Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 438
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 438 : คุ้นเคย!
กลิ่นหอมของหลงหวู่โชยออกมา จากนั้นร่างของเธอก็วิ่งออกมาจากในบ้าน และตรงเข้าเกาะแขนของหลงคุนไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พ่อคะ.. หนูก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาเหมือนกัน หนูจะอยู่กับพ่อไปตลอดชีวิต!”
หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของหลงหวู่ก็นึกขำ เขายิ้มเล็กน้อยระหว่างที่มองหลงหวู่ยืนหน้าแดงและเกาะแขนของพ่อเธอไว้แน่น แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหยิ่งจองหอง
หลิงหยุนสูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของหลงหวู่เข้าไปเต็มที่ หญิงสาวที่มีเรือนร่างหอมเช่นนี้ก็เหมาะที่จะเป็นภรรยาของเขามาก
หลงหวู่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยชัยชนะของหลิงหยุนก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เธอเขย่าแขนของหลงคุนพร้อมกับออดอ้อน
“พ่อคะ.. ลืมไปแล้วเหรอคะว่าเขาเป็นคนสั่งคนให้ตบหน้าหนู..”
หลงคุนมองลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุน ก่อนจะหัวเราะหึหึพร้อมกับตอบไปว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างเจ้าสองคนที่จะเป็นสามีภรรยากันในอนาคต พ่อคงเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้หรอก!”
หลงหวู่ได้ฟังคำตอบของหลงคุนก็ยิ่งอายมากขึ้น แต่ก็เพียงไม่นานเธอก็เดินตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนพร้อมกับแบมือต่อหน้าเขา!
หลิงหยุนถึงกับงงและประหลาดใจจนต้องร้องถามออกไป “คุณทำอะไร?!”
หลงหวู่กระทืบเท้าก่อนจะค้อนให้หลิงหยุน “จะอะไรอีกล่ะ.. ก็ของหมั้นของฉันไง!”
หลิงหยุนเอามือถูจมูกตัวเองพร้อมกับมองหลงหวู่อย่างตกใจราวกับเห็นปีศาจ “เมื่อครู่คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แต่งงานกับผม ถ้าไม่แต่งก็ไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องของหมั้นนะ?!”
หลงหวู่เชิดหน้าขาวๆขึ้นก่อนจะเถียงกลับไปว่า “จะแต่งหรือไม่แต่งก็อีกเรื่องหนึ่ง.. แต่ของหมั้นยังไงก็ต้องให้ เอามาเร็วเข้า!”
หลิงหยุนไม่ตอบ แต่กลับเหลือบตาไปมองก้นงอนๆของหลงหวู่แทน พร้อมกับคิดว่าก้นของหลหวู่นั้นน่าสัมผัสมากเลยทีเดียว เขาอยากจะลองเอามือตบก้นเธอดูสักครั้ง
“นี่.. นายมองอะไร?!” หลงหวู่เห็นสายตาของหลิงหยุนก็รีบส่งเสียงร้องพร้อมกับเอามือปิดก้นกลมกลึงของตัวเองไว้ทันที
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ถ้าภรรยาไม่เชื่อฟังสามี ผมก็กำลังคิดว่าคงต้องใช้กฏภายในครอบครัวจัดการ..”
“นี่นาย.. ถ้านายกล้าตีก้นฉันอีก รับรองว่าฉันฆ่านายแน่!” หลงหวู่มองหลิงหยุนอายๆพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น
หลงคุนหัวเราะอย่างมีความสุข เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร สายตาก็มองไปที่ต้นไม้ใบหญ้าแล้วก็ภูเขา และดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่ต้องทำอะไรแล้ว!
“อยากจะได้ของหมั้นจริงๆเหรอ?!” หลิงหยุนจ้องมองรูปร่างที่ยั่วยวนของหลงหวู่
หลงหวู่ทำเสียงไม่พอใจ “อยากได้สิ! มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่ไม่อยากได้ ขืนนายเก็บไว้กับตัว มีหวังสักวันก็คงต้องเอาไปให้จิ้งจอกสาวที่ใหนสักตัวแน่!”
หลิงหยุนมองหลงหวู่อย่างกระอักระอ่วนพร้อมกับคิดในใจว่า เธอช่างคาดเดาได้แม่นยำนัก! เพราะตอนนี้เขาได้ให้ไข่มุกราตรีกับเสี่ยวเม่ยหนิงไปถึงสิบแปดเม็ด แล้วก็เพิ่งให้กงเสี่ยวลู่ไปหนึ่งเม็ด และจะเก็บไว้เซอร์ไพส์เหยาลู่อีกหนึ่งเม็ด..
