Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 427
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 427 : ลามปาม!
“อะไรกัน?! ครูนี่นะอ้วน แล้วก็มีไขมัน?!”
สิ่งที่ผู้หญิงกลัวที่สุดก็คือเรื่องของไขมันและความอ้วน ไม่เว้นแม้แต่กงเสี่ยวลู่! และคำพูดของหลิงหยุนก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเธอได้สำเร็จ
ช่วงอายุระหว่างยี่สิบสองถึงยี่สิบแปดปีสำหรับผู้หญิงนั้น นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่ตลอดหกปีที่ผ่านมานั้น กงเสี่ยวลู่กลับปล่อยเวลาในช่วงวัยสาวให้ผ่านไปอย่างไม่ใยดี แต่นั่นเป็นเพราะจิตใจของเธอยังไม่สามารถเปิดรับใครได้อีก แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
“ครูอ้วนจริงๆเหรอ?” กงเสี่ยวลู่ตกใจและเป็นกังวลจนลืมฝ่ามือใหญ่ที่กำลังโอบเอวเธออยู่
ฝ่ามือใหญ่ของหลิงหยุนยังคงโอบกอด และลูบไล้เอวบอบบางของกงเสี่ยวลู่ไว้อย่างนุ่มนวล ในใจกลับนึกชื่นชม และเมื่อรู้ตัวว่ากำลังคิดเลยไปถึงร่างกายท่อนล่างของเธอ หลิงหยุนก็รีบหยุดทันที
‘นี่ถ้าข้าเผลอไผลทำอะไรที่เกินเลยไปกว่านี้ นางอาจจะลืมตัวเอาน้ำร้อนในหม้อนั่นราดข้าก็ได้..’ หลิงหยุนคิดแล้วก็รีบสงบจิตใจของตนเอง และซ่อนความรู้สึกที่ชั่วร้ายของตนเองไว้
กงเสี่ยวลู่รู้สึกอึดอัด เธอคนเล่นไข่ในหม้อเล่น แต่ก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ของหลิงหยุนที่ลูบไล้บริเวณเอวของเธออยู่ แต่ก็เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนจนแทบไม่รู้สึก
ตลอดหกปีมานี้ ร่างกายของเธอไม่เคยได้รับการสัมผัสจากเพศตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้หลิงหยุนกลับกล้าลูบไล้เรือนร่างของเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลิงหยุนได้สร้างความรู้สึกใหม่ๆให้กับเธอเช่นกัน
มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายถูกมดกัด อึดอัดและไม่สบบาย เป็นความรู้สึกที่แปลกจนยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธและต่อต้าน
ไม่จำเป็นต้องถามว่าเหตุใดกงเสี่ยวลู่จึงได้รู้สึกเช่นนั้น นั่นก็เพราะว่าเมื่อร่างกายของเธอต้องเผชิญกับความปรารถนาตามสัญชาติญาณ สติสัมปชัญญะก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว
“เธอเชื่อฟังครูนะหลิงหยุน.. ออกไปจากห้องครัวก่อน แล้วก็ไปนั่งรอที่โซฟานะ! อย่าลืมถอดเสื้อออกมาด้วยล่ะ ครูจะได้เอาไปซักให้”
กงเสี่ยวลู่ตัวสั่นจากสัมผัสของหลิงหยุน และเธอก็เริ่มรู้สึกอึดอัดจนต้องพูดอ้อมๆให้หลิงหยุนปล่อยมือจากเธอ
แต่หลิงหยุนกลับคิดในใจว่า.. ตราบใดที่กงเสี่ยวลู่ไม่ปฏิเสธ เขาก็ยังคงมีโอกาสสำหรับบครั้งต่อไป หลิงหยุนจึงเดินออกจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟาอย่างเชื่อฟัง แล้วจัดการถอดเสื้อเชิ้ตออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อบนร่างกายที่สวยงาม!
ไม่นานนัก.. กงเสี่ยวลู่ก็เดินถือชามบะหมี่ที่หอมหวนเข้าไปในห้องนั่งเล่น และค่อยๆโน้มตัววางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะตรงหน้าหลิงหยุนอย่างนุ่มนวล แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา กงเสี่ยวลู่ก็พบว่าร่างกายท่อนบนของหลิงหยุนนั้นเปลือยเปล่า เธอจึงได้แต่หน้าแดง!
