่ไว้ใช่ไม๊?” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถามขึ้นอีกครั้ง
หลิงหยุนตอบอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าไม่ใช่ผม.. แล้วใครล่ะที่จะสามารถทำได้!”
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาและพูดต่อว่า “อีกสองสามนาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว ตอนนี้หนิงน้อยก็คงอยู่ที่โรงเรียน และปู่ของคุณก็อยู่บ้านตามลำพัง พวกคุณสองคนเพิ่งได้พบกันครั้งแรก คงจะมีเรื่องพูดคุยกันมากมาย..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตัดสินใจอย่างยากลำบาก เธอกระพริบตาถี่พร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น และพูดขึ้นอย่างลังเลใจ “แต่.. แต่ฉันยังไม่ได้เตรียมใจมาเลย..”
หลิงหยุนหัวเราะหึหึ “เหมี่ยวเสี่ยวเหมา.. คุณกล้าฆ่าคน แต่ไม่กล้าไปเจอปู่ของตัวเองนี่นะ?!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมามองหลิงหยุนหน้าซีด “คนพวกนั้นนายเป็นคนฆ่าต่างหาก.. ไม่ใช่ฉัน! อีกอย่างที่ฉันไปที่นั่นก็เพราะกลัวว่านายจะเป็นอันตราย!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม เพราะไม่อยากทะเลาะด้วย เขาจึงพูดต่อว่า “เอาล่ะ.. ไม่ต้องมากังวลเรื่องของผม ตอนนี้คุณนั่งคิดไปดีกว่าว่า ถ้าได้พบหน้าปู่ของคุณแล้ว คุณจะพูดอะไรกับท่านบ้าง!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมารีบตะโกนสั่งให้หลิงหยุนจอดรถทันที พร้อมกับโวยวายว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะไปพบกับท่านหมอเสี่ยว
“นายจะจอดหรือไม่จอด.. ถ้าไม่จอดฉันจะกระโดดลงเดี๋ยวนี้!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพูดพร้อมกับทำท่าจะเปิดประตูรถ..
หลิงหยุนขยิบตาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “หรือคุณอยากให้ผมจี้จุดคุณไว้ แล้วก็บังคับพาไปหาปู่ของคุณ.. ต้องการแบบนั้นไม๊? ถ้าไม่.. ก็นั่งนิ่งๆ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่มีทีท่าหวาดกลัวหลิงหยุนแม้แต่น้อย เธอหันไปจ้องหลิงหยุนพร้อมโต้กลับไปทันที
“นี่.. อย่าคิดว่านายเก่งกว่าแล้วฉันจะกลัวนายนะ! ฉันจะสั่งให้เจ้าทองน้อยกัดนาย!”
หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “ผมยอมรับว่าเจ้าดักแด้ทองคำตัวนี้ฤทธิ์เดชร้ายกาจมาก แต่รับรองว่ามันทำอะไรผมไม่ได้แน่ ถ้าไม่เชื่อ.. คุณจะก็ลองดูก็ได้..”
“อ่อ.. แล้วก็อย่าลืมว่าหนอนกู่กลืนใจผมเป็นคนยับยั้งมันไว้เอง เจ้าทองน้อยน่ะเหรอ.. ฮ่า.. ฮ่า..!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่กล้าลอง.. ร่างบอบบางของเธอเอนพิงเบาะรถ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ แล้วก็กรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
“นายนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ..!”
หลิงหยุนยักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า “คุณก็เห็นเหตุการณ์ที่ห้องครูใหญ่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ในเมื่อคุณมาหาผมแล้ว.. มันก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการมานั่งคุยกัน ปรึกษาหารือกัน เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาต่อไป แต่ถ้าคุณไม่ยอมไปพบกับปู่ของคุณ ต่อให้เทพเจ้าที่ใหนก็ช่วยคุณไม่ได้”
“ท่านหมอเสี่ยวทุกข์ทรมานมานานมากกว่าสี่สิบปีซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่ก็เพิ่งจะอาการดีขึ้นบ้าง อีกอย่างผมก็ได้รับปากกับเขาไว้ว่าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้อย่างเหมาะสมที่สุด แต่ก็ต้องได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือจากคุณด้วย”
หลิงหยุนพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าเหมี่ยวเสี่ยวเหมา..
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความรู้สึกหนักอกหนักใจมาก “นายยับยั้งหนอนกู่กลืนใจในตัวท่านปู่ไว้ ท่านปู่อาการดีขึ้นก็จริง แต่ท่านย่าของฉันตอนนี้กลับ..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องย่าของคุณมากนักหรอก เธอรังแกท่านหมอเสี่ยวมานานมากกว่าสี่สิบปี ตอนนี้ปล่อยให้เธอได้รับทุกข์ทรมานบ้างนิดๆหน่อยๆ เธอจะได้รู้บ้างว่าหนอนกู่นั้นไม่ใช่จะสามารถใช้แก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง!”
ขอบตาของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแดงก่ำ “นายไม่มีสิทธิ์พูดถึงท่านย่าของฉันแบบนั้น นายไม่รู้หรอกว่าตลอดสี่สิบกว่าปีมานี้ ท่านย่าต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ใหน?”