“ถ้าผมให้ของหมั้นไปแล้ว คุณต้องรับปากว่าจะแต่งงานกับผมนะ ผมถึงจะยอมให้!” หลิงหยุนจงใจหยอกล้อหลงหวู่
แต่หลงหวู่กลับไม่หลงกล “ถ้านายอยากให้ฉันแต่งงานกับนาย นายก็ต้องทำให้ฉันชอบนายให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้น.. ก็อย่ามาพูดเรื่องแต่งงานกับฉัน แต่ของหมั้นนั่น.. ยังไงๆนายก็ต้องมอบให้ฉัน!”
และเป็นที่แน่ชัดว่าหลงหวู่ขูดรีดหลิงหยุนได้สำเร็จ หลิงหยุนไม่สามารถโต้เถียงได้จึงยอมเรียกไข่มุกราตรีสองเม็ดออกมาจากแหวนพื้นที่ จากนั้นก็แบมือออกพร้อมกับพูดว่า
“ไข่มุกราตรีสองเม็ดของคุณ.. พอใจหรือยัง?”
ไข่มุกราตรีสองเม็ดนั้น หลงหวู่ได้เห็นครั้งแรกที่หมู่บ้านหลินเจียง และทันทีที่ได้เห็นหลิงหยุนหยิบออกมาอีกครั้ง ใบหน้าสวยงามของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และดวงตาก็เป็นประกาย
“เหมือนกับที่เห็นวันนั้นเลย..” หลงหวู่หยิบไข่มุกราตรีสองเม็ดจากมือของหลิงหยุนมาไว้บนฝ่ามือของตนเอง
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบไข่มุกราตรีสองเม็ดจนเป็นประกายระยิบระยับ ประกายแสงสวยงามส่องกระทบใบหน้าแสนสวยของหลงหวู่
“พ่อคะ.. หนูให้พ่อค่ะ..” หลงหวู่เหลือบมองหลิงหยุนด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะหันไปบอกหลงคุน
หลงคุนมองหน้าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง แล้วจึงหันไปพยักหน้าให้กับหลิงหยุนก่อนจะพูดขึ้นว่า
“หลงหวู่.. หลิงหยุนให้ลูกเป็นของหมั้น ลูกก็ต้องเก็บไว้เองสิ จะเอามาให้พ่อทำไมกัน?”
“ก็ได้ค่ะ..”
หลงหวู่พยักหน้าและตอบอย่างเอียงอาย จากนั้นก็หันไปมองหลิงหยุนครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดกับเขาว่า
“ฉันยังไม่รับปากจะแต่งงานกับนาย ต้องรอดูพฤติกรรมของนายซะก่อน..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. ‘ถ้าเจ้าไม่ต้องการจะแต่งงานกับข้า เหตุใดจึงไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมจิงฉูอีก ซ้ำยังมานั่งข้างๆข้าด้วย?’
หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “แล้วคุณจะดูพฤติกรรมของผมยังไง?”
หลงหวู่ตอบกลับไปว่า “นายห้ามรังแกฉันอีก ห้ามทำให้ฉันหงุดหงิด แล้วก็ห้ามแอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. ‘ข้าไม่รังแกเจ้าก็ได้.. แต่ยังไงคืนนี้ข้าก็ต้องกลับไปหาหลินเมิ่งหาน นี่ขนาดยังไม่แต่งงานกัน เจ้ายังห้ามปรามข้ามากมาย!’
หลิงหยุนไม่รับปากและได้แต่ตอบกลับไปยิ้มๆ “ผมว่าคุณอย่างกังวลให้มากมายจะดีกว่า ผมเองก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณเหมือนกัน ถ้าคุณทำตัวไม่ดี ผมก็จะยกเลิกการแต่งงาน แล้วก็ยึดของหมั้นกลับคืน..”
หลงหวู่ทั้งโกรธและอาย แต่ก็โต้ตอบกลับไปทันที “นายกล้าเหรอ?!”