“นี่เธอไม่ได้สวมเสื้อกล้ามข้างในหรอกเหรอ?” กงเสี่ยวลู่หายใจแรง แล้วรีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว แต่สายตาก็แอบมองร่างกายเปลือยเปล่าของหลิงหยุน
ไม่ว่าจะในทีวี หรือในรายการเรียลลิตี้ต่างๆที่กงเสี่ยวลู่เคยดูมา เธอก็ไม่เคยเห็นร่างกายของใครที่สมบูรณ์แบบจนสามารถดึงดูดสายตาได้เหมือนกับร่างกายของหลิงหยุนมาก่อน
“ผมไม่ชอบใส่ครับ..” หลิงหยุนตอบพร้อมกับฉีกยิ้ม แล้วดึงชามบะหมี่เข้าไปใกล้ก่อนจะถามต่อว่า “แล้วตะเกียบล่ะครับ..”
กงเสี่ยวลู่ได้แต่คิดในใจว่า.. นี่เธอได้กลายเป็นอะไรของหลิงหยุนไปแล้วงั้นหรือ?! เธอถึงกับต้องไปหยิบตะเกียบมาบริการเขาด้วยหรือนี่?
ในใจบ่นพึมพำ แต่ก็รีบเดินเข้าไปหยิบตะเกียบในครัวมาส่งให้หลิงหยุนอย่างอายๆ แต่ก็มีความสุข
“ค่อยๆทานล่ะ ระวังลวกปาก! ครูจะเอาเสื้อของเธอไปซักให้..” พูดจบกงเสี่ยวลู่ก็เดินถือเสื้อของหลิงหยุนเข้าไปในห้องน้ำ
กลิ่นหอมของบะหมี่ที่แสนอร่อยฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง และหลิงหยุนก็กินบะหมี่ชามใหญ่หมดไปอย่างรวดเร็ว
“ขออีกชามครับ!”
กงเสี่ยวลู่ที่เพิ่งซักเสื้อของหลิงหยุนเสร็จ และเดินออกมาพอดี จึงรีบเข้าไปในครัวทำบะหมี่มาให้เขาอีกหนึ่งชาม
บะหมี่ที่มีกลิ่นหอมหวนสองชามใหญ่ ได้ลงไปอยู่ในกระเพาะของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หลิงหยุนรู้สึกอิ่มมาก อีกอย่างน้ำหนักของเขาก็ลดลงไปเยอะ กินแค่นี้ก็คงไม่มีผลอะไร
“อิ่มมากเลยครับ..” หลิงหยุนผลักชามที่กินเสร็จแล้วออกไปพร้อมกับเอ่ยชม
“บะหมี่ของครูอร่อยมากจริงๆ กลิ่นก็น่าทานมาก..”
กงเสี่ยวลู่ยื่นกระดาษเช็ดปากให้หลิงหยุนด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข จากนั้นก็จัดการเก็บและทำความสะอาดโต๊ะ
“เธอกินเก่งไม่เบาเลยนี่.. ต่อไปถ้าหิวก็มาหาครูที่ห้องก็ได้ ครูจะทำอาหารให้กิน..” กงเสี่ยวลู่พูดขณะเดินเอาชามไปเก็บในครัว
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มแย้ม “ไม่กลัวว่าคนจะซุบซิบนินทาแล้วเหรอครับ?”
สีหน้าของกงเสี่ยวลู่ทั้งโกรธและอาย เธอมองหลิงหยุนพร้อมกับคิดในใจว่า ‘เธอแตะเนื้อต้องตัวฉันตั้งหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ตอนนี้ก็เป็นจริงแล้วไง จะมีประโยชน์อะไรที่จะกลัวอีก?’
คาบเรียนที่สองเพิ่งจะเริ่มไปได้เพียงแค่ห้านาทีแล้ว ยังเหลือเวลาอีกตั้งสี่สิบนาที แต่จู่ๆ ทั้งคู่ก็เงียบกันไปเฉยๆ ห้องทั้งห้องจึงกลับกลายเป็นเงียบฉี่ และบรรยากาศภายในห้องก็เริ่มอึมครึม หญิงโสดกับชายโสดต่างก็นิ่งเงียบไปทั้งคู่
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่..