เมื่อเห็นว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเริ่มจะร้องไห้ และหลิงหยุนก็กลัวน้ำตาของผู้หญิงมากที่สุด เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “ได้ๆ ผมไม่พูดก็ได้! แต่คุณอย่าร้องไห้นะ ไม่งั้นเจ้าทองน้อยจะคิดว่าผมรังแกคุณ ถ้ามันกัดผมเข้าจริงๆ คงแย่แน่..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา และดวงตาคู่สวยและมีเสน่ห์ของเธอก็จ้องมองหลิงหยุน “ใหนนายบอกว่าไม่กลัวเจ้าทองน้อยไง?”
“จะบอกว่าไม่กลัวซะทีเดียวเลยก็ไม่ถูก..! ใครบ้างที่อยากจะถูกดักแด้ทองคำที่มีพิษร้ายแรงที่สุดกัดบ้าง?”
เหมี่ยเสี่ยวเหมาได้หัวเราะก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และเริ่มรู้สึกว่าการไปพบท่านปู่ของเธอก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร อีกทั้งในใจลึกๆนั้น เธอเองก็โหยหาและตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พบกับท่านหมอเสี่ยวมานานมากแล้ว
และนี่คือ.. ความผูกพันทางสายเลือดที่ตัดไม่ขาด!
“หลิงหยุน.. แต่เมื่อครู่ที่นายพูดนั้น หมายความว่า..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย “ใช่.. ปล่อยให้อาวุโสทั้งสองเป็นผู้ทะลายกำแพงที่กั้นพวกเขาทั้งคู่ออกด้วยตัวเอง และใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมามองหลิงหยุนอยู่นาน จู่ๆเธอก็ส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “นายไม่รู้จักอารมณ์ความรู้สึกของท่านย่าดีพอ ท่านปู่ทิ้งท่านย่ามานานสี่สิบกว่าปี นายคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำก็จะสามารถแก้ปัญหาได้หรือยังไง?”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมายังจำคำพูดของเหมี่ยวเฟิงหวงตอนที่สั่งให้เธอมาหาเสี่ยวเจิ้งจี๋ได้ดี!
หลิงหยุนมองหน้าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแล้วถามขึ้นว่า “แล้วเหมี่ยวเฟิงหวงยังไม่ได้มีคนอื่นใช่ไม๊?”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินหลิงหยุนเรียกชื่อเหมี่ยวเฟิงหวงเฉยๆก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติ เธอจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“มีคนอื่นงั้นเหรอ? หนอนกู่กลืนใจเปรียบเหมือนตัวแทนความรัก หากมอบให้ใครแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”
หลิงหยุนหัวเราะหึหึพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย คุณสบายใจได้! หลังจากที่คุณกับท่านหมอเสี่ยวได้พบกันแล้ว ที่เหลือนอกจากนั้นเป็นหน้าที่ของผมเอง!”
ยี่สิบนาทีต่อมา.. หลิงหยุนก็ขับรถแลนด์โรเวอร์เข้าไปในบ้านของท่านหมอเสี่ยว และเมื่อลงจากรถ เขาก็เห็นเจ้าทองน้อยบินอยู่ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นก็ร้องเรียกให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาลงมาจากรถ
“นี่ไม่ใช่รถรับเจ้าสาวนะคุณ.. ถึงบ้านแล้วครับ.. ยังจะนั่งนิ่งอยู่ทำไมอีก? ลงมาได้แล้ว!”
ฝ่ามือทั้งสองข้างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาชุ่มไปด้วยเหงื่อ หน้าแดงก่ำ แววตาลังเล และดูเหมือนว่ากำลังสั่นไปทั้งตัว
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะได้พบหน้าปู่ของตัวเอง การที่เธอมีปฏิกิริยาเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!
ฮึบ!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับกัดฟันแน่น และค่อยๆเปิดประตูรถออกและก้าวลงมา..
แม้แต่หลิงหยุนเองก็ถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก!
นาทีที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาลงจากรถ ประตูบ้านของท่านหมอเสี่ยวก็เปิดออกพอดี และร่างสูงใหญ่ของท่านหมอเสี่ยวก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าประตู!
ใบหน้าของท่านหมอเสี่ยวแดงก่ำไม่แพ้กัน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น และขณะที่ก้าวเท้าเดินออกมาจากบ้าน ดวงตาของเขาก็จับจ้องอยู่เพียงแค่เหมี่ยวเสี่ยวเหมา!
“เจ้า.. เจ้าคือเหมี่ยวเสี่ยวเหมาใช่ไม๊?” ร่างสูงใหญ่ของท่านหมอเสี่ยวสั่นเทิ้มเป็นการบ่งบบอกว่าเขากำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นอย่างรุนแรง
“ท่านปู่!”
ทันทีที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นเสี่ยวเจิ้งจี๋เดินออกมา สมองของเธอก็โล่งไปหมด เธอลืมสิ้นทุกอย่าง และร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเสี่ยวเจิ้งจี๋ราวกับลูกธนู