แต่เมื่อร้องตะโกนออกไปแล้ว เธอก็ถามเสียงเบา “แล้ว.. แล้วนายจะดูพฤติกรรมของฉันยังไง?”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า หลงหวู่นั้นดูเหมือนจะจองหอง ถือดี แล้วก็ร้ายกว่าเด็กสาวตัวแสบอย่างเสี่ยวเม่ยหนิงมากนัก
หลิงหยุนมองหน้าที่ใสไร้เครื่องสำอางของหลงหวู่แล้วตอบกลับเสียงเรียบ “มีสองเรื่อง.. เรื่องแรก – ห้ามคุณแต่งหน้าแต่งตาอีกเด็ดขาด คุณมีใบหน้าที่สวยงามอยู่แล้ว ทำไมจะต้องเอาอะไรไปเขียนมากมาย ดูแล้วยังกับผี แล้วก็ตลกสิ้นดี ห้ามแม้แต่จะคิดล่ะ!”
“ส่วนเรื่องที่สอง.. ต่อไปห้ามนุ่งน้อยห่มน้อยอีก!”
หลังจากที่ได้ฟังข้อแรก หลงหวู่ก็ต้องการจะอ้าปากเถียง แต่เมื่อได้ฟังข้อที่สองหลงหวู่ก็ถึงกับเขินอาย แต่ก็ยังเถียงกลับไป
“ฉันจะแต่งหน้า แล้วก็แต่งตัวโป๊ๆ มีอะไรไม๊? ฉันไม่สนใจนายหรอก!”
แต่ทันทีที่หลงหวู่พูดจบ เธอก็เห็นสายตาของหลิงหยุนที่กำลังเหลือบมองไข่มุกในมือของเธอ เธอจึงรีบกำไว้แน่นพร้อมกับวิ่งหนีเข้าไปในบ้านทันที
หลงคุนกำลังฟังว่าที่คู่สามีภรรยาทะเลาะกัน แต่ก็ไม่เข้าข้างใครจนกระทั่งหลงหวู่วิ่งเข้าไปในบ้าน เขาจึงได้แต่หัวเราะพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ.. เจ้าลูกสาวคนนี้! ฉันคงจะตามใจมาตั้งแต่เด็ก ยังไงวันข้างหน้าหลานชายก็อย่าได้ถือสาลูกสาวของฉันมากนัก แต่สบายใจได้.. หลงหวู่โตมาในประเทศนี้ถึงหกปี อีกทั้งยังเรียนจบปริญญาโทด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่มีเหตุมีผล และเข้าใจอะไรได้ดี!”
หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าหลงหวู่นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง เป็นคนที่ไม่พึ่งพาใคร และกล้าแสดงออก ทำให้เธอมีอุปนิสัยที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งหลิงหยุนเองก็ชื่นชอบมาก
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงตอบหลงคุนไปว่า “ผมทราบครับลุงหลง!”
หลงคุนพยักหน้า เขากระแอมเบาๆก่อนจะพูดธุระกับหลิงหยุนต่อ “หลานชาย.. สองสามวันมานี้วงราชการในเมืองจิงฉูก็สั่นคลอนอย่างมาก ดูเหมือนหลัวจ้งเองก็คงใกล้จะพบจุดจบในอีกไม่นาน เธอคิดจะทำยังไงต่อไป?”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “ลุงหลง.. ยังไงผมก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยม เรื่องสำคัญที่สุดก็คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิงให้ได้ เพราะผมได้รับปากแม่ไว้แล้ว!”
หลงคุนพยักหน้าอย่างเข้าใจพร้อมกับถามต่อว่า “แล้วแก๊งมังกรเขียวล่ะ..?”
หลิงหยุนได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาจึงตอบกลับไปว่า “ลุงหลง.. ลุงก่อตั้งแก๊งมังกรเขียวมาด้วยความเหนื่อยยาก ลุงตั้งใจจะยกให้ผมจริงๆงั้นหรือ?”
หลงคุนหัวเราะ “หลานชาย.. ลุงรู้ดีว่าเธอนั้นทั้งเก่งแล้วก็แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแก๊งมังกรเขียวด้วยซ้ำไป แต่แก๊งมังกรเขียวก็นับว่ามีอำนาจและอิทธิพลอย่างมากในมณฑลเจียงหนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองจิงฉู ในวันข้างหน้าหากเธอคิดทำการใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ช้าเร็วก็ต้องมีลูกน้องอยู่ดี..”