“หลิงหยุน.. เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลายวันนี้ ครูไม่นึกตำหนิเธอเลยนะ มันไม่ใช่ความผิดของเธอ เพราะความจริงแล้วผู้อำนวยการได้ตามจีบครูมานานถึงสี่ปี แต่ครูก็ปฏิเสธเขาไปหลายครั้ง และครั้งนี้เขาก็อาศัยโอกาสนี้ตอบโต้ครูกลับ.. ก็เท่านั้นเอง!”
จู่ๆกงเสี่ยวลู่ก็พูดขึ้นมา.. หลิงหยุนเพียงแค่นั่งฟังเงียบๆ แต่ในใจกลับคิดว่ายังมีเรื่องอื่นอีก..
“ครูครับ.. ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกครูได้อีก ผมจะปกป้องครูเอง และจะไม่ยอมให้ครูได้รับความเจ็บปวดและอันตรายอะไรอีก..”
หลิงหยุนจ้องลึกลงไปในดวงตาของกงเสี่ยวลู่ น้ำเสียงของเขาเบาแต่หนักแน่น และสีหน้าจริงจัง
หัวใจของกงเสี่ยวลู่เต้นแรง ความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เริ่มเบ่งบานในใจ..
จากหญิงสาวอายุน้อย หน้าตาสวยงาม แต่กลับต้องมาอยู่ต่างเมืองตัวคนเดียว อีกทั้งยังต้องต่อสู้ด้วยเพียงลำพังมาตลอดหกปี จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงความขมขื่น และความยากลำบากในช่วงเวลาที่ผ่านมา..
กงเสี่ยวลู่เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เฉลียวฉลาด พึ่งพาตัวเองได้ และค่อนข้างแกร่ง ระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นคนที่น่าประทับใจเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีอีกด้านที่ไม่มีใครเคยรู้ และเคยสัมผัส
เธอรู้สึกโดดเดี่ยว ในใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและวิตกกังวล ภายใต้จิตใจลึกๆมีแต่ความหวาดกลัว และรู้สึกถึงความไม่มั่นคงปลอดภัย
ดังนั้นนสถานที่ที่เธอชื่นชอบที่สุดก็คือในห้องเรียน ซึ่งเป็นที่ที่เธออยู่ต่อหน้านักเรียนหลายสิบคน และนั่นดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธอยุ่งมาก จนสามารถลืมเรื่องราวความเจ็บปวดในใจได้ชั่วครั้งชั่วคราว
แต่หลิงหยุนทำให้เธอเกิดความรู้สึกที่ค่อนข้างพิเศษ เธอสัมผัสได้ และตอนนี้เธอก็รู้ว่าหลิงหยุนไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอในฐานะครู
หลิงหยุนกล้าพูดจาหยอกล้อเธอ แซวเธอ แล้วก็ไม่สนใจกฏเกณฑ์ ลามปามไม่มีขอบเขต ซึ่งสิ่งเหล่านี้กงเสี่ยวลู่ควรที่จะรู้สึกไม่ชอบ แต่เธอกลับปล่อยให้หลิงหยุนทำตามใจ
หลิงหยุนเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแรงและแข็งแกร่ง มีเสน่ห์ แววตาที่สงบนิ่ง และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา ทำให้กงเสี่ยวลู่ถึงกับใจสั่น
เธอรู้ว่านี่การกระทำที่ไม่ถูกต้อง! เพราะแทนที่เธอจะปฏิเสธ และห้ามหลิงหยุน แต่เธอกลับยอมรับมัน
กงเสี่ยวลู่รู้ตัวดีว่าเธอกำลังเล่นกับไฟ แต่ความรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการเสพยา เมื่อได้แล้วก็อยากได้อีก อย่างเช่นตอนหลิงหยุนโอบไหล่เธอ ทำให้เธอรู้สึกมั่นคงเธอจึงไม่ปฏิเสธตั้งแต่แรก และตอนนี้เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว
ไม่ว่าหลิงหยุนจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้กงเสี่ยวลู่รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก!
“หลิงหยุน.. เธอ.. เธอช่วย..” จู่ๆกงเสี่ยวลู่ก็นิ่งไป และพูดต่อว่า “ช่วยกอดฉันหน่อยได้ไม๊?”
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ผมก็รอคุณพูดคำนี้อยู่!”