“ตอนนี้ลุงหลงก็แก่มากแล้ว ดูแลตัวเองยังลำบากเลย อีกอย่างตอนนี้ลูกน้องในแก๊งก็ล้วนมีแต่เด็กวัยรุ่นอายุราวยี่สิบปีทั้งนั้น คงไม่เหมาะกับคนรุ่นฉันที่จะไปดูแลแล้วล่ะ เธอก็สามารถเข้ามารับช่วงต่อจากฉันได้เลย หรือจะรอไปอีกสักพักก็ได้ เมื่อเธอรับช่วงไปแล้วฉันก็จะได้วางมือเสียที..”
หลิงหยุนได้ฟังหลงคุนพูดก็รู้แล้วว่าเขาได้วางแผนที่จะเกษียณตัวเองไว้แล้ว หลิงหยุนจึงตอบกลับไปยิ้มๆ
“ลุงหลง.. ความจริงแล้วผมก็เพิ่งจะก่อตั้งแก๊งของตัวเองขึ้นมาเมื่อวานนี้ ใช้ชื่อว่า – ไฉเจี๋วย และลูกน้องชุดแรกก็คือเตาฉีและลูกน้องของเขาที่อยู่บนถนนหลินเจียง และผมได้ให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นคนดูแลเรื่องพวกนี้..”
หลงคุนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อ่อ.. เตาฉีเองก็ส่งส่วยให้กับแก๊งมังกรเขียวทุกๆเดือน ฉันว่าเขาก็เก่งไม่เบาเลยทีเดียว แต่เธอก็ยังสามารถจัดการกับเขาและพรรคพวกได้!”
“ไฉเจี๋วย.. ชื่อนี้ไม่เลวเลย! ความจริงแล้วฉันเองก็เอาตี้เสี่ยวอู๋มาฝึกอยู่สองปี เขาสร้างชื่อจนตัวเองเป็นที่รู้จักของคนในแก๊งมังกรเขียว หรือหลานชายจะให้ตี้เสี่ยวอู๋มาหาฉัน แล้วก็ให้เขาดูแลแก๊งมังกรเขียวไปพลางๆก่อน หลานชายมีความเห็นยังไง?”
หลิงหยุนเองก็คิดเช่นนั้น เขาเองไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแก๊งพวกนี้ แต่ที่ยอมรับแก๊งมังกรเขียวไว้เพราะหากวันข้างหน้าหากเขาต้องการทำอะไร ก็จะได้สามารถเรียกคนของแก๊งมังกรเขียวมาใช้งานได้ และจะได้ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้าตอบไปว่า
“ดีครับ..”
แล้วหลงคุนก็พูดต่อ “แล้วเอกสารสำคัญของแก๊งมังกรเขียวสองอย่างล่ะ หลานชายจะเก็บไว้เอง หรือจะให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้เก็บ..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าหลงคุนคงจะกังวลในตัวตี้เสี่ยวอู่ เขาจึงตอบอย่างมั่นใจว่า “ “ลุงหลง.. ถ้าเก็บไว้กับตี้เสี่ยวอู๋ผมจะสบายใจมาก”
หลิงหยุนพูดเพียงเท่านี้ หลงคุนก็เข้าใจได้ทันที เขาจึงได้แต่หัวเราะ “ดูเหมือนว่าลุงหลงคงจะกังวลมากเกินไป ถ้างั้นฉันก็จะมอบให้กับตี้เสี่ยวอู๋เป็นคนเก็บไว้ก็แล้วกัน!”
“ลุงหลง.. อย่าได้กังวลใจไปเลยครับ รับรองว่าไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน”
ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งคุยกันเรื่องนี้อยู่ จู่ๆหลงคุนก็เหลือบมองเข้าไปในห้องนั่งเล่นภายในบ้าน จากนั้นก็หรี่เสียงของตัวเองและกระซิบกับหลิงหยุน
“หลานชาย.. ผู้ชายยิ่งเก่ง ก็ยิ่งมีสตรีรายล้อม การมีหญิงสาวที่รู้ใจหลายคนจึงเป็นเรื่องปกติ หลงหวู่เป็นคนปากไม่ตรงกับใจ แต่เป็นคนใจกว้าง และเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ดี หลานชายอาจจะยังไม่เข้าใจนิสัยของลูกสาวฉัน แล้วก็อย่าไปฟังที่เธอพูดมากนัก..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า คนสูงอายุแต่มีเหตุมีผลเช่นหลงคุนนั้นหาได้ยากนัก เขาจึงตอบหลงคุนไปตามตรง
“ลุงหลง.. สยายใจได้ ผมคุ้นเคยกับนิสัยของหลงหวู่ดี!”