แต่หลิงหยุนกลับไม่ลุกขึ้น เขาใช้ฝ่ามือตบลงบนโซฟาข้างๆตัว พร้อมกับยิ้มและส่งสัญญาณให้กงเสี่ยวลู่นั่งลงข้างๆเขา
หลิงหยุนเพียงแค่รอคอยให้กงเสี่ยวลู่เป็นฝ่ายเริ่มต้นที่จะก้าวออกมาก่อน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้น แต่ถ้าไม่.. หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร?
กงเสี่ยวลู่ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหาหลิงหยุนด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้มทีละก้าว.. ทีละก้าว..
ใช่แล้ว.. จิตใต้สำนึกของกงเสี่ยวลู่ได้เตือนเธอว่า อย่าได้ทำผิด!
แต่อารมณ์ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากไม้ขีดที่ถูกหลิงหยุนจุดติดแล้ว และกำลังเผาไหม้ จนไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ไม่สามารถเอาอยู่
กงเสี่ยวลู่ค่อยๆเดินไปหาหลิงหยุน และสัญชาติญาณก็ได้ร้องบอกให้เธอหยุด และหนีไปจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่ทันแล้วเพราะหลิงหยุนได้เอื้อมมือออกมาดึงตัวเธอไปไว้ในอ้อมแขนของเขาเรียบร้อยแล้ว..
“เอ่อ..”
กงเสี่ยวลู่รู้สึกราวกับว่าสมองของตัวเองระเบิดดังปัง! ศีลธรรมต่างๆในจิตใจ กฎเกณฑ์ระเบียบทางสังคม และสำนึกผิดชอบชั่วดี ได้ถูกเผาไหม้เป็นจุน และความรู้สึกปลอดภัยมั่นคงก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่
ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อกงเสี่ยวลู่ได้สติ เธอกลับพบว่ามือใหญ่ที่พาดลงมาบนไหล่เธอนั้น ตอนนี้ฝ่ามือกำลังวางอยู่บนหน้าอกของเธอพอดี!
“นี่..!” กงเสี่ยวลู่ร้องออกมาอย่างตกใจ
“ขอโทษครับ.. ผมวางผิดที่..”
หลิงหยุนเพียงแค่รอดูปฏิกิริยาของกงเสี่ยวลู่ จากนั้นจึงแขนออกวางลงบนโซฟาแทน
“อะไรกัน.. นี่เธอกล้าทำกับครูแบบนี้นี้เลยเหรอ!” กงเสี่ยวลู่ทั้งอายทั้งตกใจ
หลิงหยุนไม่พูดอะไร แต่กลับนึกสนุกสนานกับความขี้อายของกงเสี่ยวลู่ พร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่าครูประจำชั้นของเขาอายุเกือบจะยี่สิบแปดแล้ว แต่กลับไม่ใจกล้าเหมือนเกาเฉินเฉินกับฉางหลิง และดูเหมือนจะขี้อายมากกว่าหลินเมิ่งหานเมื่อคืนนี้เสียอีก ดูเหมือนความขี้อายได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอไปแล้ว
“นี่เธอ.. เธอกล้าลามปามครูแบบนี้เหรอ? ใหนเธอบอกจะมาทำให้ครูเป็นผู้บริสุทธิ์ไงล่ะ? แล้วแบบนี้.. หากใครรู้เข้า ครูจะมีหน้าไปพบผู้คนได้ยังไง?”
กงเสี่ยวลู่พล่ามออกมาเป็นชุดเพราะความรู้สึกผิดในใจ และทำราวกับว่าการได้พูดออกมาจะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
แต่ดูเหมือนเธอจะลืมไปแล้วว่า เธอเองต่างหากที่เป็นคนขอให้หลิงหยุนช่วยกอดเธอไว้ และหลิงหยุนก็แค่วางมือพลาดผิดตำแหน่งไปเท่านั้นเอง
“เธอ.. ทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?!” กงเสี่ยวลู่พล่ามอยู่นาน แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนไม่ตอบโต้ เธอกลับรู้สึกระวนกระวายใจ
“ผมไม่กล้าเถียง กลัวจะถูกครูตี..” หลิงหยุนตอบพร้อมกับยิ้มจนเห็นฟันขาว และลักยิ้มข้างแก้มซ้ายก็ลึกจนเห็นเด่นชัด กงเสี่ยวลู่ถึงกับต้องเหลียวมอง